ขอหยุดภัยพิบัติเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ตอน “แม่หมอเทวดา”

หมอรักษาพระ หมู่บ้านพฤษา11 คลอง 3 ปทุมธานี

ขออนุญาตครับ

ท่านที่รอคอย ท่านอาจารย์ "หมอรักษาพระ" ท่านได้ลงมาที่

บ้านเลขที่ 30/1159 หมู่บ้านพฤษา11 คลอง3 ปทุมธานี

ท่านที่รอคอย โทรเข้าไปขอคิวการรักษาได้เลยนะครับ

ท่านจะอยู่ที่นี่ ถึงวันที่ 18 มีนาคมนี้เท่านั้น

แผนที่ กูเกิ้ล ตามเว็บลิ้งค์ข้างล่างนะครับ

https://maps.google.co.th/maps?hl=e...F-8&ei=fP4-UcvRJcaNrgeBu4GYCA&ved=0CAgQ_AUoAg

ละติจูด:14° 1'15.78"น
ลองจิจูด:100°39'47.45"ตะวันออก

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา



ขอเชิญร่วมงาน ผ้าป่าสามัคคีพระใหญ่ชัยภูมิประจำปี วันที่ 5-6-7-8 เมษายน 2556

http://palungjit.org/posts/7582576

 

มีรักษาโรคอุปทานป่าวลุง จะได้แนะนำเชิญชวนผู้วิเศษไปรักษาด้วย จะได้หายบ้ากันซะที ทุกวันนี้แต่ละคนไม่อยู่กับปัจจุบันงานการไม่ทำ เอาแต่หลอกคน

 

ชอเบอร์โทรหมอรักษาพระด้วยครับจะได้โทร.จองคิวให้ลูกครับลุงมหา

 

เบอร์โทรส่วนตัว บอกไม่ได้

ขออนุญาตครับ

ตอบให้แล้ว ทาง PM นะครับ

เบอร์โทร ท่าน อาจารย์ บอกทางหน้าเว็บไม่ได้ครับ
เมื่อคุณเจอ ท่านแล้ว ท่านจะบอกเอง

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

อาจารย์หมอ จะอยู่ถึง วันที่ 20 มีนาคม 2556

ขออนุญาติครับ

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 56 ผมไปงานเปิดบุญที่ อนุสรณ์สถานค่ายบางระจัน
และงาน สร้างหลวงพ่อทันใจ พระองค์ที่ 302 ที่วัดหน้าพระธาติ ที่อยู่ใกล้ๆกับ วัดพระนอนจักรสีห์

จึงได้ทราบว่าที่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งเมืองเก่า สิงห์บุรี มาตั้งแต่เดิม

ขากลับ ผมก็กลับไปให้ ท่านอาจารย์หมอนวด จัดเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ เส้น เลือด เส้นลมให้ใหม่

แม้ตอนที่ท่านนวดให้จะเจ็บมากๆ แต่ตื่นเช้าขึ้นมา ก็เบาสบายตัวดีมาก
คาดว่า คราวนี้ผมจะสามารถ กลับไปยกขอนวันละ 1,800 ครั้ง ได้อีก
หลังจากที่ทำไม่ได้มาเกือบ 2 ปีแล้ว

และขอแจ้งข่าวเพิ่มเติม ท่านอาจารย์ท่านบอกว่า
ท่านจะอยู่รับรักษาที่ หมู่บ้านพฤษา11 ไปจนถึง วันที่ 20 มีนาคม 56
วันที่ 21 มีนา ท่านก็จะเดินทางไปทางอีสาน

ส่วนรอบหน้า ท่านก็จะกลับมารับรักษาที่ หมู่บ้านพฤกษา11 อีก
เริ่มตั้งแต่ วันที่ 3 เมษายน 56 เป็นต้นไป

คราวนี้ท่านเล่าให้ฟังว่า มีฝรั่งมารักษากับท่านที่ วัดพระราม ๙
เขาเป็นโรครักษายาก พอรักษาเสร็จ เขาก็ขอให้ท่านอาจารย์รอซักสองสามวัน
เพื่อรอผลตรวจจากโรงพยาบาล เมื่อผลตรวจออกมา ปรากฏว่าโรคที่เป็นหายเป็นปลิดทิ้ง
ฝรังดีใจมาก ถึงกับบอกว่า

"หมอรู้ไหม คนที่รักษาโรคนี้ได้ ในโลกตะวันตก จะมีค่าตัว เป็น 1000 ล้าน"

แล้วเขาก็มอบเงินให้ท่านอาจารย์ 100,000 บาท

ท่านก็ถวายวัดเป็นผ้าป่า 2 วัดๆละ 45,000 บาท

ท่านเก็บเอาไว้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

นี่ก็ได้ข่าว ศิษย์สายหมออีกท่านหนึ่ง ท่านสามารถรักษาโรคเดียวกับคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ได้

และยังสามารถทำสาว 2000 ปีได้ด้วย

ท่านมีจุดเด่นอีกข้อคือ รักษากระดูกแตกกระดูกหักได้ด้วย
ครูบาอาจารย์ที่สอนวิธีรักษากระดูกของท่านละขันธ์แล้ว
ลูกศิษย์คนอื่นรักษาต่อไม่ได้ เหลือท่านคนเดียว

แต่ว่าท่านผู้นี้ ไม่รับรักษาใครง่ายๆ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

ขอที่อยู่แม่หมอเทวดา ด้วยค่ะ

อยากทรายที่อยู่แม่หมอเทวดา เพื่อพาคุณแม่ไปรักษาโรคค่ะ ขอขอบคุณมากนะคะ

 

บ้านแม่หมอเทวดา

ขออนุญาตครับ

ลองดูตามที่เขียนไปแล้วนะครับ

ที่อยู่ พร้อมเบอร์โทร ตามเว็บลิงค์ข้างล่างนะครับ
(หลังจากกด Enter เว็บลิ้งค์แล้ว)
(กดแป้น Ctrl ค้างไว้ และกด + เพื่อเพิ่มขนาดภาพ หรือกด - เพื่อลดขนาดภาพ)

http://palungjit.org/attachments/a.1888406/

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
ลุงมหา

 

ผมขอพูดถึงเรื่องมะเร็งหน่อย (เพราะเห็นญาติจขกท.ตายด้วยมะเร็งแล้วอ้างว่าเพราะพระใหญ่ยังไม่เสร็จเลยตาย)

ฟังพระท่านเล่ามาได้ความว่า

มะเร็งไม่ใช่โรคติดเชื้อ (ยาแม่หมอที่บอกว่าฆ่าเชื้อไรนั่นคือเป็นยารักษามะเร็งด้วยหรือไม่) เดิมทีมนุษย์เราค้นพบแค่ร่างกายคนประกอบด้วย 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่คนพบวิญญาณธาตุ (เทียบได้กับเซลล์ในร่างกาย ขนาดไม่มีกล้องจุลทรรศน์แต่ท่านกลับรู้จัก) มะเร็งนั้นก็เกิดจากวิญญาณธาตุที่ไม่สมดุลย์นั่นเอง (ไม่ใช่โรคติดต่อหรือติดเชื้อ แต่เชื้อโรคบางชนิดเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดได้)

ปกติร่างกายจะมีเซลล์ที่สร้างและเซลล์ที่ทำลาย ยีนในเซลล์ก็มียีนที่ทำให้เซลล์แบ่งตัวและยีนที่ทำให้เซลล์ตาย ถ้าการสร้างและการทำลายไม่สมดุลย์ก็จะเกิดเป็นเนื้องอกแบ่งตัวไม่หยุด หรือถ้าเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิดที่มีหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งเหล่านี้ทำงานผิดปกติก็จะทำให้เซลล์มะเร็งลุกลามขึ้น

วิธีการรักษาตามแนวพุทธก็คือการทำให้วิญญาณธาตุกลับมาสมดุล การรักษาร่างกายให้แข็งแรงให้เซลล์ที่ดีอยู่กลับมาทำงานได้ หรือเซลล์ที่กำจัดเนื้อร้ายกลับมาทำงาน การจะให้วิญญาณธาตุสมดุลก็คือต้องอาศัยกำลังใจหรือพลังจิตที่เข้มแข็ง ดังนั้นจึงต้องมีการภาวนา รักษาศีล บางคนไม่เคยภาวนาก็ต้องไปอยู่กับพระที่ท่านภาวนาที่จะคอยดึงจิตดึงใจเราไม่ให้คิดเป็นอกุศลอันจะนำให้จิตใจตกต่ำ ยิ่งพระที่ท่านรู้จิตรู้ใจคนท่านจะรู้ว่าสภาพจิตใจเราเป็นยังไงแล้วจะช่วยดึงกลับมาได้

สรุปคือ จิตมีผลต่อวิญญาณธาตุ ต้องทำจิตให้มีกำลังที่ดี เข้มแข็งให้ได้ จะโดยภาวนา คิดเป็นกุศล มองโลกด้านบวก ลดละความโกรธความกังวล (ช่วงที่ป่วยก็มักจะคิดว่ากรรมอะไรหนอที่ทำให้เรามาเป็นแบบนี้ โกรธแค้นเจ้ากรรมนายเวรที่เขามาทำร้าย คิดกงัวลเรื่องครอบครัวจะอยู่ยังไง อนาคตจะเป็นยังไง...) การแผ่เมตตาจึงช่วยละความโกรธ การภาวนาจึงช่วยให้อยู่กับปัจจุบันไม่ฟุ้งซ่าน การทำบุญแล้วระลึกถึงบุญจะช่วยให้จิตใจเข้มแข็ง เป็นต้น

เรื่องอาหารการกิน ก็กินตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้กินเจ แต่ไม่ให้ฆ่าสัตว์หรือใช้ให้ผู้อื่นไปฆ่า การจะกินต้องให้พอดีและพิจารณาตามสิ่งที่ถูกกับธาตุขันธ์ของตัวเราเอง อย่าคิดเพียงแค่ว่าต้องกินปลาหรือต้องไม่กินอาหารที่ไปบำรุงเซลล์มะเร็ง ในชีวิตจริงอาหารเข้าร่างกายมันก็ไปเลี้ยงทุกส่วน จะไปเลือกให้มันเลี้ยงเฉพาะจุดคงทำไม่ได้ เคยเห็นคนมัวแต่อดนั่นอดนี่ บางคนโดนบังคับให้กินแต่ชีวจิตทั้งที่คนไข้ปกติก็เบื่ออาหารอยู่แล้วยิ่งเจอแต่พวกถั่วก็กินไม่ลง พลังงานก็ไม่มี บางคนก็ได้ยาเคมีบำบัดก็ยิ่งเบื่ออาหาร และยาก็ไปมีผลกับเซลล์ที่ดีด้วย เซลล์ที่ดีก็พลอยตายไปด้วย ทำให้ร่างกายทรุดโทรมหนักไปอีก แล้วเมื่อร่างกายมันย่ำแย่ จิตใจมันจะไปดีได้ยังไง จิตใจจะมีกำลังก็ต้องอาศัยสภาวะร่างกายที่ดีระดับหนึ่งด้วย การดูแลร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่คิดแต่จะฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตายอย่างเดียวโดยไม่สนว่าร่างกายหรือเซลล์ที่ปกติจะเป็นยังไง

อย่างพระที่ท่านหายจากมะเร็งก็ด้วยพลังใจ การฝึกภาวนามาสม่ำเสมอ ยิ่งพระอรหันต์กำลังใจท่านดีอยู่แล้ว เรื่องการละสังขารท่านจึงกำหนดได้ว่าจะอยู่หรือจะไปเมื่อไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยภาวนาและจิตใจย่ำแย่ ไม่เคยได้ทำบุญ ไม่เข้าใจว่าความสุขจากการทำบุญคืออะไรก็ยากหน่อย ผมว่าก็พึ่งการรักษาทางโลกไปนั่นแหละแต่ก็อย่าลืมหันมาดูแลจิตใจตัวเอง ถ้ารู้ว่าไม่ไหวก็แสวงหาครูบาอาจารย์ที่ท่านจะช่วยเรื่องจิตใจเราได้ ช่วยให้เราภาวนาได้อย่างถูกต้อง ช่วยให้เรารู้จักละโลภโกรธหลงได้อย่างแท้จริง (ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นกับบุญวาสนาของแต่ละคนด้วยว่าจะได้เจอหรือไม่)

 

แพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก หมอโบราณรุ่นใหม่

ขออนุญาตครับ

ขับรถผ่านมหาวิทยาลัยต่างๆ มักจะพบเจอ ป้ายเชิญชวนให้เข้าไปเรียน ไปอบรมเรื่อง

"แพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก"

อยู่เสมอ พอได้รับฟังเรื่องราวเบื้องลึก จากครูบาอาจารย์ผู้บริหารหลักสูตรแล้ว
ผมถึงได้เข้าอกเข้าใจว่า

"มีผู้รู้ มีผู้เข้าใจ อย่างแท้จริง"

เพราะว่ามูลเหตุที่ท่านสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่า

ท่านมีวัตถุประสงค์จะลดการใช้ การรับการรักษาแบบ "แพทย์แผนใหม่" ลง
เพราะการรักษาแบบแพทย์แผนใหม่ ดูๆแล้ว เป็นการเดินตามโลกตะวันตกมากเกินไป
ทำให้เงินใหลออก ในรูปแบบการรักษาต่างๆมากมาย

ยิ่งท่านผู้บริหารหลักสูตรบางท่าน ท่านถึงกับเสียสละขนาด

ออกเดินทางไกล ตามหา ตามดู ผู้มีความสามารถในการรักษาแบบต่างๆ
ออกเดินทางไกล ตามหา ตามดู ทายาท หมอโบราณ ท่านต่างๆ
ทั้งหว่านล้อม ทั้งชักชวน เข้าร่วมเรียน เข้ามาร่วมอบรม หลักสูตร ที่ว่า

นอกจากท่านจะเสียสละกันขนาดนี้ จากการรับรู้ จากการรับฟังมา
ผมก็สรุปของผมได้ว่า

ท่านอยากปลุกปั้น หมอแผนโบราณรุ่นใหม่ออกมา หมอที่มีประสิทธิภาพการรักษาสูงๆ แต่ค่ารักษาต่ำมากๆ

ที่ผมว่าแปลกคือว่า ท่านสอดส่องมองหา อดีตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของท่านเอง
ที่มีบรรพบุรุษ เป็นหมอแผนโบราณ แล้วหว่านล้อม ชักชวน ให้เข้ามาร่วมโครงการ

ที่ก้าวล้ำเกินกว่าใครจะคาดคิดคือว่า มีผู้เข้าหลักสูตรนี้บางท่าน
ออกเดินสายหาครูบาอาจารย์ด้านต่างๆ ขอเรียน ขอศึกษา วิชาการโบราณ ในรูปแบบต่างๆ
ท่านไหนรับก็เรียน ท่านไหนไม่รับ ก็รอ ก็ตื้อไปเรื่อยๆ
ยังไม่พอท่านยังหาเวลา ออกเดินทางไกลศึกษา แอบดู แอบรู้ แอบเรียน
วิชาการโบราณ ทุกรูปแบบ
แม้แต่สำนักเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่เว้น

นอกจากนี้ บางท่านยังเป็นศิษย์พระเด่น ครูบาอาจารย์ดังอีกมากมายหลายท่าน
ไม่เว้นแม้แต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านรักษาด้วยการ "สวด เสก เป่า"

แม้ทุกวันนี้ มีบางท่าน ศึกษาเรียนรู้ วิชาการโบราณมากมายหลายสาขา
แถมบางท่าน แก่กล้าถึงขนาด แอบ รักษา โรคแปลกๆ โรคที่รักษายากๆ
แม้แต่ผู้ที่ท่านแอบรักษา ก็ไม่รู้ ก็ไม่ทราบว่า ตนเองหายจากโรคมาได้อย่างไร

โรคบางโรคเช่น มะเร็งระยะสุดท้าย ท่านสะสม ความรู้มากมาย
จนรู้ซึ้งถึงขนาดว่า ผู้ที่เป็นหมอใหญ่ในโรงพยาบาล
หายจากโรคมะเร็งระยะสุดท้ายมาได้อย่างไร

ท่านไปรับการรักษา มาจากครูบาอาจารย์ท่านใด
ท่านไปรับการรักษา มาเมื่อไร
ท่านไปรับการรักษา นั้นท่านใช้ยาสมุนไพรอะไร
และมีบางท่าน ได้เป็นศิษย์ ครูบาอาจารย์ท่านนั้นเรียบร้อยแล้ว

มีผู้เข้าหลักสูตรบางท่าน เรียนรู้ศาสตร์โบราณหลายแขนง
บวกกับบุญวาสนาบารมีของท่านเอง
เก่งกาจถึงขนาด รักษาโรคต่างๆได้ โดยไม่ต้องใช้ยาอะไรเลย
ขอเพียงได้มีโอกาสเข้าไปใกล้คนป่วยเท่านั้นเอง

แต่ที่ผมเห็นปรึกษาหารือกันนั้น ที่เป็นปัญหาใหญ่กลับเป็นว่า

"จะบอก จะเล่า จะอธิบาย แพทย์สมาคม ว่าอย่างไร"

อ้อที่แท้ ปัญหาใหญ่กลับอยู่ที่ แพทย์สมาคม นี่เอง

หรือว่า ต้องไปสืบว่า มีญาติผู้ใหญ่ มีคนในครอบครัว ของกรรมการ แพทย์สมาคม ท่านใด

เคยเข้ารับการรักษาหายจากศาสตร์โบราณ มาแล้วบ้าง

แต่ท่านผู้เข้าหลักสูตรที่ว่า ยังไม่มีท่านผู้ใดเข้าถึงหลักสูตร

การปลุกชีพคนตายให้ฟื้น
การต่ออายุไปเรื่อยๆครั้งละ ๕๐ ปี

มีแต่ผมที่เข้าถึง ที่เคยพบที่เคยเจอ ครูบาอาจารย์ที่ท่านสามารถ ทำระดับนี้ได้ อย่างน้อยสองท่าน

และหนึ่งในสองท่านนั้น ท่านเคยอยู่ในราชสำนักเสียด้วย

ที่เราต้องทำคือ เฝ้ารอว่า เมื่อท่านเหล่านั้นจบหลักสูตร ออกมา
ท่านจะทำอะไรต่อไป ท่านจะรับใช้ชาติบ้านเมืองในรูปแบบไหน
ท่านจะรักษา ปฏิภาณ ของครูบาอาจารย์ หมอโบราณ ได้อย่างไร

แต่ถ้ามาถามผม ผมก็จะตอบให้ว่า

"แค่รับรักษา นักกีฬาระดับโลก ให้เขาได้มีโอกาส เล่นกีฬาได้นานขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปไว้ตรงไหน"

สำหรับญาติพี่น้องชาวไทย ก็เปิดมูลนิธิ รักษาฟรีไปเลย ก็แล้วกัน

เห็นไหมละครับ สิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศไทย มากขึ้นเรื่อยๆ

อดที่จะอิิจจาประเทศจีนไม่ได้ เพราะเขามี หมอโบราณมากมาย
ท่านเหล่านั้น รับใช้ชาติ ด้วยการเป็นทหารในกองทัพ ที่มียศระดับสูง
แถมยังมี ดีกรีระดับปริญญาเอก (ส่วนมากเป็นศาสตราจารย์) อีกต่างหาก
เพราะท่านเหล่านั้น สู้สืบทอด กันมา ตั้งแต่ยุคประธานเหม๋า

ผมเคยทำงานร่วมกับศาสตราจารย์ทางวิศวกรรมไฟฟ้าชาวจีน
แกออกแบบชุดควบคุมระบบเพ็คเกจกิ้ง ให้โรงงานที่ผมเป็นวิศวกร อยู่
แกก็เขียนแบบให้เป็นแบบของมาตรฐานจีน
พอผมถอดแบบออกมาเป็นมาตรฐานเยอรมัน
ผมก็งงเต็กว่า มันทำงานได้อย่างไร
ผมก็เลย ลองสร้างแบบจำลอง ด้วยอุปกรณ์ที่หาได้ในบ้านเรา
ปรากฏว่า มันทำงานไม่ได้
เพราะการทำงานของเขาๆใช้อุปกรณ์รีเลย์ของจีนซึ่งทำงานช้า
เขาก็เลยเอาคุณสมบัติข้อนี้มาเป็น ตัวตั้งเวลาไปในตัว
แต่พอมาใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ที่ทำงานได้เร็วกว่า
ก็เลยต้องเพิ่ม ตัวตั้งเวลาเข้าไป คู่กับรีเลย์ทุกๆตัวตามไปด้วย

ท้ายนี้ก็ขอแสดงความเสียใจ ต่อท่านนักลงทุนรายย่อย(แมงเม่า)
ที่ถูกนักลงทุนต่างชาติ หอบเงินมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พร้อมกับหอบเม็ดเงินกลับไป แสนกว่าล้าน

ก็ต้องรอดูว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะทำอะไรได้บ้าง
หรือจะให้ประเทศไทยไทย เป็นขุมทรัพย์ของพวกต่างชาติ ต่อไปอีกนานเท่าไร

ขอโมทนา ขออนุโมทนาร่วมกับผู้มีบุญวาสนาบารมีทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

หมอรักษาพระ มาแล้ว

ขออนุญาตครับ

ท่าน อาจารย์ หมอรักษาพระมาแล้วนะครับ

แต่วันนี้วันพระ ท่านงดรักษา ต้องเริ่มวันที่ 4 เมษายนนะครับ
ส่วนท่านจะอยู่ถึงวันไหนก็โทรถามเอาเอง
รู้แต่ว่า วันที่ 22 เมษายน ท่านจะข้ามไปฝั่ง สปป. ลาว

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
ลุงมหา

ขอแนบถาพ หลังคาบ้านที่ใกล้เคียงที่สุดมาให้ครับ
14° 1'13.41"น
100°39'16.35"ตะวันออก

 

คุณพ่อหมอรักษาพระ ตอนนี้อยู่จันทบุรีครับ คุณพ่อไปรักษาพระ
จะกลับมา กทม เช้าวันอาทิตย์ที่ 7 วัน ที่ 8 จะอยู่รักษา ที่ กทม ครับ

ผมจะเดินทางไปขอรับรักษา วันที่ 7 ช่วงบ่าย หรือเย็นๆ

ขอบพระคุณ คุณลุงมหามากครับ

 

วันที่ 9 ท่านอยู่ไหมครับ

 

ขออณุญาติsave ไว้น๊ะครับคุณ ตาดำดำผมว่าน่าสนใจมากการรักษามะเร็งด้วยแนวคิดทางพุทธด้วยการทำให้วิณญาณธาตุกลับมาสมดุลย์(ก็คือการหันมาปฏิบัติธรรมด้วยการลดละเลิกวางเพื่อให้จิตสงบเย็นตั้งมั่นไม่รู้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า, ยังไงก็ขอขอบคุณกับpostดีๆๆ)

 

ตารางรักษา ของ หมอรักษาพระ

ขออนุญาตครับ

ท่าน อาจารย์หมอ จะอยู่ที่คลองสาม ไปจนถึง
วันที่ 15 เมษายน 2556 (ออกเดินทางช่วงบ่ายๆ)

ส่วนรอบหน้าท่านจะมารักษาที่นี่อีก ประมาณต้นเดือน พฤษภาคม 2556
ท่านบอกมาว่า ช่วงนั้นจะอยู่นานหน่อย

ลองโทรถามท่านโดยตรงได้เลยนะครับ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

ผมก็ไม่มีความรู้หรอกครับ แค่จำมาเล่าต่ออาจผิดถูกจากการตีความของผมเองด้วย

เอาเป็นว่ามะเร็งไม่ได้หายด้วยยา อย่างมากยาก็ปรับแค่เรื่องสมดุลย์ดิน น้ำ ลม ไฟ (อาจช่วยให้ทุเลาหรือยืดอายุไปได้) แต่ต้นเหตุนั้นมาจากวิญญาณธาตุซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ปุถุชนจะเข้าใจ จะพิสูจน์ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ปัจจุบันก็ไม่ได้ ยิ่งเรื่องบุญกรรมด้วยแล้วยิ่งยากจะรู้จริง (เรื่องบุญกรรมมีแต่พระพุทธเจ้าที่รู้ดีสุด อย่างพระอรหันต์ก็ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ เช่น พระอรหันต์องค์หนึ่งบิณฑบาตไม่เคยได้อาหารเลย ต้องอาศัยอาหารจากพระองค์อื่น จึงไปถามพระพุทธเจ้า ท่านก็เล่าให้ฟังว่าในอดีตเคยอิจฉาพระอรหันต์ วางอุบายไม่ให้คนใส่บาตรพระอรหันต์...)

ดังนั้น ถ้าใครที่อ้างเรื่องยาวิเศษรักษามะเร็ง เรื่องทำบุญแก้กรรม แสกนกรรม ... ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะรู้จริงแค่ไหน(ปัจจุบันมีผู้รู้อยู่ แต่น้อย) ยิ่งเรื่องที่เหนือความเข้าใจของคนธรรมดา เค้าพูดอะไรมาเราก็ไม่มีทางรู้ว่ามันผิดหรือถูก แต่อย่างน้อยความรู้พื้นฐานที่คนทั่วไปพอจะรู้ได้หรือพิสูจน์ได้ก็ไม่น่าจะผิดพลาดคลาดเคลื่อน ถ้าผู้ที่กล่าวอ้างเหล่านั้นเป็นผู้ที่รู้จริง

ยกตัวอย่างพระเกษม ท่านบอกรู้ธรรม พูดเรื่องผี เทวดา เรื่องบุญกรรม อันนั้นคนทั่วไปก็ย่อมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ดูจากเรื่องการทำลายพระพุทธรูปก็น่าจะบอกได้ว่าแค่ธรรมมะขั้นพื้นฐานยังไม่มีแล้วจะไปมีธรรมมะขั้นสูงได้ยังไง เป็นต้น

กรณีกระทู้นี้ก็เช่นกัน คงต้องพิจารณากันเองว่าความรู้พื้นฐานนั้นถูกต้องแค่ไหน แล้วจะเชื่อถือได้จริงหรือไม่

 

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ผม search ตามชื่อคุณหมอ เลยขอยกคำพูดคุณหมอมาให้ดู

คุณหมอสมหมาย กล่าวถึงการรักษาโรคมะเร็งว่า... การรักษาของตนนั้น ไม่ใช่ว่าจะรักษาหายขาด เพียงแค่อาจจะช่วยชะลอเพื่อให้อยู่ได้นานกว่าเดิม เพราะจะรักษาให้หายขาดนั้นมันพูดยาก ส่วนเคสที่เข้ามารักษาบางคนก็หน้าเป็นแผลพุพอง ปากเบิน มาแล้ว แต่พอได้รับการรักษาก็ดีขึ้น แผลที่เป็นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และยุบลง...


สรุป ท่านไม่ได้รักษาให้หายขาด(curative treatment) แต่ช่วยบรรเทาอาการครับ เรียกว่าการรักษาแบบประคับประคอง หรือรักษาตามอาการ(supportive treatment) แต่จากคำพูดท่านก็เห็นว่าท่านไม่ได้กล่าวอ้างตัวเกินจริงแบบบางคนที่อวดอ้างตนเอง

ดังนั้น วิทยาศาสตร์ปัจจุบันแค่ศึกษาเรื่องธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งแค่นี้ก็ช่วยชะลออาการ หรือบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ แต่ไม่ได้รักษาที่สาเหตุจนทำให้หายขาดได้นะครับ

ปล. ผมยกตัวอย่างหลวงตามหาบัวนะ ตอนปี 40 ท่านมีก้อนมะเร็งลำไส้ประมาณกำปั้น ถ่ายเหลว 7 วัน 7 คืน และให้คนเตรียมเมรุไว่เพราะจะละสังขาร แต่สุดท้านท่านตัดสินใจออกมาช่วยชาติก้อนะเร็งนั้นหายไปแล้วท่านก็อยู่มาได้อีกเป็น 10 กว่าปีเมื่อท่านเห็นว่าถึงเวลาสมควรและมีผู้รับช่วงต่อท่านก็ละสังขาร นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่รู้จริงมีอยู่ แต่คนรู้ไม่จริงเยอะกว่า

ปล.2 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับบุญกรรมนั่นแหละ บางคนเป็นโรคที่รักษาหายแต่ไม่มีโอกาสไปรักษา หรือได้พบกับหมอที่เก่งที่สุดแต่รักษาผิดก็แล้วตายก็มี ดังนั้น เตรียมตัวก่อนจะตายดีสุด พระท่านว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือความไม่แน่นอน

 

สวัสดีครับ ผมขอมาเล่าให้ฟังซักเล็กน้อย เกี่ยวกับการไปหา คุณพ่อสมพงษ์

เล่าเบื้องหลัง ....

ผมมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเจ็บ บริเวณข้อมือซ้าย กับข้อศอกขวา สืบเนื่องมาจากว่า ผมมา เล่นกีฬาเพาะกาย เมื่ออายุมากแล้ว โหมเล่นหนัก กล้ามเนื้อสามารถทำน้ำหนักไต่ระดับขึ้นไปได้

แต่...เส้นเอ็นกระดูกและอื่นๆ อื่นๆ คาดว่าเจริญเติบโตมีความแข็งแรงไม่ทันกัน เลยเกิดอาการบาดเจ็บ.. และเรื้อรัง

ผมได้มีโอกาศรู้จัก ท่านที่มีความสามารถ ทำการรักษา เกี่ยวกับอาการทางเส้น ไหล่ติด อัมพฤกษ์ หรืออะไรที่เกี่ยวกับพวกนี้ และผมก็ได้พาคนไปหา และรักษา ก็ได้รัปผลดีเกือบทุกคน หลายคนหาย หลายคนดีขึ้น ประสพการณ์เหลือคนานับ ไม่ได้ฟังเขาเล่ามา ผมนั่งดูด้วยตาตัวเอง เมื่อก่อนไปบ่อยมาก หวังจะขอเรียนวิชา เอามาช่วยคน

แต่..พิจารณาดูแล้ว ไม่มีวาสนาที่จะเรียนครับ

เรื่องตลกตรงที่ว่า มาถึง คิวที่ผมเจ็บป่วย ท่านกลับรักษาไม่ได้ ก็นึกถึงคำโบราณท่านว่า ลางเนื้อชอบลางยา ก็ได้แต่ หาครูบาอาจารย์ท่านอื่น สงเคราะห์

ได้อ่านพบ ข้อความของ คุณลุงมหา กล่าวถึง คุณหมอรักษาพระ ผมก็เลยเดินทางไปทำการรักษา ผลสรุปว่า อาการของผม ดีขึ้น แม่จะยังไม่หาย แต่ก็คิดว่า จะลองไปเล่นเพาะกายอีก หลังจากหยุดมาเกือบจะ 2 เดือน จนเริ่มอ้วนขึ้นมาบ้างแล้ว

ผมอายุ 47 หลังจากเล่นเพาะกายมา 1 ปี+ การเลือกกินอาหาร หุ่นจากขาหมูพะโล้ ตอนนี้ก็เกือบๆนายแบบเกาหลี (แต่หน้าแก่มากไปหน่อย)

ประวัติ การเรียนวิชา ของคุณหมอรักษาพระ ผมไม่สามารถเล่าได้ ด้วย เหตุผล 2 ข้อ
1. ไม่ได้ขอคุณพ่อไว้
2. ต้องมีคนมาหาว่าโม้ (เพราะพิศดารพันลึก)

ขอเล่าถึงผู้ใจบุญที่ทำให้ หลายๆท่านได้มีโอกาศรักษาตัว

ท่่านเป็นผู้บริหาร ของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
ญาติของท่านเป็นอัมพฤกษ์ ได้รักษากับคุณพ่อแล้วดีขึ้น
ส่วนตัวท่านเอง ก็มีโรคเบาหวาน น้ำตาลก็ลดลงไปมาก ท่านก็เลย ให้บ้านหลังที่คลอง 3 ไว้เป็นที่พักของคุณพ่อหมอ ไว้เวลาขึ้นมา กทม พร้อมทั้งติดแอร์ จ่ายค่าน้ำไฟ ใครไปรักษาตอนนี้ก็ นอนสบายแอร์เย็นฉ่ำ

วันที่ผมไป ท่านเห็น TV จอภาพเสื่อม สีแดงเป็นเหลือง เหลืองเป็นแดง ท่านมองๆแล้วก็พูดว่า เดี๋ยวจัดมาให้ ขออณุโมทนาบุญด้วยครับ...

หมอทั้งสองท่าน แม่จะไม่รู้จักกัน แต่ท่านมี อยู่ 1 อย่างที่เหมือนกันคือ รักษาผู้คนโดยเมตตา หวังให้เขาหายจากโรคภัย

อ้อ..ทั้ง สองท่าน ไม่เรียกร้อง เงินครับ

 

การช่วยให้ผู้อื่น หายจากทุกข์ โศก โรค ภัย ก็คือ "การให้ธรรม" นั่นเอง

ขออนุญาตครับ

เมื่อวานมีญาติธรรมจาก จ.สุราษธานี โทรมาบอกเล่าเรื่อง การมารักษาตัว
กับหมอรักษาพระ ที่คลอง๓

ท่านบอกว่า หมอใหญ่ท่านไม่ได้รักษาให้ ได้แต่ให้ผูู้้ช่วยของท่านรักษาแทน
พร้อมกับได้ยาไปทาน ๒ ชนิด
ท่านเล่าว่า อาการดีขึ้นมาก บางอย่างก็หายทันตาอีกต่างหาก

ท่านผู้นี้ทั้งเคยติดต่อทาง พีเอ็ม และเคยโทรคุยกับผมหลายรอบ

ผมก็เลยจะเตือนท่านทั้งหลายอีกรอบว่า

การรักษาของ"หมอรักษาพระ"นั้น ท่านมีกฏเกณฑ์ ที่เข้มงวดของท่านอยู่ว่า

๑.การรักษาของท่าน ต้องรักษา อย่างน้อย ๒ ครั้ง
๒.ครั้งที่ ๑ กับครั้งที่ ๒ นั้นจะห่างกันได้ ๖-๘ วัน (ส่วนมากจะเป็น ๗ วัน)
๓.การรักษาครั้งที่ ๓ จะเว้นห่างจากครั้งที่ ๒ นานเท่าไรก็ได้ ตามความสะดวก

เหตุผลก็เพราะว่า การย้ายเส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นลม เส้นประสาท ในร่างกายมนุษย์โดยไม่ต้องผ่าตัดนั้น
ต้องทำโดยการถ่ายธาตุไฟ จากหมอผู้รักษาเข้าไปยังตัวผู้ป่วย เพื่ออุ่นผังผืดที่ยึดจับ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นลม เส้นประสาท ก่อน
แล้วจึงใช้การนวด เพื่อย้ายเส้นเหล้านั้นไปสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง ตามธรรมชาติมาตรฐานของมนุษย์ ต่อไป

ในท่านที่ป่วยมานาน ในท่านที่ป่วยมาก การย้ายในคราวเดียว ทำไม่ได้
เพราะร่างกายมนุษย์ไม่สามารถรับธาตุไฟเข้าไปในตัวให้พอเพียงในคราวเดียวได้
เพราะการปรับสมดุลธาตุนั้น ต่องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

และการที่เส้นต่างๆย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิดจากเดิมมากๆ
ก็ไม่สามารถย้ายกลับเข้าสู่ตำแหน่งในคราวเดียวได้
เพราะผู้ป่วยจะเจ็บมากเกินไป จึงต้องมีการแบ่งการรักษา ออกเป็นหลายๆครั้ง

ในกรณีที่ต้องการรักษาให้หายในคราวเดียว ต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆเท่านั้น
เช่น กรณีชาวต่างชาติ ที่ได้กำหนดวันเดินทางกลับและซื้อตั๋วเครื่องบินเอาไว้แล้ว

และต้องผู้มีบุญบารมี เรียนเชิญท่านหมอให้ถูกต้องด้วย
ท่านจึงจะรักษาให้
นอกจากนี้ คนป่วยเองต้องมีธาตุทรหด ทนรับการรักษา ทนกับความเจ็บปวดได้ด้วย จึงจะทำได้

เห็นหลายๆท่านกังวลเรื่อง การรักษาผู้สูงอายุ
ตามที่ผมเห็นมา ผู้สูงอายุกลับรักษาได้ง่ายกว่า
เพราะแรงยึดของผังผืดมีน้อยกว่าคนหนุ่มสาว

ท่านอาจารย์หมอ เมื่อท่านสามารถถ่ายเทธาตุไฟไปยังตัวผู้ป่วยได้
ท่านย่อมสำเร็จวิชากสินไฟ อย่างไม่ต้องสงสัย

ท่านอาจารย์หมอท่านรักษาผู้หญิงได้
ท่านย่อต้องสำเร็จ การพิจารนา อสุภะกรรมฐาน อย่างไม่ต้องสงสัย

ท่านอาจารย์หมอ ท่านเสียสละรักษาคนโดยไม่เรียกร้องเงินทองค่ารักษา
ท่านย่อมมีจิตเมตตาในระดับที่สูงส่งมากๆ

ท่านอาจารย์หมอ ท่านผ่านการรักษา พระเถระผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก
บุญบารมีท่านย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

ใครผู้ไดที่พูดถึงท่านในทางเสียๆหายๆ
ก็ไม่ต่างอะไรกับการประจานตัวเอง
ใครอยากทำก็เป็นเรื่องของท่านนั้นๆเอง

และขอเตือนท่านที่จะนำญาติพี่น้อง ที่เป็นอัมพฤก อัมพาต มารักษา
ให้โทรนัดล่วงหน้าก่อนเสมอ เพราะท่านอาจารย์จะเปลืองแรงและอ่อนเพลียมาก
และไม่ควรพามาในวันทีมีผู้ป่วยมารักษาจำนวนมากๆ

ท่านที่ถามเข้ามาทั้งทางหน้าจอ และ ทาง พีเอ็ม
เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง กรุณาแจ้ง ที่อยู่ จังหวัดที่ท่านอยู่มาด้วย
เพื่อว่า ท่านอาจารย์หมอท่านมีคิวจะไปรักษา ที่จังหวัดนั้นๆอยู่แล้ว
จะได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น

ท่านที่จิตใจไม่ดีงาม ท่านที่ทำบุญกับเขาไม่เป็น
ไม่ควรมารักษาให้เปลืองแรง ท่านอาจารย์หมอ
เพราะหมอรักษาให้แล้ว ท่านไม่รู้จักทำบุญ อุทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
เขาไปไหนไม่ได้ ไม่มีแรงบุญหนุนส่ง เดี๋ยวเขาก็กลับมาหาท่านอีก ท่านก็กลับไปป่วยอีก
เปลืองแรงคนอื่นเปล่าๆ

ยิ่งแม่หมอเทวดาด้วยแล้ว
ท่านที่ไม่เชื่อถือ
ท่านที่ไปดูถูกว่าท่านเป็นหมอบ้านนอก
ท่านที่อิดออด กว่าจะพามาได้
ไม่ต้องพาไปนะครับ เพราะพาไปก็รักษาไม่หาย

ท่านที่รักษาให้หายได้ง่าย กลับเป็นกลุ่มที่ครูบาอาจารย์พามารักษา
เพราะมีความเคารพครูบาอาจารย์เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว
และครูบาอาจารย์ท่านแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอีกแรงหนึ่งด้วย

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่าน ที่จะช่วยตนเองและผู้อื่น
หายจากทุกข์ โศก โรค ภัย ทุกๆท่าน

ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า การช่วยให้ผู้อื่น หายจากทุกข์ โศก โรค ภัย
ก็จัดเป็นการ "ให้ธรรม" นั่นเอง

ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

บ้านพักหมอรักษาพระ ใน จ.กาฬสินธุ์

ขออนุญาตครับ

สำหรับญาติธรรมที่ อยู่ในภาคอีสาน หรือ ท่านที่ต้องการไปรักษาโดยด่วน
ท่าน อาจารย์ หมอรักษาพระ ท่านมีบ้านพักอยู่ใกล้ตัวเมือง จ.กาฬสินธุ์
ตามรูปที่แนบมานะครับ

ปากซอย เป็นพิกัด

16°27'3.64"น
103°29'43.70"ตะวันออก

ปากซอยมีป้ายบอกว่า "วัดป่ามัชฌิมาวาส"

เข้าซอยไปประมาณ ๑ กิโลก็น่าจะใกล้เคียง อยู่ฝั่งขวามือ
หารูปได้จะลงให้ดูนะครับ

ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
ลุงมหา

 

ทราบจาก คุณลุงมหา๑ ว่าหมอรักษาพระ ท่านมีบ้านพักที่กาฬสินธุ์

จะทราบได้จากที่ไหนบ้างคะ ว่าท่านมาพำนักอยู่ช่วงวันไหน

หากไม่เจ็บป่วย จะสามารถไปขอพบเจอและชื่นชมบารมี

จะได้รึปล่าว คะ ?