ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,606
    ค่าพลัง:
    +30,886
    หวัดดียามบ่ายครับพี่modpongและสมาชิกทุกท่าน
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ตอนนี้..นักเรียนเพิ่มมาอีก เป็น ๕๒
    ...เนื้อเรื่องตอนนี้..และหลังไป..อาจจะต้องปวดกบาล..ทำความเข้าใจยากหน่อย..แต่หวังว่า..ถ้าตั้งใจ..คงจะเข้าใจได้.....
    ........................................................


    ............................................................
    .............สัดส่วน......................
    ....สัดส่วนในที่นี้..หมายถึง..ปริมาณ..มวลสารที่ไม่ละลายหรือ..ปนเป็น..ส่วนเดียวกับเนื้อ..
    ...อย่างที่..ผมเล่าไป..ตอนที่แล้วถึง..มวลที่มี..การดูดซับ..และ..คายน้ำออกได้เร็ว..อย่างนึง
    ..เมื่อด้านข้าง..ถูกตัดใหม่ๆ..ถ้า..มีพวกนี้อยู่..ค่อนข้างเยอะ(..จริงๆ..มันก็ไม่เยอะ..หรอก..
    แต่..ผม..จะ..เปรียบเทียบ..กับ..พระที่องค์..ที่มีมวลสารแบบนี้..น้อยกว่า..)..ก็จะทำให้ผิว..
    ด้านข้างนั้นๆ..คายน้ำได้เร็ว..หรือ..จะแห้งเร็ว..กว่า..องค์ที่มีน้อยกว่า..เช่นกัน..พวก..เม็ดปูน
    ที่หลุด..ไป..สร้างโพรง..ถ้ามัน..ทำให้เกิดโพรงขึ้น..หลายตำแหน่ง(ไม่จำกัด..แค่..เม็ดปูน..แต่
    เป็น..มวลสาร..อะไรก็ได้..ที่หลุดไป..ทำให้เกิดโพรงด้วย..)..ผิวที่ไม่เรียบ..พื้นที่สัมผัส..อากาศ
    ..ลม..มีมาก..มันก็จะทำให้แห้ง..เร็ว..กว่า..องค์ที่..มวลสาร..หยาบมีน้อยกว่า.....นั่นคือที่มา..
    .........เป็นองค์ประกอบ..หนึ่ง..ที่ทำให้..ด้านข้าง..ของแต่ละองค์..จึงแตกต่างกัน..คือ..นอกจาก
    จะ..พรุน..แตกต่างกัน..ยัง..มีส่วนทำให้เกิดการ..ปริ..(ที่เกิดจาก..การแห้ง..อย่างเร็ว)ต่างกันด้วย
    ......มัน..ก็เลย..ต่อเนื่อง..มาเข้าที่..
    ...ความแห้งมาก..แห้งน้อย...
    .......ส่วนนี้..ก็..เป็นไปได้..ตั้งแต่ต้น..จากการผสม..ซึ่ง..นักเรียนต้องทราบว่า...
    พระต้นแบบนี้..ทำเป็น..จำนวนมากมาย..มหาศาล..เกือบ..เก้าหมื่นองค์.....
    ใช้..คนล้วนๆ..และ..ไม่มีเครื่องจักรกล..อะไรมาช่วย..การผสม..ย่อมต้องทำ
    กัน..หลายครั้ง..หลายรอบ..เรื่อง..การตวงวัด..ก็คงไม่น่าจะ..เป๊ะ..อะไรมาก
    เพราะ..ไม่จำเป็น..หรือ..แม้กระทั่ง..การกวน..การผสม..กี่ครั้ง..กี่รอบ..ก็คง
    ใช้..การกะๆ..เอา..จากสายตา..ของผู้ชำนาญ..ทำไป..แรกๆ..ก็อาจจะได้...
    ใกล้เคียงกัน..ทำไปหลายๆครั้ง..ก็ชักเกิดที่..เราเรียกกันภาษาฝรั่งว่า...
    HUMAN ERROR..เป็นความผิดพลาดที่..เป็นธรรมชาติมนุษย์.....แถม...
    ภาชนะ..ที่ยิ่งโต..ความเข้มข้น..หรือ..ส่วนผสมที่กระจายอยู่..ก็ยิ่งไม่เท่ากัน
    เป็น..หลักการปกติ...ตักเอาไปเทพิมพ์..แรกๆ..ก็เหลวหน่อย..ใช้เวลานาน..
    น้ำก็ระเหยไป..เรื่อยๆ..ไอ้ที่เหลือก้น..ก็จะแห้ง..และ..หนืด..กว่า..แรกๆเยอะ
    ...ฯลฯ...เหล่านี้..จึงมีส่วน..ทำให้...เนื้อพระ..ที่หยอดลงใน..แม่พิมพ์..จึงมี..
    ความแห้ง..หรือจะเรียกว่า..ความข้น..แตกต่างกัน..นั่นเอง...
    .........พอมาถึงขั้นตอน..ตรวจสอบ..ว่า..พระมีความแข็ง..พอที่จะ..ปาดหลัง..
    และ..ตัดข้าง..หรือ..ยัง..นอกจากจะใช้..การกะเวลา..ที่ใกล้เคียงกัน..ก็อาจจะ
    ใช้...นิ้วลองกดดู...ก็เช่นกัน..การตรวจสอบ..มาจากความชำนาญของมนุษย์
    แล้ว..คิดดูว่า..พระจำนวนขนาดนี้..จะใช้เวลามาก..ขนาดไหน..แล้วใช้คนๆเดียว
    ใน..การตรวจสอบ..ยิ่งเป็นไปไม่ได้..คนแต่ละคน..ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน..
    เหมือน..พ่อครัว..มาชิมอาหาร..เอามาสิบคน..คนนี้บอกเติมเกลือหน่อย..คนนี้
    บอก..ต้องเติมน้ำตาลหน่อย...อะไรทำนองนี้ละครับ....................
    ...........................ต่อตอนหน้าครับ......................
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............
    .....ที่มา..ที่ไป...แล้วทำ(เอง)ยังไงละ
    ................................................
    ...............................................
    .........................................................
    ...ก่อนอื่น..เรามาทราบประวัติความเป็นมา..การเดินทาง..ความเปลี่ยนแปลง
    ...ของมันหน่อย..เพราะเด็กรุ่นใหม่..รวมถึงรุ่นกลาง..หลายคนมาก..ยังไม่ทราบ
    .........ตามที่ผมคาดเอา..น่าจะเกิด..มาจาก..พวกที่ประกอบอาชีพ..ทำป้าย...
    เพราะ..ตั้งแต่เริ่ม..มีผลิตภัณฑ์อคริลิก..ที่รู้จักกันในไทย..ร่วม ๕๐ ปีมาแล้ว..
    ...มันเหนือกว่า..พลาสติก..ในทุกทาง..เพราะ..นอกจากจะมีความเหนียว..
    ไม่เปราะแบบ..พลาสติก...ยังสามารถตัดเลื่อยได้สะดวก..ด้วยเลื่อยฟันถี่..
    อย่าง..เลื่อยการฝีมือ..มันยังมีสารพัดสี..ทั้งใส..และขุ่น..รวมทั้งเหลือบ...
    มีความหนา..หลายขนาด..ข้อสำคัญ..ช่างฝีมือ..ยังสามารถ..ต่อติดมันเข้าด้วยกัน
    ด้วย..ตัวเอง...ซึ่งพลาสติกทำได้ยาก..ดังนั้น..ยุคก่อนโน้น..จึงเริ่มเห็นมีร้าน..
    รับทำป้ายด้วยอครีลิคกัน...ป้ายอะไรก็ได้..ตามสั่ง..ที่เฟื่องมากยุคผมเป็นเด็ก
    ...ก็..คือ..ป้ายบ้านเลขที่...เพราะสมัยก่อน..มัน..แผ่นสังกะสีชุบ..พื้นสีน้ำเงิน...
    ตัวหนังสือ..สีขาว..เขาขายกัน..เป็นตัวๆแผ่นเล็กๆ..และเจาะรูไว้ด้วย ๒ รู..ถึงเวลาติดก็
    สะดวก..เพราะสมัยก่อน..รั้วบ้าน..ประตู..มันเป็นไม้..แค่เอาตะปูตอกเข้าไป
    เรียงตัวเลข..ตามเลขที่..ก็เสร็จ...บ้านไหน..ก็เป็นอย่างนี้..ไม่ว่า..ในพระนคร
    หรือ..ต่างจังหวัด..............มันก็น่าเบื่อไง..ไม่มีสีสรร..พอมีพวกรับจ้างทำป้าย
    เกิดขึ้น...โอ้โห..ยังกะมหกรรม..งานที่รับแต่ละวัน..ก็ทะเบียนบ้านนี่แหละ..
    เป็นหลัก..รวยกันเละ..ร้านเกิดกันมากมาย...สนามหลวง(จตุจักร..สมัยโน้น)นี่
    มีไม่รู้กี่เจ้า..และกระจาย..ออกไปตาม..หัวเมืองอย่างรวดเร็ว....
    ..............ไอ้ที่ผมพูดว่า..มันต่อติดด้วยกันสะดวก..ก็เพราะ..เขาผลิต..น้ำยา
    เชื่อมต่อ..อคริลิค..มาด้วยตั้งแต่แรก...ตั้งแต่ยุคแรก..จนถึงปัจจุบัน...แหล่ง
    จำหน่าย..แผ่นอคริลิกที่เป็น..ศูนย์กลาง..ก็..คือ..วงเวียน ๒๒ กรกฎาคม...
    ...ยุคก่อน..ไม่มีร้านมาขายย่อยอย่างในปัจจุบัน..ใครจะซื้อ..ทั้งน้ำยาเชื่อม..
    และ..ตัวแผ่น...ก็ต้องไปที่นั่น..ทั้งนั้น
    ..............น้ำยาเชื่อมอคริลิค...นั้น..เป็น SOLVENT ...คือ..ตัวทำละลาย....มัน
    จะทำให้ผิว..อคริลิค..ที่สัมผัสมันละลาย..เมื่ออคริลิคละลาย..แล้วถูกอัดให้
    มันแนบ..ไม่ได้สัมผัสอากาศแล้ว..มันก็จะเริ่มคืนสภาพ..และเชื่อมติดกัน..
    ...............เพียงแต่..คุณสมบัติของมัน..ตรงจุดเชื่อมนั้น..มันจะด้อยกว่า..ตัว
    เนื้ออคริลิค..จริงๆ..เล็กน้อย..(ซึ่งจุดนี้...มีความสำคัญ..ผมจะพูดถึงอีก..
    หลายครั้งในภายหลัง)...แต่มันก็..เพียงพอแล้ว..จะทำให้เสมือน..มันเป็น
    ชิ้นเดียวกันได้...น้ำ..ก็ทำอะไรไม่ได้..ไม่กลัวน้ำ.....
    .........ถ้าจะเปรียบ..ก็เหมือน..น้ำยาต่อท่อ PVC...ซึ่ง..มันก็เป็นตัวทำละลาย
    เช่นกัน..เมื่อติดดีๆ..มันถึงได้เหนียวคงทน..เพราะมันก็สมานเป็นเนื้อเดียวกัน
    แต่ฉันใด..ก็ฉันนั้น..คุณสมบัติที่จุดต่อนั้น..ก็จะลดลงกว่า..เนื้อPVC..แท้ๆเล็ก
    น้อย...............
    ...................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2013
  4. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,566
    ค่าพลัง:
    +19,462
    มาเก็บเกี่ยวความรู้รอบดึกค่ะคุณลุง เป็นกำลังใจให้คุณลุงและผู้ร่วมศึกษาทุกๆท่านค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  5. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    มารับการบ้านรอบเ้ช้าครับอ้ายมด
    ซำบายดีวันเสาร์แห่งชาติครับผม:cool:
     
  6. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952

    สวัสดีคับ ไม่ใด้เข้ามาอ่านหลายวัน
    เนื้อเรื่องไปใกลเลย ต้องค่อยๆอ่าน
    ช้าๆ ที่ละหน้า สารภาพเลย ว่าบางหน้าต้องอ่าน
    สองถึงสามรอบครับ สมองไม่ไป
    รอติดตามตอนต่อไปครับ
     
  7. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    มาเกาะติดครับ
     
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..นั่นแหละ..ผมถึงคอยย้ำอยู่เรื่อย
    ในแต่ละตอน..คือ..ถ้ามันง่าย..ป่านนี้..ทั่วไปก็
    คง..เข้าใจกันหมดแล้ว..ตอนผมทำความเข้าใจว่ายากแล้ว..ไอ้ที่ผมจะต้อง
    แปลความเข้าใจของตัวเอง..มาถ่ายทอดให้คนอื่นยิ่งสาหัส..กว่านั้นอีก...
    .......เพราะผมไม่เคยเป็นครูบาอาจารย์...เรื่องอื่นๆที่ผ่านมา..มันไม่ถึงครึ่ง
    ของเรื่อง..ขอบพระสมเด็จ..ในครั้งนี้...ก็อย่าไปเครียดมากแล้วกัน....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2013
  9. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ


    วันนี้ว่างหน่อยเลยมาส่งการบ้านครับอาจารย์ลุง ผมหาเจอแต่เหรียญ 5 ดูแล้วพบจริงๆ ไม่คิดว่าขนาดเงินตราที่ใช้ในราชการยังมีจุดให้สังเกตุได้อีก ^^!

    สมแล้วที่เป็นอาจารย์ลุง อะไรที่คาดไม่ถึง อาจารย์ลุงเปิดหูเปิดตาให้ผมซะโล้งเลย ^_^
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ดีมาก..ไม่เสียทีเป็นศิษย์รัก...
     
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..เอ้า..นักเรียนทั้งหลาย...มาเข้าห้องเรียน..แห่งความมึนกันต่อ...อย่าลืมอ่านช้าๆ..อ่านซ้ำๆ..จะได้เข้าใจ...

    .................................
    .........คราวนี้..เรามาพูดกันถึงว่า..พระแต่ละองค์..ที่..แห้งมากไปก็มีได้
    ..หรือ..แห้งกำลังดี..หรือ..แห้งน้อย..ก็มีได้กันทั้งนั้น..จากสาเหตุที่บอกไป
    คราวที่แล้ว..แล้วมันจะมีผล..ให้ปรากฎ..ออกมาเป็นยังไง..เมื่อแข็งแล้ว..
    ...เราต้อง..รู้เคร่าๆก่อน..ว่า..ขั้นตอน..เป็นยังไง..
    ........โดยทั่วไป..เมื่อหลังจากที่..เทเนื้อพระ..ใส่พิมพ์แล้ว..(พิมพ์..มี...
    สองส่วน..คือ..พิมพ์ด้านหน้า..ที่แกะ..เป็นรูปพระ..อีกส่วนคือ...พิมพ์ที่..
    เป็นส่วน..บังคับความหนา..ขององค์พระ..ที่เจาะเป็นช่องที่มี..ขนาดใหญ่
    กว่า..กรอบพิมพ์..พอสมควร...มีความหนาเท่ากันตลอด..คือ..หนาเท่ากับ
    ความหนา..ของพระตามที่กำหนดไว้...(อันนี้..เป็นข้อสันนิษฐานของ..คน
    รุ่นเก่า..เพราะ..พระทั้งสองกรุ..คือ..กรุต้นแบบ..และ..วัดเกษไชโย..เห็น..
    กรอบพิมพ์ชัดเจน...แสดงว่า..ต้องมี..พิมพ์อยู่ ๒ ส่วน..เพราะไม่งั้น..ถ้า
    เป็น..พิมพ์เดียว..เจาะลึกลงไป..ก็ไม่จำเป็นต้องมี..กรอบพิมพ์..แถมเมื่อ
    ถอดพิมพ์แล้ว..ก็ไม่ต้องมา..ตัดข้างด้วย..เพราะ..เราสามารถ..ล็อคขนาด
    กว้างยาว..ได้จากพิมพ์..เมื่อ..หลังจาก..ทิ้งให้พอหมาด..ปาดหลังเสมอพิมพ์
    ..ก็.เคาะพระ..ออกจากพิมพ์..ทิ้งไว้จนแข็ง..ก็ใช้ได้เลย...ด้านข้างก็เรียบ..
    เหมือน..กับ..พระสมเด็จสมัยใหม่...)..ซึ่งพิมพ์ที่เป็นกรอบ..จะวางทับอยู่ด้าน
    บน..แนบกับ..ตัวแม่พิมพ์พระ..สนิทพอดี....).....เมื่อทิ้งไว้จนช่าง..เห็นว่า..แห้ง
    ..และมีความแข็ง..พอสมควร..พอที่จะให้รูปทรงที่ติดกับแม่พิมพ์พระคงตัวแล้ว
    ...ก็..จะทำการ..ปาดด้านหลัง..จะด้วยมีด..หรือ..แผ่นโลหะบางๆ..ก็ไม่ทราบ..โดย
    มีขอบ..ของพิมพ์ตัวบน..เป็นตัวกำหนด..ก็เรียกว่า..กดแนบ..แล้วลากปาดไป..จน
    เนื้อพระ..ด้านหลัง..เสมอขอบ..(ความหยุ่นของเนื้อ..ตอนนี้..น่าจะใกล้เคียงกับ..
    ดินน้ำมัน..)................
    .................ส่วนต่อไปนี้..คือ..เรื่องที่มาถกเถียงกัน..จนเป็น..ที่มา..ของเรื่อง..
    ผมจะยังไม่เล่า..ใน..รายละเอียด...แต่ให้รู้เพียงว่า......
    ........เอา..พระออกมาจาก..พิมพ์...แล้วมาตัดข้าง.....................
    .................................................................
    ......เรามาสนใจ..กันตรงนี้..ก่อนว่า...เมื่อตัดข้าง..ออกไป..แล้วเกิด..อะไรขึ้น..
    .....................ผิว..ที่ถูกตัด..จะถูกอากาศ..สัมผัส..ทันที...ส่วนด้านบนพระ..
    นั้น..ต่างกัน..เพราะ..ที่เคบเล่าไปแล้ว..ว่า..ขณะที่ทิ้งพระไว้ในแบบนั้น..ส่วน
    ที่เป็น..น้ำ..(ตอนที่เหลวอยู่)..จะลงมาข้างล่าง..ตลอดผิวด้านหน้า..และมันก็
    ถูก..กักไว้..ด้วยแป้งโรยพิมพ์..ดังนั้น..เมื่อ..สัมผัสอากาศ..การคายน้ำ(น้ำ..
    ระเหยออกไป)..จะมีน้อย....เพราะ..ตอนนี้..พระก็เริ่มแห้งแล้ว..และแป้งโรย
    พิมพ์ที่ส่วนนึง..ถูกกลืนไปที่ผิว..ก็จะช่วยป้องกันไว้ด้วย....
    ...............แต่..ด้านข้างที่ถูกตัดนั้น..นั่นคือ..การเปิดเนื้อด้านใน..ที่เปียกกว่า..
    ....ให้นักเรียน..นึกถึง..เวลาเราไปตลาด..พ่อค้าเนื้อ..เขาเอาเนื้อที่แขวนไว้...
    แล้ว..เอาลงมา..หั่นบนเขียง...ที่รอยหั่น..มันจะเปียก..ชุ่มเลือด..ขณะที่ด้าน
    นอกนั้น..ดู..ค่อนข้างแห้ง.....คือจริงๆ..มันไม่ได้เปียกถึงขนาดนั้น..มันเป็น..
    เรื่องที่ผมยกมาให้เห็น..ภาพชัดๆ..ให้ทราบว่า..เนื้อพระด้านใน..ยังไม่แห้ง
    ..เหมือนด้านนอก..แต่ไม่ใช่ถึง..ขนาดเปียกชุ่ม..........
    ..................ต่อตอนหน้าครับ................
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...สำหรับ...รอบดึก..หลานลินน์...
    ...และ..รอบเช้า...พลศิริ.....
    ..............................................
    ...ที่มา..ที่ไป...แล้วทำ(เอง)ยังไงละ...
    .................................................
    ................................................................................
    ....ผมคาดว่า..การเริ่มต้นเลี่ยมพระแบบกันน้ำได้..น่าจะมาจาก..พวกช่างที่รับ
    ทำป้าย..นี่แหละ..เพราะคนทั่วไปสมัยโน้น..ไม่มีใคร..รู้จัก..อตริลิค...พวกป้าย
    ชื่อ..ป้ายบ้าน..ที่สั่งทำกัน...ก้ยังนึกว่า..มันเป็นพลาสติก..จริงๆ..ก็เลยเรียกกัน
    ติดปากว่า..ป้ายพลาสติก..(แม้ใน..กระทั่งปัจจุบันนี้)..........
    ........มันน่าจะเริ่มมาจาก..คุณสมบัติ..ที่มีการค้นพบกันเอง..ว่า...เมื่อถูกความ
    ร้อน...แล้วมันจะอ่อนตัวลง..แต่เนื้อไม่หาย..ไม่หด(..แต่..ถ้าโดนเปลวไฟ..จะ
    แช่อยู่กับที่..มันก็ไหม้ได้)..ขณะที่พลาสติก..นี่..โดนไปไม่เท่าไหร่..ทั้งหาย..
    หด..และใหม้ติดไฟ...ยาวเลย....
    .............ในยุคแรกนี่...เป็นแบบMOBILEเลย..ยกโต๊ะ..ไปตั้ง..ตรงไหน..ก็ได้
    ...เพราะ...ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า..ในสว่นใดๆเลย...ข้างกำแพงวัด..มหาธาตุ..ก็ยัง
    ไปตั้งโต๊ะเลี่ยมพระกัน.....ใช้ระบบ..อัตโนมือ..ล้วนๆ...เครื่องมือตัด..ก็มีด
    (ขีดเป็นรอย..แล้วใช้มือหักตาม)..เลื่อยการฝีมือนักเรียน..นี่แหละ..ไม่ได้มา
    หล่อแบบ..ยุคนี้.....อย่างเวลา..ใส่น้ำยาติดแล้ว..จะตัดกรอบออก..ให้พอดี
    กับ..องค์พระ..ก็ใช้เลื่อยค่อยๆตัดเอา..ไม่เหมือนสมัยนี้..ใช้หินเจีย(มอเตอร์)
    เลย..กดกรอบเข้าไปแป๊บเดียวเสร็จ....เวลาตบแต่งก่อนขัดมัน...ก็ใช้..ตะไบ
    มือล้วนๆ..ไถมันเข้าไป...เวลาขัดมัน...ก็ใช้..น้ำยาBRASSO..หรือ..บางคน
    ก็ใช้..ผงขัดที่อัดมาเป็นแท่งสีน้ำตาล..เอามาถู..ที่แผ่นหนัง..หรือบางคน..
    ก็ไม่ต้องซื้อ..ใช้หนังเข็มขัดลูกเสือ..พลิกเอาด้านในที่ไม่มีสีทา..เป็นหนัง
    เปลือยๆ.......แล้วก็เอาพระฝนไปฝนมา...มันก็มันแผล็บ..เหมือนๆกับ..
    สมัยนี้..นั่นแหละ..(..เทคนิค..ก่อนจะขัดมัน..เอากระดาษทรายน้ำ..เบอร์
    ละเอียด..มาขัดอีกรอบ..ให้มันเนียนซะก่อน..).....ไม่เหมือนสมัยนี้..มัน
    ง่าย...ใช้อีกด้านนึงของมอเตอร์ที่เป็นผ้า..เปิดสวิทซ์..จึ๊กเดียวก็เรียบร้อย
    ......สมัยแรกๆเลย...คือ..ถ้า..พระไม่หนาจริงๆ..หรือ..เจ้าของพระไม่ระบุ
    ..เค้าก็เลี่ยม..แบบ ๒ ชั้น ธรรมดา (..หน้า..หลัง..ไม่มีใส้กลาง)..ยิ่งพวกเหรียญ
    นี่..แน่นอน..๒ ชั้น...
    ..........ราคา ๒ ชั้นขนาดทั่วๆไป.......๕ บาท...
    ................................ขนาดเล็ก(พวกปรกใบมะขาม) ๓ บาท..
    ................................ขนาดใหญ่ .....๗ บาท...
    ........๓ ชั้น.... ....๑๐ - ๑๕ บาท......
    ........เป็นไง...คนสมัยนี้..เห็นราคา...ช็อคเลย................
    .....ราคา..เหรียญที่ออกมา..ตามวัด..ไม่เกิน ๕ บาท (ทองแดง)
    ........เลี่ยมอีก....๕ บาท........รวม.......๑๐ บาท....
    ...แบ็งก์ ๑๐ ใบเดียว (สมัยก่อน..ไม่มีเหรียญ ๕ บาท ๑๐ บาท...
    เป็น..แบ็งก์สีน้ำตาล).....
    .......ยกโต๊ะเลี่ยมพระ..ไปไหนก็ได้..เก้าอี้ของตัวเอง ๑ ของลูกค้า ๑
    ............แค่นี้..ก็จบแล้ว.............................

    ...................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  13. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    อรุณสวัสดิ์วันครอบครัวครับอ้ายมด
    มารับการบ้านรอบเช้าครับผม ต่อไปนี้ละผมจะไม่ง้อช่างเลี่ยมกรอบแล้วครับ:cool:
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***มาเกาะ......ติดครับ ***
     
  15. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ผมชอบงานเลี่ยมพระของช่างสมัยก่อนจริงๆ ครับ

    จินตนาการสูง มีลวดลาย ทำคล้ายยกซุ้ม

    เคยมีตะกรุดเก่าของปู่เลี่ยมพลาสติก ช่างใช้ฝีมือทำซะเหมือนกับใส่หลอดเลย อลังการมาก

    ตอนนี้ตะกรุดไม่รู้ไปอยู่ที่ญาติคนไหนแล้ว เสียดายมาก

    ปูเสื่อรอตอนต่อไปครับอา ขอบคุณครับ
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....หวัดดี..พลศิริ..Rumgaran..และ..Khemtat........
    ................ก็มาว่า..กันต่อไป...ย้อนเวลาหาอดีต................



    ....นอกจาก..จะถูกตัดเปิดแผล..แล้ว..ผิวที่ถูกตัด..ยังยังไม่เรียบอีก..ใน..บางองค์ที่
    ส่วนผสมมาก..จะมีโอกาศคายน้ำได้..รวดเร็วกว่า..เพราะ
    ....๑...มีมวลสาร..ที่..คายน้ำได้ดี..เช่น..ถ่าน..หรือ..อิฐ..เข้ามาช่วย..
    ....๒. พื้นที่ผิว..ที่พรุน..จาก..มวลสารที่..หลุดออกไปจาก..การตัด..ทำให้ผิวพรุนมากขึ้น
    ..เมื่อ..ผิวพรุน..มันจะทำให้..มีพื้นที่สัมผัสอากาศ..ได้มาก..กว่า..ผิวที่เรียบกว่า..ทำให้..
    อัตรการระเหยมี..มากกว่า..
    ......อีกอย่างหนึ่ง..คือ..ตอน..ที่ตัดนั้น..น้ำในเนื้อในแนว..รอยตัด..ก็ต้องสูญเสียไปใน..
    ตอนนั้นเอง..เพราะน้ำ..มันจะเกาะติดมีด..ไปอีกส่วนด้วย.................................
    ....แต่..มันขึ้นอยู่กับ..ความแห้ง..ของเนื้อด้วย..ถ้า..เนื้อแห้ง...น้ำที่รอยตัดก็..จะน้อย..
    ....ผลที่จะเกิด..กับผิวตรงนั้น..ก็จะมีไม่มาก.......(ผมจะอธิบาย..ถัดไป..)
    ............แล้วถ้า..มันระเหยด้านข้าง..ได้มาก..มันจะเกิด..อะไรขึ้น..เหรอ...นักเรียนคงคิดใน
    ใจ..ถามผม...........................
    ....................สิ่งที่ตามมาคือ...บริเวณที่..น้ำระเหยออกไป..มาก..ปริมาตรของมัน..ก็จะ..น้อย
    ลงไงครับ..เพราะน้ำที่เป็นส่วนผสมอยู่..ออกไป...แต่บังเอิญ..บริเวณที่น้ำระเหยออกไปเร็ว...
    มัน..อยู่ที่ผิว..กับใกล้ๆผิว...แต่..ข้างในองค์พระ..น้ำ..มันค่อยๆระเหยออกไปช้าๆ...เมื่อน้ำ..ข้าง
    ใน..ออกไปได้ไม่มาก....ปริมาตรที่มันจะหดลง..ก็มีน้อย..สิ่งที่ตามมาคือ..เกิดการรั้งขึ้น..ในเนื้อ
    พระ..ระหว่าง..ที่ผิว..และ..ด้านใน..แล้ว..หลังจากนั้น..ตัวเนื้อพระ..มันก็รับแรงรั้งนี้..ไม่ไหว...
    .............................มันจึงเกิด...รอยปริ..กระจายไป..ตามผิว..ที่ถูกตัด.................
    (เกิดขึ้น..ช้าๆ..เมื่อ..เนื้อตรงที่ตัด..คืนตัวกลับ...จะกล่าวถึง..ในความหยุ่นตัวต่อไป)
    ....ในกรณี..นี้..จะเกิด..พระที่ไม่ค่อยแห้ง(คือมี..น้ำมาก)..แต่มี..มวลสาร..กระจายอยู่พอควร..
    เพราะเมื่อ..ตัดออก..ส่วนที่เป็นของเหลว..จะไหลกลับมาที่..รอยตัด..และ..เริ่มคายน้ำ..ทันที
    (ดู..เรื่องน้ำไหลกลับมาที่รอยตัด..ในเรื่องความหยุ่นตัว..ผมจะอธิบายถัดไป)......
    ปริมาณน้ำมีมาก..ปริมาตร..หดมากขึ้น............จะเห็นได้ว่า..ผิวจริงๆ..จะไม่ค่อยพรุนมาก..
    ..แต่จะมี..รอยปริแตกเกิดขึ้น...
    ..............ต่างจาก..พวกที่..ค่อนข้างแห้ง..และ..มวลสารใหญ่ๆมี..มากกว่า...รอยตัด
    ใหม่ๆ..จะไม่ค่อย..เรียบ..และพรุน...น้ำคืนกลับ..มาที่รอยตัด..มีน้อยกว่า..และ..ความ
    ที่..มีพื้นที่ผิว..มากกว่าพวกที่ผิวเรียบ..ทำให้เกิด..การรั้งน้อยกว่า..จึงเกิด..รอยปริ..น้อย
    ..(บางองค์..พรุนมากๆ..ก็แทบไม่มี)กว่า..พวกที่รอยด้านข้าง..ค่อนข้างเรียบ..
    ........ตัวที่มีผล..ทำให้ด้านข้างที่รอยตัด..แห้งเร็วขึ้น...ก็มีโอกาศ..จาก..ตำแหน่ง...แดด....
    และ..ลม....คือ..ถ้า..หลังจากตัด..ตำแหน่งที่วางพระ..ไว้..ไปโดนแดด...ความร้อน..ที่ผิว..ก็
    จะสูง..น้ำก็จะระเหยจากรอยตัด..ได้เร็วกว่า..ปกติ..หรือ..ช่วงเวลานั้น..มีลมพัด..อยู่ตลอด
    ..ก็จะเป็น..เช่นกัน..........
    .............ความหยุ่นตัว......
    ...อันนี้..มีผล..กับ..พระที่มีเนื้อหยุ่นตัว...นักเรียน..คงพอนึกออก..ว่า..มันคือ..การคืนตัว
    กลับ...เมื่อคมมีด..กดตัดลง..ไป..จะเกิดแรงกด..ที่จุดนั้น..แต่แรงกด..ไม่ได้เกิดที่..แค่..
    ตรงแนวที่มีดตัด..ผ่าน..บริเวณใกล้ๆ..คมมีด..ทั้งสองฝั่ง..ก็จะเกิด..แรงกด..ถ่ายเข้ามา
    ด้วย..แต่น้อยกว่า..เพราะขณะนั้น..เนื้อพระ..ยังไม่แข็งดี..มีความเหนียว..น้ำในเนื้อจะ
    ถูกรีดออกห่างไป..สภาพเนื้อบริเวณนั้น..จะถูกอัดแน่น..เมื่อตัดขาดแล้ว..แรงกดจากมีด
    หายไป..เนื้อตรงใกล้รอยตัด..จะค่อยๆ..คืนตัว..และ..น้ำจะค่อยๆกลับมา..แต่..เนื้อบาง
    ส่วนไม่คืนกลับได้..โดยเฉพาะเนื้อที่อยู่ใกล้..กับมวลใหญ่..เพราะแรงอัดที่เกิด..ตรงนั้น
    มันมากกว่าทั่วไป..ด้วยเหตุที่..มวลใหญ่มันไม่ได้ยุบตามไปด้วย...เหมือนถูกอัดติดข้างฝา
    ..มันแน่น..จนไม่คืนตัว..ผลที่ตามมา..คือ..เกิดรอยแยก..ขึ้น..เมื่อ..เนื้อส่วนอื่นคืนกลับที่แล้ว
    ...ซึ่ง..ทำให้มันดู..เหมือนกับ..รอยโหว่..และ..รอยปริ..เล็กๆ......
    ..............สำหรับ..เนื้อที่ค่อนข้างแห้ง..และมี..มวลใหญ่ๆ..ค่อนข้าง..จะเกิดสิ่งนี้..ได้ง่ายกว่า
    เนื้อที่..ไม่ค่อยแห้ง...เพราะถ้ามีน้ำในเนื้อ..มากขึ้น..ส่วนที่เป็นน้ำ..จะคืนกลับมา..และ..เข้า
    ไปใน..ช่องว่างที่เกิดได้..........
    ..........................ต่อตอนหน้าครับ................................
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....หนังรอบดึก..สำหรับ..ผู้อยู่ดึก..กับ..คนชอบตื่นเช้า....

    ........ที่มา..ที่ไป..แล้วทำ(เอง)ยังไงละ.............

    ..................................................................
    ............................................................................................................
    ..............ผมขอกล่าวถึงที่มาก่อนว่า...ทำไม...ผมถึง..รู้วิธี..ที่จะจัดการปัญหา
    เหล่านี้..บางท่านพึ่งเข้ามาอ่าน...ยังไม่ได้ย้อน..ไปอ่านที่มาที่ไป..ของตัวผมเอง
    ..ก็..จะไม่ทราบ.......เนื่องจาก..เมื่อ..กว่า ๔๐ ปีก่อน..ทั้งบ้านผม..มีคนชอบเล่น
    พระอยู่ ๒ คน..คือ..ผม..และ..พ่อ....แต่ความที่พ่อ..เป็นช่างที่เป็นทักษะส่วนตัว
    ...ท่านชอบแก้ไขปัญหาต่างๆ..ด้วยตัวเอง..และทำได้ดี..งานช่างทุกชนิดทำได้หมด
    ....ซึ่งผมเอง..นะ..เทียบพ่อไม่ได้จริงๆ...แต่ผมรับGENE..ทางทักษะด้านช่างมา
    ..คนเดียวจากพ่อ..ในพี่น้องทั้งหมด..และหลายๆอย่าง..ผมก็ยึด..พ่อเป็นรูปแบบ
    มาตั้งแต่..เด็ก....เมื่อเราทั้งสองคน..เริ่มเล่นพระ..กันใหม่ๆ..ไปเช่ามา..หรือ..ของ
    เดิมที่มีอยู่..เอาไปเลี่ยมอคริลิค..นี้...พูดง่ายๆ..มันก็จำเจ..เห็นเค้า..เลี่ยมให้ดู....
    .......ทำให้..เราทั้งสองรู้ขั้นตอนต่างๆ...แต่จุดเริ่มมาจาก..พ่อด้วยความเป็นช่าง
    ...........ก็ตัดสินใจ..ต่อไปนี้..เราไม่ต้องเอาพระไปเลี่ยมที่ไหน...เราจะเลี่ยมเอง..
    ........พ่อ..ก็ลงทุน..ไปซื้อ..อุปกรณ์..ที่จำเป็น..นานาชนิด...ในการเลี่ยมพระมา..
    ..แล้ว..ก็เริ่มทำเอง....พอพ่อเริ่มไปสักพัก...ผม..ก็เลยเอามั่ง.....แต่ผมจะทำ...
    เฉพาะ..ตอนที่พ่อไม่ได้เลี่ยม..มีปัญหาตรงไหน..ก็..ค่อยแก้กันไป...จากเดิม
    เลี่ยมแบบ..๒..ชั้นธรรมดา..หน้า-หลัง...ก็..ค่อยๆ..ขยับเป็น..๓ ชั้น....และ...
    หลายๆ..ครั้ง..ที่ทำออกมาไม่ดี(อันนี้..ตัวผม..ไม่ใช่..พ่อ..เพราะของท่าน..
    ส่วนใหญ่..จะไม่มีปัญหา..)..ทำเสร็จแล้ว..ไม่ชอบ..ไม่สวย..หรือ..มีเศษฟอง
    อากาศ..ค้าง(ไล่ไม่หมด)...ผมก็ต้องรื้อ..คือ..แกะ..ออกมา...คราวนี้..เราแกะ
    พระตัวเอง..มีทั้ง..พระผง..พระเนื้อดิน..พระชิน...ที่ค่อนข้างเปราะบาง
    ...เราก้ต้อง..ประณีต..ในการแกะออก.....จนสามารถ..รับมือได้ทุกรูปแบบ
    ...บางที..ไอ้ที่เค้าเลี่ยมมามันไม่ดี..เราก็ต้องมารื้อออก..แล้วมาเลี่ยมใหม่....
    ....มันก็เป็น..อัตโนมัติ..ไปเอง..........................
    .........จนเมื่อมาทำงาน..แล้ว....คือ..ที่ทำงาน..ใครๆ..ก็รู้ว่า..ผมชอบเล่นพระ..
    ...อยู่มาวันนึง..มีพี่คนนึง..เค้ามีปัญหา..ก็เหมือนๆกับ..ท่านนี่แหละ..เคย..
    ไปร้านเลี่ยมพระ..เอาพระออกจากกรอบเดิมไปเลียมใหม่...ล่อซะชำรุด
    ..แกเลยเข็ด..เอามาปรึกษาผม..เพราะแกคิดว่า..ผมอาจจะทำได้...
    .....ผมก็..ทำให้ตรงนั้นเลย..พระนี่อัดกรอบมาแบบชิดเลย...คล้ายๆกับที่..
    ..คุณนวล..เอารูปมาให้ดู...ผมก็ใช้..อุปกรณ์ต่าง..เท่าที่มีอยู่ที่นั่น..มาดัด
    แปลง...แล้วก็..เอาพระออกมาอย่างปลอดภัย...คราวหลัง..คนอื่นมีปัญหา
    แบบเดียวกัน..ก็..เลยมาใช้บริการผม.....
    ...........ก้เลยทำให้ประสพการณ์..เยอะ...คราวหน้าเราก็จะเริ่มมาเข้าเรื่อง
    จริงๆ..กันซะที...........
    ................................ต่อตอนหน้าครับ.....................
    ...........................................................................................................
     
  18. MasterTest

    MasterTest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +1,031
    กำลังมันส์เลยครับคุณครู ถือเลื่อยรอฟังอยู่ครับ :)
     
  19. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา และสมาชิกทุกท่าน ตามอ่านย้อนหลังอยู่ครับ
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...หวัดดี..Mastertest..และ..เฉียวฟง...
    .................
    ...ก็มาย้อนอดีต..ต่อกัน..............


    ......วิธีการ.........................
    ...นี่ก็เป็น..ส่วนสำคัญ....มันจะเกี่ยวพัน..กับที่กล่าวมาทั้งหมด...เพราะ..การตัดขอบ
    ออก..จะทำให้พระ..สูญเสียน้ำที่ขอบ..มากไปกว่า..ปกติ..เปรียบเทียบกับ..พระวัดพลับ
    ที่..ไม่มีการตัดขอบ...ขอบก็จะเนียน...
    ....บริเวณ..ที่..ตากพระ..ก็มีผล..เพราะ..พระจำนวนมาก..ก็ใช้เนื้อที่มาก...ตรงนี้...
    บังเอิญ..ไปเจอแดดเต็มๆ..เข้า..พระก็..ออกมา..ไม่เหมือน..พวกอยู่ในร่มแล้ว..
    ......การที่ต้องทำพระจำนวนมาก..ความละเอียดพิถีพิถัน..ก็ต้องลดลง..แน่นอน..เมื่อ
    เทียบกับ..วัดระฆังที่..ทำไปเรื่อยๆ..ครั้งละไม่มาก...สังเกตจาก..กรอบพระต้นแบบ..
    มีอยู่ไม่มาก..ที่เป็น..สี่เหลี่ยมผืนผ้า..ตามกรอบพิมพ์จริงๆ..ถ้าไม่เป็น..สี่เหลี่ยมคางหมู
    บางที..ก็โย้..ไปเป็น..สี่เหลี่ยม..ขนมเปียกปูนไปเลย..โย้ไป..เย้มา..แค่นี้ก็บอกได้..แล้ว
    ว่า..การทำงาน..ค่อนข้างเร่งรีบ..เพราะเรารู้กันว่า..ช่างสมัยก่อน..เขาทำ..ต้องไว้ฝีมือ..
    ไม่ทำอะไร..ลวกๆ..เหมือนช่างสมัยนี้....คงเพราะ..หมายกำหนดการที่ต้องเสร็จทั้งหมด
    ภานใน..วันนั้น..เพราะ..มีกำหนดการที่..สมเด็จจะมาปลุกเสกพระทั้งหมด..และ..นำพระ
    ลงไปบรรจุ..กรุ.........................
    ........ตัวบุคคลดำเนินการ....
    ...แน่นอนครับ...พระจำนวนมหาศาล...แม่พิพม์พระเอง..ก็มีอยู่..แค่นิดเดียว..เมื่อ
    เทียบกัน..จำนวนครั้งที่..พิมพ์..ก็ต้องมาก..ในแต่ละพิมพ์..เวลาก็ต้องใช้นาน
    แน่..เพราะต้องรอพระ..ค่อนข้างแห้ง..ถึงไปถอดพิมพ์ออก..ถึงจะกดได้ใหม่..
    ดังนั้น..ก็ต้องใช้คน..เป็นจำนวนมาก..แน่นอน..เปลี่ยน..กะ..กันทำ..ไม่งั้น
    ตายแน่...คนมาก..ก็..ความละเอียด..ก็..ย่อมต่างกัน..หรือ..การพิจารณา
    ก็แตกต่างกัน..ความขยัน..ขี้เกียจ..ก็ต่างกันด้วย...มันก็เลย..กลายเป็นที่
    มา..ของ..พระ..ที่..รูปทรง..จากที่ตั้งใจไว้..มันเปลี่ยนไป..หลากหลาย.........
    ......ผมก็..จะจบ..ด้านข้างไปแค่นี้ก่อน....เพราะยังมีอีกด้าน..ที่สำคัญ..
    ...และเป็น..ตัวบอกได้ว่า...การตัดขอบ..มันควรจะเป็น..ยังไง.........
    .......................ด้านหลัง............................
    .....สิ่งแรก..ที่ผมสัมผัส..ได้ด้วยตา..คือ..เกือนทั้งหมด...ด้านหลัง..
    ......................จะ...เรียบ......เป็น..ระนาบเดียวกัน........
    ...ต่างจาก..ด้านข้าง..และ..ด้านหน้า..ชัดเจน.......................
    ...ถึงแม้บางองค์..อาจมีรอยปาด..ที่เป็นขยักๆ..เป็นช่วงๆบ้าง...
    นั่น..ก็..เพราะว่า..พระองค์นั้น..เนื้อค่อนข้างแห้งไป...เลยออก
    เหนียวไปหน่อย...เวลาปาดแล้ว..ก็เลย..ไม่ลื่น........
    ..........แต่โดย..สัณฐานแล้ว..ก็ยังคง..คุณลักษณะ..อย่างที่ว่า..
    .....................คือ......เรียบ.......เป็น..ระนาบเดียวกัน..........
    ................และ..ริมขอบ..ทุกด้าน..คม......................
    ...ซึ่งที่เห็น..มีอยู่..น้อยมาก..ที่..แอ่น..เป็นท้องช้าง..น้อยๆ...
    โดยที่..ด้านหน้าก็โก่งขึ้นด้วย..................................
    ...ก็สามารถ..บอกด้วยทางวิทยาศาสตร์..ได้เลยว่า...เพราะ..
    เกิด..การขยาย..และ..หดตัว..ไม่เท่า..ที่ด้าน..และ..ด้านหลัง..อันน่า
    จะมี..สาเหตุหลัก..มาจาก..อุณหภูมิ..ที่แตกต่าง...อะไรที่เย็น..ก็จะหด
    ..อะไรที่ร้อน..ก็จะ..ขยาย.......................
    ........................ต่อตอนหน้าครับ............................
     

แชร์หน้านี้

Loading...