ไม่มีอภิญญา บรรลุอรหันต์ได้ไหม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย watjojoj, 12 พฤศจิกายน 2012.

  1. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    พระอรหันต์
    1) พระอรหันต์มี 4 แบบ คือ สุขวิปัสสโก หมดกิเลสแล้ว แต่ไม่มีความรู้พิเศษ เห็นผีเห็นเทวดาไม่ได้ ได้แต่ปลงสังขาร ให้อารมณ์หยุดอยาก คือ ไม่อยากเกิด ไม่อยากมี ไม่อยากเอาดีกับชาวโลก เพราะเห็นว่าเมื่อยังเกิด ตราบใด ก็ยังต้องทุกข์ตราบนั้น ท่านเลยเบื่อเกิด ทั้งเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม ท่านไม่เอาด้วยทั้งนั้น สิ่งที่ท่านต้องการก็คือ พระนิพพาน
    2) พระอรหันต์อีกแบบหนึ่งก็คือ พระอรหันต์ที่เรียกว่า เตวิชโช คือ ท่านทรงวิชชาสาม ได้แก่
    - ทิพยจักขุญาณ มีอารมณ์จิตเป็นทิพย์ รู้เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งอดีตและอนาคต ท่านรู้ได้คล้ายตาทิพย์
    - อันดับที่สอง สามารถระลึกชาติในอดีตได้ทุกชาติที่ท่านเกิดมาแล้ว
    - สาม ท่านละกิเลสหมดทุกอย่างเหมือนท่านสุกขวิปัสสโก
    3) พระอรหันต์อันดับที่ 3 ได้แก่ท่านผู้ทรง อภิญญา 6 คือ
    - แสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่าง เพราะอำนาจกสิณ
    - มีหูทิพย์ เพราะอำนาจกสิณ
    - มีทิพยจักขุญาณ
    - มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
    - รู้ความรู้สึกนึกคิดของคนและสัตว์ได้
    - ทำกิเลสให้สิ้นไป
    4) พระอรหันต์ประเภทที่ 4 ท่านมีอำนาจฤทธิ์เหมือนท่านผู้ทรงอภิญญา แต่มีญาณพิเศษกว่า คือ มีปัญญาฉลาดเฉียบแฉลม สามารถคิดคำนวณพยากรณ์เหตุการณ์ทุกอย่างได้โดยฉับพลัน มีฤทธิ์คล่องแคล่วกว่าอภิญญา 6
    ท่านอันดับที่ 4 นี้แหละ ที่ท่าน ปิณโฑลภารทวาชะ และท่านโมคคัลลาน์ ท่านทรงได้
    ได้บรรยายเรื่องพระอรหันต์พอให้ท่านผู้อ่านทราบไว้เพียงย่อ ๆ จะได้ไม่เข้าใจผิด เพราะคนส่วนมากก็คิดว่าพระอรหันต์จะต้องเป็นพระมีฤทธิ์เหมือนกันหมดทุกองค์ ความจริงพระอรหันต์ไม่ใช่จะมีฤทธิ์มีเดชเหมือนกันหมดตามที่บอกมาแล้ว
    5) การเดินทางเข้าสู่พระอรหันต์หรือพระอรหัตตมรรคนี่อันดับแรกก็ตัด รูปราคะ อรูปราคะ คือ ใช้ปัญญาพิจารณาว่า รูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี เป็นเพียงแค่กำลังหวังมรรคผลในการตัดกิเลสเท่านั้น เราจะไม่หลงจมอยู่เฉพาะรูปฌาน หรืออรูปฌาน จะทำความดีต่อไป
    ความจริงเป็นพระอนาคามีแล้ว ตัวนี้ไม่ต้องตัดก็ได้นะ มันไม่มีอะไรเกาะ แต่ถ้าพูดกันตามแบบก็ต้องพูด มันเป็น อนุสัย คือ กิเลสเบามาก พระอรหัตตมรรคนี่เป็นการตัดกิเลสจุ๋มจิ๋ม ไม่ใช้กำลังหนัก ไปหนักแค่อนาคามี
    ต่อมาก็ตัด มานะ การถือตัวถือตน การถือตนว่าเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา นี้ยกยอดไปจากจิต คิดว่าคนก็แค่คน สัตว์ก็แค่คน มันแค่กันหรือเปล่า สัตว์บางทีก็สูงกว่าคนนะ อย่างแมลงวันจับบนหัวเรา
    คำว่าแค่กัน หมายความว่า ทุกอย่างต่างก็ธาตุ 4เหมือนกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน ถ้าเราจะเกลียดสัตว์ ก็จงนึกว่าสัตว์กับเรามีอะไรแตกต่างกันบ้าง
    1. เนื้อ สัตว์มีไหม 2. กระดูก มีไหม 3. เลือด เนื้อ มีไหม เรามีเหมือนสัตว์หรือเปล่า สัตว์กับเรามีสภาพเหมือนกัน คือ มีธาตุ 4 เหมือนกัน ร่างกายสกปรกเหมือนกันใช่ไหม
    6) อรหัตตมรรคเข้าไปตัด อุทธัจจะ คือ อารมณ์ฟุ้งซ่าน คือ ความฟุ้งซ่านของจิตน่ะ พระอรหัตตมรรคกับปุถุชนนี้ไม่เท่ากันนะ
    ปุถุชนอารมณ์ฟุ้งซ่านในด้านอกุศลมีมาก จิตคิดในด้านอกุศลมีอยู่ ภาวนาไปบ้าง พิจารณาไปบ้าง ดีไม่ดีภาวนาไป ๆ นึกถึงใครที่ไม่ชอบใจ เลยกลายเป็นภาวนาด่าไปเลย อันนี้มันฟุ้งซ่านเป็นอกุศลได้ ถ้าจิตเข้าถึงพระโสดาบัน จิตนึกไม่ชอบใจยังมีอยู่ แต่จิตคิดประทุษร้ายจริง ๆ ไม่มี ถ้าถึงพวกสกิทาคามี จิตคิดประทุษร้ายจะหายาก โกรธมาปั๊บ โกรธเบามาก แล้วก็หายเร็ว ที่เรียกว่า อภัยทาน ไม่ผูกอาฆาต นี่เรียกว่า พระสกิทาคามี
    พอถึงพระอนาคามี อารมณ์จิตที่มันฟุ้งซ่านเข้ามาอารมณ์จิตอกุศลไม่มี จิตคิดทำลายเขาไม่มี มีแต่คิดว่ากูเป็นอนาคามีนี่วะ พักแค่นี้ก็ได้ ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม ฉันตีตั๋วต่อเลย อันนี้มีบ้าง ไม่มาก
    พอถึงอรหันตตมรรคก็ในลักษณะเดียวกัน ทำไป ๆ เห็นร่างกายมันไม่ดี ปวดบ้าง เมื่อยบ้าง เป็นโน่นบ้าง เป็นนี่บ้าง เอ๊ย เราก็เป็นพระอนาคามีแล้วนี่โว้ย เรื่องเล็ก ๆ น่ะ นอนพักผ่อนเสียได้ ตายเมื่อไรเป็นเทวดา พักหน่อยค่อยไปนิพพาน
    7) อารมณ์พระอรหันต์ นั่นก็คือ คิดว่าไม่หลงในรูปฌาน และอรูปฌาน จิตไม่มีมานะ การถือตัวถือตน จิตไม่มีอารมณ์ฟุ้งซ่านออกนอกรีตนอกรอย จิตไม่ติดในอวิชชา คือ ฉันทะ กับ ราคะ ฉันทะ ความพอใจเห็นว่ามนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกไม่มี ราคะ จิตเห็นว่ามนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก สวยไม่มี ไม่พอใจใน 3 โลก จิตพอใจจุดเดียว คือ นิพพาน
    นี่เป็นอารมณ์พระอรหันต์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารมณ์พระอรหันต์คือ ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา ไล่ลงมาอีกทีนะ จิตยอมรับนับถือกฎของธรรมดาว่าธรรมดาคนเกิดมาแล้วต้องแก่ คนเกิดมาแล้วต้องป่วย คนเกิดมาแล้วต้องมีการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ คนเกิดมาแล้วต้องตาย ความปรารถนาไม่สมหวังย่อมมีแก่ทุกคน ถ้าทุกอย่างมันเกิดขึ้น ใจท่านไม่หวั่นไหว ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็จิตคิดว่าร่างกายนี้พังเมื่อไร ฉันไปนิพพานเมื่อนั้น ใจสบาย
    8) ทีนี้มาพูดถึงอารมณ์ของพระอรหันต์ พระอรหันต์นี่ก็ยังมีอารมณ์คิด มีอารมณ์ใคร่ครวญ พระอรหันต์ไม่ใช่ตอไม้ บุคคลบางคนจะรู้สึกว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วจะต้องมีสภาพเหมือนตุ๊กตา หรือตอไม้ บางรายมักจะสร้างแบบขึ้นมาว่า พระอรหันต์นี่ไม่มีการหัวเราะ ไม่มีการยิ้ม เขาคิดอย่างนี้คงเข้าใจว่า เมื่อคนใดเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ คนนั้นคงจะปราศจากจิต คงจะปราศจากวิญญาณ คือ มีสภาพเหมือนคนตายดิบประเภทนั้นกระมัง
    นี่ความคิดอย่างนี้มิใช่ความคิดอย่างเดียว ขนาดพูดออกมาทางปาก นี่เขาเหล่านั้นตามความเข้าใจของฉันคิดว่าท่านที่พูดอย่างนั้นคงจะมีศีล 5 ยังไม่ครบ ถ้าคนมีศีล 5 ครบ ไม่พูดแบบนั้น เพราะคนที่มีศีล 5 ครบถ้วนนี้เป็นพระอริยเจ้า คือ พระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ถ้าเข้าถึงช่วงนี้แล้ว เขาไม่มีความสงสัยในปฏิปทาของพระอรหันต์ เขาคงจะลืมไปว่าแม้แต่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงมีการแย้มพระโอษฐ์
    เป็นอันพึงเข้าใจว่า พระอรหันต์เองก็ยังมีอารมณ์ไม่สงบ ปักอยู่เฉพาะจุด ยังมีอารมณ์คิด แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็มีอารมณ์เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ทั้งหลาย ถ้าสาวกก็เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นกิเลสเหมือนกัน แต่ทว่าความรู้พิเศษในด้านญาณต่าง ๆ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามีความสามารถมากกว่าพระอรหันต์ใด ๆ ที่เป็นสาวก

    9) ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา จงจำไว้ว่าคำว่าถึงพระอรหันต์นะ มันมีอยู่คำเดียวหรืออย่างเดียวคือ เราไม่ติดอะไรทั้งหมด อีกทั้งกำหนดรู้ว่าวัตถุธาตุต่าง ๆ คนก็ดี ใครก็ตามที่ไม่ได้เนื่องกับเราคือไม่ใช่ของเรา แต่เขาเนื่องถึงเราจริงเราสงเคราะห์ หรือทำงานสงเคราะห์ให้ตามหน้าที่ทุกอย่าง แต่เราไม่ผูกพัน คิดว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แม้แต่ร่างกายเราก็ไม่ต้องการ ถ้าคิดอย่างนี้ก็ตรงกับองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสไว้ในท้าย มหาสติปัฏฐานสูตร ว่า
    เธอจงอย่าสนใจกายภายใน คือ กายตนเอง อย่าติดใจกายภายนอก คือ กายคนอื่น และก็จงอย่าติดใจในวัตถุธาตุใด ๆ จงปลดกำลังใจว่า แม้แต่ร่างกายนี้ มันก็ไม่ใช่เป็นของเรา เพียงแค่นี้ทุกคนก็เป็นพระอรหันต์

    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2012
  2. pepsi5510

    pepsi5510 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,420
    โมทนาสาธุ ครับ...
    ขอบพระคุณสําหรับบทสอนสั่งธรรมดีๆ มาให้อ่านครับ
     
  3. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ท่านเจ้าของกระทู้เข้าใจผิดแล้วขอรับ พอท่านเข้าใจผิด แล้วนำมาเขียนนำมาโฆษณา ก็กลับกลายเป็นการบิดเบือนโดยความไม่รู้คือความเขลา เพราะตัวของท่าน ไม่ได้บรรลุอรหันต์ อ่านเพียงตำรา แล้วเช้าใจเอาว่า ตำราหมายความอย่างนั้น

    ความจริงแล้ว อรหันต์ ทั้ง ๔ แบบ จะรวมอยู่ในตัวบุคคลเพียงคนเดียว ไม่ได้แยกออกเป็น สี่บุคคล คือเป็นบุคคลคนละแบบอรห้นต์ หมายความว่า อรหันต์ทั้ง ๔ แบบนั้น ก็คือลักษณะที่รวมอยู่ในตัวบุคคลที่บรรลุอรห้นต์เพียงบุคคลเดียว ถ้าบุคคลบรรลุอรหันต์ ก็จะ ๑) พระสุกขวิปัสสกะ ๒) พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓) ๓) พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา ๖) ๔) พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔.)

    ถึงแม้ว่า ตามตำราจะกล่าวไว้ว่า พระอรห้นต์แบบ พระสุกขวิปัสสกะ อันหมายถึง พระผู้เจริญวิปัสสนาล้วนสำเร็จพระอรหันต มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่นอีก แต่ในทางที่เป็นจริง ผู้เจริญวิปัสสนา ย่อมปรากฎมี อภิญญา โดยอัตโนมัติ เพราะบุคคลจะเจริญวิปัสสนาได้ ก็ต้องประกอบด้วยความรู้ในหลักธรรมต่างๆอย่างมากมาย ดังนั้น คำว่า พระสุกขวิปัสสกะ จึงไม่ได้มีความหมายว่า สำเร็จอรห้นต์แล้วจะไม่มีคุณวิเศษอย่างอื่น

    เพราะถ้าบุคคลสำเร็จอรห้นต์ ร่างกายก็จะแปรเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับความรู้ของบุคคลนั้น บ้างก็อาจจะสูญสลาย คือ ร่างกายสูญสลาย กลายเป็นธาตุอากาศ ไม่มีวิญญาณหรือดวงจิตหลงเหลืออยู่อีกเลย หรือ บ้างก็อาจจะมีร่างกลายคงสภาพอยู่แต่ร่างกายนั้นจะกลายเป็นปรมณู โปร่งแสง สามารถมองทะลุผ่านร่างกายของบุคคลนั้นๆได้ อย่างนี้เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2012
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    อันที่จริงที่ผมลงข้อความนี้หาไดมีเจตนาบอกว่าพระอรหันต์แบบ สุขวิปัสสโกนั้น ไม่มีอภิญญานะครับ เพียงแต่ต้องการสื่อให้ท่านนึงทราบว่าพระอรหันต์ท่านไม่จำเป็นจะต้องมาแสดงอภิญญาที่มีครับ บางท่านมีท่านก็วางอภิญญาครับและอย่าปรามาสผู้ไม่แสดงอภิญญาน่ะครับ
    ผมต้องขออภัยหากใช้คำเขียนที่อาจจะสื่อผิดไปหน่อยนะครับ ผมเองก็ยังต้องเรียนรู้ไปอีกมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2012
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    พระอรหันต์มีอภิญญาทุกท่าน

    พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ตรัสรู้เหมือนกันทุกประการ จะมีวิชชา๓ ปฏิสัมภิทา๔ เช่นเดียวกันแต่ยิ่งหย่นกว่ากัน และมีเพียงวิธีเดียวคือการเพ่งสติที่จุดมโนทวาร(ระหว่างนัยตาทั้งสองข้าง)ผลคือดับความคิดซึ่งเป็นสมุทัยเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล วิธีนี้เรียกว่าฌานสมาบัติ๙หรือวิปัสสนาญาณ๙ ครับ
    คำตอบนี้ฟังดูแล้วอาจแตกต่างจากตำราและสำนักอาจารย์อื่น แต่ตอบไปตามสภาวะธรรมของอาจารย์ใหญ่หลวงปู่สาวกโลกอุดรครับ
     
  6. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    มีสติในการตอบกระทู้หน่อย ฌานกับญานมันคนละอันกัน และฌาน9คุณตอบมาได้ไงในเมื่อยังไม่รู้จักทำให้แจ้งในฌาน1-8จะไปฌาน9แล้ว ผมหมุนฌาน8เกือบร้อยรอบพระอาจารย์ยังไม่ให้ขึ้นฌาน9เลย คุณมาฌาน9แล้ว

    ตอบตามสภาวะธรรมของอาจารย์คุณโดยที่ยังไม่รู้และทำให้แจ้งในตนก่อนมันใช่หรอ รู้ญานฌานบ้างรึยังนิคุณ ถึงได้รู้ว่าพุทธเจ้าเพ่งที่ระหว่างนัยตาอีก ถ้ายังไม่สามารถเข้าฌานไปพบและสนทนากับพุทธเจ้าได้อย่าเพิ่งพูดดีกว่าไหม มันจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณเปล่าๆ
     
  7. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ผมไม่ได้ตอบกระทู้คุณนะครับ กรุณามีสติหน่อยครับ
     
  8. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    รวนกันไปทุกกระทู้ สนุกจังเลย
     
  9. Thaza

    Thaza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1

    พระอรหันต์มีอภิญญาทุกท่าน คำตอบนี้คือคำตอบที่ถูกต้อง พระอรหันต์ทุกองค์ อย่างน้อยก็มี อภิญญา ข้อที่ 6 ทำกิเลสให้สิ้นไป(ตามที่เจ้าของกระทู้ยกมา) อภิญญา ข้อที่ 6 คือ คุณสมบัติของพระอรหันต์ ทั้ง 4 แบบ
     
  10. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    หากยังละสังโยชน์10ไม่ได้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง..
     
  11. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พระอรหันต์ที่ถึงพร้อมด้วยอภิญญา6นั้นมีชัดเจน สมัยพุทธกาลพระอรหันต์ที่สำเร็จล้วนถึงพร้อมด้วยอภิญญา6ในพุทธประวัติและพระไตรปิฏกก็มีบรรทึกไว้

    ข้อกังขาที่ว่าไม่มีอภิญญาก็บรรลุอรหันต์ได้นี้เท็จจริงยังไง คนบางพวกก็นำไปเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ คนปัญญาทรามมีมิจฉาทิฐิบางพวกอ้างว่าตนสำเร็จอรหันต์แบบไม่มีอภิญญา

    เลิกสร้างไอดีมาแต๋วมาไม่เห็นด้วยกับความจริงเงาตดกับกรรมสนอง ไม่อยากเห็นพวกนายเปิดอบายให้ตนโดยใช่เหตุ ฝึกให้เก่งค่อยมาแต๋วดีกว่า... เหอะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2013
  12. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    ตามนี้เลยครับ พระอรหันต์แบ่งเป็น4 ประเภท แบ่งตามความรู้พิเศษ

    พระอรหันต์ท่านสอนไว้ไม่ผิด ตรงตามพระไตรปิฏกตามคำสอนขององค์พระพิชิตมาร
    สาธุ
     
  13. degba4567

    degba4567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +348
    เข้ามาอ่านครับ อนุโมทนาธรรมกับความคิดเห็นของทุกท่านครับ ส่วนตัวผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะผมยังไม่เป้นพระอรหันต์เลยไม่ทราบครับ ว่าพระอรหันต์ท่านเป็นแบบใด
     

แชร์หน้านี้

Loading...