ใครมีประสบการณ์+ภาพหลวงปู่นาคหลวงปู่หินวัดระฆังเชิญมาแลกเปลี่ยนสนทนาครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 12 ธันวาคม 2012.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกว่า ถ้าไปงานพิธี พุทธาภิเศก แล้วไปเจอหลวงปู่นาคมาด้วย ท่านไม่ต้องทำอะไรครับ

    นั่งสมาธิอย่างเดียวแล้วแอบดู หลวงปู่นาคท่านปลุกเสกแทน
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  3. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    วันนี้ขอเล่าประสบการณ์พระหลวงปู่หิน องค์ครูที่ได้มาครั้งแรก ที่ได้จากมือหลวงลุงวีระ(ลูกบุญธรรมหลวงปู่หิน คณะ๖ วัดระฆัง)คราวนั้นผมยังเป็นเด็กพึ่งจบการศึกษาใหม่ๆยังไม่ได้ทำงานแต่ได้ไปเพราะพี่ไฮ้แกฝันแล้วได้ไปดั่งที่ผมเล่าไปแล้ว ต่อมาเพื่อนผมไปเที่ยวแถวบางปะกอกก็บังเอิญไปมีเรื่องกับขาโจ๋แถวนั้นซึ่งผมก็ไปด้วย ทีแรกเราแค่ดื่มตามประสาวัยรุ่นแต่ต่อมาเพื่อนผมดันไปแซว สาวโต๊ะข้างๆ ทำอีกโตะไม่พอใจก็ปาแก้วใส่โตะเรา เพื่อนทั้งกลุ่มเลยเข้าไปราวี โดยผมพยายามห้ามแล้วทั้งสองฝ่าย จู่ๆอีกฝ่ายชักสปาต้าฟันมายังหลังของผม ฉับที่แรกเพื่อนคิดว่าแย่ แต่ไม่ใช่เลยเสื้อแจ๊กเก็ตขาดแต่ผมไม่เป็นอะไรเลยซึ่งมันก็แปลกเพราะแจ๊กเก๊จของผมไม่ได้หนาเลยเป็นเสื้อบางๆๆ ก็ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนั้นห้อยพระสมเด็จหลวงปู่หินองค์ครูอยู่นี่เองสักพักตำรวจมาก็เลยแยกย้ายกันวิ่งหนี แต่ฝ่ายพวกผมได้เข้าให้ปากคำ ร้อยเวรก็งง เสื้อขาดแต่ไม่มีแผลไรเลย แกเลยบอกว่าน้องชายพี่ขอได้ไหม ผมบอกผมให้ไม่ได้ครับเพราะพระให้มาอีกทีแกบอกว่าทำไมพิมพ์ไม่เหมือนสมเด็จโตแต่เนื้อวัดระฆังนะ ผมเลยบอกไปว่าหลวงปู่หินครับ แกบอกองค์นี้สวยมากเนื้อจัดดีเก็บไว้นะ หลังจากนั้นผมกะพี่ตำรวจก็กลายเป็นเพื่อนกันจนผมตั้งเว็บพุทธคุณแกก็คอยตามไปดู นี่ก็เป็นประสบการณืพระหลวงปู่หินองค์ครูนะครับ ลงพร้อมรูปองค์ครูคือองค์ซ้ายมือนะครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ขอบคุณครับ :boo:
     
  5. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ดูรูปพระสวยๆๆสบายตาจริงๆๆครับ
     
  6. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  7. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    รู้ลึกพระสมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง ๑
    พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบรวมไว้เป็นจำนวนมากจากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่วัดและการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆังซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก ซึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้มากที่สุด จะเป็นรองก็เพียงพระสมเด็จของพระครูสังฆ์ วัดอินทรวิหารเท่านั้น อีกทั้งพุทธคุณก็สูงล้ำในด้านเมตตามหานิยม เป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างมาก

    แต่เนื่องจากท่านได้สร้างพิมพ์ทรงของพระสมเด็จต่าง ๆ ไว้มากมาย ในวงการจึงนิยมเล่นหากันเฉพาะพิมพ์นิยมบางพิมพ์ของท่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใครเห็นก็ทราบว่าเป็นพระของท่าน เช่น พิมพ์เทวดาสามชั้นหูบายศรี พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ชิ้นฟัก พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น ส่วนพิมพ์อื่น ๆ ไม่ค่อยนิยมเช่าหากัน สำหรับพระสมเด็จของท่านที่มีเนื้อหาจัดจ้าน แก่ผงพระสมเด็จ หรือ มีการฝังตะกรุดไว้เป็นพิเศษ ตั้งแต่ 1ดอก 2 ดอก หรือ 3 ดอก จะหาได้ยากมากและเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยจะเช่าหากันในราคาสูงกว่าปกติหลายเท่า

    เป็นที่น่าแปลกใจมากพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังไปมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวมากว้านซื้อกลับไปยังประเทศของตนเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังในปัจจุบัน มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งในอนาคตพระชุดนี้คงจะดังระเบิดด้วยค่านิยมไม่แพ้พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 09 เป็นแน่แท้
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ที่มา http://www.thanormpit.th.edu/somdetteacher/punakexhibition.htm
     
  8. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    เรื่องเล่าหลวงปู่นาคโดยศิษย์สมเด็จ ที่มาตอนที่ 25 - พระสมเด็จหลวงปู่นาค
    [​IMG]
    เส้นทางกลับวัดระฆังมีอยู่สองเส้นทาง คือนั่งรถเมล์เขียวสาย 19 ไปลงที่ถนนอรุณอัมรินทร์ที่หน้าวัดโดยตรง หรือไม่ก็นั่งรถเมล์แดงสาย 23 ไปลงแถวท่าช้างอีกเส้นทางหนึ่ง


    ถ้าวันไหนกลับวัดด้วยรถเมล์เขียวสาย 19 หากรถไม่ติดผมก็รักที่จะแวะร้านกาแฟริมถนนซึ่งมีการเล่นหมากฮอสกันทุกวัน แวะแล้วก็จะสั่งกาแฟหรือโอเลี้ยงมานั่งกินแล้วดูเขาเล่นหมากฮอสกัน


    เพราะเหตุนี้ผมจึงได้รู้จักมักคุ้นกับพวกวงการหมากฮอสของร้านกาแฟนั้นทั้งหมด และพาลรู้ต่อไปด้วยว่าคนประหลาดสามคนที่มีชื่อเณร เป๋ และกำธรนั้นหาใช่นักหมากฮอสธรรมดาไม่ แต่นับได้ว่าเป็นเซียนหมากฮอสตัวฉกาจที่นอกจากมีอาชีพทำราชการเป็นปกติอยู่แล้วก็ยังเล่นการพนันหากินกับหมากฮอสเป็นอาชีพเสริมอีกทางหนึ่ง


    ทั้งสามคนนี้เณรและเป๋ทำงานอยู่ที่กรมอู่ทหารเรือด้วยกัน ในขณะที่กำธรทำงานอยู่คนละที่เพราะทำงานอยู่ที่เทศบาลกรุงเทพ แต่ความที่เป็นนักหมากฮอสด้วยกัน เป็นยอดฝีมือระดับเซียนด้วยกัน และมีถิ่นฐานอยู่ในย่านนี้ด้วยกัน จึงได้คบหาเป็นสหายสนิทกันมาช้านาน มีความสนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเป็นญาติพี่น้องกันเสียอีก


    แม้ว่าต่างคนต่างก็เป็นเซียนหมากฮอสแต่อัธยาศัยต่างกันเป็นคนละแบบ เป๋มีลักษณะเป็นนักต้มตุ๋น มีฝีมือสูง แต่แกล้งทำเป็นหมูให้คู่แข่งต่อแต้ม ครั้นชนะการพนันจนเขาหมดตัวแล้วก็ค่อยเล่นแต้มเท่าไปจนกระทั่งต่อแต้มให้กับคู่แข่งไปเลย


    เณรนั้นเป็นคนนักเลง โผงผาง ตรงไปตรงมา แต่เป็นคนอารมณ์ดี จะเล่นพนันกับใครก็เล่นกันตรงไปตรงมาและรักที่จะต่อแต้มให้คนอื่น ในขณะที่กำธรนั้นมีฝีมือเหนือกว่าทั้งสองคน เป็นคนสุขุมลุ่มลึก และเยือกเย็นจนน่าพิศวง มีความมั่นคงในจิตใจสูงมาก เพราะถึงหากจะถูกรบกวนในขณะเล่นหมากฮอสด้วยวิธีใด ๆ กำธรก็จะยังคงดำรงสติมั่นเป็นปกติ ราวกับว่าได้ผ่านการฝึกฝนอบรมจิตจนมีภูมิธรรมถึงขั้นสูงแล้วก็มิปาน


    ปกติกำธรจะไม่ค่อยเล่นหมากฮอสกับคนอื่นเพราะฝีมือห่างไกลกันมาก ยากที่จะหาคนที่มีฝีมือใกล้เคียงกันมาเล่นกันให้สนุก ดังนั้นกำธรจึงรักที่จะเล่นหมากฮอสกับเพื่อนสองคนนั้นเท่านั้น หรือไม่ก็เล่นกับเซียนหมากฮอสด้วยกันเองซึ่งหาโอกาสได้ยากเพราะมีอยู่ไม่กี่คน จึงนับได้ว่ากำธรเป็นคนที่น่านับถือในคุณธรรมได้คนหนึ่ง


    ผมได้รับรู้ข้อมูลของทั้งสามคนจากวงการหมากฮอสก่อนที่จะได้มักคุ้นกับทั้งสามคนนี้ซึ่งเป็นผลมาจากความเฉลียวและมักระแวง คือเมื่อมีความรู้สึกระแวงสงสัยเกิดขึ้นแล้วก็รักที่จะสืบสาวราวเรื่องเพื่อให้ได้ความจริง และเพราะได้ความจริงเช่นนี้ผมจึงไม่ถูกเป๋ต้มตุ๋น มีแต่ผมทำตนเป็นหมูกินเซียน เล่นหมากฮอส กินกาแฟและกินเงินเป๋มาหลายบาท


    ความเฉลียวกับความฉลาดเป็นของคู่กัน หากขาดไปเสียอย่างใดอย่างหนึ่งก็พึ่งตนเองลำบาก เพราะหากมีความเฉลียวอย่างเดียวก็จะระแวงสงสัยจนเป็นความกังวลหม่นหมอง หรือหากฉลาดอย่างเดียวก็รู้ตัวไม่ทันการ ตัวอย่างก็มีให้เห็น ๆ กันอยู่ ดังนั้นการฝึกฝนให้มีพร้อมทั้งความฉลาดและความเฉลียวจึงเป็นเรื่องจำเป็นของคนเราอีกเรื่องหนึ่ง


    ถ้าวันไหนผมกลับวัดด้วยรถเมล์แดงสาย 23 เมื่อลงจากรถเมล์ที่ท่าช้างวังหลวงแล้ว หากยังพอมีเวลาเหลือจึงมักที่จะเดินทางไปดูหนังสือที่ซุ้มหนังสือใต้ต้นมะขามข้างสนามหลวง ซึ่งเป็นแหล่งหนังสือมากมายหลายชนิด ทั้งหนังสือวิชาการ บันเทิง วรรณคดี สารคดีครบครัน และในราคาที่ไม่แพง


    ผมลงทุนให้กับสมองของตัวเองมาตั้งแต่น้อย และไม่เห็นว่าการลงทุนใดจะดียิ่งไปกว่าการลงทุนด้วยการซื้อหาหนังสือตำรับตำรามาอ่าน เหตุทั้งนี้เนื่องจากผมมีอัธยาศัยรักการอ่านมาตั้งแต่น้อย เมื่อครั้งที่เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเก่าที่บ้านนอก ยามใดมีเวลาว่างผมก็มักจะเข้าไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุด จนมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุดเป็นอย่างดี


    ผมอ่านหนังสือจนหมดห้องสมุด ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายจนเกินวัย และแน่นอนว่าเมื่อขลุกอยู่กับห้องสมุดเช่นนี้ก็ย่อมมีโอกาสเรียนรู้ได้มากกว่าคนที่ไม่รักการอ่าน

    เฉพาะหนังสือสามก๊กนั้นผมได้ยินก๋งเล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังตั้งแต่ยังพอจำความได้ ตอนเล็ก ๆ รู้จักเรื่องสามก๊กจากการขับร้องแบบงิ้วซึ่งภาษาฮกเกี้ยนเรียกว่าโผยเต หงี่ พอรู้ความมากขึ้นก๋งก็เล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังเป็นประจำ ทำให้มีความสนใจเรื่องสามก๊กมาตั้งแต่เด็ก พอรู้จักเข้าห้องสมุดก็อ่านสามก๊กจนจบไปหลายรอบ


    ตั้งแต่น้อยผมก็ได้ยินคนเขาแซวว่าเป็นเด็กเพียงเท่านี้ริจะอ่านหนังสือสามก๊ก เห็นท่าต่อไปจะคบไม่ได้เพราะใครอ่านสามก๊กจบสามรอบโบราณเขาว่าห้ามคบ ผมก็ได้แต่หัวเราะเพราะคิดและเชื่อว่าใครจะเป็นคนคบได้หรือคบไม่ได้ย่อมไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือเป็นแน่ ย่อมสุดแท้แต่จิตใจชั่วร้ายเลวทรามหรือดีงามสูงส่งต่างหาก


    ในวัยเด็กผมไม่รู้จักการลงทุนเพื่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทอง แต่ผมก็รู้จักและได้เรียนรู้ถึงการลงทุนทางสมองและปัญญาด้วยการขวนขวายซื้อหาหนังสือและตำรับตำรามาอ่าน จึงทำให้ผมมีหนังสือสะสมเป็นจำนวนมาก


    พอเติบโตขึ้นผมก็ได้พบคำสอนของท่านเจ้าคุณพุทธทาสในเรื่องนี้ว่าอายุคนเราไม่ยาวนานเท่าใดนัก แต่คนจำนวนมากกลับปล่อยปละให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ สู้หัวเผือกหัวมันก็ยังไม่ได้ เพราะหัวเผือกหัวมันนั้นแต่ละเดือนแต่ละปีก็ใหญ่โตเรื่อยไป


    แล้วท่านเจ้าคุณพุทธทาสก็สอนว่าเกิดมาเป็นคนก็อย่าให้เสียชาติเกิด ต้องพยายามเรียน พยายามรู้ด้วยการศึกษาปฏิบัติให้ถึงพร้อม คือถึงพร้อมทั้งปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ ก็จะมีผลต่อการทำให้สติปัญญาพัฒนาไปในทางที่ประเสริฐสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ หากทำเช่นนี้แล้วก็จะไม่อายหัวเผือกหัวมัน


    แต่เวรกรรมผมคล้ายกับคนเร่ร่อนจรจัด อยู่ที่ไหนได้พักหนึ่งก็ต้องโยกย้ายที่อยู่ เมื่อย้ายที่อยู่ทีหนึ่งก็ต้องขนย้ายหนังสือเป็นกองพะเรอเกวียน ในขณะที่ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นหาได้มีสิ่งใดมีค่าไม่ คงมีก็แต่เสื้อผ้า 2-3 ชุดกับรูปภาพพระอาจารย์และผู้ที่เคารพนับถือเท่านั้น


    ที่ว่าเป็นเวรกรรมก็เพราะที่อยู่แต่ละแห่งนั้นมักจะมีปลวกมากมายสุดจะคาดคิด หนังสือวางอยู่ดี ๆ เห็นเป็นเล่มเรียงแถวอยู่ดี ๆ พอหยิบขึ้นมาดูอีกทีหนึ่ง ที่ไหนได้ข้างในปลวกกินไปจนหมดแล้ว เป็นอย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนถึงวันนี้ผมก็ไม่มีห้องสมุดของตัวเองที่เป็นตัวเป็นตนเป็นเรื่องเป็นราวเลย


    เพราะเหตุที่หนังสือหนังหาตำรับตำราสูญหายไปเพราะเหตุประการต่าง ๆ จึงทำให้ผมไม่ค่อยวางใจในความรู้อันมีอยู่ในตำรา ดังนั้นในพลันที่ได้รับหรือหาหนังสือหนังหาตำรับตำรามาได้แล้ว ผมจึงต้องก้มหน้าก้มตาอ่านจนหมด อ่านหมดแล้วหากยังไม่เข้าใจหรือไม่ซึมซับประทับไว้กับใจก็จะเอามาอ่านใหม่ในยามว่าง


    ทำให้ความรู้มาอยู่กับตัวคู่กับความรู้ที่อยู่ในตำรา ซึ่งเป็นไปตามคติโบราณที่ว่า “จำขึ้นใจในวิชาดีกว่าจด จำไม่หมดจดไว้เป็นครูสอน จดและจำทำวิชาให้ถาวร เป็นอาภรณ์เทิดตนพ้นลำเค็ญ” ดังนั้นแม้วันเวลาผันแปรผ่านไป ความรู้และวิชาทั้งหลายส่วนที่อยู่ในหนังสือและตำราถึงจะถูกปลวกกัดกินหรือสูญหาย แต่ความรู้และวิชาในส่วนที่อยู่ในตัวนั้นมดปลวกไม่มีวันทำลายหรือมีเหตุที่ทำให้สูญหายไปได้เลย


    ในกรณีที่ผมแวะเวียนไปซื้อหาหนังสือที่สนามหลวงแล้ว ผมก็มักที่จะแวะไปหาหมอปานซึ่งนั่งดูหมอเป็นประจำอยู่ที่นั่น บางวันหมอปานก็ให้ดูหมอแทนบ้างพอเป็นเครื่องอดิเรก จากนั้นจึงไปหาข้าวหาปลากินกัน แล้วพากันกลับไปวัด


    ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ผมได้จัดเวลาให้กับตัวเองเป็นว่าในวันเสาร์นั้นสำหรับซักเสื้อผ้า ปัดกวาดกุฏิเป็นการใหญ่ เสร็จแล้วก็จะไปเล่นหมากรุกกับลุงต๋อมที่ใต้ถุนกุฏิหลวงปู่นาค ถ้าวันไหนลงเล่นหมากรุกแล้วก็เป็นอันว่าเล่นกันจนค่ำมืด นานวันเข้าผมก็ชักชำนาญในการหมากรุก


    แต่ถ้าหากไม่เล่นหมากรุกผมก็ไปเล่นหมากฮอสซึ่งมีที่เล่นอยู่ 2-3 แหล่ง คือที่ร้านกาแฟหน้าคณะหนึ่ง หรือร้านกาแฟริมถนนอรุณอัมรินทร์ หรือไม่ก็ไปเล่นที่ตลาดบ้านขมิ้น และถ้าลงไปเล่นหมากฮอสก็เช่นเดียวกับหมากรุกคือเล่นจนค่ำมืด


    ทำให้ผมได้พรรคพวกเพื่อนฝูงในวงการหมากฮอส ทั้งพวกที่เล่นหมากฮอสเองและพวกที่เชียร์หมากฮอสเป็นจำนวนมาก จนแทบจะกล่าวได้ว่าไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่ไร้ซึ่งเพื่อนฝูง และเพื่อนวงการนี้ส่วนใหญ่ก็มีน้ำใจ ใครกินอะไรอยู่เห็นเพื่อนพวกมาก็จะชวนร่วมกินร่วมดื่ม ทำให้ได้ความอบอุ่นใจและคลายความว้าเหว่เหงาหงอยได้เป็นอย่างดี


    สำหรับวันอาทิตย์เป็นวันนัดเพื่อนฝูงซึ่งแทบทั้งหมดก็เป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ไปเที่ยวเตร่เฮฮาเสียครึ่งค่อนวัน บางครั้งก็ไปบ้านของเพื่อนคนนั้น บางครั้งก็ไปบ้านของเพื่อนคนนี้ บางทีก็ไปเที่ยวในที่ต่างถิ่นหรือเที่ยวในการงานเทศกาลตามควรแก่การเรื่อยไป


    ช่วงบ่ายถึงค่ำก็ทบทวนตำรับตำรา หรือไม่ก็นั่งฟังพระสนทนาธรรมกับญาติโยม ซึ่งมีญาติโยมมาเยี่ยม มาถวายข้าวของ และมาสนทนาธรรมกับพระมหาทรงธรรม์เป็นประจำ แท้จริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนานั่งฟังการสนทนาธรรมแต่ประการใด เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องของพระอภิธรรมซึ่งผมไม่ค่อยชอบ ดังที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว แต่ที่เรียกว่านั่งฟังก็เพราะต้องนั่งในที่ใกล้เพื่อคอยรับใช้พระและญาติโยมตามหน้าที่นั่นเอง


    บางวันถ้ากุฏิท่านเจ้าคุณใหญ่เขาทำพระสมเด็จผมก็เข้าไปช่วยเขาทำด้วย ทำให้ได้รู้จักมักคุ้นกับเด็กวัดในคณะหนึ่งเป็นอย่างดีทั่วทุกคน


    หลวงปู่นาคท่านเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ อยู่ในวัยแปดสิบเศษ รูปร่างอ้วนท้วน หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา และมีศีลจริยาวัตรงดงาม ประพฤติธรรมอยู่เป็นเนืองนิจ มีอิทธิจิตในระดับที่สูง ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางว่าหลวงปู่นาคทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพระสมเด็จที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่นาคจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

    ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือหลวงปู่นาคท่านทำพระสมเด็จอยู่เสมอตามความจำเป็นและความต้องการของญาติโยม แต่เป็นการทำไปเรื่อย ๆ ตามแต่สะดวกและความพร้อมของผู้ทำคือบรรดาเด็กวัดและพระเณรในคณะหนึ่ง ไม่ได้จัดตั้งเป็นการพิธีใหญ่และทำพระเป็นจำนวนมาก ๆ เพื่อจำหน่ายเป็นพุทธพาณิชย์ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


    วันไหนมีการทำพระสมเด็จ ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประจำกุฏิใหญ่ก็จะผสมผงมาแล้วเสร็จ ใส่ในกาละมังบ้าง ในถังบ้าง และให้บรรดาพระเณรรวมทั้งเด็กวัดช่วยกันพิมพ์พระที่บริเวณชั้นล่างด้านหน้าของกุฏิใหญ่


    การทำพระสมเด็จของหลวงปู่นาคจะใช้ผงปูนปลาสเตอร์เป็นพื้น ผสมกับผงพระเก่าที่เหลือจากการทำรุ่นก่อน ๆ สืบทอดกันมา เหมือนกับน้ำมนต์ในวิหารสมเด็จที่ใช้น้ำใหม่เติมน้ำมนต์ในโอ่งที่ทำมาตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จ


    นอกจากนี้ยังใช้ผงธูปจากกระถางธูปในโบสถ์ ผงตะไคร่น้ำจากพระปรางค์และพระเจดีย์ในวัดระฆัง แม้กระทั่งดอกไม้สำหรับบูชาพระประธานในโบสถ์มาตากแห้งแล้วบดเป็นผง และใช้ข้าวก้นบาตรรวมทั้งกล้วยซึ่งบดทั้งเปลือกเป็นส่วนผสมด้วย


    เมื่อผสมผงได้ที่ตามตำรับเก่าแก่ของวัดระฆังแล้ว ก็จะพิมพ์ลงในแบบพิมพ์พระซึ่งแกะสลักในแผ่นไม้ บางแผ่นก็มีพิมพ์พระหนึ่งองค์ บางแผ่นก็สอง หรือสาม หรือห้าองค์ ตามแบบต่าง ๆ ที่วัดระฆังเคยทำมา และทรงอันเป็นที่นิยมมากก็คือแบบพิมพ์ทรงพระประธานทรงใหญ่


    ในบรรดาเด็กวัดที่ช่วยกันทำพระสมเด็จนั้นก็มีโอฬารหัวหน้าเด็กวัดคณะหนึ่งเป็นเจ้ากี้เจ้าการควบคุมเด็กวัด แต่ก็ยังมีพระผู้ใหญ่คอยควบคุมดูแลอยู่อีกชั้นหนึ่ง


    พระที่พิมพ์ก็จะเป็นพระสมเด็จซึ่งเรียกกันว่าพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาค มีทั้งทรงพิมพ์ใหญ่ ทรงเจดีย์ ทรงปรกโพธิ์ และอีกหลายแบบสุดแท้แต่แม่พิมพ์ที่พระผู้ควบคุมการจัดทำจะจัดมาให้ทำ


    วันไหนพิมพ์พระได้เท่าใดก็จะมีการนับจำนวนทวนสอบจนตรงกัน แล้วพระเถระผู้ควบคุมการทำพระก็จะยกเอาถาดใส่พระซึ่งพิมพ์เสร็จแล้วขึ้นไปข้างบน เพราะหลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการปลุกเสกตามแบบฉบับและกรรมวิธีของวัดระฆังที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี


    พระสมเด็จเหล่านั้นจะถูกนำไปบรรจุกล่องและวางไว้ในห้องพระของท่านเจ้าคุณใหญ่ซึ่งเป็นห้องโถงอยู่ชั้นบนของกุฏิใหญ่นั้น จากนั้นก็จะมีการวนสายสิญจน์จากพระประธานของห้องพระ วนลงมาเวียนรัดรอบกล่องพระนั้นจนครบถ้วนทุกกล่อง


    ทุกวันหลังจากหลวงปู่นาคท่านสวดมนต์ไหว้พระแล้ว ท่านก็จะเข้าสมาธิภาวนาพระคาถาชินบัญชร แล้วเพ่งพลังจิตและอธิษฐานจิตตามกรรมวิธีปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง และจะเพิ่มเวลาทำสมาธิภาวนาแผ่พลังจิตมากขึ้นสำหรับวันพระและถ้าเป็นห้วงเวลาในเทศกาลเข้าพรรษาก็ยิ่งเพิ่มเวลามากขึ้นไปอีก


    บางครั้งหลวงปู่นาคก็จะให้นิมนต์พระสงฆ์ในคณะหนึ่งมาสวดพระปริตรและสวดพระคาถาชินบัญชรปลุกเสกพระด้วย และบางทีในวันพระใหญ่คือวันขึ้น 15 ค่ำและวันมหาปาวารนา หลวงปู่นาคก็จะให้พระขนกล่องพระสมเด็จเข้าไปในโบสถ์ วนสายสิญจน์มาจากพระประธานมายังกล่องพระ


    ในบางทีเมื่อมีงานบวชหลวงปู่นาคก็จะให้ขนกล่องพระเข้าไปในโบสถ์ด้วย นัยว่าการสวดญัตติจตุตถกรรมนั้นในอุปสมบทพิธีนั้นมีผลมากต่อการปลุกเสกพระเครื่องให้เป็นพระ.
     
  10. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ใช่ครับ คนส่วนใหญ่ยึดติดกับค่านิยมมากไป และพยายามแสวงหาแต่สมเด็จที่สร้างโดยเจ้าประคุณสมเด็จโตอย่างเดียว ซึ่งมีโอกาสได้ของปลอม ผมว่าถ้าศึกษาให้ดีได้ของหลวงปู่นาค หรือ หลวงปู่หิน ก็เพียงพอแล้วครับ :cool:
     
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    อันนี้ที่มา จาก พระเก็หลวงปู่หิน วัดระฆัง หลีกให้ไกล : เว็บ-พระ.คอม
    พระชุดนี้เป็นพระเก็ที่มักเห็นในเวป และในสนามพระทั้วไป ที่คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเจตนานำพระเก็มาขาย ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการจรรโลงพระในสายหลวงปู่นาค วัดระฆัง และพระหลวงปู่หิน วัดระฆัง จึงอยากจะแนะนำหากเจอพิมพ์เหล่านี้ในเวป หรือในตลาดพระ หลีกให้ไกล เพราะโอกาสแท้มีไม่ถึง5 เปอร์เซนต์ เพราะความหายาก และไม่ค่อยมีคนศีกษาอย่างลึกซึ่งจึงไม่ทราบข้อเท็จจริง ผมได้นำพระบ้างส่วนที่เป็นพระเก็หลวงปู่หิน วัดระฆัง ที่เห็นขายกันเกลือนในหลายเวป หรือในตลาดพระมาลลงให้เพือนได้รู้ทันพระเก็สายวัดระฆัง ให้ชม และให้หทราบข่อเท็จจริงครับ พระของหลวงปู่หิน เนือจะออกฟูๆ คล้ายพระบางขุนพรหม 09 ไม่ใช่เป็นปูนกระด้าง แห้งดีมาก ขนาดบางเวปที่มีบัตรรับรองยังบอกว่าแท้ครับ เชื่อผมเต๊อะ แล้วเงินยังอยู่ครบครับ ด้วยความปรารถนาดี[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  12. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

    rพระสมเด็จอีกสกุลที่หลวงปู่นาคท่านร่วมปลุกเสกครับ
    [​IMG]
    พระสมเด็จกรุวัดนางชี พิมพ์พระโมคคัลลาน พระสารีบุตร ปี 2509 พิธีเยี่ยม เป็นพิมพ์พระที่ใช้พิมพ์จากพระประธานในพระอุโบสถของวัดนางชี มีผงวิเศษต่างๆ ผสมอยู่มากมาย หลายอาจารย์ โดยท่านเจ้าคุณบริหารบรมธาตุ ( ประเสริฐ ธมฺมธีโร ) วัดนางชีมอบผงหลวงปู่เฒ่า วัดหนัง ท่านเจ้าคุณโพธิวรคุณ วัดโพธิ์นิมิตร มอบผงที่ท่านทำเอง พระครูวิริยะกิตติ ( หลวงปู่โต๊ะ ) วัดประดู่ฉิมพลี มอบผงที่ท่านทำเอง พระครูสมุห์อำพล วัดประสาทมอบผงว่าน 108 คุณชลอ เปรมสวัสดิ์ มอบผงหลวงปู่ชู วัดนาคปรก คุณโรมรา มอบผงหลวงปู่เฒ่า วัดหนัง และยังมีพระผงขุนแผนหัก ดอกมะลิที่ถวายหลวงพ่อทิพย์วารี และยังมีผงอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อได้มวลสารแล้วใช้เวลาสร้างนานถึง 9 เดือนเศษ เมื่อสร้างพระเสร็จแล้วทางวัดได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ 9 รูป ทำพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งก็เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงทั้งสิ้น พระผงรุ่นนี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2509 พระส่วนใหญ่ได้บรรจุอยู่ในพระปรางค์วัดนางชี ที่เหลืออีกส่วนหนึ่งบรรจุอยู่ในหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

    นามพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่ร่วมพุทธาภิเษก จำนวน 9 รูป

    หลวงปู่นาค วัดระฆัง , เจ้าคุณผล วัดหนัง ,หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร , หลวงพ่อผิน วัดพระเชตุพนฯ ,หลวงปู่เทียน วัดโบส , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ ,หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ , หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก และ หลวงพ่อนวล วัดไก่เตี้ย
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ลักษณะของปลอมที่ตัดปัญหาการพิจารณา


    เพียงเห็นก็ทราบว่าเป็นของปลอม ไม่ต้องนำมาพิจรณาเลย เช่น



    [​IMG]

    1.แบบมีปริมาตรเขื่อง

    พิมพ์ทรงเหมือนของจริงแต่มีขนาดใหญ่เช่น เท่าซองบุหรี เป็นต้น





    2.รูปเจ้าพระคุณสมเด็จ

    มีทั้งชนิดแบนและแบบลอยตัว บางรายเป็นกริ่งภายใน เป็นเนื้อผงสีคล้ำเพราะแช่น้ำหมากหรือลงรักปิดทอง ที่เป็นของเกจิรุ่นหลังก็มี เพราะเจ้าพระคุณไม่เคยสร้างรูปตัวท่านเองเลย





    3.แบบตราแผ่นดิน

    มีหลายขนาด สีขาวบ้าง หม่นบ้าง บางรายขนาดใหญ่เท่าซองบุหรี่ มีทั้งของปลอมและของเกจิรุ่นหลัง





    4.แบบที่มีอักษรจารึก

    เช่น สมเด็จโตถวายพระจอมเกล้า ,ถวายเมือ ร.ศ. ,แบบติดเพชรติดพลอย ปลอมทั้งสิ้น







    5.แบบที่มีอักขระเลขยันต์ ไม่เป็นของเกจิรุ่นหลัวก็เป็นของปลอมทั้งสิ้น





    6.แบบที่มีสีประหลาด มีสีหม่นเข้มหรือ เหลืองจัด เป็นของปลอม





    พระเครื่องตระกูลพระสมเด็จ

    1.พระสมเด็จอรหัง

    สร้างโดย สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. 2363 สมัยครองวัดมหาธาตุ เพียงปีเศษก็สิ้นพระชนม์ สร้างก่อนพระสมเด็จวัดระฆัง 47 ปี ส่วนใหญ่ไม่ได้บรรจุกรุ แต่มีการนำมาบรรจุกรุวัดสร้อยทอง นนทบุรี ในภายหลัง มีเนื้อขาว และเนื้อปูนแดง มี 2 พิมพ์ คือพิมพ์ธรรมดา และพิมพ์จิ๋ว ด้านหลังจารึกอักษรของ อรหัง มี2 แบบ คือแบบเส้นเป็นร่องลึก และแบบเส้นเป็นทิวนูน เรียกว่าหลังโต๊ะกัง เพราะคล้ายการตีตราทองรูปพรรณ


    2.พระสมเด็จวัดพลับ สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน สมัยที่ยังเป็นพระญาณสังวร ครองวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) สร้างประมาณปี 2362 ก่อนสมเด็จอรหัง 1 ปี ก่อนสมเด็จวัดระฆัง 48 ปี เนื้อแก่ผงพุทธคุณมากเพราะพระองค์ท่านเป็นต้นตำรับผงวิเศษแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนิพนธ์คัมภีร์กัมมัฏฐาน และทรงแปลคัมภีร์พระวิสุทธิมรรค ขึ้นเป็นฉบับแรกของเมืองไทยด้วยส่วนพระสมเด็จที่เจาะกรุได้จากวัดพลับนั้น สร้างโดยหลงตาจัน โดยมีอาสนะ 3 ชั้น เนื้อปูนปั้น อ่อนกว่าสมเด็จวัดพลับมาก

    พระวัดโค่ง อุทัยธานี ได้มีพระภิกษุนำพระสมเด็จวัดพลับ จำนวน 5 ไห



    ล่องเรือขึ้นมาจะบรรจุไว้วัดโบสถ์ แต่วันนี้สร้างอุโบสถเรียบนร้อยแล้ว



    จึงเลยมาวัดโค่ง และบรรจุไว้ แต่กกรุเมื่องปี พ.ศ.2485 ขณะรื้อกำแพงโบสถ์



    มีพิมพ์กรรอกเผือกมาที่สุด เป็นพิมพ์จิ๋วมีสีขาว ขนาด 1*0.5*0.3 ซ.ม. เท่านั้น



    ไม่เกี่ยวกับการเห็นกระรอกเผือกที่เจดีย์แต่อย่างใด




    3.พระวัดสามปลื้ม สร้างโดยเจ้าพระยาบดินเดชา (สิงห์ สิงหเสนีย์) โดยได้สร้างเมื่อคราวปฏิสังขรวัดเมื่อปี พ.ศ.2363 ปีเดียวกับสมเด็จอรหัง แต่นิยมพุทธศิลป์อยุธยา เนือแก่กว่าเนื้อพระสมเด็จมาก องค์ที่หักจะมีกลิ่นหอมคล้ายเกสรดอกไม้หรือแป้งร่ำโบราณอย่างประหลาด การพบ



    พระมี 3 ระยะ ด้วยกัน



    ครั้งที่1.สมัยพพระพุฒจารย์ มา ( ท่านเจ้ามา ผู้สร้างพระชัยวัฒน์ เนื้อทองผสม )



    ดำริให้รื้อเจดีย์ราย 9 องค์ ด้านทิศใต้พระอาราม ให้ปลูกตึกเช่าหารายได้เข้าวัด



    พบพระจำนวนมาก





    ครั้งที่2.พระครูมงคลวิจิตร ใช้ สุวัณโณ รื้อเจดีย์ที่เหลือ 1 องค์ พบพระ 4 ปี๊บ





    ครั้งที่ 3 ปี พ.ศ. 2483 พระครูมงคลวิตร ดำริให้ขยายถนนทางเข้าวัดทางสำเพ็ง



    ต้องย้ายศาลเจ้าพ่อบดินทร จึงต้องรื้อเจดีย์อีกด้านเพื่อก่อสร้างศาลที่ย้ายมาพบพระอีกมากมายราว 50,000 องค์ ประกอบกับมีสงครามอินโดจีน จึงแจกจ่ายจนหมด


    4.พระสมเด็จปิลันท์ ของสมเด็จพระพุทธบาทปิลันท์ (สมเด็จทัด เสนีวงศ์)สร้างหลังเจ้าพระคุรสร้างพระสมเด็จ 2 ปี โดยขอผงวิเศษจากเจ้าพระคุณมาผสม และปลุกเสกให้ด้วย จึงเรียกว่าพระสองสมเด็จ บรรจุเจดีย์ทางทิศตะวันตะเฉียงใต้ของพระอุโบสถ ถูกลักเจาะครั้งแรกปี พ.ศ. 2471 แต่ได้พระไปน้อย มาเปิดกรุเมือสงครามอินโดจีนส่งให้ทหารออกศึก มีพิมพ์ ปรกโพธิ์ พิมพ์อัครสาวก พิมพ์ห้ามแก่นจันทร์(พิมพ์ซุ้มเกลี้ยงและพิมพ์ซ้มเปลวเพลิง) พิมพ์หยดแป้ง และพิมพ์อื่นๆ




    5.พระวัดเงิน เป็นวัดบริเวณคลองพระโขนง มี 3 วัดคือ วัดหน้าพระธาตุ วัดทอง และวัดเงิน ปีพ.ศ.2488ทางราชการก่อสร้างท่าเรือกรุงเทพ จึงรวมวัดเข้าด้วยกันเป็นวัดาตุทอง เปิดกรุเจดีย์ที่ 2และ3 เมื่อ รศ112 รบกับฝรั่งเศส และเมือปี พ.ศ.2478 เจดีย์ริมน้ำพังทลายลงพบพระเป็นจำนวนมาก และเมื่อปี พ.ศ. 2480-90 ทำหารรื้อเจดีย์ทั้งหมดพบพระจำนวน มหาศาล คนงานต่างโกยไปขายปี๊บละ 200 บาท




    6.พระวัดท้ายตลาด สร้างโดย พระวิเชียรมุนี เจ้าอาวาสวัดสร้างเมือปี พ.ศ. 2431 มีการลักเจาะกรุหลายครั้ง มาแตกกรุเมื่อคราวสงครามอินโดจีน มอบให้ราชการแจกทหารไป 4,000 องค์ นอกจากนี้มีพบที่วสัดนางชี วัดหงส์ด้วย


    7.พระวัดอัมภวา บางกอกใหญ่ กรุงเทพ พระพุทธโฆษาจารย์ ฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดอรุณ เป็นผู้สร้างพระชุดนี้ ท่านเป็นพระเถระรุ่นเดียวกับเจ้าพระคุณสมเด็จโต ได้สร้างตะกรุดโทนทองแดง และตะกรุดพวงสามกษัตริย์ขนาดย่อมที่มีชื่อเสียงมาก วัดอัมพวา จึงอาราธนาท่านมาสร้างพระไว้เมือประเมาณปี พ.ศ. 2412 อายุการสร้างใกล้เคียง พระสมเด็จและพระปิลันท์ เปิดกรุเมื่อคราวรบฝรั่งเศส รศ.112 และคราวสงคามอินโดจีน อีกสองครั้งเมื่อพ.ศ.2492 และ พ.ศ. 2505 เป็นพระเนื้อผงปูนน้ำมัน มีมากถึง 108 พิมพ์ ส่วนมากย่อมๆ มน ๆ คล้ายวัดพลับ ที่เป็นพิมพ์สังฆาฏิ และ พิมพ์ฐานแซม เหมือนวัดระฆังก็มี แต่เนื้อเป็นปูนน้ำมัน ชัดเจน




    8.พระวัดรังสีสุทธาวาส เขตชนะสงคราม กทม สร้างโดยสมเด็จเจ้ากรมขุนิศรานุรักษ์ ติดวัดบวรนิเวศ ที่สร้างโดย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วัหน้าในรัชกาลที่ 3 ภายหลังรวมกับวัดบวร เปลี่ยนเป็นคณะรังสี พระวัดรังสีสร้างโดย พระธรรมกิตติ( แจ้ง) หรือหลวงพ่อวัดรังสี เกจิผู้เรืองพุทธาคม ท่านสร้างแจกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 พ.ศ.2460 เนื้อผงสีขาวหม่น แห้งสนิท ท่านได้สร้างเหรียญตัวท่านด้วย ใครมีพระวัดรังสีรอดชีวีกลับมาได้




    9.พระมฤคทายวัน หลวงปู่นาควัดหัวหิน ( พระครูวิริยาธิการี) สร้างถวาย รัชกาลที่ 6 เตรียมแจกทหารอาสา 1 ปี ก่อนประกาศสงครามโลกครั้งที่ 1




    10 . พระวัดพระยาสุเรนทร์ หรือ บึงพระยาสุเรนทร์ มีนบุรี กรุงเทพ


    สร้างโดย หลวงพ่อกล่ำ ( พระครูอุดมพิริยะคุณ) ล้อพิมพ์สมเด็จ แต่ย่อมกว่า องค์พระค่อนข้างโปร่ง ด้านหลังส่วนมาก ลงเหล็กจาร


    11.พระสมเด็จหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ( พระครูธรรมานุกูล ภู จันทสโร ) ท่านเป็นศิษย์ของเจ้าพระคุณสมเด็จโต สร้างประมาณปี 2463 เพื่อจำหน่ายหาทุนก่อสร้างพระศรีอริยเมตตรัย หลวงพ่ดโตวัดอินทร ที่เจ้าพระคุรสมเด็จสร้างไว้เพียงครึ่งองค์ ได้นำผงวิเศษของเจ้าพระคุณมาผสม พิมพ์ที่เรียกกันว่าพิมพ์แซยิด คล้ายกับฐานแปดชั้นอกร่องแต่มีเส้นกรอบฐานทั้งสองข้าง(คล้ายแม่บันได) และมีอุณาโลม 2 ตัว นั้น ศิษย์ใกล้ชินหลวงพ่อท่านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยนาม) ยืนยันว่า ไม่ใช่พระที่หลวงปู่ภูสร้าง แต่เป็นของปลอมที่สร้างทีวัดอินทร์นั่นเอง







    12.สมเด็จพระครูสังฆ์ พระครูสังฆบวร (แดง) วัดบวรนิเวศน์ ชนะสงคราม เขตพระนคร ได้สร้างเมือ ปี 2465 โดยนำเอาเนื้อพระสมเด็จที่แตกหักในองค์หลวงพ่อโต มาบดผสมใหม่ จำหน่ายองค์ละ 1 บาท เพื่อนำเงินมาสร้างหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหาร ต่อจากหลวงปู่ภู
     
  14. somharnwong

    somharnwong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +196
    พระของหลวงปู่นาคมีของปลอมยังครับ..
    ผมเห็นมีที่วัดระฆังนะครับ
     
  15. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  16. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    สวัสดีครับ
    กระทู้นี้น่าสนใจมากครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ปารถนาพระสมเด็จฯมาตลอด โดยเฉพาะของลูกศิษย์สมเด็จท่าน แต่ก็โดนมาตลอดเหมือนกัน องค์นี้เขาบอกว่าของหลวงปู่หิน แต่ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ


    [​IMG][​IMG]
     
  17. Puthapower2012

    Puthapower2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +2,598
    ของผมเคยเช่าไว้ 1 องค์เป็นพิมพ์ปรกโพธิื์์ แบบองค์ที่1 แต่เป็นเนื้อผงสีขาวฟ่ามๆ (ไม่ใช่เนื้อผงใบลาน) แต่พิมพ์เดียวกัน เนื้อหาก็ดูเก่าดี เสียดายถ่ายรูปลงคอมไม่เป็นคงต้องหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ขอบคุณทุกท่านครับ
     
  18. bigfoot

    bigfoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +704
    ของผมได้มาเมื่อปีที่แล้วครับ ภาพทั้งหมดอยู่กระทู้นี้ครับ ถ่ายใกล้ๆ
    มีเม็ดมวลสารผงเก่า และตะกรุดครับ ฝากพี่ๆแนะนำด้วยนะครับ
    http://palungjit.org/threads/ฝากพระสมเด็จหลวงปู่นาคให้พิจารณาครับ-เนื้อหามวลสารตะกรุดเก่าสวย.410261/

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wyuvxfcV163iYMyP" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/9e5/6KNRdU.jpg" /></a>
     
  19. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    ของผมที่กระทู้นี้น่าจะไม่ค่อยแน่ใจแล้วละครับ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84-4-%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.410213/
     
  20. nitiponnok

    nitiponnok สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +15
    ผมเองก็มีพระสมเด็จอยู่ หลายองค์ เท่าที่ดูไม่รู้ว่าเป็นของหลวงปู่นาคหรือปล่าว
    แต่แม่ผมเคยบอกว่าพ่อผมเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่นาคสมัยที่ท่านยังหมุ่มๆอยู่
    และเคยไปเป็นลูกมือช่วยกดพิมพ์พระให้ท่านด้วย นี่แม่เล่าให้ฟังนานแล้ว
    ผมก็เลยนำพระที่เป็นของพ่อผมลองมาให้ดูกัน ว่าจะใช่ของหลวงปู่นาคหรือเปล่า มีหลายองค์ครับ ท่านใดพอทราบ ช่วยแชร์ความรู้กันหน่อยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • np002.jpg
      np002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      318 KB
      เปิดดู:
      692

แชร์หน้านี้

Loading...