ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อปฏิบัติและหลบภัย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย thavornsiripat, 8 มิถุนายน 2007.

  1. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (one-eye) งานขุดแบบหิน ๆ ท่ามกลางแดดหลังฝน (one-eye)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (b-smile)ไม่มีคำบรรยาย ฟ้องด้วยภาพ (one-eye)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    [b-hi] กลางคืนร่วมวงสนทนา อย่างหลากหลาย[b-hi]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    เอ๋! คุ้นๆ เหมือนที่นอนเราเมื่ออาทิตย์ที่แล้วน่ะ (b-uh)
    แหม!ไม่ไปอาทิตย์เดียวให้เพื่อนมานอนเฝ้าที่ให้เลยรึ ฮึๆ(one-eye)
     
  5. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    แก้ข่าว

    รายงานจากคุณเปี๊ยกแจ้งว่า น้องตัวยาว มิได้มายึดที่นอนหมู่เฮาแต่ประการใด เพียงแต่แอบอิงไอบุญจาก คุณพี่คลิก อยู่แถวๆ กระเป๋าคุณพี่ท่านนั่นเอง

    แหม กระทั่งกระเป๋ายังมีสาวๆ ตัวยาวๆ มาอิงแอบ อิออิ(b-smile)
     
  6. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    งานปรับปรุงปั๊มน้ำยังไม่เสร็จเลยครับ

    คงต้องเป็นคราวหน้า...
     
  7. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,072
    ค่าพลัง:
    +13,918
    ลุงแกเตือนมา เพ่งนึกได้

    ลุงแกเตือนมา เพิ่งนึกได้ กลางคืนระวังหน่อยงูแมวเซาเยอะ แกว่างั้น ใครไปกลางค่ำกลางคืนก็ระวังหน่อย (b-oneeye)
     
  8. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (b-uh) ห้องน้ำ , ห้องส้วม กำลังก่อสร้าง(one-eye)

    ;) คงต้องขอแรงพี่น้องด้วยแล้ว......;)
    (one-eye) เสร็จเมื่อไหร่ ก็สบายใจกันได้....ไม่ต้องเกร็ง...(one-eye)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ค่าแรงทำห้องน้ำ 20,000 บาทนี่ยังไม่มีเลย...พี่น้องเราช่วยกันคนละนิดละหน่อยนะครับ

    ผมเองขอสมทบทุนค่าทำห้องน้ำ 1000 บาทครับ...จะนำไปให้ kananun ไว้นะครับ
     
  10. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ความร่วมแรงร่วมใจใดที่ไม่เกินวิสัยของคนจะทำได้ย่อมสำเร็จ
    เข็นโอ่งขึ้นเขานั้นพวกเราทำได้ก็เหมือนกับการเข็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าโอ่งขึ้นไปบนจุดหมายที่สูงยิ่งนัก ย่อมเกิดความสำเร็จแน่นอนด้วยความร่วมแรงร่วมใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0032.JPG
      IMG_0032.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.9 KB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_0033.JPG
      IMG_0033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.4 KB
      เปิดดู:
      143
    • IMG_0034.JPG
      IMG_0034.JPG
      ขนาดไฟล์:
      144.5 KB
      เปิดดู:
      83
    • IMG_0035.JPG
      IMG_0035.JPG
      ขนาดไฟล์:
      168.6 KB
      เปิดดู:
      89
    • IMG_0036.JPG
      IMG_0036.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.3 KB
      เปิดดู:
      89
    • IMG_0037.JPG
      IMG_0037.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.3 KB
      เปิดดู:
      132
    • IMG_0038.JPG
      IMG_0038.JPG
      ขนาดไฟล์:
      160.4 KB
      เปิดดู:
      84
    • IMG_0039.JPG
      IMG_0039.JPG
      ขนาดไฟล์:
      140 KB
      เปิดดู:
      89
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วยกันหน่อยครับ สำหรับค่าแรง ค่าทำห้องน้ำห้องส้วม หรือท่านที่ต้องการเป็นเจ้าภาพเหมาทั้งหมดก็ไม่รังเกียจครับ
     
  12. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,072
    ค่าพลัง:
    +13,918
    ปล่อยให้ตัด small talk


    ปล่อยให้ตัด small talk อยู่ได้ น่าจะมาตั้งนานแล้ว เอ้า ขอมือสาวกซีเมนต์หน่อย กราบเรียนเชิญพี่ไทร ที่ปรียานันท์สถานธรรมคร๊าบ
    [b-hi]
     
  13. ksuchet

    ksuchet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +6,060
    อยากช่วยมากแต่ ช่วงนี้กำลังคิดการใหญ่ คงต้องรออีกสักหน่อย เป็นห่วงเหมือนกันครับ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอให้สำเร็จครับพี่สุเชษฐ์

    ต่อไปงานพวกเราคงมากขึ้น
     
  15. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    อานิสงฆ์ของทาน


    การให้ทานนี้อย่าลืมนะว่าถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอคนที่เรายังไม่ชอบใจอย่าเพิ่งให้ ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียด ต่อไปถ้ากำลังใจสูงขึ้น จิตสบาย มีอุเบกขาดี มีเมตตาบารมีสูงก็ให้ไม่เลือกให้ เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ คือกิเลสของเรา กำลังใจ ในการให้ทานน่ะ เป็น จาคานุสสติ ก่อนที่จะคิดให้เป็น จาคานุสสติ อันนี้อนุสสติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามีประจำใจแล้ว มันก็ตกนรกไม่ได้

    จะยกตัวอย่างมันก็ยาวเกินไปจะขอพูดถึงอานิสงส์การให้ทานที่สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสว่า สมัยพระพุทธกัสสป ท่าน เทศน์ อย่างนี้ท่านบอกว่า

    บุคคลใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจากชาตินี้ไปแล้ว ไปเกิดใหม่ จะมีทรัพย์สมบัติมาก จะเป็นคนร่ำรวย เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แต่ว่าขาดเพื่อน ขาดคนเป็นที่รัก มันก็โดดเดี่ยวแย่เหมือนกัน

    บุคคลใดดีแต่ชักชวนบุคคลอื่น แต่ว่าตนเองไม่ให้ทาน ท่านบอกว่า ตายจากชาตินี้ไปแล้ว ไปเกิดชาติใหม่ มีพรรคพวกมากแต่ยากจน

    บุคคลใดให้ทาน ด้วยตนเอง แล้วก็ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่จะเป็น คนร่ำรวยมากด้วย แล้วก็จะมีเพื่อน มีบริวารมีมิตรสหายมาก นี่เรียกว่า มีความสุข

    บุคคลใดไม่ให้ทานด้วยตนเอง ไม่ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ ไปเกิดใหม่ จะไม่มีทรัพย์สมบัติ เป็น คนยากจนเข็ญใจ เป็นยาจกขอทาน แล้วขอก็ไม่ค่อยจะได้ ไม่มีใครเขาอยากจะให้ มีแต่คนรังเกียจ

    การให้ทานที่ก่อนจะนิพพานน่ะ เราจะต้องมีความสุขในทรัพย์สมบัติก่อน จะไปคิดว่า การให้ทานเป็นการกำจัดโลภะความโลภหรือมีผลอันน้อย แค่กามาวจร อันนี้ไม่ถูก ถ้าเราจะไปนิพพานถ้าเราลำบากมันไปยากใจไม่สบาย จะเล่านิทานสักเรื่อง หนึ่งเอาไหม มันจะชักช้าก็ช้าจะจบเมื่อไหร่ก็ช่าง ก็เล่าสู่กันฟัง

    ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีพระชนม์อยู่ มีคนหนึ่งเขามาเกิด แต่คนคนนี้น่ะ ในชาติก่อน ๆ เวลาบำเพ็ญ บารมีตัดทานบารมีออกจากใจ แต่ความจริง เขาก็ไม่อยากได้ ทรัพย์สมบัติของใคร เขามี จาคานุสสติกรรมฐาน เป็นปกติได้จาคานุสสติกรรมฐาน ตัวนี้เขาไม่ได้ให้ แต่จิตเขาละความโลภ คือ ละความอยากได้ ทรัพย์สมบัติ ของบุคคลอื่น ที่ใคร ไม่ให้เขาโดยชอบธรรมน่ะ เขาไม่เอาเขาไม่อยากได้ แต่ว่าเขาไม่ให้ทาน ที่ว่า ทานัง สังคคโส ปาฌัง" ที่พระพุทธเจ้าทรง ตรัสว่า "ทานเป็นบันไดให้ไป เกิดบนสวรรค์" เขาบอกว่ามันต่ำไป เอาบุญที่เป็นปรมัตถบารมีดีกว่า คือ

    1. มีศีลบริสุทธิ์

    2. สมาธิตั้งมั่นก็ระงับนิวรณ์

    3. มีปัญญาแจ่มใส เพื่อตัดกิเลส

    ก็เป็นการบังเอิญว่า ชาตินั้นเขายังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ก็ต้องตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา ก็สงสัยอาจจะเป็น เทวดาคนจนก็ได้ ทิพยสมบัติอาจจะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ ที่นี้ก็กลับมาเกิดใหม่ มาเกิดเป็นลูกหญิงแพศยา เป็นโสเภณี โสเภณีเวลานั้นถือว่า เป็นตระกูล เป็นอาชีพ อาชีพหนึ่ง สังคมหนึ่ง หรือ สมาคมหนึ่ง

    แต่ว่า โสเภณีน่ะเขาต้องการเฉพาะลูกผู้หญิง เขาไม่เหยียดหยามเหมือนสมัยนี้ว่า โสเภณี เลวไม่ใช่ อย่างนั้น เขาถือว่าโสเภณีก็เป็นตระกูลหนึ่ง ที่มีศักดิ์ศรี พอออกมาเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ต้องการ เขาก็เลยไปหมกป่าไว้ทิ้งปล่อยให้ตาย ก็สืบตระกูลเป็นโสเภณีไม่ได้

    เวลานั้น โสเภณีผู้ชาย ยังไม่มี ถ้าบังเอิญมี โสเภณีผู้ชายอย่างสมัยนี้ บางประเทศ ก็จะหากินคล่อง เหมือนกัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบุคคลแต่ละคน ก็รวมความว่าเขาเกิดมาไม่มีความสุขถูกปล่อย แต่เขาก็ไม่ตาย เขาไม่ตายเพราะ อะไร เพราะว่า มีบุญรักษา เขาจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ เขาถูกหมกอยู่อย่างนั้น ไม่ตาย ถูกแวดล้อมไปด้วยสัตว์รักษาไว้ จน กระทั่งเป็นหนุ่มเดินไปเดินมา เดินเที่ยวไปก็ ไม่มีอะไรกิน แต่บุญรักษาเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกินอาหาร

    ต่อมาวันหนึ่งเดินเข้าไปชายป่า เห็นคนเขาเอาอะไรมาฝังไว้ เป็นลูกเขาออก เอารกมาฝังก็แอบดู พอเขาไปแล้ว ก็ย่องเข้า ไปขุดเห็นรกเด็กเลยนำรกมากิน ในชีวิตเขาได้กินเท่านั้นอย่างเดียว นี่การขาดทานบารมี หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมาเห็น พระท่านมีความสุข เลยขอบวชพระอุปัชฌาย์ก็ให้บวช

    ในเมื่อบวชแล้ว เวลาบิณฑบาตรตอนเช้า พระใหม่ก็ต้องเดินข้างหลังตามระเบียบ เพราะเดินตามอาวุโส ชาวบ้านใส่บาตร จากหน้า พอจะถึงองค์หลัง ข้าวหมดพอดี นี่อานิสงส์ของการไม่ให้ทาน ท่านก็เดือดร้อน ไม่ได้กินข้าว อุปัชฌาย์ต้องแบ่งให้ ถึงอุปัชฌาย์จะแบ่งให้ หาเองไม่ได้ใจก็ไม่สบาย

    วันที่สอง ท่านอุปัชฌาย์ บอกว่า " วานนี้เขาใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้คุณเดินข้างหน้า ทุกคนใส่จะต้องถึงคุณ "
    แต่ความจริงพระอุปัชฌาย์เป็นพระอรหันต์อย่างต่ำก็น้องเป็นวิชาสามหรืออภิญญาหกแน่ เพราะรู้เรื่องในใจดีรู้กฎของกรรมดี ท่านต้องการพิสูจน์ผลว่า คนไม่ให้ทานนั้นมันมีผลเป็นอย่างไร

    วันที่สอง ชาวบ้านบอกว่า " วานนี้เราใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้รวมกันใส่ จากหลังมาหาหน้า "
    พอจะถึงองค์หน้าข้าวหมดพอดีแต่ความจริงเขาตั้งใจจะให้ถึง แต่กฎของกรรมมันบันดาลให้ตักข้าวหมด

    วันที่สาม พระอุปัชฌาย์บอกว่า " เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณยืนกลางเขาจะใส่ทางไหนมันพอทั้งนั้น " เป็นอันว่าท่านยืนกลาง

    วันที่สาม ชาวบ้านบอกว่า " วันต้นใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันที่สองใส่หลังไม่ถึงหน้า วันนี้เราแบ่งเป็นสองพวก ใส่จากข้างหน้ามาหนึ่งพวก ใส่จากข้างหลังมาหนึ่งพวก " เขาก็ทำตามนั้นปรากฎว่า ทั้งสองพวกพอจะถึงองค์กลางข้าวหมด พอดี

    วันที่สี่ พระอุปัชฏาย์บอกว่า " ยืนรองฉัน มันใส่แบบไหน ถึงทั้งนั้น " ในวันต่อมาเขาใส่บาตรตามระเบียบ ใส่บาตรที่ 1 เขาไม่เห็นบาตรที่ 2 ไปใส่บาตรที่ 3

    พอวันต่อมาพระอุปัชฌาย์บอกว่า " คุณยืนรองฉัน " ท่านเอามือจับบาตรไว้ เขาจึงเห็นบาตรของท่าน

    นี่การให้ทานถ้าบารมีไม่เต็มจริง ๆ ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้ เราจะถูกความหิวทรมานขนาดไหน แต่นั้นบังเอิญเป็นบารมีของ ท่านเต็มจะได้เป็นพระอรหันต์ ยังต้องถูกทรมานจิตใจแบบนั้น เห็นโทษเห็นทุกข์แห่งการเกิด พระอุปัชฌาย์แนะนำไม่นานนัก ท่านก็เป็นอรหันต์ เมื่อเป็นอรหันต์แล้วชาวบ้านก็เห็นบาตร เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว

    นี่การให้ทานน่ะ มีความสำคัญอย่างนี้นะ จงอย่าคิดว่า เราต้องการเฉพาะ พระนิพพาน เราไม่ให้ทาน เราเอาเฉพาะศีลภาวนา อันนี้ไม่ได้ ท้องไม่อิ่มนี่ มันภาวนาไม่ไหว มันจะตายเอา ดีไม่ดีมันเป็นโจร

    การให้ทานของบรรดาท่านพุทธบริษัท เราจะต้องให้ ถ้าบุญบารมีของเรา ยังไม่เต็มเพียงใด เราก็เอาละ เราจะต้องใช้ต้องกิน แต่ถ้าบุญบารมีเต็ม เราก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างตัวอย่าง ท่านสีวลี

    ท่านพระสีวลีนี้ ชาติหนึ่งเป็นชาวป่า วันนั้น เป็นวันที่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป เทศน์บอกว่า

    คนใดให้ทานด้วยตนเอง เมื่อตายไปชาติหน้า จะมีโภคสมบัติมาก แต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ตามที่เล่ามาแล้ว)

    บุคคลใดชักชวนบุคคลอื่น แต่ไม่ให้ทานเองจะมีพวกมากแต่ว่ายากจน

    ให้ทานเองด้วย ชวนบุคคลอื่นด้วย เกิดไปชาติหน้าเป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย

    แล้วก็ไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย ไม่ชักชวนชาวบ้านด้วย เกิดเป็นคนยากจน ไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก

    ชาวบ้านจึงตั้งใจถวายทานกันอย่างหนัก มีทุกอย่าง แต่มันขาดน้ำผึ้งสดหาเท่าไรก็ไม่ได้ ตั้งคนไว้ที่ประตู เมือง 4 ประตูให้ เงินไว้ 1,000 กหาปณะ (เท่ากับ 4,000 บาทสมัยนี้) บอกว่า " ถ้าใครเอาน้ำผึ้งสด มานำรวงผึ้งสดมาจะซื้อ จาก 1 กหาปณะไปจนถึง 1,000 กหาปณะ "

    พอดีท่านสีวลี เป็นชาวป่า ท่านจะมาหาเพื่อน ในเมืองไม่มีอะไรติดมือมา ก็เลยเอาผึ้งมารวงหนึ่ง พอพวก นั้นเห็นเข้า ก็ขอ ซื้อตั้งแต่ 1 กหาปณะถึง 1,000 กหาปณะ ท่านบอกว่า " ฉันจะเอาไปให้เพื่อน " ก็สงสัยว่า ผึ้งรวงนี้จริงๆ ราคาไม่ถึง 1กหา ปณะ แต่เจ้าคนนี้ ให้มากๆ คงจะสติไม่ดี หรือ อาจจะมีเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้น มีความจำเป็น จึงถามว่า " ทำไมพวกท่าน สติไม่ดีรึ ไอ้ผึ้งรวงหนึ่งราคาตั้ง 1,000 กหาปณะใครเขาซื้อเขาขายกัน ราคามันไม่ถึง 1 กหาปณะ "เขาก็บอกว่า" พวกเรา จะทำบุญ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีหมด มันขาดอยู่น้ำผึ้งสด อย่างเดียว เราต้องการมีทุกอย่าง " ท่านก็บอกว่า " ถ้าซื้อไม่ขาย แต่จะเอาไปให้เพื่อน แต่ว่าท่านจะให้ฉันร่วมบุญด้วยฉันให้ " ท่านสีวลีก็ให้ เป็นการปิดรายการ ครบถ้วนพอดี เขาขาด อย่างนั้นท่านปิดพอดี มันก็ปิดให้เต็ม

    หลังจากชาตินั้นมาแล้ว ท่านมาพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เกิดในชาตินี้ มาเกิดในชาติหลังนี่เขาบอกว่า ท่านพระสีวลี นี่ไม่เคยมีโรคเลย โรคภัยไข้เจ็บไม่เคยมี เป็นพระที่มีลาภจริง ๆ จะไปไหนก็ตาม คนก็ดี เทวดาก็ดีปรารภพระสีวลี ถ้าพระสีวลีไปด้วยไม่มีคำว่าอด จะมีความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่เดินเข้าในป่าที่ไม่มีบ้าน

    ในสมัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเข้าไปเยี่ยม พระเรวัต ในป่าสะแก ที่ว่าเป็นน้องพระสารีบุตร อายุ 7 ปี เป็นพระอรหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเดินเข้าไป ตอนจะไปเจอะถึงทาง 2 แพร่ง พระพุทธเจ้าจึงได้

    ถามพระอานนท์ว่า " อานนท์ทางไปหาพระเรวัตไปทางไหน " ความจริงท่านทราบ พระอานนท์บอกว่า " ถ้าไปทางอ้อมทาง นี้เดินทาง 60 โยชน์มีบ้านบิณฑบาตตลอด ทางนี้เป็นทางตรงไป 30 โยชน์ไม่มีบ้านใส่บาตร " สมเด็จพระบรมโลกนาถจึง ตรัสถามว่า " สีวลีมาหรือเปล่า " แต่ความจริงท่านรู้ว่ามา แต่ต้องการจะประกาศความดี พระอานนท์ก็กราบทูลว่า " มาพระพุทธเจ้าข้า "

    พอพระพุทธเจ้าตัดสินใจว่า จะไปทางตรงบรรดารุกขเทวดา และอากาศเทวดาทั้งหลาย ต่างคนต่างปรารภว่า เวลานี้ หลวงพ่อสีวลีของเรามา ความจริงพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตรก็ไป พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย แต่เทวดาไม่ได้ปรารภถึงเลย ปรารภเฉพาะท่านพระสีวลี จึงเนรมิตเรือนแก้ว กุฏิเป็นที่พัก วัดเป็นที่พัก สำหรับพระ 5,000 รูป เป็นเรือนแก้วไว้แต่ละโยชน์ๆ 1 โยชน์มี 1 วัด สร้าง 30 วัดเป็น 30 โยชน์ เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงวัดต่างๆ เขาก็แสดงตนเป็นคนธรรมดาพระพุทธเจ้าท่าน รู้ นิมนต์พักวัดท่านก็พัก ตอนเช้าท่านนำอาหารการบริโภคเนรมิตจากจิตใจของเทวดาไม่ต้องหุง ถวายพระอิ่มหนำสำราญ แต่การที่เขาถวายน่ะ เขาปรารภพระสีวลีว่า " เราจะนำอาหารไปถวายหลวงพ่อสีวลีของเรา " เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงสำนัก ของพระเรวัต

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพระสีวลี ให้ทานด้วยรวงน้ำผึ้งรังเดียว ปิดรายการ แต่ชาติ หลังท่านมีความอุดมสมบูรณ์ คนที่มีความอุดมสมบูรณ์จะปฏิบัติธรรม มันก็ดีทำอะไรก็ดีทุกอย่าง มีการคล่องตัวรวมความว่า มีความปราถนาสมหวัง แม้แต่จิตใจ คนบางประเภทก็ซื้อได้ แต่บางประเภท เราก็ซื้อใจเขาไม่ได้นะ เงินน่ะ แต่บางประเภท เวลานี้ฟุ่มเฟือยมาก การซื้อก็ซื้อด้วยเงินสะดวก อันนี้มีประโยชน์มาก ฉะนั้นขอบรรดา ท่านพุทธบริษัท หรือ เพื่อนภิกษุสามเณรจงสนใจในการให้ทานให้มาก เพราะว่า การให้ทานนี่ไม่ใช่จะหวังเฉพาะการร่ำรวยอย่างเดียว การให้ทานเป็น ปัจจัยของความสุข ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

    การให้ทานนี่ ขอพูดถึงอานิสงส์ของทาน ในชาติปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดๆจริงๆนั่นก็คือว่า ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รักของบุคคล ผู้รับ คือว่า คนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทานแต่ว่า บางคนน่ะบางพวก จอมอกตัญญู ไม่รู้คุณคนนี่เยอะ เหมือนกันนะ อย่าลืมว่าผมโดนมาแล้ว โดนมาตลอดชีวิต ให้แล้วมันก็กัดแต่ ผมก็ไม่ได้ผูกใจเจ็บ

    ผมถือว่า เป็นความชั่วของเขาผมไม่ยอมชั่วด้วย ไอ้ผมนั้นก็เลวอยู่แล้ว ถ้าจะไปโกรธเขาเข้า มันจะเลวมากขึ้น มันจะแบก ไม่ไหวเอาแค่ความเลวที่มีอยู่ มันก็เดินตุปัดตุเป๋ไปแล้ว เขาคิดจะฆ่าผม คิดจะไล่ผม เขาชุมนุนกันเยอะแยะ เวลาที่พูดอยู่นี่ ก็ยังมีร้องเรียนไปที่ไหนๆ ไปลงหนังสือพิมพ์ด่าบ้าง ฟ้องไปทุกระดับ จนกระทั่งสำนักนายก เขาหาว่า คนของผมโหดร้าย แต่ผมไม่เคยแตะต้องอะไรเขาเลย แต่พวกนี้เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์มากเลย คิดว่าถ้าผมไปเสียแล้ว เขาจะได้ประโยชน์ จากผม หมายความว่า คนจะมาหาเขา เขาจะร่ำรวย เขานึกว่า ผมรวยก่อสร้างต่างๆนานา ญาติโยมท่านให้สร้าง ญาติโยมท่านให้เก็บ แต่จริงๆ การก่อสร้างนี่ เหน็ดเหนื่อย หนักใจ หนักกาย แต่เพื่อความดีของญาติโยม ผมไม่เหนื่อย ไม่หนัก ผมปลื้มใจเพราะญาติโยมทำความดีทุกคนเขาจะพ้นทุกข์กัน ฉะนั้นเราจะกักให้เขาอยู่ในแดนความทุกข์ยังไง ต้องสนองสนับ สนุนตามที่พระพุทธเจ้าสนับสนุนแบบไหน เราทำกันแบบนั้น

    นี่แหละ บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร ทุกท่าน ต้องจำไว้ว่า การให้ทานน่ะ มันก็มีการสะดุดแบบนี้ แต่เราจงอย่าคิด คิดอย่างเดียวว่า จิตใจของเราเป็นสุข สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อน ในเมื่อเราให้เขา ไอ้คนรักเรามากๆ ก็มี ไม่ใช่เลว คนเลวมัน น้อยกว่าคนดี ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียว ให้ทานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มากให้พอควร อย่าให้เกินพอดี อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีทุกข์

    ผลแห่งการให้ทานจริงๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่ ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก จำเขาไม่ได้หรอก จำเขาไม่ได้ จริงๆ อย่างพวกท่านก็เคยไปกับผม ไปถึงญาติโยมก็มาหากันไปถึงก็หลวงพ่อหลวงปู่ หลวงน้า ผมมองหน้าผมจำไม่ได้ แต่ว่าท่านมาด้วยความดี ผมปลื้มใจ ผมก็ดีใจ บางคราวท่านมากันมาก ในที่บางแห่งจนกระทั่งผมฉันข้าวไม่ได้ ฉันข้าวไม่ได้ ไม่ใช่ญาติโยมจะมากวนใจผมหรอก ผมปลื้มใจ ในความดีของญาติโยม

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุ สามเณรทั้งหลาย การให้ทานน่ะชาติปัจจุบันเราก็มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะอะไร มีคนเขา สนใจเรามาก ประคับประคองเรามาก ป้องกันอันตรายให้ แต่อันตรายถ้ามันจะเกิดจากกฎของกรรม ก็อย่าไปโทษว่า ทาน ไม่ช่วยน่ะ คิดไว้เสมอว่า กรรมที่เราทำไว้ ในชาติก่อนมันตามมาเล่นงานเรายังไงก็ช่างมัน ชาตินี้ทำหนีมันไป ให้ได้ อันดับแรก เอาทานบารมีเข้าชนกับมันก่อน เป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เราพอมีความสุข คนที่เขาดี มีความกตัญญู รู้คุณเขาก็ให้ การประคบประหงมเรา ให้ความสนิทสนมกับเรา เป็นที่รักของเรา เราก็ชื่นใจในความสุข เว้นไว้แต่ คนจังไร ที่มีความอกตัญญูไม่รู้คุณ เขามีความทุกข์ ปล่อยให้เขาทุกข์ไปฝ่ายเดียว เราอย่าทุกข์กับเขา ถ้ากำลังใจของเรา อย่างนี้ก็ถือว่า เป็นทานที่มีกำลังยิ่งใหญ่ ชาตินี้มีความสุข ชาติหน้าจะยิ่งสุขยิ่งไปกว่านี้ ถ้าบังเอิญบารมีของเรา ยังไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ ก็อาจจะไปตกในชาติหน้าอย่างท่าน เมณฑกเศรษฐี กับคณะก็ได้

    คัดลอกมาจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ (วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) ฉบับที่ 52 เรื่อง บารมี 10
     
  16. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,796
    ค่าพลัง:
    +83,820
    เมื่อสักครู่ แวะเข้าดูความคืบหน้า เห็นช่างกำลังก่อสร้างห้องน้ำ งานคืบหน้าไปมากครับ รวมทั้งต้นไม้ที่เตรียมไว้ปลูกอีกหลายต้น ผมได้นำหนังสือ พุทธพยากรโลกและภัยพิบัติ จำนวน 10 เล่ม จากคณะหนึ่งทำถวายพระพุทธบาทเขากะลา อ่านเนื้อความแล้วก็เหมือนกับของเราในเวปที่โพสกันไว้นั้นแหละครับ ใครมาก็รับไปอ่านได้ครับ เอาไปพิมพ์แจกต่อเป็นทานเป็นประโยชน์มากครับ
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เข็นโอ่งขึ้นเขา

    [​IMG][​IMG]

    เห็นภาพนี้แล้ว ก็มั่นใจครับอุปสรรคอะไรก็พ่ายแพ้..
    ทุ่มเทด้วยพลังกาย+พลังใจเกินร้อยแบบนี้ ค่อยๆทำกันไปครับ
    ตอนนี้หลายอย่างดูทันใจมาก เหมือนเหตุการณ์จะเร่งให้เสร็จไวๆ

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ข้าน้อยขอคาราวะในความเพียรของทุกท่านนะครับ
    อนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งครับ
     
  19. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ด้วยคน

    รายงานตัวเข้ากลุ่ม หลังสามทุ่ม พุธ ๑๙ กย. ๕๐ หลังจากนั้นคุณเปี๊ยกโทรหา ทีแรกไม่รู้จะไปไหน (เวลาภัยมา) คุณเปี๊ยกเล่าว่าซุ้มบอลอยู่เลยแยกอุทัยไปนิดนึง บอกไว้ให้ความคิดแล่น

    โป๊ะเช๊ะ

    ลางานแล้วว่าจะไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อจรัญวันโกนหน้า ที่บริษัทมีเบ้าท์พลาสติกบรรจุน้ำมันพืช ๑๐๐๐ ลิตรหลายใบ อังคารหน้าจะไปซุ้มบอลเอาไปให้ ๑ ใบ วันกลับจากวิปัสสนาจะไปให้อีก ๑ ใบ เดี๋ยววันหลังไปอีก

    ว่าแต่ขออยู่ด้วยคนนะคะ ต้องสมัครและเขียนใบจองกับใครเอ่ย จะรีบมาจองที่อังคารนี้ วันมาอยู่จะเอาสิบล้อมาให้คันนึง บนสิบล้อมีถังน้ำมันพืชจุ ๑๕๐๐๐ ลิตร ไว้ใส่น้ำก็ได้ ป่านนั้นไฟแนนซ์คงเจ๊งไปแล้วไม่ต้องผ่อนรถแล้ว คุณยายช่วยหนูด้วยนะเจ้าคะ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิทุกท่านและคุณยายเจ้าค่ะ
     
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    สร้างห้องน้ำดอนบัญชีไหน

    ให้เลขบัญชีได้ไหมคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...