ช่วงนี้สนใจเรื่องพลังจักรวาลครับ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำให้แนวทางเปลี่ยนไปจากที่ปฏิบัติธรรมรึเปล่า ? อีกข้อครับ พลังจักรวาลเหมือนพลังจิตไม๊ครับ ? ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ
พลังจักรวาลแบบไหน ? แบบทฤษฏีนักฟิสิกส์ นักวิทยาศาสตร์ ? พลังจักรวาลปนเทพ ? พลังจักรวาลแบบพ่อหมอแม่มด ? แล้วพลังจิต เป็นยังไงในความเข้าใจของคุณเอง ? แกนกลางของแกแลตซี่ มีดวงดาวที่โครจรคล้ายกับการโครจรของสิ่งที่วนรอบอะตอมอย่างน่าแปลก บอกได้อย่างเดียวว่ามันมีความคล้ายครึงกันครับ แต่เรื่องพลังงานจักรวาลกับพลังจิต ผมว่าเรายังหาคำบัญญัติมันยังไม่ถูกก็เลยไม่มีอธิบายที่เข้าใจกันได้ทั่วไปโดยง่าย มั่วๆไปน่ะ..
เป็นแนวเชื่อมจักระ ติดต่อเบื้องบนเพื่อรักษาโรคครับ เพื่อนในกลุ่มหลายคนก็สนใจ แต่ก็ลังเลอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอยากมีพลังจิต เล็กๆน้อยๆเหมือนคนอื่นหน่ะครับ เช่น เห็นภาพทางจิตได้บ้าง ส่งกระแสจิตได้บ้าง ประมาณนี้ครับ ระยะหลังได้อ่านหลายบทความและมีพี่ๆมาเตือนให้ปฏิบัติไปก่อน แต่อย่างที่บอกครับ ยังสนใจอยู่ ก็เลยอยากได้หลายๆความเห็นครับ
คล้ายกันครับ แต่ไม่เหมือนชะทีเดียว พลังจักรวาล เป็นการมองจากใหญ่มาหาเล็ก พลังจิตเป็นการมองจากเล็กไปหาใหญ่
เอาเป็นความคิดเห็น จิตเป็นสิ่งที่มาแต่ไหนก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า มัน หมุนวนเป็นสังสารวัฏ จักรวาล ก็ เช่นเดียวกัน บนกระหม่อม ของคนเรา ก็จะมี ลายก้นหอย แสดงถึง การหมุน แม้แต้ ลาย นิ้วมือ ก็จะมีลักษณะก้นหอย เป็นลักษณะการหมุน หมุนด้วยกรรม ปัจจัยหนึ่งมี ปัจจัยนั้นจึงมี พระพุทธเจ้าทรงรอบรู้จักรวาล โดยไม่ต้องส่ง ไม่ต้องสร้าง ยานอวกาศออกไปสำรวจข้างนอก แต่ทรง มาสำรวจที่จิต สร้างญาณ ปัญญาความรู้ที่จิต จึง รอบรู้เรื่องจักรวาล ภาพย่อ ของจักรวาลก็อยู่ ที่คนเรานี่เอง จุดเกิดของพลังจักรวาล ก็อยู่ที่ กายใจ คนเรานี่เอง จุดเกิดของพลังจิตก็อยู่ที่กายใจคนเรานี่เอง มันสัมพันธ์กัน การจะไปตั้งชื่อ บัญญัติ มันก็จะแตกต่างแค่อักษร แต่ทางผลงาน มันเป็นสิ่งเดียวกัน อย่างคำว่า ดวงตา ภาษาไทย ใช้ อักษรอ่านว่า ดวงตา ภาษาอังกฤษ ใช้อักษรอ่านว่า eye ภาษาบาลีใช้ อักษร จักษุ
อันนี้เลข 7 ของ จักรวาล โลกธาตุ ในทางพระพุทธศาสนานั้น มีแสนโกฏิจักรวาลหรือ 1ล้านล้านจักรวาล คือ แบ่งเป็น 1.จักรวาลขนาดเล็ก (เช่นสุริยจักรวาล) 2.จักรวาลขนาดกลาง (เช่นกาแล็คซี่) 3.จักรวาลขนาดใหญ่ (เอกภพ ) 1.หนึ่งพันจักรวาลขนาดเล็ก เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดเล็ก 2.หนึ่งพันจักรวาลขนาดกลาง เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดกลาง 3.หนึ่งพันจักรวาลขนาดใหญ่ เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ ดังนั้น 1.หนึ่งพันจักรวาลขนาดเล็ก เป็น หนึ่งจักรวาลขนาดกลาง 2.หนึ่งพันจักวาลขนาดกลาง เป็น หนึ่งจักรวาลขนาดใหญ่ และ 1.หนึ่งพันโลกธาตุขนาดเล็ก เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดกลาง 2.หนึ่งพันโลกธาตุขนาดกลาง เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ โลกธาตุขนาดใหญ่ มีหนึ่งพันโลกธาตุ เมื่อรวมจักรวาลทั้งสิ้น จะได้แสนโกฏิจักรวาล (1000000000000) เวลาถือกำเนิดจนสิ้นสลายไปของจักรวาลขนาดเล็กเป็น1จุลกัปป์ จักรวาลขนาดเล็กแตก 7 ครั้งในครั้งที่8จักรวาลขนาดกลางจะแตกเรียกมัชฌิมกัปป์ จักรวาลขนาดกลางแตก 7 ครั้งในครั้งที่ 8 จักรวาลขนาดใหญ่จะแตกเรียกมหากัป จักรวาลขนาดเล็กแตกด้วยธาตุไฟ จักรวาลขนาดกลางแตกด้วยธาตุน้ำ จักรวาลขนาดใหญ่แตกด้วยธาตุลม ในวันสิ้นโลกในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่างว่าดวงอาทิตย์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น 7 เท่า หรืออาจมี 7 ดวง (ในคัมภีร์ สัตต แปลว่า 7 อาจ 7 เท่า หรือ 7 ดวงก็ได้) พระพุทธองค์ทรงตรัสแสดงบอกลักษณ์ของโลกนี้ ว่า มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ (แผ่นดินและมหาสมุทร) น้ำตั้งอยู่บนลม (มหาสมุทรและชั้นบรรยากาศ) ลมตั้งอยู่บนอากาศ (ชั้นบรรยากาศและอวกาศ) สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยังแผ่นดินให้ไหว อ้างอิง จูฬนีสูตร สุตตันตะปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม 1 ภาค 3 หน้า 431 สุริยสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 214 สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพาน เครดิต โลกธาตุ - วิกิพีเดีย
เลข 7 ในร่างกายมนุษย์ จักระ 1 - อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก จักระ 2 - อยู่ตรงปลายก้นกบ จักระ 3 - อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง จักระ 4 - อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง จักระ 5 - อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง จักระ 6 - อยู่ตรงกลางหน้าผาก จักระ 7 - อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เครดิต บอกตำแหน่ง พลังจักรวาลบำบัดโรค และ จักระทั้ง 7
กรณี ของผู้ ฝึก กรรมฐาน ที่เริ่มตั้งด้วย สมถะกรรมฐาน หากไม่ทำเล่นๆหัวๆ ไม่ทำแบบหยุดๆทำๆ แต่ทำต่อเนื่อง จุดที่กลาง กระหม่อม จะเปิด เองโดยอัตโนมัติ จากนั้นจะเริ่ม รู้จัก สัมผัสกับ มิติที่ 6 มากขึ้น แต่ในการฝึกกรรมฐาน สิ่งเหล่านี้เป็นทางผ่านที่ต้องเจออยู่แล้ว หากไม่เดินตรงกรรมฐานให้สุดที่สุด ก็ยังน่าเป็นห่วง และการดึงพลังงานเอาออกมาใช้ มันก็มาจากจิตตัวเดียว พอเอาออกมาแล้ว มันก็เป็นบัญญัติ แล้วแต่ใครจะเรียก จะเป็นอุบาย ในการสอนต่อเพื่อ พ้นทุกข์ หรือ เพื่อเอกลาภ ก็อยู่ที่ผู้นั้น แต่หากเรามุ่งตรง ตามพระพุทธเจ้าแล้ว เราจะรู้ตามท่านอย่างอัศจรรย์
พื้นฐานที่พึงทราบก็คือ จิต คือ จักรวาล , จักรวาล ก็คือ จิต จิตอยู่ในจักรวาล และจักรวาลก็อยู่ในจิต ข้อแรก "จิตอยู่ในจักรวาล" เราทุกคนอยู่ในโลก โลกอยู่ในระบบสุริยะ... แกแลกซี่ และใหญ่ขึ้นไปเป็นจักรวาล ร่างกายและจิตวิญญาณเราอยู่ที่นี่ เราอาศัยรับพลังของจักรวาลที่แปรรูปสังเคราะห์มาอยู่ในรูปแบบของ แสงแดด ลม น้ำ ความร้อน ความเย็น อากาศ ปราณ ฯ เมื่อร่างกายหมดสภาพสิ้นชีพ ร่างกายก็สลายคืนกลับสู่จักรวาลเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ทุกๆที่ มีจิต(สภาพรู้) แทรกซึมอยู่ทั่วทุกสรรพสิ่ง ทุกที่ว่างเวิ้งว้างในจักรวาล แต่สภาพรู้นั้นๆ ไม่ใช่ของเรา หรือเป็นของตัวเรา ไม่เป็นของใคร ข้อสอง "จักรวาลก็อยู่ในจิต" ข้อนี้มิได้เห็นกันทั่วไปได้เหมือนข้อแรก เรามักเห็นภาพถ่ายจักรวาลจากภาพถ่ายนาซ่า จากที่ต่างๆ อันที่จริงจักรวาลมันมีอยู่ข้างในทุกคนแล้วเช่นกัน หากประจักษ์ชัดตรงนี้ได้ ก็จะเข้าใจถึงพลังจักรวาลที่บริสุทธิ์ก่อนที่จะมีการแปรรูปสังเคราะห์อยู่ในรูปแบบของ แสงแดด ลม น้ำ ฯลฯ จักรวาลถูกขับเคลื่อนไปโดยจิต โลกคือสภาพนามรูป ทุกคนต่างกันทั้งมุมมองและความรู้สึกต่อโลก 'รูป' รับรู้ได้จากสัมผัสทั้ง ๕ และ 'นาม' รับรู้ได้ด้วยใจ(มโนสัมผัส) จากที่คำถามว่า "สนใจเป็นแนวเชื่อมจักระ ติดต่อเบื้องบนเพื่อรักษาโรค" ทำไมจึงเรียกว่า จักร+วาล นั่นเพราะว่ามีการหมุนเป็นวงกลม ภายในร่างกายมนุษย์ก็มีจักรเช่นกัน เรียกว่า จักระ ปกติมนุษย์เราก็รับพลังงานจักรวาลที่สังเคราะห์ทุกวัน แต่เมื่อจักระเชื่อมต่อได้ทั้งหมดอย่างสมดุลย์สมบูรณ์ ช่องกลางก็จะเปิดสู่เบื้องบนและเบื้องล่าง ตรงนี้เรียกว่า SOUL AXIS ภาพจักระชื่อเรียกทางตะวันตก ลองชื่อเทียบกับทางตะวันออกซักอันนะครับ จุดที่3 นับจากล่าง "ดอกไม้แห่งชีวิต" SOLAR PLEXUS = MANIPURA(มณีปุระ) ความคิดและอารมณ์(Emotion) มีผลต่อออร่าแต่ละคน ภาพจักระทางตะวันออก - ด้านบนทั้งหมดนี้เป็นหลักพื้นฐานที่พึงรู้ - ในสเต็ปต่อไปคือการฝึกการเข้าถึงพลังแห่งจิตและจักรวาล ซึ่งสามารถทดลองฝึกกับอานาปานสติสมาธิดูคุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน ....แต่ภาพต่างๆด้านบนมิได้มีไว้ให้จินตนาการถึง แค่ให้รู้จัก เมื่อสัมผัสเจอภาวะจริงๆจะทำให้เข้าใจชัดเจน SOUL AXIS ท่อหรือแกนพลังแห่งจิตวิญญาณสำคัญสุดเปรียบดุจ ต้นไม้แห่งชีวิต ที่รับพลังบริสุทธิ์ เพื่อแปรเป็นพลังชีวิตเพื่อรักษาสุขภาพ และพลังปัญญาเพื่อความรู้แจ้ง เป็นการรับรู้ภายใน ผ่านกระบวนการของลมหายใจที่ละเอียด ช้าๆ ผ่อนคลายสบายๆ ลมที่ลงไปลึกสุด.. ลมจะออกมา และกลับเข้าไปใหม่ ไม่ตึงไม่เกร็ง สบายๆ เมื่อจิตสงบแล้วเท่านั้น จะรับรู้คลื่นสั่นสะเทือนที่ละเอียดของจักระ(วงกลมภาวะไหลวน) ของพลังงานแต่ละจุดได้ โดยธรรมชาติแล้วเมื่อ จุดจักระล่างเมื่อเสถียรและสมดุลย์ มันก็จะเลื่อนขึ้นมาเบื้องบนโดยลำดับการโคจร ภาวะจิตใจที่บริสุทธิ์สำคัญมากในการฝึก ภาวะความสงบคือการที่จิตเข้าสู่อัปนาสมาธิ เราจะไม่พูดถึงบัญญัติคำต่างๆ ที่มีไว้ท่องจำ เช่นคำว่านิวรณ์ หรือสิ่งต่างๆ เพราะเมื่อเก็บเข้าไปตรึกตรองในภาวะของการทำภาวนา มันจะถูกชักจูงจิตให้ติดคำสมมุติ เกิดภาวะเทียมคือบัญญัติบดบังปรมัติ รวมทั้งความสงสัยลังเลต่างๆ ทำให้คลาดจาก ผัสสะปัจจุบัน สภาวธรรมปัจจุบันขณะที่ปรากฏ เมื่อฝึกไปโดยลำดับ จักระเบื้องล่างสู่เบื้องบน ช่องกลางเปิดสูงขึ้นไปตามคุณธรรมภายในของระดับพลังจิต พลังจักรวาลที่รับและสัมผัสก็จะละเอียด มีพลังยิ่งขึ้น มีประโยชน์ต่อร่างกายและปัญญาความตื่นรู้ หาเวลาทำภาวนาในที่สงบ ดื่มน้ำสะอาดธรรมดาซักแก้วก่อนและหลังภาวนาเพื่อความสดชื่น และไม่ใส่ใจเรื่องราวภายนอกตัวจนเกินไป ขอแนะนำวิธีการฝึกสมาธิภาวนาไว้ซักลิงค์นึง >> อานาปาสติ สมาธิภาวนา .....................................