รู้จัก รู้จริง และ รู้แจ้ง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปัญฺญาวโร, 31 ตุลาคม 2012.

  1. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    เปรียบเหมือนคนไม่ได้ญาณ ฌาน แต่มักทำตนเป็นผู้รู้ยิ่งกว่าคนที่ได้ญาน ฌานในการทรงอภิญญาแล้วใช่ไหมอินทรบุตร อุปมาได้ดีนิ แต่เหตุใดใยเจ้าไม่เข้าใจและหมุนญาน ฌานสักทีทั้งที่รู้แจ้งกว่าผู้ใด หรือเจ้าจะไม่รู้จิงหลอกตัวเองกันแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  2. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    บอกไปก็เท่านั้้นจริงๆ ได้ฌาน4 ใช้อภิญญาได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยนะ หวังว่าผมจะไม่รอนานเกิน เมื่อท่านได้อภิญญาท่านไปถามกับพระอรหันต์เอาเองละกัน แต่ยังไม่ได้อภิญญาอย่าเพิ่งไปถามพระอรหันต์นะเพราะไปทางฝันหรือนึกคิดจะได้คำตอบแบบความฝันกลับมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  3. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ขอบคุณครับ ฝันรอผม ก็คงไม่เจอกับ แล้ว ฐีติภูตัง อย่าลืมไปศึกษานะครับจะได้มีโอกาสเจอกันจริงๆ ขอให้ เจริญทั้ง อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
     
  4. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    จิตกับกิเลสเป็นอันเดียวกันก็เจริญเถอะคับ ขอบอกว่าไปศึกษาเข้าใจธรรมเบื้องต้นโดยละเอียดถี่ถ้วนก่อนนะคับและวิปัสนากรรมฐานจะได้ก้าวขึ้นสู่อภิญญาสักที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  5. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    การเราทั้งหลายศึกษาธรรมะเพราะต้องการพ้นทุกข์
    อยากพ้นทุกข์ก็ต้องรู้ว่าทุกข์มีที่ไหน
    หาข้างนอกดูข้างในดีๆสิ
    มันอยู่ที่เรา ในนี้ ในกาย ในจิต
    พิจราณาสิทุกข์อยู่ส่วนไหนของกาย
    แขน ขา หัว ตัว ตับ ปอด ฯลฯ มีอะไรมันก็ทุกข์อันนั้น
    งั้นดูจิตต่อ ทุกข์มันส่วนไหนของจิต
    (ขอรวบรัดนะครับ จิต ขันธ์ ๔ แยกออกพิจราณาดีๆ มันก็มีทุกข์ไปหมด)

    เมื่อขันธ์ทั้ง ๕ เป็นกองทุกข์ ทุกข์ก็คือตัวเรา เรานี้แหละกองทุกข์

    ทุกข์กับกิเลสมันอันเดียวกัน เราีนี้แหละกองกิเลส

    แล้วอะไรที่ไปพ้นทุกข์ในเมื่อมันเป็นกิเลสหมด ก็ไอ้ตัวที่มันนั่งดู ขันธ์ ๕ ไง

    สติ นี้ไงคือ ฐีติภูตัง

    อภิญญาเป็นความรู้ของจิต อภิญญา ๖ เป็นความรู้ของฐีติภูตัง

    อภิญญาเป็นลักษณะ อาการก่อนได้นิพพาน เหมือนอาการทั้ง ๕ ก่อนได้ ปฐมฌาน
    อภิญญาถึงเวลาได้ก็ได้เอง

    อภิญญาจะเป็นคุณหรือโทษอยู่ที่สติ

    (พิมพ์เองไม่ได้ก๊อปปี้บทความของใคร ไม่ได้อวดแต่จะบอกว่า คุณไม่รู้หรอกว่าใครมีอะไรได้อะไรมากน้อยบ้าง เขาไม่อวดกัน มันไม่สร้างประโยนช์แก่ความเพียร)

    คนอื่นเขาอนุเคราะห์อ้อมๆให้ ก็ไม่รู้ตัว ไปไล่ว่าเขาแบบขาดสติ พอขาดสติก็ขาดปัญญา ขนาดจะว่าใครเขายังไม่อ่านและไตร่ตรองให้ดีก่อน ว่าเขาโพสอะไร หมายความว่ายังไง ตัวเองเข้าใจธรรมยังไม่แทงตลอดก็อวดรู้ อวดฤทธิ์ คนได้อภิญญาแล้วขาดสติได้ขนาดนี้ก็พิจราณาตัวเองดีๆ่ว่าเสื่อมแล้วยัง กลายเป็นอุปาทานแล้วยัง ผมเตือนใครผมไม่อ้อม ซัดมันตรงๆแรงๆ เงี้ยดี เพราะเราหวังดีถ้ายังอยากโง่อยู่ก็แล้วไป มั่วเกรงใจคนขาดสติมันเจ็บตัว โดยเขาไล่กัดปล่าวๆ

    ลองกลับไปดูโพสตัวเองที่ไล่ว่าคนอื่น ดูว่า ทำไม่ไม่มีคนอนุโมทนา คิดดีๆ
    และดูที่เวลาโดนว่า มีคนอนุโมทนาไหม การย้อนดูการอนุโมทนานั้นช่วยในเรื่องเจริญสติได้ และทำให้หลงได้เหมือนกัน


    จะโกรธผมๆไม่ว่า เผื่อที่ผมเสียเวลาแล้วทำให้คุณเข้าใจได้

    จะบุญหรือบาปก็วัดกัน ๕๐-๕๐
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  6. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    คนที่ไม่ได้อภิญญา ขาดสติมีเยอะกว่านะผมว่า จะไปสอนคนอื่นได้ญาน ฌาน ทางนี้ถูกทางโน่นผิด อวดรู้ อวดฤทธิ์โดยที่ไม่มี ก็พิจารณาตัวเองดีๆเถอะ วันเวลาผ่านไปทำไรอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  7. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    กล่าวมานี้เข้ากับตัวเลยนะอินทรบุตร
    คนได้อภิญญา6จะบอกคนไม่มีอภิญญาให้ได้บ้าง แต่ปลาก็ยังจะมุดลงโคลนบอกโคลนนี่แหละดีที่สุด อยู่ใต้โคลนบรรลุแล้ว
    แต่เมื่อไหร่ที่ปลาขึ้นจากโคลน อุปมาคือ ได้อภิญญา6แล้วย่อมรู้ว่าอะไรคือทางอะไรไม่ใช่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ปลาจะมุดหัวขึ้นมาจากโคลนสักที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  8. ปัญฺญาวโร

    ปัญฺญาวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +923
    ผมไม่สนใจคุณๆก็ไม่ต้องมาสนใจผม พอนะครับ
     
  9. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    แค่เตือนสติให้คนไม่ได้ญาน รีบหาครูอาจารย์รู้จิงแนะนำ อย่าได้ไปยึดติดทางเดิมๆที่ไม่เกิดญาน ฌานสักที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2012
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อืม ถ้าพูดแบบนี้ ก็เป็นการปรามาส หลวงพ่อโชดก หลวงพ่อจรัญ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เทสก์ นะ เพราะผมปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านทั้งหลายเหล่านี้นะ
     
  11. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    มันอยู่ที่ตัวคนปฏิบัติมากกว่าอินทรบุตร ลำไม่ดีอย่าโทษปี่โทษกลองและครูอาจารย์ถ้าคนสอนถึงอภิญญา6แล้ว ย่อมต้องโทษตนเอง
    อีกประการคือผมยึดหลักพระไตรปิฏกมาศึกษาเรื่อง ญาน ฌาน อภิญญา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นต้นกำเนิดวิปัสนากรรมฐานจากพุทธองค์โดยตรง
    วิปัสนากรรมฐานตอนหลังๆก็ล้วนแตกย่อยออกมาจากพระไตรปิฏกทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็นี่แหละนะ... ไม่มีสติ พูดไม่คิด พิมพ์ยังผิดๆ ถูกๆ ต้องตามแก้ทุกครั้งเลย
    ก่อนหน้ามาทางธรรมะ นี่ต้องกินยาที่หมอเขาจัดไว้ให้หรือเปล่า?

    ไม่ได้ว่าอะไรถึงทางจิตนะ จิตเนี่ยทุกคนเท่าเทียมกันหมดแล้ว แต่กายสังขารในชาติปัจจุบันหนะ มีอะไรผิดปกติไหม?

    ถ้าใช่อย่างที่ผมรู้สึกนะ ต้องเจริญสติให้มากๆ เอาให้สติมันทัน กับความหลง ความฟุ้ง ที่เป็นเพราะขันธ์ 5 ในชาติปัจจุบัน มันกวนขึ้นมาบ่อยๆ นะ แล้วอาการจะดีขึ้นนะ

    เรื่องวิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธองค์นี่ ลองไปศึกษาดูให้ดีเถอะ แล้วจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้นกว่านี้ หรือจะปิดหูปิดตา เชื่อว่าที่ตัวเองเรียนมา เป็นของเดิมแท้ ก็เชิญติดอยู่กับข้อนั้นต่อไป

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2012
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    รู้จัก คือการได้เห็นได้อ่านได้พบได้รู้ เสมอเหมือน ปริยัติ
    รู้จริง คือการเห็นของจริง ของจริงจะเห็นได้รู้ได้คือต้องปฏิบัติ เสมอเหมือน ปฏิบัติ
    รู้แจ้งคือ การเห็นแจ้งให้สภาวะทั้งหลาย หมายถึงผลที่จักได้รับด้วย เสมอเหมือน ปฏิเวธ

    ผู้ใด้เข้าถึง3รู้ก็หมายถึง เข้าถึง ไตรสิกขา ได้
    ย่อมเป็นผู้ห่างไกลกิเลสได้ในที่สุดครับ
     
  14. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    หากจะใช้ คำพูดแบบ ภาษาบ้านๆเรานี่ สั้นๆ
    เคยฟังหลวงปู่ละมัย ท่านแนะนำ ว่า

    "อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ในสิ่งที่เรารู้ เพราะกูก็โง่มาก่อน"
     
  15. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ชี้ทางให้ผู้อื่นได้ญาน ฌาน นี้เรียกว่าข่มหรอคับ ? วิสุทธิ7ไปอ่านดูนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อืม แสดงว่า ไอ้ที่ผมรู้สึกได้ มันถูกต้องจริงๆ ด้วยสินะ
    พยายามต่อไปแล้วกันนะ ก้าวข้ามข้อจำกัดของกายสังขารในชาติปัจจุบันของคุณให้ได้ ผมเอาใจช่วย...
     
  17. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ที่ผมมาบอกวิธีปฏิบัติไม่ใช่อะไรหรอก เพียงอยากให้ทุกคนที่ตั้งใจภาวนาได้ญาน เมื่อได้ญานแล้วย่อมเห็นอะไรคือทางอะไรไม่ใช่ทางและไปสู่ญานขั้นสูงด้วยตนเอง หรือไปถามพุทธองค์หรือแม้แต่พระอรหันต์ที่สำเร็จแล้วทั้งหลายพระอัครสาวกเป็นต้น เป็นสะพานส่งต่อไปสู่อาสวักขยญานที่สุดแห่งอภิญญา วิสุทธิ7ก็บอกไว้


    วิปัสนากรรมฐาน ที่ผมปฏิบัติไม่ถึง7วันได้ญาน ฌาน กระทู้นี้มีบอก

    http://palungjit.org/threads/เข้าฌาน-แล้วระลึกชาติ.363781/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  18. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....ก็ต้องสมาทาน สิกขา สาม นั้นแหละครับ...ดังคำของ ธัมธินนาเถรี กล่าวตอบแก่วิสาขาอุบาสก....อริยอัฎฐังคิกมรรค(อริยมรรคมีองค์แปด)สงค์เคราะห์ลงในขันธิ์ทั้งสาม(ศิล สมาธิ ปัญญา)---สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สงเคราะห์ใน ศิลขันธิ์...สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สงเคราะห์ใน สมาธิขันธิ์...สัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกัปปะ สองอย่างนี้สงเคราะห์ลงใน ปัญญาขันธิ์:cool:
     
  19. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ สิกขาสาม เป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันตามลำดับ(เมื่อพระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่อุทยานอัมพลัฎฐิกา ในราชอาคาร ทรงกระทำธรรมีกถาเป็นอันมากแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้ว่า) พระวนะ"....ศิลเป็นอย่างนี้ สมาธิเป็นอย่างนี้ ปัญญาเป็นอย่างนี้..สมาธิที่ศิลอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่มีอานิสงค์ใหญ่....ปัญญา ที่สมาธิอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่มีอานิสงค์ใหญ่....จิตที่ปัญญาอบรมแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะ ทั้งหลายโดยชอบเทียว...คือพ้น จาก กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ----มหา.ที.10/96/76.....:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...