ใบไม้ในกำมือ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย banana366, 31 ตุลาคม 2012.

  1. banana366

    banana366 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +1,345
    ใบไม้ในกำมือ

    [​IMG]
    สีสปาสูตร
    เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น

    เล่มที่ ๑๙
    [๑๗๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน?
    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบ ที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.
    พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก
    เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก.

    [๑๗๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว
    เราได้บอกแล้วว่า นี้ทุกข์ ... นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
    นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
    จบสูตรที่ ๑
     
  2. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    สูตรนี้ ในเรื่องกามนิต กวีก็เอามาแต่งล้อไว้นั้นแล ท่านอ.พุทธทาสท่านก็เฉลยว่าที่ว่าใบไม้ในกำมือนั้นคืออะไร ดั่งนี้ ท่านอ.ว่า คือคำว่าใดๆๆในโลกนี้ล้วนอย่าไปยึดมั่นถือมั่นนั้นแล นี้แลคือใบไม้ในกำมืออันเราควรจักเรียนจักปฏิบัติตาม
    นั้นแล
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................แหม ลุง!!...พูดคำเดียว ไปปรมัตถ์เลย เนอะ..หนู.หนูตามไม่ทัน:cool:
     
  4. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ข้าก็จำมาจากหนังสือแก่นพุทธศาสตร์อีกทีนั้นแหละ หนุ่ม ท่านอ.ท่านว่างี้ บางคนบ้ามันไปเถียงกันว่าไม่ใช่เรื่องอริยสัจสี่ต่างหาก เรื่องไม่ทำชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ ไตรสิกขา และอื่นๆๆต่างหาก มันบ้าพอกันมันเอาเรื่องเดียวกันเขาเรียกชื่อต่างไปเถียงกันโรคบ้าหลักธรรมมันกำเริบ จักว่าไป มันก็เหมือนไอ้เรื่องยกหินหนักแล้วให้ปล่อยนี่แหละที่พระพุทธเจ้าสอนทั้งหมดของพระอ.ชานั้นแล ไอ้ข้าทำไม่ได้ดอกดูจะวางไม่ได้หลายเรื่องตั้งแต่หนุ่มยันหงอก
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........ก็แหมมัน รวมลงใน ทุกข์ ทุกข์สมุทัย นิโรธ มรรค..พุดอะไร ก็ต้องลง ในปริยายนี้ทั้งหมด...พูดขันธิ์ ปรารภเรื่องขันธิืก็เท่ากับพูดเรื่องทุกข์....พูดเรื่อง กาม ราคะ ตัณหา ก็พูดเรื่องทุกข์สมุทัย...พูดเรื่อง สุญตา ความพ้นไปจาก ราคะ โทสะ โมหะ ก้พูดเรื่องนิโรธ...พูดเรื่องณาน ญาน สติ สมาธิ ความเพียร ก็พูดเรื่องมรรค......ก็ลงในอริยสัจสี่ ทั้งหมด......แต่ ผู้ภาวนา จะ ทำไว้ในใจ ไว้อย่างไรเท่านั้น.ภาวนาอย่างไรเท่านั้น..ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ทำลายอวิชชา หรือ ผู้รู้อริยสัจสี่....:cool:
     
  6. พุืทธวจน000

    พุืทธวจน000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ..ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประทับอยู่ที่ สีสปาวัน ใกล้กรุงโกสัมพี. ทรงกำใบสีสปา
    ขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วตรัสถามหมู่ภิกษุ ว่า ใบสีสปาที่ทรงกำนี้ กับ ที่อยู่บนป่าโน้น, ไหนจะมากกว่ากัน. เมื่อ
    ภิกษุกราบทูลว่า ที่อยู่บนป่าโน้นมากกว่ามากแล้ว จึงตรัสว่า :-
    ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น, สิ่งที่ยังอยู่มากกว่ามาก ก็คือสิ่งที่เรารู้
    ยิ่งแล้ว แต่ไม่นำมาสอนพวกเธอทั้งหลาย. เพราะเหตุไรเราจึงไม่สอนสิ่งนั้น
    แก่พวกเธอเล่า ? เพราะว่าสิ่ง ๆ นั้น ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้น
    ของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อม เพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด
    ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน ; เพราะเหตุนั้น
    เราจึงไม่สอนสิ่งนั้น แก่พวกเธอทั้งหลาย.
    - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๘/๑๗๑๒.

    ***จากพระสูตรนี้ แท้จริงคือใบสีสปา ไม่ใช่ใบประดู่ลาย และความหมายของพระสูตรนี้คือ พระศาสดาตรัสบอกว่า ใบไม้ในป่า กับ ใบไม้ในกำมือ ก็คือธรรมะที่พระศาสดาค้นพบแต่ใบไม้ในป่าเป็นธรรมะที่ไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น จึงไม่นำมาสอน แต่ใบไม้ในกำมือคือธรรมะที่เพื่อการหลุดพ้นจึงนำมาบอกสอน....
     
  7. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    เรียนถามคุณพุทธวจน000ครับ

    1. "สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ ด้วยอักษรอันสละสลวย ด้วยพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว ...." เช่นนี้ ถามว่า แล้วถ้ากวีแต่งขึ้นใหม่ แต่ไม่เป็นเรื่องนอกแนว เป็นชั้นโลกุตระ ว่าด้วยเรื่องสุญญตา จะสามารถเงี่ยหูหัง หรือน้อมนำมาศึกษาได้หรือไม่

    2. พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ฤทธิ์ เป็นสิ่งน่ารังเกียจ น่าอึดอัด น่าขยะแขยง เหตุใดจึงสรรเสริญพระโมคคัลลานะ ว่าเป็นเลิศทางด้านฤทธิ์ เหมือนกับขันธ์5เป็นสิ่งน่ารังเกียจ น่าอึดอัด น่าขยะแขยง สมควรพิจารณาให้เห็นโทษ สมควรละทิ้ง ฉันใดก็ฉันนั้น ฤทธิ์ด้วยวิชชาและอภิญญา สมควรพิจารณาให้เห็นโทษ สมควรละทิ้งด้วยมิใช่หรือ ทำไมไม่ทรงตรัสกับพระโมคคัลลานะว่าให้พิจารณาให้เห็นโทษแห่งฤทธิ์ ว่าเป็นน่ารังเกียจ น่าอึดอัด น่าขยะแขยะ สมควรละทิ้งเสีย

    3. ภิกษุมิควร พยากรณ์ ทำนายทายทัก ปลุกเสกเลขยันต์ ทำน้ำมนต์ เป็นเดรัจฉานวิชา แล้วการพยากรณ์ ของพระพุทธเจ้า เช่น พยากรณ์พระเทวทัตจักเป็นพระพุทธเจ้าด้วยกุศลแห่งการถวายทานเป็นพุทธบูชา ถือว่าเป็นการพยากรณ์ด้วยเช่นกันมิใช่หรือ การปลุกเสกพระเครื่อง เรื่องเครื่องรางของขลัง ก็เป็นเดรัจฉานวิชา แล้วต่างอันใดกับการสร้างพระพุทธรูปบูชาในวัด เพียงแค่มีขนาดใหญ่กว่าพระเครื่องเท่านั้นเอง

    4. บัญญัติและสิกขาบท ข้ออภิธรรมต่างๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นั้นเท่ากันทุกๆประการหรือไม่ 1)หากเท่ากันทุกๆประการ เหตุใดหลังจากตรัสรู้จึงไม่บัญญัติให้ครบถ้วนพอดี แต่มีการบัญญัติเพิ่มในบางกรณีเช่น ช่วงเข้าพรรษาของภิกษุสงฆ์ ก็มีการบัญญัติเพิ่มขึ้นจากเดิม หรือเมื่อเห็นสงฆ์เหล่าใดพระพฤติไม่งาม ก็มีการบัญญัติเพิ่มอยู่เนืองๆ 2)หากไม่เท่ากันทุกๆประการแล้ว ก็เท่ากับว่าภิกษุสงฆ์สามารถบัญญัติเพิ่มเติมหรือตัดทอนได้ เพราะองค์ปัจจุบันอาจจะไม่ได้ทรงรับรองหรือทรงคัดค้านในสิ่งที่องค์ก่อนๆเคยบัญญัติไว้ แต่ว่าในพุทธจวนกล่าวว่า ภิกษุห้ามบัญญัติเพิ่มเติมหรือตัดทอน

    เรียนให้ทราบว่ากระผมมิได้มีเจตนากล่าวตู่ปรามาสพระพุทธเจ้า กระผมมีความเคารพในพระพุทธเจ้าเป็นบรมครูคนเดียวเท่านั้น ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ แต่หลังจากได้ศึกษา ได้สดับฟัง ได้สอบถาม ได้ปฏิบัติกับผู้เผยแผ่พุทธวจน มีการตำหนิคณะสงฆ์บางเหล่า(มิขอกล่าวถึง) จึงอยากทราบจริงๆ มีความสงสัยเกิดขึ้นเป็นอันมาก กระผมทราบดีว่าพุทธจวนเป็นอกาลิโก เป็นสิ่งถูกต้องที่สุดไม่ขัดแย้งกันในตัวเองใดๆทั้งสิ้น ทรงเป็นสัพพัญญูเพียงหนึ่งเดียว แต่กระผมเกรงว่า ผู้แปล ผู้ตีความ ผู้เผยแผ่ ต่างหาก จะเป็นผู้ที่ทำให้พระศาสนาเสื่อมเสีย แบ่งแยกเป็นหมู่เหล่า(ทุกวันนี้ก็มากพอแล้ว)
    ไม่ต้องถึงกับพุทธจวนหรอกครับ เพียงแค่พระบรมราโชวาท เวลาจะนำมาเผยแผ่ก็ต้องยกมาทั้งดุ้น มิใช่มาตีความ มาแปลกันเองแล้วก็เผยแผ่กันเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...