เมื่อผมรู้จักพลังจิต

ธรรมะที่ไม่เกี่ยงเรื่องเพศหรือวรรณะ

หลวงน้อง:
จริงๆๆ แล้ว ที่พระ ตัดสินใจยังไม่สึกเพราะอะไรรุ้มั้ย จริงๆๆแล้ว อยากสึกตั้งหลายรอบ
ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
ฟังแล้ว เหมือนเรื่องตลก จริงๆแล้ว เพราะผู้หญิงคนเดียว
ผม:
ใครครับ
หลวงน้อง:
ไม่ได้ไปชอบผู้หญิงนะ แต่บังเอิญ ไปเจอโยมคนนึงที่เป็นผู้หญิง แเล้วเขาก็ปฏิบัติมา นานพอสมควร เขาก็แนะนำ ทำไปทำมา ก็เลย ไม่สึกเลย
หลวงน้อง:
เอาไว้ มีโอกาส จะพาไปหา จะเรียกว่าเป็นอาจารย์ ของพระก็ว่าได้
ผม:
โอ้
หลวงน้อง:
ตลกมั้ย เป็นพระ ไม่ได้ไปเรียบ กับหลวงพ่อ หรือหลวงตา แต่ไปเรียนกับผู้หญิงซะงั้น
ผม:
โยมคนนั้นชื่ออะไรเหรอครับ
หลวงน้อง:
แต่อย่างว่า หนทางการปฏิบัติ ไม่จำกัดเพศอยู้แล้ว
หลวงน้อง:
ชื่อ"--" (ขอเซนต์เซอร์แล้วกันครับ)
หลวงน้อง:
เรื่องยาว

ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
จริงๆๆ ผู้หญิง คนนี้ ก็ไม่ได้สนใจปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ชิวิตเป็นอะไรที่โลดโผน สุดๆๆ เหมือนกัน
หลวงน้อง:
แต่อย่างว่า เมื่อเห็นทุกข์เมื่อไหร่ ถึงจะเริ่มเห็นธรรม
ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
เพราะฉะนั้น คนเรา เอาแน่เอานอน ไม่ได้ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้เชียว เพราะเราไม่รู้เลย ว่าเราสะสมบุญมามากแค่ไหน ถ้าบังเอิญสะสมบุญมามาก ก็สุดยอดเลย แต่ถ้าบังเอิญไม่ได้สะสมบุญมา ก็นี่แหละ เป็นการเริ่มหยอดกระปุกเสียในชาตินี้ซะเลย
ผม:
แปลว่าที่ท่านได้เจอก็เป็นเพราะท่านสะสมบุญมาเยอะเช่นกันนะครับเนี่ย
หลวงน้อง:
พระพุทธเจ้า กว่าจะมาเป็ยพระพุทธเจ้า ก็เป็นอะไรมาไม่รู้เท่าไหร่ บำเพ็ญก็นับไม่ถ้วน
หลวงน้อง:
อย่าว่าเป็นการสะสมบุญมาเยอะเลย เอาเป็นว่าเริ่มหัดที่จะสะสมบุญเอาไว้ตั้งแต่ชาตินี้ละกัน
ผม:
ครับผม
หลวงน้อง:
จริงๆๆ แล้วในอภิธรรมท่านว่าไว้ ว่าคนที่จะมีอัธยาศัย ในการรักที่จะปฏิบัติธรรม หรือ คิดที่จะละกิเลสบ้าง ก็ต้องเป็นผู้ที่เคยทำมาก่อนแล้วทั้งนั้น
หลวงน้อง:
เมื่อเคยทำมา มันก็เป็นเหตุปัจจัย ให้ได้มาทำอีกเรื่อยๆๆ
ผม:
ครับผม
หลวงน้อง:
เหมือนคนที่ไม่เคยทำ บอกยังงัย ก็ไม่อยากจะทำ

 

ศีล8 แบบครึ่งกำลัง?

ผม:
เคยมีคนแนะนำให้ถือศีลแปดขณะก่อนนอน
หลวงน้อง:
ทำไม ต้องถือก่อนนอน
ผม:
พอตื่นขึ้นมาก็ออกจากศีลแปด ใช้ชีวิตธรรมดาๆได้
หลวงน้อง:
เพราะตอนเรานอน เราถือศีลอยู่แล้ว
ผม:
ไม่เดือดร้อนอะไร และไม่มีการทำผิดศีลแน่นอน
ผม:
ผมก็อยากจะทำนะครับ
หลวงน้อง:
งั้น จะต้องไปถือทำไม
ผม:
แต่ใจรับไม่ได้เล็กน้อย มันเหมือน โกงๆยังไงไม่รู้
หลวงน้อง:
จริงๆแล้ว เขาก็แนะนำ มาดี นะ
หลวงน้อง:
ศีลแปลว่าอะไร
ผม:
รู้สึกว่ามันจะถูกเรียกว่าถือศีลแปดแบบครึ่งกำลังน่ะครับ
หลวงน้อง:
แต่ถ้าทำแล้วสบายใจ ก็ไม่ผิดหรอก แต่จริงๆแล้ว มันก็แปลกๆๆ อยู่เหมือนกัน เหมือนหลอกตัวเองว่าทำดี แต่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร
ผม:
ศีล แปลว่า ข้อควรละเว้นอะไรอย่างนั้นรึเปล่าครับ
หลวงน้อง:
อย่างนี้ตื่นนอน ไปกินเหล้า
หลวงน้อง:
ไปเที่ยวผู้หญิง ไปโกหกชาวบ้าน ไปขโมยของคนอื่น ไปผิดลูกผิดเมียเขา
หลวงน้อง:
มันไม่หนักกว่าเหรอ
หลวงน้อง:
เกือบถูก
หลวงน้อง:
จริงๆๆ แล้ว ความหมายของศีล ที่แท้จริง แปลว่าปกติ
ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
ปกติ ยังงัย

หลวงน้อง:
เพราะจิตใจคนเรา ที่เป็นปกตินั้น จะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่โกหก ไม่พูดหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่กินเหล้าอยู่แล้ว
หลวงน้อง:
คนที่ทำสิ่งเหล่านี้ นั้นแหละ คนที่จิตใจไม่ปกติ
หลวงน้อง:
ก็คือไม่มีศีลนั้นเอง
หลวงน้อง:
เพราะฉะนั้น การมีศีล ก็คือการที่มีจิตใจเป็นปกติ
ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
มีอะไรสงสัยอีก ถามมาเลย
ผม:
ประมาณนี้เองครับ ตอนนี้ฮ่าๆ
ผม:
ท่านบวชมาได้กี่พรรษาแล้วครับเนี่ย

หลวงน้อง:
มีหนังสือ ดีๆๆ เยอะแยะ ไว้มีโอกาส จะให้อ่าน
ผม:
รู้สึกว่าบวชมานานทีเดียวนะครับ
หลวงน้อง:
ออกพรรษานี้ก็ 4
ผม:
4ปีรึเปล่าครับ
หลวงน้อง:
3 ปี เศษๆ
หลวงน้อง:
เพราะบวช ใกล้ๆเข้าพรรษา
หลวงน้อง:
บวช 3 เดือน ก็ได้ 1 พรรษา ที่เหลือ อีก 9 เดือน เขาไม่นั่บให้
ผม:
อ้อ ครับ
หลวงน้อง:
บวช 18 ก.ค. 47
หลวงน้อง:
นับจริงๆ ก็ 3 ปีนิดๆๆ
หลวงน้อง:
ถ้ามีโอกาส ได้ไปวัดป่า เงียบๆ เดี๋ยวจะชวนไปด้วย
ผม:
ได้ครับผม
หลวงน้อง:
รับรอง ไม่อยากกลับบ้านแน่ๆ
หลวงน้อง:
โดยมาก บรรยากาศ วัดป่า จะสวยมาก สงบ แล้วก็สะอาด
หลวงน้อง:
แต่เงียบมากๆ ก็อันตราย
ผม:
สงบเกินไปก็น่ากลัวนะครับ

หลวงน้อง:
อะไรน่ากลัวที่สุดในโลก ?
ผม:
คนครับ
หลวงน้อง
ไม่ใช่
ผม:
ตนเองครับ
หลวงน้อง:
ความคิดนี่แหละ เป็นสิ่งทีน่ากลัวที่สุด
ผม:
ครับ
หลวงน้อง:
แล้วความคิดนี่แหละ เป็นตัวกำหนด โลกทั้งโลก สำหรับคนๆนึงเลย
หลวงน้อง:
เพราะพุทธเจ้าสรัสบอกว่า จิตเตน นี*ติ*โลโก
หลวงน้อง:
แปลว่า โลกมีความคิดเป็นตัวนำไป หรือก็คือ โลกนี้จะเป็นยังงัย ก็ขึ้นอยู่กับ ความคิดของคนๆนั้น
หลวงน้อง:
ครบ 9 files มั้ย
ผม:
ครบครับผม
หลวงน้อง:
ลองไป ฟังดู
ผม:
ครับผม
ผม:
ขอบคุณท่านมากๆครับ
หลวงน้อง:
ไม่เป็นไร ยินดีมากกว่า
หลวงน้อง:
ต้องขอบคุณโยมพี่มง ตะหาก และก็ต้องขออนุโมทนาอีกรอบ
หลวงน้อง:
เอาล่ะ สมควรแก่เวลา
ผม:
เช่นกันครับผม
ผม:
อนุโมทนาครับ
หลวงน้อง:
โชคดีๆๆ
ผม:
นมัสการลาครับผม
หลวงน้อง:
อายุ วํณโณ สุขัง พะลัง
ผม:
สาธุ

 

น่าไปมั่กๆ ค่า
(อยากจะหาโอกาสไปพบอาจารย์ตาที่3 เพื่อขอรบกวนเปิดตาที่ 3 ให้ค่ะ ถึงแม้จะกลัวผีแค่ไหน แต่ก็อยากทำ เพื่อเอาพลังนี้กลับบ้านไปช่วยแม่ค่ะ ท่านมีทุกข์ใหญ่หลวงอยู่หลายอย่าง เกี่ยวกับคนตายทั้งนั้น ก็เลยคิดว่าในฐานะลูกคนเดียวถ้าช่วยได้ก็คงจะดีมากๆ เพราะอ่านๆ กระทู้มา เปิดแล้วก็ปิดได้ใช่มั้ยคะ ^///^ แต่จริงๆ แล้วก็อยากจะช่วยคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่เป็นบ้าไปซะก่อนนะคะ )

ปล.ขี้ขลาดจัง ^///^

 

คงจะคลาดเคลื่อน กันไปมาก
ผม ตรวจดู ออร่า/ตรวจโรค

ไม่ได้เป็นผู้วิเศษ ที่จะเสก เปิดตาที่สาม ให้คนได้
แต่ตรวจว่า ตาไกล้จะเปิดแล้วหรือ ไม่...พอได้

 

สวัสดีครับอาจารย์

อาจารย์ครับผมพร้อมที่จะฝึกได้ไหมครับจากการที่อาจารย์ดูชื่อครับ(รอคำตอบครับ)สวัสดีครับ

 

สาธุครับ ได้อ่าน ธรรม ดีๆ ผมก็เป็นเหมือนผู้เริ่มต้นนะครับ
พยายามสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตามหนังสืออยู่นะครับ ประมาณ 2 ปีแล้วนะครับ
แต่ก็ยังมืดๆ เหมือนเดิม ที่สงบก็คือใจ ระงับลง
ปฎิบัติคล้ายๆ กับของท่าน raquaz นะครับ
สวดมนต์ เช้า 20.30 น. ทำสมาธิก่อนนอน
ตอนนี้ก็สนใจไปหมดนะครับ ไม่รู้จะตีกันอีรุงตุงนัง ขนาดไหม

อ่านดูตรงจุดที่สนใจนะครับ

"ต้องค่อยๆพิจารณาซินะครับ
หลวงน้อง:
ถ้ามีความรู้สึกเมื่อไหร่ ก็ให้ดูที่จิดใจตัวเอง ว่าขณะนี้จิดเรามีความรัก ความใคร่ เข้ามาอยุ่ ให้ดูเข้าใปที่จิต( ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหรือเปล่า) ถ้าดูด้วย ความเป็นกลาง ความกำหนัด ความใคร่ มันจะหายไปได้เอง
หลวงน้อง:
ทำนองนั้ง"

ดูที่จิต นี่ทำอย่างไรหรือครับ
แต่พิจารณาว่า มีความรู้สึกอย่างไร รึป่าวครับ
หรือ ต้องสร้างนิมิตขึ้นมาก่อนว่านี่คือจิต แล้วเพ่งมองลงไปหรือครับ

ช่วยกรุณาแนะนำด้วยนะครับ

(เรื่องนี้ ไม่รู้ทำไมถึงได้โง่นัก เฮ้อ)

 

เหอ ๆๆๆ อีก 2 วัน ก็จะเห็นผีแล้ว เตรียมตัวให้ดี ฮ่า ๆๆๆๆ

 

แง๊ว
เรื่องเจอนั้นคงช่วย บ่ ได้
ขอให้เขามางามๆ ดูดีๆหน่อยแล้วกันครับ
ไม่ใช่มาแบบเยิ้มๆ ไม่งั้นผมคงจะต้องรีบหนีก่อนแบ่งบุญให้ ฮ่าๆ

ไม่ใช่กลัว แค่ไม่ชอบ มันติดตาน่ะครับ
เคยเห็นคนแขนหักต่อหน้าต่อตา แค่เห็นนะ มันติดตาจนนอนไม่หลับไปตั้งวัน 2 วัน...

 

Well, perhaps you can use this new magic to foresee the winning lottery number.
Then we can split the fortune half/half.
Agree?
(good) (sing)

 

ดีเหมือนกัน คุณ xanadu มาคุยด้วย
ช่วยให้ศัพท์แสงภาษาอังกฤษ กระเตื้องขึ้นมาหน่อย
หลังจากกบดานมานาน

เดี๋ยว ขอตัวไปยืม ดิกชันนารี ของลูกก่อน
บางตัวแปลไม่ออก ลงหม้อลงไห ไปหมดแล้ว ..เฮ้ออออ.. แหะแหะ

 

ดวงทางล็อตเตอรี่ไม่มีเลยน่ะซิครับ
วันเกิดตัวเองตอนคราวที่แล้วซื้อแบบดักหมดเลย
อายุ และอายุ + 1ปี ปี พศ เกิด วันเกิด เดือนเกิด
แต่มันดันออกปี คศ เกิด ที่ดันไม่ได้ซื้อ...คิดดูแล้วกันว่าไร้ดวงขนาดไหน ฮ่าๆ

ถ้าจะแบ่งเอาเป็น 33/33/33 ได้ไหมครับ อีกส่วนจะได้แบ่งไปทำบุญด้วย อิอิ

เหมือนกันเลยครับ พี่เมาท์
อดีตเคยเรียนเอแบค ภาษาอังกฤษผมน่าจะดีมากแท้ๆ แต่ไปเรียนญี่ปุ่นที
มันตีกันอย่างรุนแรง ฮ่าๆ
ตอนนี้ อ่านได้อย่างเดียว ไม่กล้าเขียนครับ อิอิ

 

หลวงน้อง:
อย่าไปเลิก
หลวงน้อง:
เพราะ กิเลสนี่ยิ่งฝืนมันยิ่งเก่ง
หลวงน้อง:
ที่เขาเปรียบเหมือนพญามาร นี่ล่ะใช่เลย
ผม:
ต้องค่อยๆพิจารณาซินะครับ
หลวงน้อง:
ถ้ามีความรู้สึกเมื่อไหร่ ก็ให้ดูที่จิดใจตัวเอง ว่าขณะนี้จิดเรามีความรัก ความใคร่ เข้ามาอยุ่ ให้ดูเข้าใปที่จิต( ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหรือเปล่า) ถ้าดูด้วย ความเป็นกลาง ความกำหนัด ความใคร่ มันจะหายไปได้เอง
หลวงน้อง:
ทำนองนั้ง
หลวงน้อง:
เพราะเมื่อไหร่ ที่เราคิดจะตัดกิเลส นั่นล่ะ เรากำลังแพ้ กิเลสอย่างแรก----->ประโยคนี้เด๊ดจริงๆคะ
ผม:
ครับผม
หลวงน้อง:
เพราะความอยากที่จะดี ก็เป็นกิเลส เหมือนกัน
หลวงน้อง:
แหมๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้คุยเรื่องแบบนี้ผ่าน msn
ผม:
อนุโมทนา สาธุๆ

--------------------------------------------------------------------
ขอบคุณพี่ raquaz มากนะคะ ที่เขียนบทความดีๆมาให้ได้อ่านขอเป็นกำลังใจให้นะคะเพื่อจะได้เขียนบทความหรือประสบการณ์ดีๆมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆชาวเวปได้รู้อีกในโอกาสต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะพี่ บทความของพี่ช่วยให้หนูมีความคิดดีๆเรื่องการตัดกิเสศและการทำสมาธิมากเลยคะ ทำให้ได้รู้จักความเบาของสมาธิและจิตนิ่งได้ด้วยนะคะและที่สำคัญนะคะช่วยยก ระดับพลังจิตที่แน่น ให้นิ่งและเบาได้ด้วยนะคะ..

 

ท่าน raquaz อย่าลืมคำถามผมด้วยนะครับ please...

ผมอ่านหลายเล่มจนเมาไปหมด
ของหลวงปู่โง่น ท่านพิจารณาดวงแก้วจนเป็นแก้วใส คลุมทั้งตัว
หลวงพ่อฤาษี ท่านให้ดูจิต ว่าแวววาว เป็นแก้วหรือเป็นเนื้อ
หลวงพ่อท่านอื่น พิจารณาจิต
ผมคงทำอย่างนั้นได้ยากมากๆนะครับ


ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะครับ หรือแค่สังเกตุความรู้สึกว่ามีการปรุงแต่ง หรือผลจากการปรุงแต่งอย่างนั้นรึป่าวครับ

 

แหมๆ อยากตอบให้มากๆเลยนะครับ
แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร รอจะถามหลวงน้องให้อยู่อีกทีเนี่ยล่ะครับ
หลวงน้องท่านก็ไม่ออนไลน์สักที

เอาสำหรับผมก่อนแล้วกันนะครับ
(ผิดหรือถูกไม่แน่ใจเหมือนกัน)
ก็คือการพิจารณาดู ความคิดในจิตใจของตัวเราเอง ว่าความรู้สึกในตอนนี้คืออะไร เกิดจากอะไร และมีผลอย่างไรต่อเราในตอนนั้นน่ะครับ
ซึ่งถ้าพิจารณาออกมาได้ก็จะเห็นเหตุผลและทางแก้ไขจากที่ที่เราเกิดอารมณ์นั้นขึ้นมาครับ

อย่างเช่น ขณะที่เรารู้สึกเป็นห่วง เราก็พิจารณาว่า อืม นี่เรากำลังห่วงนะ
เกิดจากอะไร
เพราะเราผูกพันกับคนที่เราเป็นห่วงไม่อยากให้เป็นอะไร
มีผลอย่างไร
เราก็กระสับกระส่าย หงุดหงิด ลุกลี้ลุกลน ทำงานไม่ได้
แล้วก็พิจารณาถึงวิธีแก้ ก็คือ พิจารณาว่า ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน คนเรามีเกิด มีตาย สุดท้ายก็ต้องจากกัน
ตรงที่จะทำให้จิตเราสงบได้อย่างหนึ่งครับ

น่าจะประมาณนี้ล่ะครับ...

 

มหกรรมพลังจิตครั้งที่2

ไปมาอีกแล้วครับ คราวนี้ไปในฐานะผู้ช่วยงาน
แต่ไม่ค่อยได้ช่วยงานอะไรเท่าไร

ประหลาดใจเล็กน้อย ที่เอ ทำไม คนรู้จักเราเยอะจัง
มีแต่คนมาทักว่า พี่ Raquaz ใช่ไหมครับเนี่ย
แล้วก็บอกว่าชอบที่พี่เขียนกันหลายคน
ดีใจมากมาย ที่ทุกท่านให้ความสนใจ
วันนี้จึงเริ่มต้นด้วยการกลับมาอีกครั้งของ
ความสุขในสมัยที่เคยเป็นนักเขียนครับ


ท่านใดที่ให้เกียรติมาทักผม ช่วยกรุณาแอด เอ็มเอสเอ็นผมหน่อยนะครับ
(ถ้าท่านใช้)ผมจะได้จำได้ว่า ผมได้เจอท่านใดแล้วบ้าง

ในขณะเดียวกันก็แปลกประหลาดใจ
ตั้งแต่ใช้ชื่อนี้มา ไม่มีใครอ่านชื่อผมถูกเลยแม้แต่คนเดียว...ทำไมหว่า
ทุกคนจะอ่านว่า ราเควส
ซึ่งจริงๆแล้ว มันอ่านว่า ราควอซ ครับ ฮ่าๆ
โดยมาจาก R+AQUA+Z น่ะครับ

ในงานครั้งนี้ ก็มีคนคุ้นหน้ามากๆ อยู่หลายท่านเหมือนกัน
ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยเฉพาะท่านที่ใส่เสื้อเหลืองตอนเช้า
ที่คุณกับผมเผอิญมองหน้ากัน แล้วก็ยิ้มให้..
สงสัยว่าคุณก็จะคุ้นผมเหมือนกันซินะครับ
แต่เสียดายจัง ไม่มีโอกาสได้คุยเลยครับ ทั้งๆที่หลังจากนั้นก็ยัง
มองหน้ากันไปกันมาอีกหลายครั้ง

เอ่อ ขอบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่กระทู้หาคู่ ฮ่าๆ แค่เสียดายที่ไม่ได้คุยกัน
ทั้งๆที่คุ้นกันมากมายแท้ๆ

มีโอกาสได้สนทนาธรรมกับบรรดาคุรุ ที่ไม่ได้ปรากฏในเวปอีกหลายท่าน
ทำให้รู้ได้ว่า โลกนี้ยังอีกกว้างใหญ่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เรื่องราวใดๆ
คงมิอาจจะทำได้จากในเวปเท่านั้น เราต้องออกไปพบกับคนหมู่มากอีกด้วยครับ

เดี๋ยวมาเขียนต่อ ไปสวดมนต์ก่อนครับ อิอิ

 

เจ้าของกระทู้โดนเจ้าที่ทับในงาน พลังจิตครั้งที่ 2

รูปขนาดเล็ก

 

สรุปงาน

กลับมาแล้วครับ

แหม แต่ละท่าน เก็บช๊อตเด็ดๆกันทั้งน้าน
อ้อ เผอิญได้ภาพจากคุณเมาท์มา พี่คนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุดในงานนี้คือพี่คนข้างขวาเสื้อเหลืองครับ


เพื่อนใครหว่า
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคงจะได้รู้จักกันเอง เหมือนกับผมกับคุรุท่านหนึ่ง ที่สุดท้ายก็ได้รู้จักกันอยู่ดี อิอิ



ตอนนั้นผมอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ เรียกลูกค้าลงทะเบียนอยู่น่ะครับ
หมาตัวนี้รู้สึกจะชื่อโรเบิร์ต ครับ ผมไม่เคยเลี้ยงหมา แต่รู้สึกว่าเป็นคนที่จะเกาได้ถูกใจหมา เวลาเจอหมาที่ไหนก็จะติดผมง่ายทีเดียว
เช่นเดียวกับเจ้าโรเบิร์ตนี่
ถูกเกาจนหนำใจแล้วก็เล่นนอนทับขาผมเลย หนักเหมือนกันนะตัวมันน่ะ
แถมมีคนมาป้อนขนมให้มันกินเป็นราชา นอนไปกินไปทั้งๆที่ทับเท้าผมอยู่จนเขาอิ่มนั่นแหละจนถึงได้ลุกไป ก็เกือบๆจะตอนเปิดงานพอดี

นั่นแหละถึงได้เริ่มสนทนาธรรมกับท่านอื่นๆ เจออาจารย์ท่านหนึ่งที่นำพระเครื่องดีๆ ที่แทบหาไม่ได้ ราคาเหยียบ 6หลัก มาให้พวกเราได้เรียนรู้ในการจับพลังพระให้เป็นบุญมือ และเป็นพลังพระที่แปลกสมราคาจริงๆ เพราะให้ความรู้สึกทั้งร้อนวุบและเย็นวาบ และพระที่มีพลังแรงๆอีกหลายองค์

อ้อ ลืมบอกไป งานวันนี้ผู้เข้าร่วมงานประมาณ100กว่าท่านครับ เห็นว่าขาดกันเยอะทีเดียว
หรือจะเป็นเพราะว่าเรายกเอาของผีสิงมาร่วมงาน คนเลยกลัวกันก็ได้

ผมเอง วันนี้ ไม่ได้นำกล้องมา เพราะเพื่อนไม่เห็นด้วยที่จะให้ถ่ายผี เลยอดเก็บภาพมาให้ทุกท่านดูครับ

ช่วงที่ได้อัญเชิญวิญญาณของร.5 จากรูปที่ถ่ายติดภาพสิ่งที่ดูเหมือนวิญญาณของท่านลงมาแสดงบารมีและถวายพระพรนั้น
บางท่านที่มีความสัมพันธ์กับท่านในอดีตก็ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว
แต่สำหรับผม แค่ขนลุกไปทั้งตัวเลยล่ะครับ
รูปอันนี้ ขอบอกว่าแรงจริงๆ เพราะแค่เดินไปใกล้ๆรูป ยังไม่ทันทำอะไรเลย รู้สึกเข่าอ่อนมากๆ

สนทนาธรรม(หลายๆท่านอาจจะคิดว่าพูดเกินไป แต่ขอยืนยันครับว่า สนทนาเกี่ยวกับธรรมจริงๆ คุยเรื่องสมาธิ ถ่ายทอด ประสพการณ์ เล่าเรื่องตอนไปทำบุญ ฯลฯ) คุยกันไปเรื่อยๆ ก็เกิดภาพในตำนานขึ้นมา

ถ้ามีใส่ชุดสีฟ้าอีกสักคน ก็คงตั้งเป็นขบวนการปราบอธรรมตามหนังยอดมนุษย์ญี่ปุ่นได้ อิอิ เพราะนอกจากแต่ละคน จะมีกายหยาบที่งามแล้ว บารมียังเยอะ และจิตยังงามทุกคนอีกด้วย สาธุๆ ด้วยความเคารพครับ

เอ...ความทรงจำเริ่มลืมเลือน

มันเกิดอะไรขึ้นหว่า ช่วงกลางวัน
จำได้ว่ากินข้างไป 2 จาน อิ่มตื้อ เพราะคราวนี้อาหารเหลือมากมาย ผิดกับคราวที่แล้ว
ดีนะที่ตัดสินใจไม่ทำอะไรไปแจกบรรดาคุรุ ฮ่าๆ

เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับมาต่อช่วงบ่ายวันงานครับผม ง่วงมากเลย...

 

หน้าตาน่ารักจัง ขนเยอะดี

 

ขอบคุณ ที่ นำภาพ สี่สาวที่สวยที่สุดในงานมาลงให้ชมกัน
คนแรก ทางขวาสุด คือ "น้อง จิ๊ป" ในเวป Jipjif
คนถัดมา คนงามที่สุด งวดที่แล้ว คุณ "ปานโสม" เป็น ทั้ง ขื่อ จริง และ ชื่อในเวป
อีกสอง สาวสวย..งามจริงๆๆ..ใครจำชื่อได้..ช่วยขยายความหน่อย
จะได้เป็นที่รุ้จักกันในสมาคมชมรม "ชาวพลัง จิต"

 

ทางขาวมือท่านแรกคือคุณทานะบารมี ถัดมาคือคุณคุณจิตต์ปภัสสรครับ

ทั้ง4 ท่านให้เกียรติเป็นเป็นสหายธรรมกับผมมาได้สักระยะหนึ่งแล้วครับ อาจารย์