หลวงปู่ทวด หลวงปู่ศิลา นิรันตราย มาใหม่) , ฯลฯ ขอเรียนเชิญครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wee3250, 22 กันยายน 2012.

  1. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    เสือรุ่นแรก_เนื้อทองเหลือง หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม จ.ชลบุรี

    พระอมตะเถราจารย์ 5 แผ่นดิน อายุ ๑๐๘ปี สภาพเดิมๆสวยสมบูรณ์ พิมพ์ติดชัด ไม่ผ่านการใช้


    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 32.jpg
      32.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.4 KB
      เปิดดู:
      168
    • 33.jpg
      33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      77
    • 34.jpg
      34.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75 KB
      เปิดดู:
      62
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  2. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    นางกวักหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท

    มี3องค์

    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 35.jpg
      35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85 KB
      เปิดดู:
      111
    • 36.jpg
      36.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.9 KB
      เปิดดู:
      71
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  3. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    ประวัติหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง

    ?อิทธิฤทธิ์...หลวงพ่อเพ่ง, เมตตามหานิยม...หลวงพ่อทาบ, อาคม...หลวงพ่อทิม?
    วลีสามประโยคนี้เป็นคำกล่าวของชาวระยองเมื่อเอ่ยถึงหลวงพ่อเพ่ง หลวงพ่อทาบ และหลวงพ่อทิม ภายหลังจากที่หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก และหลวงพ่อกาจ วัดหนองสนมได้มรณภาพแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์อันเด่นชัดของพระเกจิอาจารย์แต่ละรูปว่าโดดเด่นไปคนละทาง หลวงพ่อเพ่งนั้น โดดเด่นทางอิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อทาบนั้นโดดเด่นทางเมตตามหานิยม ส่วนหลวงพ่อทิมนั้นโดดเด่นเรื่องคาถาอาคม ทั้งสามท่านมีอายุไล่เลี่ยกัน โดยหลวงพ่อทาบแก่กว่าหลวงพ่อทิม ๒ ปี ส่วนหลวงพ่อทิมและหลวงพ่อเพ่งมีอายุเท่ากันเพราะไล่ทหารปีเดียวกัน

    อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง
    หลวงพ่อเพ่ง ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์รูปนี้อดีตเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดระยอง อยู่คนละฟากแม่น้ำบ้านค่ายกับวัดละหารไร่ หลวงพ่อทิมได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าหลวงพ่อเพ่งสมัยเป็นทหารเรือ ท่านเคยเป็นบ๋อย (มาจาก Boy ใช้เป็นศัพท์สแลงแปลว่า คนรับใช้) ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาของทหารเรือไทย
    พระอาจารย์สิน เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทิมได้เล่าว่า หลวงพ่อนั้นท่านเป็นคนหัวดี สมองไว เก่งทางเลขผานาที การคำนวณ และเก่งทางหนังสือหนังหา เมื่อถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือจึงได้รับคัดเลือกให้ไปรับใช้ใกล้ชิดเสด็จเตี่ยหรือกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในยุดนั้น หลวงพ่อเพ่งเป็นผู้ที่ใฝ่ใจทางวิทยาอาคม เมื่อมีโอกาสจึงติดตามเสด็จในกรมไปเล่าเรียนวิทยาอาคมต่างๆ ด้วย
    เมื่อครบกำหนดการเป็นทหารซึ่งในสมัยนั้นใช้เวลา ๓ *** ๔ ปี ท่านก็กลับมาบ้านเกิดของท่านโดยบวชเป็นพระภิกษุมาแล้ว และมาจำพรรษาอยู่วัดละหารใหญ่ เจ้าอาวาสองค์ก่อนจึงขอให้หลวงพ่อเพ่งสอนหนังสือแก่กุลบุตรกุลธิดาแถววัดละหารใหญ่และวัดละหารไร่ นั่นเอง
    หลวงพ่อสินยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากนั้นก็มีพวกเจ้าขุนมูลนายจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อเพ่งเป็นประจำ และมาอยู่ค้างที่วัดละหารใหญ่ครั้งละหลายๆ วัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าหลวงพ่อเพ่งมีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันเป็นเอกนั้น ก็เพราะวันหนึ่งขณะที่พวกชาวบ้านกำลังเอามีดผ่าไม้รวกอยู่ หลวงพ่อเพ่งมาเห็นเข้าบอกว่า ?ผ่าด้วยมีดมันช้า? ว่าแล้วท่านก็เอามือผ่าลำไม้รวกซึ่งผิวของมันคมกริบปานคมมีดโกน แต่ท่านใช้มือผ่าไม้รวกให้ชาวบ้านดูอย่างหน้าตาเฉย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนก็ไปขอของดีจากท่านมิได้ขาด บางครั้งขณะที่ท่านกำลังสอนหนังสือเด็กก็มีคนไปรอเพื่อขอให้ลงตะกรุดให้
    ผู้เฒ่าผู้แก่แถวๆ วัดละหารไร่เล่าว่า เมื่อชาวบ้านหยิบเอาวัสดุที่เตรียมมาซึ่งมีทั้งแผ่นทองเหลือง แผ่นหม้ออลูมิเนียมตัดเป็นแผ่นๆ มาให้ท่าน หลวงพ่อเพ่งท่านจะหยิบแผ่นโลหะนั้นมาจารอักขระลงไปในแผ่นเพียงตัวเดียว คือ ตัวเฑาะว์มหาพรหม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ?ตัวเฑาะว์ใหญ่? จารเสร็จแล้วท่านก็ม้วนเป็นตะกรุด ยกขึ้นจบเหนือศีรษะ แล้วส่งให้ผู้ขอเลย โดยไม่เห็นท่านปลุกเสกอะไร แรกๆ ชาวบ้านไม่แน่ใจก็ลองเอาตะกรุดนั้นวางบนตอไม้ แล้วใช้ปืนยิงลองดู ปรากฏว่า นัดแรกดัง แชะ ด้านทุกราย! ส่วนนัดที่สองด้านบ้าง ยิงออกแต่ไม่ถูกบ้าง บางครั้งมีคนมาขอตะกรุดแต่ไม่มีโลหะมาให้ท่านลง ท่านก็บอกว่ามึงเอาซองห่อยากาแรตนั้นแหละมาลง ปรากฏว่ากระดาษอลูมิเนียมชนิดบางที่ใช้ห่อบุหรี่ตราฆ้องสมัยนั้นก็กลายเป็นตะกรุดไปอย่างวิเศษก็มี หลวงพ่อเพ่งท่านไม่ได้สร้างพระเครื่องอะไรทั้งสิ้นนอกจากตะกรุดอย่างเดียว ปัจจุบันชาวบ้านแถบนั้นจึงหวงตะกรุดหลวงพ่อเพ่งมากกว่าตะกรุดของหลวงพ่อทิมเสียอีก !
    อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่งให้เป็นที่ประจักษ์ คือ เมื่อวัดละหารใหญ่มีงาน ชาวบ้านก็ล้างจานชามกันที่สระน้ำหน้าวัดทีละใบๆ หลวงเพ่งท่านมาเห็นเข้าท่านจึงบอกว่า ?ล้างแบบนี้ช้าไป เอาใส่แข่งเขย่าเลย? ชาวบ้านก็ทำตามท่าน ถ้วยชามที่เป็นแก้วเป็นกระเบื้องก็ไม่แตก! เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 38.jpg
      38.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      416
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2012
  4. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    อาคมหลวงพ่อทิม
    ในยุคที่หลวงพ่อเพ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่อยู่นั้น หลวงพ่อทิมยังเป็นเพียงพระหมอยาเท่านั้น ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็พากันไปหาหลวงพ่อทิม แต่ถ้าจะเอาเรื่อง คงกระพัน ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า ก็ต้องไปหาหลวงพ่อเพ่ง แต่ทั้งหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทาบนั้น ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ว่าด้านคงกระพันหรือเมตตามหานิยมนั้น หลวงพ่อทิมก็ไม่เป็นสองรองทั้งสองรูป แต่หลวงพ่อทิมท่านเป็นพระสำรวมนอบน้อมถ่อมตนจึงเก็บงำไม่ยอมสำแดงออก ก่อนที่หลวงพ่อเพ่งจะมรณภาพ ท่านสั่งลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ว่า เมื่อท่านตายแล้วและศพท่านเผาไม่ไหม้ก็ให้คนไปตามท่านทิมมาช่วยเผา และก็เป็นไปตามคำที่หลวงพ่อเพ่งสั่งไว้
    สำหรับหลวงพ่อทาบ เทพเจ้าแห่งเมตตามหาน
    ใจ และชวนหลวงพ่อทาบเพื่อนเกลอไปขอร่ำเรียนวิชาพัดโบกจากหลวงพ่อกาจด้วยกัน แต่หลวงพ่อกาจให้ท่านเรียนวิชาได้เพียงคนเดียว ส่วนหลวงพ่อทาบไม่ได้เรียน ผมถามว่าเป็นเพราะเหตุใด หลวงปู่ทิมท่านตอบว่า ?ก็นี่ (หลวงปู่ทิมท่านมักเรียกสรรพนามแทนตัวท่านว่า ?นี่?) รู้ว่าหลวงพ่อกาจท่านชอบสูบกัญชา นี่จึงเอากัญชาติดมือไปถวายท่านด้วยหนึ่งห่อ หลวงพ่อกาจเลยสอนวิชาให้ ส่วนท่านพี่ทาบไม่เอากัญชาติดมือไปด้วย หลวงพ่อท่านก็ไม่ยอมสอนให้?
    หลังจากที่ได้ยินได้ฟังเรื่องอิทธิฤทธิ์ของผ้าพัดโบกของหลวงพ่อกาจแล้ว ผู้เขียนก็แสวงหาผ้ายันต์พัดโบกของหลวงพ่อกาจมาศึกษาก็ได้พบของจริงเข้าจนได้ พัดโบกหลวงพ่อกาจที่ผู้เขียนพบเป็นของครูตุ๋ย ครูโรงเรียนวัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งได้มาจากผู้เฒ่าผู้แก่แถววัดกระบกขึ้นผึ้ง ผ้ายันต์ผืนนี้เป็นสีแดงเขียนด้วยหมึกจีนสีดำ ในหมึกจีนสีดำนั้นเมื่อส่องด้วยแว่นขยายแรงสูงดูแล้วเข้าใจว่าหมึกดำคงจะผสมด้วยว่านยาต่างๆ อันเป็นเคล็ดลับ ซึ่งน่าจะได้แก่ ว่านสาวหลง ไม้ไก่กุก ไม้กาฝากรัก ว่านช้างผสมโขลง ว่านดอกทอง เป็นต้น ลายมืออักขระขอม คงเป็นลายมือของหลวงพ่อกาจ เพราะท่านผู้เฒ่าเจ้าของผ้าพัดโบกผืนนั้น ยืนยันว่าพัดโบกผืนนั้นหลวงพ่อกาจลงเอง กลางอักขระเลขยันต์เป็นรูปเทวดาหญิงชายสององค์ยืนกอดกัน ต่อมาวิชาพัดโบกนี้หลวงปู่ทิมได้นำมาประยุกต์ดัดแปลงเสียใหม่ โดยไม่ใช้รูปเทวดาแต่งชุดทั้งองค์มาปรากฏให้เห็น แต่ก็ใช้ผ้าสีแดงทำเช่นกัน
    ส่วนผ้ายันต์พัดโบกของหลวงพ่อทาบนั้นท่านก็ได้สร้างขึ้นไว้ครั้งหนึ่งจำนวนมากพอสมควร แต่เป็นยันต์พิมพ์เพื่อแจกแก่ผู้ทำบุญในงานผูกพัทธสีมาของวัดกระบกขึ้นผึ้ง โดยใช้ผ้าสีขาว ปัจจุบันผ้ายันต์ชุดนี้ของหลวงพ่อทาบก็หายากแล้ว ใครมีใครก็หวง เพราะอานุภาพใช้ดีทางเมตตาค้าขายไม่เสียทีที่หลวงพ่อทาบได้สมญาว่า เทพเจ้าแห่งเมตตานิยมสีผึ้งเขียวอันลือลั่น
    เหตุที่จะทำให้หลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นเอกในด้านเมตตามหานิยมและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป ก็มาจากสีผึ้งเขียว เมื่อหลวงพ่อทาบมีอายุล่วงเข้า ๘๐ พรรษาเศษแล้ว ท่านใช้เวลารวบรวมมงคลวัตถุต่าง ๆ เป็นเวลานานถึง ๔ ปีเศษ
    หลังจากนั้นท่านก็เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนในแถมละแวกวัดกระบกขึ้นผึ้งและคนในถิ่นใกล้เคียง จนเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในย่านนั้น เมื่อเจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้งมรณภาพลง ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดกระบกขึ้นผึ้ง ท่านไม่สามารถขัดศรัทธาของชาวบ้านได้ จึงจำใจต้องรับตำแหน่งนั้น การพัฒนาวัดกระบกขึ้นผึ้งในสมัยท่านไปด้วยดี เพราะได้รับแรงศรัทธาจากประชาชน จนหลวงพ่อทาบสามารถสร้างกุฏิ วิหาร โบสถ์ ได้อย่างรวดเร็วในยุคของท่าน
    นอกจากงานพัฒนาทางวัดแล้วหลวงพ่อทาบยังได้สงเคราะห์ญาติโยมที่เดือดร้อนทางใจและตกทุกข์ได้ยาก โดยการทำน้ำมนต์อาบขจัดทุกข์ขจัดโศก จนบุคคลเหล่านั้นประสบความสำเร็จ ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อทาบจึงเลื่องลือระบือออกไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ จนจัดเป็นเกจิอาจารย์ที่มีเกียรติคุณอย่างยิ่งรูปหนึ่งในบ้านค่าย
    ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงพ่อทาบ เพชรนคร ได้รับแต่งตั้งได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบล อันเป็นการแสดงออกถึงความสามารถในการปกครองของท่าน และในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ได้รับสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูอรรถโกศล ท่ามกลางความยินดีปรีดาของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์น้อยใหญ่ ถึงกับมีการแห่แหนสัญญาบัตรพัดยศจากวัดป่าประดู่เข้ามายังวัดกระบกขึ้นผึ้ง
    สำหรับผู้ที่จะมาขอสีผึ้งเขียวของท่านนั้น กว่าจะได้ก็แสนจะลำบากยากเย็น เล่ากันว่าผู้ต้องการจะได้สีผึ้งเขียวของท่านจะต้องมานอนค้างคืนกันที่วัดหลาย ๆ คืน และหลาย ๆ ครั้ง จนหลวงพ่อทาบเห็นความมานะอดทนว่า ต้องการได้จริง ๆ ท่านจึงจะให้ แต่ท่านจะหยิบให้เพียงเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบเมื่อใครได้มาแล้วเหมือนกับได้ของวิเศษที่เปี่ยมไปด้วยส่วนผสมแห่งเมตตามหานิยม คนเล่นของในสมัยนั้นจึงนำสีผึ้งหลวงพ่อทาบที่ได้มาเพียงแค่หัวไม้ขีดไฟมาเลี่ยมทองหุ้มใส่สายสร้อยหรือแขวนติดตัว แต่ก่อนจะมอบสีผึ้งเขียวให้แก่ผู้ใด หลวงพ่อทาบจะสั่งสอนวิธีใช้ให้ สำหรับเรื่องผู้หญิงนั้น ถ้าจะใช้สีผึ้งนี่ก็ขอให้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ ได้เขาสมใจแล้วก็อย่าไปทิ้งไปขว้าง มิเช่นนั้น จะเกิดวิบัติ
    [/COLOR]
    [/COLOR][/B]
     
  5. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    นักเลงรุ่นเก่าชาวระยองยอมรับว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งใน ต. ตาสิทธิ์ ติดกับวัดหลวงปู่ทิมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ข้าก็ได้อาศัยสีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบนี่แหละ จึงได้แม่อ้ายยอด มาจนทุกวันนี้ แม่อ้ายยอดเมื่อสาวๆ มันสวยอย่าบอกใครเชียว หนุ่ม ๆ มาจีบกันหัวกระไดแทบไม่แห้ง แต่ลุง (ตัวคนเล่า) มันพูดจาไม่เก่ง รูปก็ไม่หล่อ แรกๆแม่อ้ายยอดไม่เคยมองลุงเลย ความที่อยากเอาชนะไอ้พวกหนุ่มรุ่นเดียวกัน ลุงจึงดั้นต้นไปขอสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ไปก็หลายครั้งหลายหนอยู่จนท่านจำได้และเห็นมาบ่อย ๆ หลวงพ่อทาบท่านเลยสงสารควักให้มาหัวไม้ขีดหนึ่งสั่งว่าเพียงเอาห่อติดตัว เวลาจะใช้กับผู้หญิงคนใดก็เพียงแต่ทำใจให้นึกเห็นใบหน้าเขาและเข้าไปหาเถอะไม่ช้าก็สำเร็จ และก็ได้ผลจริงๆไม่นานแม่อ้ายยอดเกิดสงสารเห็นใจลุง ทั้งที่ก่อนนั้นเขาไม่เคยชายตามองลุงเลย พวกหนุ่มบ้านอื่นงงเป็นไก่ตาแตก
    ท่านผู้เฒ่าเล่าเสริมต่อไปว่า หลังจากได้แม่อ้ายยอดมาเป็นเมียและอยู่กับมาจนบัดนี้แล้ว ลุงเคยถามเขาว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดมารักลุง ทั้งๆ ที่แต่แรกไม่เคยสนใจลุงเลย แม่อ้ายยอดบอกกับลุงว่าเป็นเพราะอะไรไม่รู้ วันไหนถ้าไม่เห็นหน้าลุงใจคอมันหงุดหงิด ร้อนรุ่ม พอได้เห็นหน้าลุงแล้วสบายใจ และไม่ช้าลุงก็ชวนมันมาอยู่กับลุงเสียเลย ผมได้ถามลุงผู้เฒ่าว่า แล้วสีผึ้งนั้นอยู่ไหน? ขอผมดูหน่อย ท่านผู้เฒ่าบอกว่า เมื่อลุงได้เมียแล้วก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะหลวงพ่อท่านสั่งนักสั่งหนาว่าถ้าใช้กับผู้หญิงแล้วต้องเลี้ยงเขาเป็นลูกเมีย ห้ามทิ้งขว้าง ลุงได้แม่อ้ายยอดมาครองคนเดียวก็นับว่าพอใจแล้ว เลยหุ้มทองเก็บไว้ จนอ้ายยอดลูกหัวปีของลุงมันเป็นหนุ่มแล้ว ลุงจึงมอบให้มัน ก็ดูซิอ้ายยอดลูกชายลุงมีเมียตั้ง ๓ คน และอยู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น หลานลุงมีเป็นพรวน มีเมียมากมันก็ไม่ดีหรอกหลาน หาเท่าไรไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แต่ก็ดีไปอย่าง อ้ายยอดมันได้เขาแล้วมันก็ไม่ทิ้งไม่ขว้าง เลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียทุกคน อ้ายยอดลูกลุงน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก มีเพียงแค่ ๓ คน เท่านั้น แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทาบที่เคยบวชอยู่กับท่านคนหนึ่งซิ เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่จันทบุรี มีเมียอยู่บ้านเดียวกันถึง ๖ คน ทุกคนปรองดองกันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย แต่ลูกเป็นกระบุง แต่เขาก็มีฐานะดีนะ เรื่องสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ ถ้าใช้เรื่องผู้หญิงรับรองได้เยี่ยมจริง ๆ
    ท่านพระอาจารย์เสี้ยน มนูญโญ เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงทาบ ตลอดจน คุณปถม อาจสาคร อดีตสหกรณ์อำเภอบ้านค่าย และคุณประชา ตรีพาสัย เพื่อนผู้เขียนซึ่งจูงใจให้ผู้เขียนไปรู้จักกับหลวงปู่ทิมจนได้สร้างพระชุดชินบัญชรอันเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้ เคยเล่าเรื่องอานุภาพของสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันแพร่หลายทั่วจังหวัดระยองให้ฟังว่า
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จ.ระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อ. บ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่ ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงพ่อทาบ หลวงพ่อทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อย อ. บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒ *** ๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงพ่อทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัวและปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน
    อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า แป้งผัดหน้านั้น หลวงพ่อทาบท่านลงนะนวลจันทร์ และตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยมของหลวงพ่อทาบ ก็ยิ่งโด่งดังขึ้น จนคนระยองถึงกับผูกวลียกย่องไว้ว่า ?อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม?
    แม้หลวงพ่อทาบหรือท่านพระครูอรรถโกศล จะสงเคราะห์ผู้เกิดทุกข์เกิดร้อนด้วยการลงนะหน้าทอง อาบน้ำมนต์ ตลอดจนแจกสีผึ้งเขียว ให้ผู้เดือดร้อนจนสัมฤทธิ์ผลตามความปรารถนาแล้ว วิชาของท่านกลับมาย้อนทำลายใจของท่านเองเข้าจนได้ กล่าวคือพระลูกวัดท่านรูปหนึ่ง ซึ่งบวชอยู่รับใช้ใกล้ชิดท่านมาหลายปีเกิดอยากสึกไปครองเรือน จึงมาอ้อนวอนข อสีผึ้งเขียวท่านโดยบอกกับท่านตรง ๆ ว่า ชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง หลวงพ่อทาบใจอ่อนเห็นใจในความรักของหนุ่มสาวซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติหลวงพ่อทาบจึงให้สีผึ้งเขียวแก่ทิดสึกใหม่ผู้นั้นไปเพียงหนึ่งหัวไม้ขีด ทิดสึกใหม่คนนั้นก็เอาไปป้ายหญิงที่ตนรัก หญิงสาวก็หนีพ่อแม่ตามหนุ่มทิดสึกใหม่ผู้นั้นไปอย่างที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึง
    แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นก็คือ หลานสาวแท้ ๆ ของท่านเอง!!!
    คุณลุงเจริญ เพชรนคร หลานแท้ ๆ ของหลวงพ่อทาบเล่าให้ผู้เขียนทราบถึงความเสียใจของท่าน โดยท่านพูดว่า ?นิ้วเราเองมาทิ่มตามเราเอง ต่อไปนี้จะไม่แจกสีผึ้งแก่คนในบ้านค่ายอีก? แต่สำหรับคนที่มาจากแดนไกล หรือคนต่างถิ่น หลวงพ่อทาบท่านจะดูลักษณะความจำเป็น แล้วท่านจึงจะให้สีผึ้งเขียวไป แต่ก็ให้เพียงคนละนิดปริมาณเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น ผู้ได้สีผึ้งจากหลวงพ่อทาบจึงมักจะนำสีผึ้งนั้นไปหุ้มทองห้อยคอ เพราะถือเป็นของหายาก และกว่าจะได้มาจากหลวงพ่อทาบก็แสนจะยาก สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงและนับเป็นเครื่องรางที่อยู่ในยุทธจักรมักนิยมพระเครื่องอย่างหนึ่งทีเดียว เมื่อหลวงพ่อทาบไม่ให้สีผึ้งแก่ใคร และแม้จะให้ก็มอบให้ปริมาณน้อยมากเพียงแค่หัวไม้ขีดไฟ ก็เลยเป็นสาเหตุให้ผู้คนมาแสวงหาสีผึ้งเขียวมากยิ่งขึ้น เพราะของใดๆ ก็ตาม ถ้าได้ยากผู้คนมักจะอยากได้ แต่สำหรับคนบ้านค่ายและคนระยองแล้วหมดโอกาส เพราะหลวงพ่อทาบจะไม่แจกคนในบ้านเดียวกันอีกแล้ว แต่ท่านบอกว่า ท่านจะทิ้งสีผึ้งให้เป็นสมบัติโลก ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันถ้าอยากได้ และยังไม่ลืมของ ๆ ท่าน
    กว่าจะเป็น ?สีผึ้งเขียว?
     
  6. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    ลุงเจริญ เพชรนคร เล่าว่าตัวท่านเองนั้น หลวงพ่อทาบได้เมตตาเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุได้ ๖ขวบ มีนิวาสสถานอยู่ ซากกอไผ่ ซึ่งไม่ห่างไกลจากวัดกระบกขึ้นผึ้งมากนัก ลุงเจริญได้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อทาบไว้มากมาย ตำราสำคัญบางเล่มของหลวงพ่อทาบก็ตกอยู่กับลุงเจริญ นอกจากจะเป็นศิษย์ผู้ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อทาบแล้ว ตัวท่านเป็นนักเขียนภาพและช่างแกะสลักที่มีฝีมืออีกด้วย ท่านเป็นผู้แกะแพะหลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอกมาตั้งแต่ครั้งแรกๆ และเมื่อหลวงพ่ออ่ำมรณภาพลง หลวงพ่อลัดวัดหนองกระบอกได้รับสืบทอดวิชาต่อ ท่านได้รับความไว้วางใจจากหลวงพ่อลัดให้เป็นผู้แกะแพะเขาควยถูกฟ้าผ่าอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นผู้แกะพระปิดตาไม้รัก ของ หลวงพ่อทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ซึ่งเรียกว่า ?พระปิดตารุ่นอธิบดี? ด้วย จากการที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพบ ลุงเจริญ เพชรนคร โดยการแนะนำของพระครูนูญสาธุกิจ หรือพระอาจารย์เสียน เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้งองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้พาไปพบลุงเจริญถึงบ้าน ลุงเจริญมีศักดิ์เป็นลุงของพระอาจารย์เสียน ลุงเจริญได้เล่าเรื่องราวของหลวงพ่อทาบให้ผู้เขียนทราบดังเรื่องราวที่ได้เขียนไว้ตั้งแต่ตอนต้น ๆ
    สำหรับเรื่องราวของสีผึ้งเขียวนั้นลุงเจริญเล่าว่า เมื่อหลวงพ่อทาบบวชได้ ๙ พรรษา ทราบว่า ครูภู่ คนอุบล ซึ่งมาได้เมียชื่อ นางเก๋า เป็นสาวงามชาวบ้านกอไผ่ เป็นผู้มีวิชาดี โดยเฉพาะเรื่องสีผึ้งนั้น นับว่าเป็นเอก มีผู้คนรู้กิตติศัพท์แล้วไปขอมาใช้ก็ได้ผลสมความปรารถนาทุกราย หลวงพ่อทาบหลังจากผิดหวังไม่ได้เรียนวิชาพัดโบกจากหลวงพ่อกาจ วัดหนองสนม จึงสนใจวิชาทำสีผึ้งของครูภู่ คนอุบล ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นพระหนุ่มเพิ่งย่างเข้าพรรษาที่ ๙ อายุประมาณ ๓๐ ปี ไปมาหาสู่บ้านครูภู่อยู่เรื่อย ๆ เพื่อขอวิชาสีผึ้ง ครูภู่เห็นความเพียรและหน่วยก้านของหลวงพ่อทาบแล้ว ก็ยินดีจะมอบวิชาทำสีผึ้งนี้ให้ ซึ่งต่อมาก็มอบวิชานี้ให้อย่างหมดเปลือก
    ลุงเจริญเล่าว่า การทำสีผึ้งที่ครูภู่ คนอุบล มอบให้หลวงพ่อทาบนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือ วิชาลบผงปถมัง ผงอิทธิเจ และผงตรีนิสิงเห นั้นเอง แต่วัสดุที่จะนำมาผสมผงปั้นเป็นแท่งดินสอนั้น ค่อนข้างจะหายาก ซึ่งต้องใช้ความมานะ อดทน และมีความเพียรในการการแสวงหา ได้แก่ ว่านต่างๆ หลายสิบชนิดไม้มงคลอีกหลายชนิด ประการสำคัญต้องหา ไม้แยงแย้ และไม้ไก่กุกมากวนสีผึ้ง ไม้แยงแย้นั้นพอหากันได้ เพราะหลังจากแสวงหามาถึง ๔ ปี หลวงพ่อทาบก็ได้ไม้แยงแย้มาสมใจนึก ส่วนไม้หายากที่สุดคือ ?ไม้ไก่กุก? ซึ่งต้องใช้ความสังเกตและมีมานะอดทน เพราะจะต้องเป็นไม้ไก่กุกที่ผู้ทำสีผึ้งต้องเห็นไม้ไก่กุกด้วยตาตนเอง
    ไม้ไก่กุกจะเป็นไม้อะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นไม้ที่ไก่ตัวผู้ใช้จะงอยปากจิก หรือเคาะดังกุ๊ก ๆ เพื่อหลอกให้ตัวเมียวิ่งมาหา โดยคิดว่าไก่ตัวผู้กำลังเรียกมาจิกอาหาร เมื่อไก่ตัวเมียวิ่งมาหาไม้ที่ไก่ตัวผู้เคาะกุ๊กๆ แล้วมองหาอาหารอยู่ ไก่ตัวผู้ได้โอกาสก็จะจิกคอและขึ้นทับทันที ไม้ชิ้นที่ไก่ตัวผู้ใช้จะงอยปากเคาะกุ๊ก ๆ นั้นแหละ คือ ?ไม้ไก่กุก? ถือว่าเป็นไม้อาถรรพณ์ที่เป็นต้นเหตุให้ไก่ตัวเมียวิ่งตามมาให้ตัวผู้ทับเพื่อสืบพันธุ์
    ท่านเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ถือเป็นเคล็ดว่าไม้ชิ้นนี้เป็นไม้ที่มีเสน่ห์อย่างสูง ที่ใช้ลวงให้ไก่ตัวเมียวิ่งมาหาได้ ต่างก็แสวงหาไว้เพื่อเอาไว้สร้างวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังเป็นเสน่ห์มหานิยม เมื่อได้ไม้ไก่กุกมาแล้ว หลวงพ่อทาบก็จะนำมาเอาว่านต่าง ๆ และไม้มงคล รวมทั้งไม้ไก่กุกด้วยมาบดป่นทำเป็นผงปั้นเป็นแท่งดินสอ หลังจากนั้นหลวงพ่อทาบจะเอาถาดทองเหลืองขนาดกลางมารอง มีกระดานชนวนวางอยู่บนถาดทองเหลือง หลวงพ่อทาบจะครองสีจีวรเรียบร้อย รำลึกถึงครูบาอาจารย์แล้วท่านก็จะลงผงอิทธิเจ ผงปถมัง และผงตรีนิสิงเห จากที่ได้เรียนมา ด้วยการใช้แท่งดินสอซึ่งสร้างจากว่าน และไม้มงคลต่าง ๆ ปั้นเป็นชอล์ก เมื่อเขียนบนกระดานชนวน ก็จะหลุดลอดแผ่นกระดานชนวนลงไปในถาดทองเหลือง
    ลุงเจริญเล่าว่า ท่านได้นั่งสังเกตเห็นหลวงพ่อทาบลงผงเต็มกระดาน แล้วเคาะให้ลอดกระดานลงไปอยู่ในถาดทองเหลือง เสร็จแล้วหลวงพ่อทาบก็จะรวบรวมผงนั้นใส่ขวด มีอยู่วันหนึ่ง ขณะหลวงพ่อทาบกำลังนั่งสมาธิลบผงอยู่นั้น ชอล์กที่ท่านเขียนเกิดหักดังเปาะขึ้น หลวงพ่อทาบสะดุ้งขึ้นตัว และเพ้อเสียสติทันที เป็นอยู่หลายวัน รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ลุงเจริญ เพชรนคร จึงไปตามครูภู่ที่บ้านซากกอไผ่มาดูอาการ และรักษา ครูภู่ ชาวอุบล เมื่อเห็นอาการหลวงพ่อทาบแล้วทำน้ำมนต์ให้หลวงพ่อทาบอาบ หลวงพ่อทาบอาบกินน้ำมนต์ของครูภู่อยู่ ๒ *** ๓ ครั้ง อาการก็กลับปกติ

    สีผึ้งหลวงพ่อทาบสร้างขึ้นตามตำราของครูภู่ ชาวอุบล นั้นแรก ๆ ก็เป็นสีผึ้งธรรมดา ไม่มีสีเขียว ต่อเมื่อหลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงทางด้านสีผึ้งมากขึ้น ท่านจึงได้นำใบของว่านชนิดหนึ่งผสมลงไปด้วย สีผึ้งก็เลยมีสีเขียวจนภายหลังเรียกกันว่า ?สีผึ้งเขียว? คุณลุงเจริญเล่าว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้น ท่านทำเสร็จแล้วจะใส่ไว้ในโถโบราณซึ่งมีฝาครอบ ปรากฏว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นจะงอกหรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของกำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถเกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมามาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไปและไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ผมถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ คุณลุงเจริญบอกว่าโดยมากมักครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายผู้หญิงซึ่งหมายปองก็อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป เวลาป้ายก็ให้ป้ายให้ถูกต้องเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้า
    ครั้งที่ผมไปวัดกระบกขึ้นผึ้งเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีมาแล้ว ก็ปรารถนาจะไปกราบนมัสการรูปเหมือนหลวงพ่อทาบ แต่ก็ได้ทราบจากท่านพระครูมนูญสาธุกิจหรือพระอาจารย์เสียน หลานแท้ๆ ของหลวงพ่อทาบว่าที่วัดไม่มีรูปเหมือนหลวงพ่อทาบ ผมจึงเรียนถามว่าทำไมท่านอาจารย์จึงไม่สร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทาบขึ้นเพื่อให้คนทั่ว ๆ ไปที่นับถือท่านได้มากราบไหว้บูชา พระอาจารย์เสียนตอบว่า หลวงพ่อทาบท่านสั่งกำชับไว้ไม่ให้สร้างรูปหล่อของท่านขึ้นเด็ดขาด ท่านบอกว่าสร้างไว้ต่อไปก็ไม่มีคนรู้จัก เมื่อหมดยุคนี้ (คงหมายถึงยุคคนที่ทันท่าน) แล้วคนยุคต่อไปเขาก็ไม่รู้จัก อย่างไปสร้างไว้เลย แม้รูปหล่อเท่าองค์จริงก็ไม่ได้สร้างไว้ตามคำสั่งของหลวงพ่อทาบ แต่พระอาจารย์เสียนก็ได้สร้างรูปหล่อหลวงพ่อทาบ ขนาด ๕ นิ้ว จำนวนหนึ่งประมาณ ๔๐๐องค์ โดยขอให้หลวงปู่ทิมเป็นผู้ปลุกเสก ซึ่งหลวงปู่ทิมก็ทำให้ด้วยความเต็มใจเพราะหลวงพ่อทาบ และหลวงปู่ทิมนั้น ท่านเป็นเพื่อนรักกัน
     
  7. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    ทาบ *** ทิม, ทาบ *** ทิม
    ทุกครั้งที่หลวงพ่อทาบสร้างพระเครื่องหรือเหรียญรูปท่าน หลวงพ่อทาบก็จะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาช่วยเพิ่มพลังจิตปลุกเสกทุกครั้ง จนอาจารย์ปถม อดีตสหกรณ์ จ.ระยอง ถึงกับพูดว่า ถ้าพระเครื่องหลวงพ่อทาบแล้ว ต้องถือว่าเป็นพระเครื่องหลวงปู่ทิม เพราะหลวงปู่ทิมมาปลุกเสกให้ ท่านอาจารย์ปถมได้พูดถึงสองพระอาจารย์ว่า ทาบทิม ทาบทิม หมายถึง ของของหลวงพ่อทาบก็คือของหลวงปู่ทิม ของหลวงปู่ทิม คือ ของหลวงพ่อทาบ
    อาจารย์ปถมคุ้นเคยกับหลวงพ่อทาบและหลวงปู่ทิม ตลอดจนพระเกจิอาจารย์ของบ้านค่ายเป็นอย่างมาก เพราะท่านอาจารย์ปถมสนใจในเรื่องราวเหล่านี้ และได้ไปรับราชาการที่ จ. ระยอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ อาจารย์ปถมเล่าถึงการทำวัตถุมงคลของหลวงพ่อทาบว่า นอกจากหลวงพ่อทาบจะเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงทางสีผึ้งเขียวดังกล่าวมาแล้ว ท่านยังมีความรู้ทางเครื่องรางอย่างอื่นเหมือนกัน ครั้งหนึ่งหลวงพ่อทาบได้เขี้ยวเสือมา ๙ เขี้ยว ท่านให้คุณลุงเจริญ เพชรนคร แกะเป็นเสือขึ้น ๙ ตัว ท่านให้เขี้ยวเสือตัวใหญ่ที่สุดเป็นจ่าฝูงแล้วภาวนาปลุกเสกเรียกรูปนาม ตั้งอาการ ๓๒ ภาวนา ปลุกเสกจนเสือทั้ง ๙ ตัว นั้น มีชีวิตชีวาขึ้น ท่านจึงปล่อยเข้าป่าหลังวัด มันก็วิ่งหลบเข้าป่าโดยมีจ่าฝูงนำหน้า หลังจากนั้นหลวงพ่อทาบก็ภาวนาเรียกเสือกลับ แต่ท่านเรียกว่าเท่าไรเจ้าเสียอาคมทั้ง ๙ ตัวก็ไม่กลับมา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อทาบก็ไม่ดำริสร้างเขี้ยวเสือขึ้นมาอีกเลย ท่านพูดกับอาจารย์ปถมว่า ?เราไม่มีวาสนาบารมีทางนี้? คงหมายถึง ท่านไม่ตบะเดชะมหาอำนาจนั่นเอง
    นอกจากสีผึ้งเขียว ซึ่งเป็นวัตถุมงคลอันมีชื่อเสียงของหลวงพ่อทาบจนติดอันดับสีผึ้งของสยามประเทศแล้ว หลวงพ่อทาบท่านยังได้สร้าง เหรียญรูปเหมือนขึ้น 2 รุ่น คือ รุ่นรูปไข่ และรุ่นดอกบัว นอกนั้นท่านก็ยังสร้างผ้ายันต์ไว้จำนวนหนึ่งคราวฝังลูกนิมิตผูกพัทธสีมา และก่อนจะมรณภาพไม่นาน ท่านได้สร้างพระเครื่องไว้อีกรุ่นหนึ่ง มีด้วยกันหลายพิมพ์ และได้นำเอาสีผึ้งผสมไว้ด้วย ทิ้งไว้เป็นสมบัติโลกให้แก่ผู้คนที่มีวาสนา ดังที่ท่านเคยลั่นวาจาไว้
    ?สมบัติโลก พระเครื่อง ?มรดกชิ้นสุดท้าย?
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ อาจารย์ปถมได้มาตำแหน่งสหกรณ์ จ. ระยอง ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่ทางไสยเวทวิทยาคม สามารถทำผงลบผงพุทธคุณได้ เมื่อย้ายไปรับราชการ ณ ที่ใด ท่านก็มักจะสร้างพระ ณ ที่นั่น เมื่อท่านย้ายมารับราชการที่ จ.ระยอง จากการที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด เป็นเหตุให้อาจารย์ปถมได้คุ้นเคยกับเกจิอาจารย์ดังหลายรูป โดยเฉพาะที่ อ.บ้านค่าย เมื่อมาอยู่ก็เที่ยวสอบถามถึงความรู้ความสามารถของบรรดาเกจิอาจารย์ในท้องถิ่น ระยะนั้นพระเกจิชื่อดังก็มีหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งรูปนี้เก่งทางสีผึ้งเมตตามหานิยม ส่วนอีกรูปแปลกว่ารูปอื่น ๆ ไม่ค่อยพูดกับใคร มีบางคนไปหาท่านรูปนี้แล้วไม่พูด ต่างนั่งมองหน้ากันอยู่เป็นเวลานาน สองนานไม่พูดกับท่านก่อนท่านก็จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดด้วยก็เคยมี ขรัวรูปนี้ถือสันโดษอยู่ วัดละหารไร่ ต.ตาสิทธิ อ.บ้านค่าย ท่านมีของดีคือ ตะกรุดมหานิทรา ถ้าวางบนเสาเอกของบ้าน คนในบ้านนั้นจะหลับเสมือนถูกสะกด พระรูปที่ว่านี้ก็คือ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ สาเหตุที่อาจารย์ปถมได้รับการขอร้องจากหลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้งให้ไปช่วยอำนวยการสร้างพระเครื่องครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่านก็มาจากที่อาจารย์ปถมได้เห็นปฏิปทาของหลวงปู่ทิมมาก่อนนั้นเอง อาจารย์ปถมเล่าว่า เมื่อทราบว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระแปลกไม่พูดจากับผู้ใดชอบอยู่เงียบ ๆ อย่างสันโดษ อีกทั้งฉันมังสวิรัติมื้อเดียว ท่านมีปฏิปทาแบบเดียวกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ที่อาจารย์ปถมนับถือ ดังนั้นในเวลาไปราชการตามท้องที่ ก็ถือโอกาสไปพักบ้านกำนันเสถียร ซึ่งอยู่หน้าวัดละหารไร่ และอีกทั้งยังเป็นโยมวัดคนหนึ่ง (หมายถึงกรรมการวัด) อาจารย์ปถมเริ่มเฝ้าสังเกตวัตรปฏิบัติ เห็นว่าท่านหลวงปู่ทิมเป็นพระที่มีอารมณ์เยือกเย็น มีจริยาวัตรสมถะน่าเคารพเลื่อมใส มักน้อย สันโดษ ไม่ช่างพูด ไม่คิดในสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งมวล คือไม่ฉันน้ำชา กาแฟ และไม่สูบบุหรี่ เมื่อเห็นปฏิปทา ท่านอาจารย์ปถม ก็เลยเอ่ยปากขอสร้างเหรียญโดยจะเป็นผู้ออกเงินสร้างเอง (ต้นปี พ.ศ. 2503) ท่านก็ส่ายหน้าไม่เอา อาจารย์ปถมจึงมุมานะลงมือสร้างผงลบผงปั้นเป็นองค์พระตามวิธีการที่ร่ำเรียนมาเสร็จแล้วก็ยกพระทั้งหมดซึ่งมีหลายพิมพ์ดังกันไปให้ท่านช่วยปลุกเสกได้
    อาจารย์ปถมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านตอบว่า ?นี่ทำให้ไม่เป็น? ผมก็เลยกราบงาม ๆ ๓ ครั้ง แล้วบอกว่า ?นั่นแหละครับผมต้องการอาจารย์ที่เสกไม่เป็น? ท่านก็ยิ้มไม่พูดอะไร จากนั้นก็กราบลาท่าน และทิ้งของไว้ ต่อมาทราบจากศิษย์ผู้ใกล้ชิดของท่านว่า ท่านบอกศิษย์นั่งอยู่วันนั้นว่า ?คนนี้ฉลาดรู้ไหมในกล่องนั้นของวิเศษทั้งนั้น?
    ด้วยเหตุที่หลวงปู่ทิม และหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งท่านเป็นเกลอกัน เมื่อหลวงพ่อทาบจะสร้างพระผงก็มาหารือกับหลวงปู่ทิมถึงการทำผงให้ถูกต้องตามตำรา โดยหลวงพ่อทาบไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งจารผงและลบผงเอง หลวงปู่ทิมจึงแนะนำว่า ?โยมปถมนั่นแหละทำผงเก่ง และทำชะงัดนัก ยังเคยทำมาให้นี่เสกเลย? หลวงพ่อทาบจึงให้คนไปเชิญอาจารย์ปถมมาที่วัดกระบกขึ้นผึ้งและเอ่ยปากว่าจ้างให้ช่วยเป็นผู้อำนวยการสร้างพระผงให้ท่าน อาจารย์ปถมเล่าว่า ผมก็รับปากด้วยความยินดี โดยจะขอสร้างเป็นพุทธบูชาไม่ขอรับค่าจ้างน็นปฏิกิริยาจารย์ปถมได้รั้งสุดท้ขิ้นย ได้รับการขอร้องจากหลวงพ่อทาบวัดกร่ะม หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง แต่อย่างใด แต่มีข้อแม้ว่าการปลุกเสกต้องนิมนต์หลวงปู่ทิมมาร่วมด้วย หลวงพ่อทาบไม่ขัดข้อง หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อทาบก็อุตส่าห์ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ (สมัยนั้นถนนยังไปมาไม่สะดวก) ไปหาหลวงปู่ทิมเพื่อปรึกษาหารือในการสร้างพระในครั้งนี้และนิมนต์หลวงปู่ท ิมไปปลุกเสกด้วย
    อาจารย์ปถมท่านรู้ตัวดีว่าเป็นเพียงฆราวาสที่ยังข้องแวะอยู่ในโลกีย์ แม้จะทำผลเกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์อย่างไรผู้คนทั่วไปคงจะเชื่อถือยาก ดังนั้นจึงไปขอผงวิเศษจากวัดโพธิสัมพันธ์ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี ซึ่งหลวงพ่อบุญมีเป็นผู้ทำขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำผงซึ่งโยคีฮาเล็บสร้างให้วัดสารนาถ อ. แกลง จ. ระยอง มาร่วมด้วย ผงวิเศษนี้สร้างโดยศิษย์สายพระอาจารย์มั่นภูริทัตเถระ ประกอบพิธีสร้างขึ้นที่วัดสัมพันธ์วงศ์ กทม. เป็นผงซึ่งหลวงพ่อลี วัดอโศการาม นำไปสร้างพระผงของท่าน อาจารย์ปถมเล่าว่า ได้รวบรวมผงทั้งหมดได้ประมาณ ๑ บาตรเต็ม ๆ แล้วจึงนำเอาไปถวายหลวงพ่อทาบที่วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อหลวงพ่อทาบเห็นผงทั้งหมดแล้ว ท่านหัวเราะชอบใจ และบอกว่า ?ผงนี้เฮี้ยวจริง ๆ มีทั้งนุ่ม ลึก และเข้มแข็ง? ผู้เขียนก็เลยเรียนถามว่า คำว่า ?เฮี้ยวจริง ๆ และนุ่มลึก หมายถึงอะไร? อาจารย์ปถม อาจสาคร ตอบว่า ?เป็นสำนวนที่หลวงพ่อทาบพูดเมื่อครั้งที่ผมเอาผงไปถวายท่าน ส่วนความหมายนั้นหมายความว่าผงนั้นขลังศักดิ์สิทธิ์และแรงจริง ๆ ท่านจึงใช้คำว่าเฮี้ยวจริง ๆ ส่วนนุ่มลึกคงหมายถึง แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลมีเสน่ห์ อันหมายถึงเมตตามหานิยมนั่นเอง? เมื่อได้ผงแล้ว หลวงพ่อทาบนำผงทั้งหมดประมาณ ๑ บาตรเต็ม ๆ ไปผสมเข้ากับผงเก่า ๆ ของท่าน ซึ่งมีทั้งคัมภีร์โบราณเผา ดินมงคลต่าง ๆ ตามที่ท่านได้เสาะแสวงหาได้ เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว หลวงพ่อท่านได้กดพิมพ์พระด้วยตัวท่านเองเป็นปฐมฤกษ์ หลังจากนั้นท่านได้ขอร้องให้ชาวบ้านนุ่งขาวห่มขาวอาราธนาศีลทุกคนช่วยกดพิมพ์ขึ้น โดยอาจารย์ปถมเป็นผู้อำนวยการสร้าง คือแนะนำการตำผงคลุกเคล้าผงและกดพิมพ์
    สำหรับพระชุดนี้เป็นพระผงดำทั้งหมด มีพิมพ์สมเด็จ เป็นพิมพ์เก่าที่ผมได้มาจากวัดเนิน จ.ระยอง เป็นวัดร้างเก่าแก่ติดกับวัดลุ่มมหาชัยชุมพล พิมพ์พระแบบสมเด็จที่ได้มา เข้าใจว่าเป็นพิมพ์สมัยหลวงปู่สังข์เฒ่า ทำด้วยหินมีดโกน อีกพิมพ์หนึ่งเป็นพิมพ์แม่นางกวัก พิมพ์นี้ ลุงเจริญ เพชรนคร หลานหลวงพ่อทาบเป็นเป็นผู้แกะพิมพ์จากหินมีดโกนเช่นกัน ส่วนพิมพ์พระปิดตามี 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่เป็นพิเศษ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก และพิมพ์จิ๋ว นอกจากนี้ยังมีพิมพ์กลีบบัว อีกพิมพ์หนึ่งทั้งหมดสร้างด้วยเนื้อผงดำ ได้พระประมาณ ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ากับพระธรรมขันธ์
     
  8. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    ที่สำคัญหลวงพ่อทาบได้นำสีผึ้งเขียวผสมเองลงไปด้วย ดังนั้นพระทุกองค์จึงมีส่วนผสมของสีผึ้งเขียว เมื่อพิมพ์พระเสร็จแล้ว หลวงพ่อทาบท่านปลุกเสกพระชนิดมวยเดี่ยวแต่เพียงองค์เดียวประมาณหนึ่งพรรษาเต็ม ๆ เมื่อใกล้จะถึงงานผูกพันธสีมาอุโบสถ หลวงพ่อทาบจึงทำพิธีปลุกเสกเสริมข้อบกพร่องอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่าทำเพิ่มเสริมหรืออุดช่องโหว่ โดยไปนิมนต์หลวงปู่ทิมมาเป็นประธาน นับเป็นงานครั้งแรกของหลวงปู่ทิมที่ท่านได้ออกจากวัดละหารไร่มาร่วมพิธีปลุกเสก ปีนั้น พ.ศ. ๒๕๐๕ หลวงปู่ทิมมีอายุ ๘๓ ปี พอดี อาจารย์ปถมเล่าว่า การปลุกเสกครั้งนั้นนับว่าเป็นครั้งแรกของบ้านค่ายที่ชาวบ้านนำพระเครื่องของตนมาร่วมในพิธีปลุกเสกเพื่อเสริมพลังด้วย และในงานนี้มีอยู่รายหนึ่งนำเอาน้ำมันใส่ผมตรานางสงกรานต์เข้าพิธีด้วยหลายหีบ คิดว่าเพื่อให้เกิดเสน่ห์มหานิยม เอาไว้เพื่อผสมกับน้ำมันใส่ผมอื่นๆ ที่จะใช้ประจำวัน
    สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมปลุกเสกก็มี หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก สำหรับหลวงพ่อทาบ อาจารย์ปถมบอกว่าท่านไม่ได้มาร่วมนั่งปลุกเสก ได้แต่นั่งรับแขก เพราะท้องท่านเสีย ทันทีที่พิธีปลุกเสกเริ่มขึ้นก็มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น เพราะเทียนคู่ที่ตั้งอยู่เกิดหงิกงอ มีรูปคล้ายหงส์ ฝาขาดน้ำมันใส่ผมตรานางสงกรานต์ ก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน ๓ *** ๔ ฝา ปลิวกระเด็นออกมาท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เข้าร่วมในพิธี ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพหลังจิตของหลวงปู่ทิม เพราะกล่องใส่น้ำมันอยู่ตรงหน้าหลวงปู่ทิมพอดี แม้ว่าอายุจะย่างเข้า ๘๓ ปี พรรษาที่ ๖๐ หลวงปู่ทิมท่านก็ลุกขึ้นเมื่อเลิกปรก ทั้ง ๆ ที่ในระหว่างนั่งปรก ทางเจ้าพิธีการได้แบ่งการปลุกเสกไว้ถึง ๔ ช่วง โดยปลุกเสกไปเกือบ ๒ ชม. ก็จะตีฆ้องครั้งหนึ่งเพื่อบอกกล่าวให้หลวงพ่อที่ปรกออกจากเข้าสมาธิ พักผ่อนดื่มน้ำชา กาแฟ ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่หลวงปู่ทิมท่านนั่งปรกตลอด ๘ ชม. โดยไม่ลุกขึ้นผักผ่อนเลย และเมื่อท่านเลิกปรกเมื่อประมาณ 2 นาฬิกาเศษของวันใหม่แล้ว ท่านก็ไม่ยอมดื่มน้ำชาที่ทางเจ้าพิธีนำมาถวาย ท่านได้พูดเล่นกับอาจารย์ปถมว่า ?ให้เสกแบบนี้เมื่อตาย? จากนั้นก็กลับวัดเลย เมื่อศิษย์ถามว่า ?ทำไมหลวงพ่อไม่ฉันน้ำที่เขาถวาย และไม่รับปัจจัยที่เขาถวาย? หลวงปู่ทิมตอบว่า ?ถ้าฉันน้ำของเขา และรับปัจจัยที่เขาถวาย ก็จะไม่ได้บุญ เพราะเท่ากับรับจ้างเขาเสกพระ? ศิษย์ ถามต่อไปอีกว่า ?ทำไมต้องนั่งพนมมือเสก รูปอื่น ๆ เขานั่งสมาธิมือขวาทับมือซ้ายกันทั้งนั้น? ท่านตอบว่า ?พนมมือเสกพระดีกว่า เพราะถ้าเกิดนั่งหลับ เมื่อนั้นคนเขาจะได้รู้ เพราะมือที่พนมไว้มันจะตก?
    พระผงผสมสีผึ้งหลวงพ่อทาบ มีทั้งหมด ๙ พิมพ์ ดังกล่าวแล้ว และเมื่อทำพิธีปลุกเสกเสร็จแล้ว ประชาชาแถบนั้นให้ความสนใจมาก ที่วัดกระบกขึ้นผึ้งวันถัดมาก็มีงาน ผู้ที่ทำบุญตั้งแต่ ๑๐ *** ๒๐ บาท หลวงพ่อทาบก็จะแจกพระให้องค์หนึ่ง พระส่วนหนึ่งได้นำออกมาแจกในวันงาน และเก็บไว้แจกในวันต่อ ๆไป ส่วนอีกจำนวนหนึ่งหลวงพ่อทาบท่านได้บรรจุใส่ไหหลายใบ บรรจุไว้ในฐานพระประธานในอุโบสถ
    ประสบการณ์พระผง
    ในงานวัดกระบกขึ้นผึ้ง บรรดาหนุ่มในหมู่บ้านหลายแห่งได้มาพบกันในงานวัด และต่างก็ได้รับแจกพระเครื่องผงดำไปคนละองค์สององค์ ก็มีเรื่องเฮี้ยวเกิดขึ้นจนได้มีการเขม่นและเกิดวิวาทตีรันฟันแทงกันขึ้น เพราะบ้านค่ายนั้นเป็นดินแดนของหนุ่มชาวไร่อ้อย ชาวไร่มัน และหนุ่มโรงน้ำตาล ผู้คนมาจากทุกสารทิศ เรื่องตีรันฟันแทงมีขึ้นเป็นประจำทุกงาน ปกติหากวัดที่มีเกจิอาจารย์ดังๆ เป็นเจ้าวัด เวลามีงานท่านมักจะนำตะกรุดมหาระงับไปแอบฝังไว้ตรงลานวัด เพื่อระงับเหตุไม่ให้มีการทะเลาะกัน แต่หลวงพ่อทาบท่านไม่ได้ทำ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครเลือดตกอย่างออกเลย ด้วยเหตุนี้พระเครื่องส่วนที่นำออกไว้แจกจึงหมดไปในเวลาไม่นาน และพระเครื่องชุดนั้นก็ดังระเบิด รายต่อมาสามล้อระยอง กำลังปั่นซาเล้งอยู่กลางถนน เสาไฟฟ้าเกิดหักลงเกือบจะทับรถ ซึ่งแล่นมาพอดี คนขับไม่เป็นอะไรเพราะในตัวมีพระผงซึ่งได้รับแจกมาจากหลวงพ่อทาบเพียงองค์เดียว เรื่องนี้ดังมากในตลาดยุดนั้น
    ส่วนในด้านเมตตามหานิยม มีคนง่อยอยู่ใกล้วัดกระบกขึ้นผึ้งคนหนึ่ง นับถือหลวงพ่อทาบ และได้รับพระผงพิมพ์พระปิดตาไว้องค์หนึ่ง หลวงพ่อทาบสั่งว่าถ้าใช้ด้วยความศรัทธาและมั่นใจก็จะสัมฤทธิ์ผลทุกอย่าง ชายง่อยผู้นี้เป็นคนง่อยประเภทโด่ไม่รู้ล้ม มีภรรยาถึง ๖ คน ทุกคนอยู่กับชายง่อยด้วยความสามัคคี ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน จนเป็นที่อิจฉาของเพื่อนบ้าน กิตติศัพท์เรื่องนี้เคยมีคนมาขอซื้อพระองค์นี้ แต่เจ้าตัวไม่ยอมขาย
    ในด้านอยู่ยงคงกระพัน ศิษย์ของหลวงพ่อทาบคนหนึ่ง ใช้พระพิมพ์สมเด็จที่หลวงพ่อทาบปลุกเสก ติดตัวอยู่เป็นประจำ เคยถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซองเต็มแผ่นหลัง แต่ไม่ระคายผิดหนัง มีเพียงรอยไหม้เป็นจุดเล็ก ๆ เท่านั้น อีกรายหนึ่งเป็นเรื่องราวขึ้นในสมัยหลวงพ่อทาบ มีหญิงคนหนึ่งชื่อ นางไม้ ใจกล้าใ อยู่บ้านหนองคอกหมู อ.บ้านค่าย ได้ออกไปเก็บผักเก็บหญ้ากลางทุ่ง ขณะนั้นฝนตกกำลังพรำ ๆ ฟ้าได้ผ่าถูกต้องนางไม้สลบที่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไหม้ไฟ สร้อยเงินที่ห้อยคอละลาย แต่พระพิมพ์หลวงพ่อทาบพิมพ์กลีบบัวยังอยู่ปกติ ผู้ที่มาช่วยปฐมพยาบาลร่างอันสลบไสลของนางไม้ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน อิทธิปาฏิหาริย์หลายรูปแบบของพระเครื่องหลวงพ่อทาบมีมากมายหลายเรื่องในยุดนั้น จนเป็นที่กล่าวขวัญและเล่าลือกันทั่วไป
    หลวงพ่อทาบ เจ้าตำรับสีผึ้งเขียวอันโด่งดังได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ รวมอายุได้ ๘๙ ปี พรรษาที่ ๖๗ นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังของภาคตะวันออก อีกรูปหนึ่ง ที่ผ่านมานี้ พระครูมนูญสาธุกิจ (เสียน) เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้งรูปปัจจุบันได้ทำพิธีเปิดกรุพระผงดำหลวงพ่อทาบ ได้นำพระออกให้สาธุชนบูชา ได้เงินทั้งหมด ๓ ล้านบาทเศษ โดยมีครูบาอาจารย์ของโรงเรียนหลายแห่งของ อ.บ้านค่าย ร่วมเป็นกรรมการในการปิดกรุครั้งนั้น และพระทั้งหมดประมาณ ๔ *** ๕,๐๐๐ องค์หมดไปในช่วงเวลาเพียง ๓ *** ๔ วัน ผู้เขียนซึ่งเป็นศิษย์พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่สังข์เฒ่า? หลวงปู่ทิม *** หลวงพ่อวงศ์ *** หลวงพ่ออ่ำ *** หลวงพ่อลัด และหลวงพ่อทาบก็ได้เช่าบูชาพระเครื่องชุดผงดำหลวงพ่อทาบผสมสีผึ้งไว้จำนวนหนึ่ง
     
  9. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    พระสมเด็จสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
    สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์ปถม อาจสาคร เป็นผู้แนะนำ การตำ คลุกเค้าผงและกดพิมพ์พระ
    ลักษณะ เป็นพระเนื้อผงผสมสีผึ้งเขียว สีดำเข้ม พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก มีทั้งแบบปิดทองคำเปลวด้านหน้าและไม่ปิด
    พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย
    มวลสารส่วนผสม
    1.ผงวิเศษเก่าของหลวงพ่อทาบ
    2.สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ
    3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร
    4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงพ่อทาบ
    5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี
    6.ผงดินมงคลของหลวงพ่อทาบ
    7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง
    ปลุกเสกครั้งที่ 2
    หลวงพ่อทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม เมื่อใกล้งานผูกพัทธสีมาวัดกระบกขึ้นผึ้ง
    ปลุกเสกครั้งที่ 1 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
    1.หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี
    2.หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก
    3.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง
    4.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก
    พระเกจิอาจารย์ได้เข้าสมาธินั่งปรกปลุกเสกตั้งแต่ 18.00 น. ถึงประมาณ 02.00 น. ของวันใหม่
    โดยเฉพาะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ทิมอิสริโก รับนิมนต์มาปลุกเสกนอกวัดละหารไร่ และท่านได้นั่งปรกปลุกเสกรวดเดียว 8 ชั่วโมง โดยไม่หยุดพักฉันน้ำชา (ปกติจะลั่นฆ้องทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้พระคุณเจ้าได้ถอนสมาธิพักผ่อนอิริยาบถและฉันน้ำชาประมาณ 30 นาที)
    ปลุกเสกครั้งที่ 2
    หลวงพ่อทาบปลุกเสก 1 พรรษา ก่อนแจกให้ผู้ร่วมทำบุญงานผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง

    ขอขอบคุณพี่สมพร ที่ส่งประวัติมาแบ่งกันศึกษาครับ
     
  10. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    สีผึ้งเขียว หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง สุดยอดสีผึ้งอันดับ๑ ของประเทศไทย ประสบการณ์ด้านเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม หน้าที่การงานค้าขาย เล่าขานกัน๗วัน๗คืนไม่มีจบ ชุดนี้นำหัวเชื้อสีผึ้งเขียวมรกตแท้ๆทั้ง๔ตลับ ตามเก็บมาจากพื้นที่ มาผสมรวมกันแบบเน้นๆ ไม่มีการนำสีผึ้งอื่นมาผสมปน อัดเต็มหลอด ๒ เซนต์เลี่ยมพร้อมใช้ รับประกันคุณภาพครับ มีผู้นำไปใช้บูชาได้เกิดประสบการณืดีๆที่คาดไม่ถึง
    ถ้าต้องการใช้สีผึ้งทาปาก ให้ตั้งนะโม ๓ จบ พร้อมกับทาสีผึ้งที่ริมปากพร้อมกับว่าคาถาดังนี้ " จิตติ มิตติ อะระหัง ปิยังมะมะ "
    เข้าหาผู้ใหญ่หรือผู้มียศ ใช้นิ้วหัวแม่มือ
    เข้าหาคนรุ่นเดียวกัน หรือคนรับใช้ ใช้นิ้วชี้
    เข้าหาคนสูงอายุ แม่หม้าย ใช้นิ้วกลาง
    เข้าหาหนุ่มๆสาวๆ ใช้นิ้วนาง
    เข้าหาสาวน้อย คนที่อายุน้อยกว่า ใช้นิ้วก้อย
    ส่วนถ้าต้องการพกสีผึ้งติดตัว ให้ใช้พระคาถาอาราธนาสีผึ้งดังนี้
    นะโม ๓ จบ "อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง"


    สีผึ้งเขียวหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง อัดเต็มหลอด ๒ เซนต์
    หายากมากครับ
    ตลับที่นำมาผสมรวมกันคือตลับในภาพทั้ง4ตลับครับ
    เป็นตลับหัวเชื้อเดิมๆครับผม


    ปิดรายการ
    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.3 KB
      เปิดดู:
      89
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      84
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.3 KB
      เปิดดู:
      75
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      134
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      67
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      77
    • 37.jpg
      37.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      73
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2016
  11. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    พระหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้ผึ้ง
    เนื้อพระมีส่วนผสมของสีผึ้ง


    ปิดรายการ

    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.3 KB
      เปิดดู:
      125
    • 17.jpg
      17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.3 KB
      เปิดดู:
      127
    • 37.jpg
      37.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      87
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2012
  12. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ถักดิ้นเงิน ซองเดิมจากวัด สภาพสวยมากครับ
    เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งของวัดกลางบางแก้ว มีมาตั้งแต่สมัย"หลวงปู่บุญ" สืบทอดมาถึง"หลวงปู่เจือ" มีอานุภาพในการป้องกันเภทภัย คุณไสย์ เขี้ยวงา เป็นมหาอุด เมตตามหานิยม พกพาติดตัว หรือบูชาไว้ที่บ้านดีนัก

    เบี้ยแก้นั้นเป็นเครื่องรางที่รวบรวมเอาพุทธคุณและอิทธิคุณของเครื่องรางของขลังทุกชนิดไว้ด้วยกัน

    หลวงปู่เจือเป็นพระเถระที่มีแต่ความเมตตาแห่งวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ไม่สะสมและมักน้อยถ่อมตนบำเพ็ญสมณธรรมด้วยการสร้างบารมีให้ทานแก่บริวารและผู้ทุกข์ยาก จะพบว่ามีคนไปขอความเมตตา จากท่านตลอดเวลา มงคลวัตถุที่คนนำไปใช้ จึงเกิดพลานุภาพนานาประการ โดยเฉพาะ "เบี้ยแก้" เอกลักษณ์มงคลวัตถุ ของวัดกลางบางแก้ว เบอร์ 1 ขณะนี้ ทำออกมาเท่าไรก็ไม่พอ

    สรรพคุณหรือพุทธคุณเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ เป็นที่ร่ำลือในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และป้องกันคุณไสยต่างๆ สามารถกันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวท อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง กันไข้ป่าสารพัด ผีป่า ผีโป่ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย กันจิตคิดวิกลด้วยโรคอุปาทาน กันมนต์ยาดำย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายาสารพัด เป็นต้น

    เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ถักดิ้นเงิน ซองเดิมจากวัด สภาพสวยมาก
    ปิดรายการ
    ทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 30.jpeg
      30.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      62.6 KB
      เปิดดู:
      88
    • 31.jpeg
      31.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      58.9 KB
      เปิดดู:
      82
    • 32.jpeg
      32.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      89
    • 33.jpeg
      33.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      86
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2012
  13. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    บี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ถักดิ้นเงิน ซองเดิมจากวัด สภาพสวยมากครับ
    เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งของวัดกลางบางแก้ว มีมาตั้งแต่สมัย"หลวงปู่บุญ" สืบทอดมาถึง"หลวงปู่เจือ" มีอานุภาพในการป้องกันเภทภัย คุณไสย์ เขี้ยวงา เป็นมหาอุด เมตตามหานิยม พกพาติดตัว หรือบูชาไว้ที่บ้านดีนัก

    เบี้ยแก้นั้นเป็นเครื่องรางที่รวบรวมเอาพุทธคุณและอิทธิคุณของเครื่องรางของขลังทุกชนิดไว้ด้วยกัน

    หลวงปู่เจือเป็นพระเถระที่มีแต่ความเมตตาแห่งวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ไม่สะสมและมักน้อยถ่อมตนบำเพ็ญสมณธรรมด้วยการสร้างบารมีให้ทานแก่บริวารและผู้ทุกข์ยาก จะพบว่ามีคนไปขอความเมตตา จากท่านตลอดเวลา มงคลวัตถุที่คนนำไปใช้ จึงเกิดพลานุภาพนานาประการ โดยเฉพาะ "เบี้ยแก้" เอกลักษณ์มงคลวัตถุ ของวัดกลางบางแก้ว เบอร์ 1 ขณะนี้ ทำออกมาเท่าไรก็ไม่พอ

    สรรพคุณหรือพุทธคุณเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ เป็นที่ร่ำลือในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และป้องกันคุณไสยต่างๆ สามารถกันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวท อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง กันไข้ป่าสารพัด ผีป่า ผีโป่ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย กันจิตคิดวิกลด้วยโรคอุปาทาน กันมนต์ยาดำย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายาสารพัด เป็นต้น

    เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ถักดิ้นลายงูเหลือม ซองเดิมจากวัด สภาพสวยมาก

    ปิดรายการครับ
    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 34.jpeg
      34.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      63.9 KB
      เปิดดู:
      89
    • 35.jpeg
      35.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      73.1 KB
      เปิดดู:
      106
    • 36.jpeg
      36.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  14. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    โอนเงินค่าแพะไปแล้วนะครับ
    อ๋อง
     
  15. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    รับทราบครับพี่ ขอบคุณมากครับ
    จัดส่งให้วันนี้ครับผม:cool:
     
  16. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    วันนี้ได้จัดส่งของให้กับทุกท่านแล้วครับ ขอขอบพระคุณมากครับผม
    คุณ รัตนศักดิ์ EJ 3896 0855 2 TH
    คุณ สมเกียรติ EJ 3896 0856 6 TH
    คุณ เอนก EJ 3896 0857 0 TH
    คุณ สุรศักดิ์ EJ 3896 0858 3 TH
     
  17. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    สีผึ้งเขียว หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง สุดยอดสีผึ้งอันดับ๑ ของประเทศไทย ประสบการณ์ด้านเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม หน้าที่การงานค้าขาย เล่าขานกัน๗วัน๗คืนไม่มีจบ ชุดนี้นำหัวเชื้อสีผึ้งเขียวมรกตแท้ๆทั้ง๔ตลับ ตามเก็บมาจากพื้นที่ มาผสมรวมกันแบบเน้นๆ ไม่มีการนำสีผึ้งอื่นมาผสมปน อัดเต็มหลอด ๒ เซนต์เลี่ยมพร้อมใช้ รับประกันคุณภาพครับ มีผู้นำไปใช้บูชาได้เกิดประสบการณืดีๆที่คาดไม่ถึง
    ถ้าต้องการใช้สีผึ้งทาปาก ให้ตั้งนะโม ๓ จบ พร้อมกับทาสีผึ้งที่ริมปากพร้อมกับว่าคาถาดังนี้ " จิตติ มิตติ อะระหัง ปิยังมะมะ "
    เข้าหาผู้ใหญ่หรือผู้มียศ ใช้นิ้วหัวแม่มือ
    เข้าหาคนรุ่นเดียวกัน หรือคนรับใช้ ใช้นิ้วชี้
    เข้าหาคนสูงอายุ แม่หม้าย ใช้นิ้วกลาง
    เข้าหาหนุ่มๆสาวๆ ใช้นิ้วนาง
    เข้าหาสาวน้อย คนที่อายุน้อยกว่า ใช้นิ้วก้อย
    ส่วนถ้าต้องการพกสีผึ้งติดตัว ให้ใช้พระคาถาอาราธนาสีผึ้งดังนี้
    นะโม ๓ จบ "อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง"


    สีผึ้งเขียวหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง อัดเต็มหลอด ๒ เซนต์
    หายากมากครับ


    ตลับที่นำมาผสมรวมกันคือตลับในภาพทั้ง4ตลับครับ



    โทร.084-2995545
    ธ.ไทยพาณิชย์ วีรวัฒน์ ดุลยทรัพย์ เลขที่ 994-203-1056 ออมทรัพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 44.jpg
      44.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.5 KB
      เปิดดู:
      66
    • 45.jpg
      45.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67 KB
      เปิดดู:
      77
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.3 KB
      เปิดดู:
      71
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      74
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      74
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • 37.jpg
      37.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      73
    • 38.jpg
      38.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      375
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  18. สิริชน

    สิริชน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +29
    เนื้อตะกั่ว 1500 ไหวใหมพี่วี:cool:
     
  19. wee3250

    wee3250 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,319
    ค่าพลัง:
    +5,564
    ถ้าพี่ชอบก็ OK ครับ ^_^ :cool:
     
  20. สิริชน

    สิริชน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +29
    1500+50 ใช่ใหม ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...