พระโพธิสัตว์ต้องต่อสู้กับความทุกข์ เพื่อความสุขของผู้อื่น

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นพณัฐ, 27 ตุลาคม 2012.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ขอบคุณ ครับหยุดก็ดีครับ แต่คุณทำความเห็นให้ถูก ก็ขออนุโมทนาสาธุ จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน คุณหยุดในกระทู้ของคุณ แต่คุณไปโพต์ในกระทู้คนอื่นต่อ แต่ผมจะตอบข้อความคนอื่นต่อ จะหยุดของคุณ จะต่อคนอื่น ครับ ขอบโทษอีกครั้ง ผมจำเป็นต้องพูด ตอบผู้อื่น ผมหยุดไปเป็นครึ่งเดือน พึ่งเข้ามาในกระทู้ของคุณ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันครับ ที่หยุดเพราะเบื่อครับ
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chumphon Chanjit
    ผมขอกราบเรียนเชิญทุกท่านไปที่ลิ้งนี้หน่อยครับ ไม่เกี่ยวกับกะทู้นี้หรอกครับแต่ผมขอร้อง เรื่องเกี่ยวกับพยามารลาพุทธภูมิ ได้ไง! เมื่ออ่านแล้วก็แล้วแต่ทุกท่านจะตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ครับไม่ว่ากัน http://palungjit.org/threads/f13/%E0%B...8%B2.1696/


    ทำไมที่ผมพูดไปก็มาถามให้หมดสิ ว่า ผมพูดต่ออีกว่า พระแม่กวนอิม ก็ลาเข้านิพพานไปแล้ว พระเจ้าตากก็ลาเข้านิพพานไปแล้ว เพราะว่า ผมไปอ่านหนังสือ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านพูดบอกมาเช่นนั้น ผมก็เชื่อผมได้พิสูตรอะไรมามากมาย พยามาร ลาพุทธภูมิ ผมก็รู้มาเช่นนั้น แต่ถ้าผิด ก็ขออภัย ในความรู้ผิดพาดของผม พระยามารปราถนาพุทธภูมิเช่นกัน ท่านกลัว พระพุทธองค์ พาคนไปนิพพานหมด เวลาท่านมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะไม่มีใคร ฟังธรรมของท่าน ตอนที่ท่านมาตรัสรู้ ท่านใจของท่านเลยเป็นมิจฉาทิฏฐิ เลยมาขวางทางของพระพุทธองค์ เพื่อจะขัดขวาง ไม่ให้บรรลุอภิเศกสัมมาสัมโพธิญาณ


    ขัดขวางทุกอย่าง ผมไม่เห็นว่ามันเสียหายตรงไหน ชอบหรือไม่ชอบหรือ ไม่ ก็หาทางพิสูตร หรือถามผู้รู้ ประวัติ หลวงปู่ หลวงพ่อ ต่างๆ ท่านก็บอกชัดเจน ลามาจาก พุทธภูมิ ไปหาอ่านได้ ไอ้ที่จะหาพักพวก ให้ เอนเอียงมาหา หรือเข้าข้างตนนั้น ไม่ใช่วิสัย ของผู้รู้ จะหาทางเอาชนะเท่านั้น คุณมันเล่นงานผมมามากพอสมควรแล้ว ทั้งๆผมบอก ให้เลิกยังไม่เลิก ไปก่อกวนผมถึงในกระทู้ โถ อุตส่าต์อวดเบ่ง ว่าเรียนพระไตรปิฏก มาแล้วเอาความรู้ มาทับผม ผมก็บอกแล้ว ไม่ได้เรียนมา อาศัย เรียนรู้ ประสพการณ์มาจาก ครูบาอาจารย์

    และ ไปรู้เห็น มาด้วยตนเองส่วนใหญ่ บังเอิญผมมากระทู้นี้ เลยเห็นอีก ขอบคุณครับที่อุตส่าต์ชี้แนะ

    --------------------------------------------------------------------------------
    Last edited by บุญทรงพระเครื่อง; เมื่อวานนี้ at 10:09 AM.
     
  3. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ผมเคยอ่านมาเหมือนกัน เห็นบอกว่าพญามารคือ พระสามี พระพุทธเจ้าในอนาคต...องที่3ต่จากพระศรีอารย์..
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    จะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก จริงๆผมได้อธิบายมาพอสมควรแล้ว ต่อจากพระศรีอารยคือพระราม ต่อไปคือ หลวงปู่ปาน แต่ในภาษาบาลี เขาเรียกว่าอะไร ผมไม่ทราบ ทุกอย่าง สามารถ เปลี่ยนแปรงได้ ถ้าลา ตำแหน่งเดิม คงอยู่ ชื่อเดิมคงอยู่ แต่ไม่ทราบว่า สำผัสตัวจริง ท่านที่เป็นพระโพธิ สัตว์ ทั้งผู้หญิง ผู้ชายมามากน้อยเพียงไร ผมไม่ได้ ใช้ อ่านตำราของครูบาอาจารย์ อย่างเดียว ได้ คลุกคลี กับท่านทั้งหลายที่เป็นพระโพธิสัตว์ มาพอสมควร ทั้งหญิงชาย ที่บวชเป็นพระ แม้แต่ ที่เกิดเป็นหมา ผมก็เคยเลี้ยงมาแล้ว จึงไม่สงสัยอะไรอีก ครับ
     
  5. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ครับ งั้นผมขอยอมแพ้ดีกว่าครับ เพราะผมก็อ่านตำรามาเยอะเหมือนกนั

    แต่เท่าที่อ่านผมก็ว่าหลายๆเล่มก็ไปหลายๆทาง เอาเป็นว่าทำตัวให้เป็นคนดี
    และดีที่สุด เป็นพอแล้ว

    อะไรที่พูดไม่ดี ขอขมาพระรัตนไตร และขอคมาแก่ลุงด้วยนะครับ
    ตัวผมก็ยังปัญญาน้อยนัก ต่อให้เห็นอะไรมาเยอะ ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี
    หรือต่อให้ทำอะไรมาเยอะ ก็ยังถือว่าผิดพลาดเยอะมากอยู่ดี

    ขอขมาลุงนะครับ ผมจะพยายามไม่แสดงความคิดเห็นบ่อยๆนะครับ
    ^^ ขอบคุณลุงที่ช่วยชี้แจงนะครับ..
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    ก็ไม่จำเป็นต้องขอขมาผมหรอกครับ ถ้าคิดดีทำดี มันก็ดีอยู่แล้ว ผิดก็กับตัวกับใจ และทำสิ่งดีๆ ต่อไป ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรทุกอย่างหรอกครับ ทำอะไรมาก ก็ดีกว่าไม่ทำนะครับ รู้มากก็ดีกว่ารู้น้อยนะครับ (มีครูบาอาจารย์ท่านตอบ กันอย่างนี้ ที่ผมรู้มา ท่านตอบกันโดยธรรม หลวงปู่ พูดว่า รู้มากยากนาน หลวงพ่อตอบ รู้น้อยๆก็พลอยลำคาญ) พระสุปฏิบันโน ท่านพูดอะไรกันน่ารัก น่าเคารพเลื่อมใส ฮ่าตรึม แสดงความคิดเห็น มันก็มีประโยชน์ อยู่แล้วครับ แต่ก็หมั่นเสนอในสิ่งดีๆ ก็ดีครับ ผมเอง ก็ยังเลวอยู่ แต่ก็พยายาม ทำต่อไปครับ โดยไม่ย่อท้อ ถ้าท้อหรือถอย ถอยมาตั้งหลัก มีกำลัง ควรใส่เกีย สู้ต่อไปครับผม

    ให้กำลังใจในการทำความดีครับ คนเราเกิดมา ที่ไม่ผิดเลยไม่มีในโลกครับ ข้อสำคัญ เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ให้อภัยต่อกัน ไม่อาฆาต ว่าร้ายต่อกัน คนไม่เห็น อย่างน้อย ผีเทวดา พระท่านเห็นเอง แหละครับ ไม่จำเป็นต้อง คนเห็น เสมอไปหรอกครับ
     
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ไม่ว่าจะเป็นธรรมพระโพธิสัตว์หรือเพื่อนิพพานล้วนดีหมดครับ ขอให้เป็นธรรม ธรรมะเรานี้ครับอันเดียวกันหมด พระโพธิสัตว์ก็จะสอนธรรมะตัวเดียวกันนี้เป็นไปเพื่อธรรมนี้ธรรมแห่งความหลุดพ้น ธรรมแห่งการสั่งสอนสัตว์โลก เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียน ธรรมแห่งการยึดเหนี่ยวจิตใจของสัตว์โลกเพื่อให้เค้าเหล่านั้นได้ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และเกิดความสงบบนโลกใบนี้ และโลกใบนี้จะมีความสุข ขออนุโมธนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  8. krit3003

    krit3003 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +20
    ขออนุโมนาด้วยครับ
     
  9. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ดู ครูบาศรีวิชัย นะ ทำอย่างไร ถูกต้อง

    ครูบาศีลธรรม เป็นอีกนามหนึ่งของ "ครูบาศรีวิชัย" นักบุญแห่งล้านนา ท่านเป็นพระอริยสงฆ์รูปสำคัญยิ่งแห่งดินแดน ล้านนา ครูบาศรีวิชัยเป็นพระบ้านป่าไร้ซึ่งสมณศักดิ์ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่เป็นอเนกประการ จึงมีผู้คนเคารพยกย่องท่านตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

    ครูบาศรีวิชัย มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.๒๔๒๑-๒๔๘๑ มาตุภูมิของท่านคือ บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านถือกำเนิด ในครอบครัวที่ยากจน แต่สิ่งนี้หาได้เป็นสิ่งที่จะสกัดกั้นไม่ให้ท่านเข้าสู่ร่มเงาของผ้ากาสาวพัตร์ได้ไม่ กลับเป็นสิ่งที่ช่วย ให้พ้นไปจากวัฏสงสารมากยิ่งขึ้น

    "พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" อดีตพระอาจารย์ใหญ่ของพระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระรูปสำคัญแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญร่วมสมัยกับครูบาศรีวิชัย ได้กล่าวกับ "พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)" อดีตเจ้าอาวาส องค์แรกของวัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ความว่า "พระศรีวิชัยองค์นี้ เป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้ กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีธรรมอยู่ ซึ่งจะต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีจะบริบูรณ์"

    ครูบาศรีวิชัยเป็นพระสุปฏิปันโน ท่านสอนผู้อื่นโดยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ท่านปฏิบัติได้แล้วจึงสอนผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คนมากมายเลื่อมใสในตัวท่าน ต่างพากันมากราบไหว้บูชาขอเป็นลูกศิษย์ของท่าน

    เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของโลกธรรม ถึงแม้ว่าคนไม่ชอบจะมีไม่มากก็ตามเถิด ครูบาศรีวิชัย ถูกกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่เหมาะสม จนต้องอธิกรณ์ถึง ๒ ครั้ง ท่านถูกนำตัวไปให้คณะสงฆ์ชำระอธิกรณ์ที่กรุงเทพฯ แต่ด้วยความบริสุทธิ์ของท่าน มลทินทั้งหลายที่ถูกผู้อื่นนำมาแปดเปื้อนก็ไม่อาจทำให้ท่านมัวหมองได้ ครูบาศรีวิชัย จึงเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของท่านอย่างสง่างาม

    อาจารย์สิงฆะ วรรณสัย อดีตปราชญ์คนสำคัญของจังหวัดลำพูน ผู้เคยได้สนทนากับครูบาศรีวิชัย ได้บันทึกไว้ใน "สารประวัติครูบาศรีวิชัย" ความตอนหนึ่งว่า "ตอนที่ครูบานั่งหนักสร้างวัดจามเทวีนั่นแหละ ข้าพเจ้าเป็นสามเณรมักจะ ไปไหว้ไปคุยกับท่านครูบาเสมอ วันหนึ่งท่านถามข้าพเจ้าว่า "เณรจะสึกหรือไม่?" ข้าพเจ้าตอบว่า "ไม่แน่ครับท่านครูบา เพราะอนาคตของเราคาดไม่ถูก" ท่านครูบาได้กรุณาสอนว่า "เมื่อเณรจะสึกออกไปสู่โลกภายนอก พึงประพฤติตัว อย่าให้ซื่อนัก อย่าให้ตรงนัก หื้อจะหล้วยเป็นก้านกล้วยนั้นเทอะ" อธิบายว่า คนที่อยู่ในโลกฆราวาสนั้น เป็นคนตรงไป ก็อยู่กับเขาไม่ได้ เป็นคนคดงอเกินไปก็อยู่กับเขาไม่ได้ จงอย่าคดมาก อย่าตรงมาก เหมือนก้านกล้วยนั่นแหละจึงจะอยู่กับ คนในโลกได้" นี่เป็นคำสอนหลังจากที่ครูบาศรีวิชัยกล่าวไว้หลังจากท่านกลับจากชำระอธิกรณ์ครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็น ช่วงบั้นปลายชีวิตท่านแล้ว

    ถึงแม้ว่าครูบาศรีวิชัยจะเกิดในยุคที่บ้านเมืองยังไม่พัฒนาด้านวัตถุมากนัก อ.ลี้ เมื่อ ๑๖๐ ปีกว่าล่วงมาแล้วนั้น ยังบริบูรณ์ ไปด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ เรื่องราวเร้นลับทางไสยศาสตร์น่าจะมีให้คนในยุคนั้นได้พิศวงไม่น้อย แต่ครูบาศรีวิชัยกลับ ไม่ได้ส่งเสริมเรื่องนี้แม้แต่น้อย ท่านไม่ได้สร้างวัตถุมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น

    เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางด้วยรถไฟไปกรุงเทพฯ เพื่อให้คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองชำระอธิกรณ์ ผู้โดยสารบนขบวนรถไฟ เมื่อทราบว่าท่านคือครูบาศรีวิชัยผู้โด่งดัง ต่างพากันมากราบไหว้อ้อนวอนขอเครื่องรางของขลังจากท่าน ครูบาศรีวิชัย ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า ท่านกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า "ไม่เคยมีไว้ให้ใคร เอาไว้เองก็ไม่มี เพราะพระพุทธองค์ไม่เคยสั่งสอน ให้เชื่อถือสิ่งเหล่านั้น"

    เกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ คาถาอาคมเหล่านี้ ในช่วงแรกของชีวิตในสมณเพศ ครูบาศรีวิชัย ก็เคยได้ศึกษาวิชาเหล่านี้ มาก่อน ถึงได้สักหมึกดำทั้ง ๒ ขา ตามแบบความนิยมของผู้ชายชาวล้านนาในสมัยนั้น ต่อมาได้ศึกษาพระธรรมอย่างถี่ถ้วน ลึกซึ้ง ท่านตระหนักถึงความไม่เป็นแก่นสารของไสยศาสตร์ จึงหันหลังให้วิชาเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เคยมีผู้เรียนถาม ครูบาศรีวิชัยเรื่องอภินิหารเรื่องหนึ่งว่า มีครั้งหนึ่งครูบาศรีวิชัยพร้อมกับศรัทธาทั้งหลายเข้าไปในป่าแห่งหนึ่งบังเกิด ฝนตกหนักมาก คนทั้งหลายเปียกกันหมด แต่ครูบาศรีวิชัยไม่เปียกเลยมีจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า "เออเป็นความจริง ข้าไม่เปียกเลย เพราะข้ามีจ้อง (ร่ม)"

    ครูบาศรีวิชัยเป็นพระผู้ปฏิบัติธรรมเยี่ยมยอดรูปหนึ่ง และมีเรื่องราวที่เรียกว่าน่าอัศจรรย์ก็ว่าได้ คือท่านสามารถกำหนด รู้จิตของผู้อื่นได้ หากผู้ใดนำของไม่บริสุทธิ์ มาทำบุญกับท่าน ท่านก็จะบอกให้ผู้นั้นทราบ หรือไม่รับของนั้นเลยทีเดียว จะมาทำบาปแลกบุญนั้น ครูบาศรีวิชัยท่านไม่ส่งเสริมเด็ดขาด ดังเรื่องที่ผู้เขียนจะเล่าต่อไปนี้ ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าให้ผู้เขียน ฟังอีกทอดหนึ่ง เป็นเรื่องราวร่วมสมัยครั้งที่ครูบาศรีวิชัยยังดำรงชีวิตอยู่

    ในหมู่บ้านเดื่องก ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มีเศรษฐินีผู้หนึ่ง เป็นคนที่มีนิสัยเข้าทำนองว่า "หน้าเนื้อใจเสือ" (ทางล้านนาเรียกว่า "ปากหวาน ก้นส้ม") ผู้ใดขัดสนเงินทองบากหน้าขอพึ่งพิงนางก็ให้ไปปากก็พร่ำว่า "ไม่เป็นไร เราคนกันเอง มีอะไรพูดจากันได้" แต่เวลาที่ลูกหนี้เอาของมาคืน ต้องมีค่ามากกว่าของที่ยืมไปถึงเท่าตัว ยืมเงิน ๑๐ บาท (สมัยครึ่งค่อนศตวรรษ) คืน ๒๐ บาท หากไม่มีจริง ๆ เศรษฐินีผู้นี้ก็จะริบเอาข้าวของอย่างอื่นแทนเงิน เช่น ข้าวสาร เกลือ กะปิ ปลาร้า ชนิดที่ว่าอะไรพอจะตีค่าเป็นเงินได้ก็ริบไว้ก่อน

    ครั้งหนึ่งครูบาศรีวิชัยออกบิณฑบาต เศรษฐินีผู้นี้ก็ไปทำบุญตักบาตรกับเขาด้วย คนอื่นตักบาตร ครูบาศรีวิชัยก็รับ แต่พอมาถึงเศรษฐินีแห่งบ้านเดื่องก ท่านกลับปิดฝาบาตรนางให้รู้สึกแปลกใจจึงกราบเรียนถามครูบาศรีวิชัยว่าเหตุใด ท่านจึงไม่รับบาตรของนาง ครูบาศรีวิชัยจึงตอบเศรษฐินีผู้นี้ว่า "แม่ออกจะเอาขี้มาใส่บาตรเฮา" ("แม่ออก" หมายถึง สีกา ส่วน "เฮา" ก็คือ เรา) เศรษฐินีแห่งบ้านเดื่องกก็แทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว ส่วนจะสำนึกตัวได้หรือไม่นั้น คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบุคคลมีหลายจำพวก รายนี้อาจจะเป็นบัวประเภทสุดท้าย





    นอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว ทางด้านเทศนาโวหาร ครูบาศรีวิชัยก็ยังมีความสามารถแสดงธรรมให้ผู้คนในยุคนั้น ได้เข้าใจถึงหลักธรรมเบื้องต้นอย่างแจ่มแจ้ง ผู้เขียนขอนำ "ธรรมอานิสงค์ศีล" ที่ครูบาศรีวิชัยได้เขียนไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ เนื่องในงานฉลองวิหารหลวง วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ พิมพ์เป็นอักษรเมือง (ภาษาล้านนา) ปริวรรตเป็นภาษาไทย โดยนายหนานปวงคำ ตุ้ยเขียว เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๘ ความตอนหนึ่งว่า "..น้ำแม่น้ำคงคา ยุมนา อจิรวดี มหิมหาสลภู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง ๕ แม่น้ำ แม่นจักเอามาอาบให้หมดสิ้นทั้ง ๕ แม่น้ำก็ไม่อาจล้างบาป คือความเดือดร้อน ภายในให้หายได้และฝนลูกเห็บ แม่นจะตกมาร้อยห่าให้เย็นและหนาวสักปานใดก็ดี ก็ไม่อาจจะเย็นเข้าไปถึงภายใน ให้หายความทุกขเวทนาได้ ศีล ๕ เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นของความบริสุทธิ์ เป็นน้ำทิพย์สำหรับล้างบาป คือความเดือดร้อน ภายในให้หายได้ เป็นบันไดแก้วสำหรับก่ายขึ้นไปสู่สวรรค์..."

    พระบ้านป่ารูปหนึ่งที่ถือกำเนิดจากครอบครัวสามัญชนที่ยากจน แต่ยึดถือแน่วแน่ในหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา มีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวกับกิเลส มารร้ายที่คอยจ้องทำลายพรหมจรรย์อยู่ตลอดเวลา

    ครูบาศรีวิชัยเป็นทองคำบริสุทธิ์ ถึงบางครั้งจะมีผู้นำสิ่งสกปรกมาสาดใส่ แต่ก็ไม่อาจทำให้ทองคำนั้นเปลี่ยนสถานะไปได้ เมื่อกาลเวลาและความจริง ซึ่งเป็นเครื่องชะล้างสิ่งที่เป็นมลทินนั้นหมดสิ้นไปแล้ว ทองคำนั้นก็ยังเป็นทองคำอยู่ ยังคงส่องแสงอันงดงามอยู่ชั่วนิจนิรันดร์กาล
















    รายละเอียด


    ครูบาศรีวิชัย เดิมชื่อ อินทร์เฟือน ไม่ทราบนามสกุล เป็นบุตรของนายควายและนางอุสาห์ เป็นชาวบ้านปาง ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ เวลา ๒ นาฬิกา ๕ นาที ๓๐ วินาที รวมอายุ ๖๐ ปี ตลอดชีวิตได้ดำรงสมณเพศเป็นภิกษุผู้ที่ปฏิบัติเคร่งครัด เป็นภิกษุผู้ทรงคุณธรรม มักนิยมสันโดษ ฉันอาหาร วันละ ๑ มื้อ เว้นฉันปลา เนื้อ นอกจากผักและถือมังสวิรัติ คือ เว้นจากของเสพติด เช่น หมาก เมี่ยง บุหรี่ เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่พุทธศาสนาและสังคม ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์แบ่งปันอาหารเครื่องบริโภคแก่สหธรรมมิกของท่านแก่ผู้ยากจนทั่วไป และเป็นพระนักพัฒนา ชอบก่อสร้าง การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม อันเป็นสาธารณะสมบัติเก่า สร้างถนน สร้างสะพาน


    ผลงานของท่านที่สำคัญ คือ

    สร้างวิหารพระอัฏฐารสลำพูน

    สร้างวิหารพระแก้วลำปาง
    วิหารวัดพระแก้วดอนเต้า ลำปาง

    สร้างพระธาตุช่อแฮจังหวัดแพร่

    สร้างวิหารหลวงวัดทุ่งเอื้อง จังหวัดพะเยา

    สร้างวิหารวัดพระสิงห์ เชียงใหม่

    สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ

    สร้างวิหารวัดพระนอนขอนม่วง อำเภอเมืองเชียงใหม่

    พระธาตุจอมแจ้ง

    วิหารพระบาทสี่รอย

    กุฏิหลวงบ้านปางลำพูน

    ประตูเมืองลี้

    พระธาตุดอยซาง

    พระธาตุดอยตุง

    บูรณะหอธรรมวัดพระสิงห์

    พระธาตุบ้านปางอำเภอลี้ลำพูน

    บูรณะพระธาตุดอยตุง

    พระธาตุแม่ตืน

    วิหารพระนอนสบลี้

    บูรณะพระธาตุดอยกู่แก้วลำปาง

    เป็นต้น


    ครูบาศรีวิชัย พระภิกษุผู้ยึดมั่นในจารีตท้องถิ่น เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ ครูบาศรีวิชัยสะสมบุญด้วยการเดินทางไปบูรณปฏิสังขรณ์ ศาสนสถานต่าง ๆ ทั่วอาณาเขตวัฒนธรรมล้านนา สร้างความศรัทธาให้เกิดแก่ชนทุกกลุ่ม ถึงกับยกย่องให้ท่านอยู่ในฐานะ “ตนบุญ” ด้วยเหตุที่ครูบาศรีวิชัย เป็นที่ศรัทธาว่ามีสถานะและบารมีสูงสุด การบูรณปฏิสังขรณ์ของครูบาศรีวิชัยในระหว่าง ปีพ.ศ.2463-2478 อาทิ บูรณะวัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ วิหารวัดพระเจ้าตนหลวง พะเยา วิหารวัดพระสิงห์และวัดสวนดอก เชียงใหม่ ฯลฯ จึงได้รับการสนับสนุนจากชนทุกกลุ่มของสังคมล้านนา ก่อให้เกิดขบวนการฟื้นฟูศาสนาทั่วเขตวัฒนธรรมล้านนา ดังที่ อ.สนั่น ธรรมธิ จากสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กล่าวถึงลักษณะความเป็นตนบุญของครูบาศรีวิชัยไว้ว่า ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งใจ และความมุ่งมั่นสูง รวมทั้งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เช่นเดียวกัน
     
  10. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ญาติโยมผู้หนึ่งเกิดความลังเลสงสัย เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่ควรจะได้ผลมาก เพราะเธอมีความขยันหมั่นเพียร จึงมานมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า

    “หลวงปู่คะ การที่ลูกนั่งไม่ดีนี่แสดงว่าชาติก่อนทำมาไม่ได้ใช่ไหมคะ”

    หลวงปู่ตอบว่า“แกรู้เหรอเรื่องแต่ก่อน ไม่ต้องไปสนใจ เพราะเรารู้ไม่ได้ เอาชาตินี้ให้มันดี ไม่ต้องคิดถึงชาติก่อน อย่าท้อถอย ทำไปเดี๋ยวก็ดีเอง”

    หลวงปู่ตอบตรงตามพุทธพจน์ที่ว่า อย่าสนใจอดีต เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ให้สนใจในปัจจุบัน

    หลวงปู่แหวนเคยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

    “อดีตเป็นธรรมเมา อนาคตเป็นธรรมเมา เฮาบ่มีอดีต เฮาบ่มีอนาคต เฮามีแต่ปัจจุบันเท่านั้น”

    คำพูดของท่าน สมกับเป็นพระอริยสงฆ์ที่เราเคารพกราบไหว้ เพราะเป็นสัจจธรรมที่เป็นความจริงเสมอมา
     
  11. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ๒๕. มหาจักรพรรดิ

    หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานวัตถุมงคลของท่านว่า “นอกจากการมีพลังจิตแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน” ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชา บทที่ท่านทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกว่า “ชมพูปติสูตร” ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง แสดงถึง ธรรมที่ชนะอธรรม ท่านเรียกบทนี้ว่า “มหาจักรพรรดิ” พญาชมพูบดีเป็นจักรพรรดิที่มีอิทธิฤทธิ์มาก แต่พ่ายแพ้บุญฤทธิ์ ในที่สุดอุปสมบทได้สำเร็จอรหัตผล หลวงปู่ท่านกล่าวว่า

    “ข้าเป็นคนโลภมาก ทำอะไรก็อยากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั้น ใครนั่งคุมเวลาข้าเสก เขาก็รู้เองแหละว่า ทำจริงหรือไม่จริง”

    ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงปู่อีก เนื่องจากหลวงปู่ท่านพูดว่า

    “ยังไม่นิพพาน เพราะต้องโปรดคน”

    แต่พระองค์นี้ตีความไปว่า หลวงปู่ยังติดอยู่กับลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริง ท่านมีเมตตา และบอกปรารถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้เขียนคัดลอกเกี่ยวกับบทชมพูปติสูตร หรือบทมหาจักรพรรดิมาลงไว้ เนื่องจากในปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า “อจินไตย” คือสิ่งที่ไม่ควรคิด เพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความกระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากในที่สุดอาจจะเป็นบ้าได้ สิ่งเหล่านี้ได้แก่

    ๑. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้? ท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จริงหรือ? ฯลฯ

    ๒. วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า?

    ๓. วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลง หรือ?

    ๔. วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร?

    ๕. วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร? สงบจริงหรือไม่?

    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ลองคิดดู พระเจ้าแผ่นดินที่เกิดมาภายใต้เศวตฉัตร ถ้าพระองค์ไม่มีบุญญาธิการแล้ว ท่านจะเป็นได้อย่างไร เพราะคนไทยมีเป็นหลายสิบล้านคน นั่นแสดงถึงวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่าเทียมกัน มีเหตุปัจจัยจากสิ่งที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีมากขนาดไหน จึงสามารถโปรดคนได้มากมายทั้งสามแดนโลกธาตุ

    2กระทู้ธรรม จากหลวงปู่ดู่
     
  12. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ๒๙. อำนาจบุญ

    วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังสนทนากับผู้เขียน มีญาติโยมบ้านอยู่ที่อำเภอนครหลวง เข้ามากราบนมัสการพร้อมกับขอร้องหลวงปู่ให้ช่วยเหลือลูกสาวซึ่งถูกผีเข้าเป็นเวลาถึง ๓ ปี ผีที่เข้าบอกว่า โดนยิงตายที่หลังวัดข้างบ้านเจอผู้หญิงเกิดชอบใจ ต้องการได้ไว้เป็นภรรยา บางเวลาผีก็เข้า บางเวลาผีก็ออก ทำให้เกิดความกลัดกลุ้มมาก ถึงกับบางครั้งแกแทบจะยิงผี ซึ่งผีบอกว่า ยิงก็โดนลูกสาวแกเอง หลวงปู่ฟังเสร็จจึงพยักหน้ามาที่ผู้เขียนแล้วบอกว่า

    หลวงปู่ “แกช่วยเขาทีเอาบุญ”

    โยม “ต้องเอาตัวคนไข้มาหรือไม่ครับ”

    หลวงปู่ “ไม่ต้อง” หลังจากนั้นหลวงปู่ตั้งจิตแล้วพูดว่า

    “เรียกตัวผีมารับบุญหลวงปู่ทวด มารับบุญข้าให้โมทนาซะ จะได้ไปดี เป็นผีก็ไปเอาเมียผี ไม่ใช่มาเอาเมียคน รับบุญไปจะได้มีเมียนางฟ้าเยอะแยะ ดูด้วยว่าผีรับหรือยัง...รับแล้วใช่ไหม....ไปเกิดซะ เอาละหมดเรื่องแล้ว”

    ผู้เขียนจึงบอกโยมคนนั้นว่า “ตอนที่เขาไปเกิดแล้วนี่เป็นเหตุ ลุงกลับบ้านลองไปดู ถ้าลูกสาวไม่เป็นไรแสดงว่าหาย”

    โยมคนนั้นจึงกลับไปพร้อมกับความสงสัยจนกระทั่งผ่านไปเกือบเดือน แกได้กลับมาที่วัดอีกครั้ง พร้อมรายงานว่า “หายดีแล้วครับ ตั้งแต่วันนั้นไม่มีอาการเกิดขึ้นอีกเลย เพราะหลวงปู่เมตตาช่วยเหลือไว้”

    remark ; นี่ครับ สุดยอด ไล่ผีในแบบพระโพธิสัตว์ คือการแผ่บุญไปช่วยเหลือให้เขาปรับภพภูมิ ได้บุญด้วย เหมือนที่พวกเราทำกันอยู่ตอนนี้น่ะครับ อ่านเรื่องนี้แล้วทุกท่านคงยิ่งชัดเจนเรื่องการแผ่บุญ ปรับภพภูมิเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับหลวงปู่เลย ลุงคนนั้นตอนแรกแกคงงงน่ะครับ เพราะคุ้นเคยกับการใช้คุณไสยไปบังคับวิญญาณแบบพวกหมอผี แล้วแกก็คงคิดว่า เอ แค่นี้เสร็จแล้วหรือ บารมีหลวงปู่เรื่องแค่นี้ ผงมากครับ
     
  13. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    ถึงผู้ปรารถนาพุทธภูมิ พระโพธิสัตย์ทั้งหลาย..ผมถามตรงๆนะ ว่าสามารถทรงกำลังใจอุกฤษได้ตลอดเวลาไหม๊? แบบว่า...จากวันนี้ไปตลอดชีวิตอ่ะ...มันทำได้จริงไหม๊?
     
  14. din555

    din555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2010
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +544
    ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ....

    สาธุๆ พุทธัง สรณังคัจฉามิ ธัมมัง สรณังคัจฉามิ สังฆัง สรณังคัจฉามิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0043วว.jpg
      0043วว.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.1 KB
      เปิดดู:
      51
  15. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ผมว่าคุณไม่ต้องถามหรอกครับว่า เขาจะทรงกำลังใจได้ดีแค่ไหนอย่างไร
    มันขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน ซึ่งของแบบนี้ไม่มีใครเขามาโอ้อวดกันหรอกครับ

    และคุณก็ไม่ต้องถามด้วยว่าจะทำได้จริงไหม ถ้าเขาทำได้ หรือไม่ได้มันก็เรื่องของเขา
    ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณสักหน่อย
    ทางที่ดีคุณควรจะดูใจตัวเองดีกว่า ว่าคุณจะทรงกำลังใจได้ดีแค่ไหน
     
  16. Thammasawasdee

    Thammasawasdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +869
    ธรรมะสวัสดี :)

    ขออนุโมทนา สาธุจร้า

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...