อยากถามเรื่องย่นระยะทางครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย surer, 25 ตุลาคม 2012.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    คือผมฟังเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เค้าบอกว่า
    สมัยเด็กๆ ขี่อพ่อเค้าแล้วพ่อเค้าใหหลับตา แปปเดียวถึงอีกที่
    เลยสงสัยว่า ไอ่ยนระยะทาง มีจริงหรอครับ และเป็นคาถาหรืออะไร
    แล้วมีใครเคยเห็นกับตาบ้าง แล้วทุกวันนี้ ยังมีจริงป่าว

    เอ่ออีกเรือง

    อันนี้ผมฟังจากเดอะช็อค คือมีคนโทรมาเล่าว่า มีคนถอดจิตได้ มากวน
    เลยอยากถามว่า ถ้าถอดดจิตนี่ ต้องเรียนทางไหน ไม่ได้หมายถึง
    ถอดจิตไปนรก สวรรค์ นะครับ แต่หมายถึงถอดจิต แล้ว อยู่บนโลก
    ไปที่ต่างๆ ที่อยากไปได้
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ......มี รึเปล่านี่ มันก็พูดยากอยู่นะ

    คนรับฟังเนี่ยะ จะต้องมี ศีล และ ความปรกติของใจ ดี มั๊กๆ ถึง จะฟังแล้ว อ๋อ แถม
    ยังเห็นด้วยว่ามี เห็นว่ามีแล้วก็จะรู้ว่า คนที่ทำได้นั้นจะต้องเป็นคนประเสริฐมั๊กๆ
    คนปัญญาทรามจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ พอเห็นว่า อะ อื้ม นี่มันเป็นเรื่องของ คนดี
    คนมีศีล มีสัจจ ล้วนๆ นี่ แล้วเราอยากมี ศีล มีสัจจะ บ้าง ก็จะเริ่มศรัทธา

    พอเอาศรัธทามา บวกกับ ศีล มันก็จะค่อยๆ เห็นทางเรื่อยๆ เห็นความสมจริงเรื่อยๆ

    ก็นะ.....

    ถ้าไอ้ตอนเริ่มต้นนี่ คนฟังไม่มีศีล ก็จะ ฟังแล้วกระเด้ง ตื่นตาตื่นใจไปวันหนึ่ง พอ
    ตกบ่ายก็ไปกระเด้งกับเรื่องอื่นๆ ลืมเรื่องนี้ไป สองวันผ่านไป สามวันผ่านไป กว่าจะ
    กลับมาสนใจเรื่องนี้อีก ก็อาจจะเนิ่นนานเกินไป บางคน นึกจะกลับมาสนใจ เปรี้ยง!!!

    ตายก่อน
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จริงๆ จขกท ก็ได้ยินได้ฟังมามาก อยู่ในเว็บนี้ เรื่องที่ไม่ได้ยินเรื่อง ย่นระยะทาง
    นี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เคยได้ยิน


    อย่างเรื่องที่ กล่าวกันบ่อยที่สุด ก็คือ สมัยที่พระพุทธองค์ทรงหายตัววั๊บไปในพรหม
    โลกเพื่อปรับ ทิฏฐิท้าว ผกาพรหม จ้าวแห่งพรหม ผู้เลิศทางฌาณสมาบัติ ว่างั้นเหอะ

    เนื่องจากท้าวพกาพรหม เป็นฝ่ายสำคัญตนว่าเลิศกว่าผู้ใดเรื่อง ย่นระยะทาง หาตัว หา
    ที่ซ่อน ....พระพุทธองค์จึงใช้ สิ่งที่ท้าวพกาพรหมสำคัญว่าตนมีเลิศที่สุด เอามาปรับ
    กัน ผลก็อย่างที่ จขกท เคยสดับ คือ พระพุทธองค์ท่านเป็นเลิศกว่า หายตัววั๊บแล้ว
    ท้าวผกาพรหม ก็มองดูไม่ทันว่า ไปไหน แว๊บไปดาวนั้น ดาวนี้ ก็หาไม่เจอ

    ที่ไหนได้...........อยู่ที่ ความปรกติของใจ ที่เดิม คือ อยู่บนหัวท้าวผกาพรหมนั่นแหละ
    หาก มีศีลมีความปรกติของใจ ไม่แล่นซ่านออกไปว่า ต้องไปแอบไกลๆแน่ ก็คงเห็น
    ไปนานแล้ว

    ***************

    หรือมี อีกเรื่อง กำลังฮิต คือ พระจักขุบาลเถระ พระท่านเวรกรรมตามมาทัน ทำให้
    ต้องยาพิษในยาหยอดตา ตาก็กำลังถูกฤทธิ์ยากัดลุกตาแทบจะสลายหายหมดอยู่แล้ว
    พอท่านครองความปรกติของใจได้ แล้วปลงสังขาร ตามเห็นลูกตากำลังสลาย พอสลาย
    หายปั๊ป ก็สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลพอดิบพอดี

    ......แต่เรื่องนี้ มีเรื่อง ย่นระยะทางมาเกี่ยวข้อง ตอนที่ พระจักขุบาลจะกลับไปที่บ้าน
    เกิด จะไปโปรดญาติโยมเสียหน่อย แต่ ตาบอด เลยต้องให้ เณรท่านหนึ่งมาช่วยถือ
    ไม้เท้าเดินนำทาง

    แหม แต่ ระหว่างทาง เณรได้ยินเสียงสาวๆ ร้องแจ้วๆ อยู่ในราวป่า ก็เกิด "......" เลย
    ออกอุบายว่า ข้ามีธุระเบาจะขอแว็บไปเสียหน่อย พอหายไปนาน พระเถระเรียกหาก็
    ไม่ตอบ หูตัวเองก็ได้ยินเสียงสาวเจื่อยแจ้วอยู่เหมือนกัน ก็เลย ทราบว่า เณร ท่าจะ
    ศีลวิบัติ ไม่มีความปรกติของใจ ทิ้งพระเถระอย่างไม่ใส่ใจ ขอ แว็บไปสนใจของสวยๆ
    งามๆ เอาไว้ลูบๆ คลำๆ หรือไม่ก็เอามา ประดับในห้อง อะไรทำนองนี้ ศรัทธาเลยง่อน
    แง่น เป็นอาการของศีลวิวัติ ไม่เคารพยำเกรง ไตรสรณะคมน์ พอกลับมา พระท่านก็
    ไล่ตะเพิด จับสึก สึกแล้วจะขออนุบาลพาพระเถระไปต่อ พระเถระก็กล่าวว่า ประโยชน์
    อะไรกับ คฤหัสที่พึ่งสึกจากเณรเพราะศีลวิบัติเล่า เดี๋ยวก็ โลเล ไม่ใส่ใจในธรรมะ แล่น
    ไปสู่การ หาของสวยๆ งามๆ มาตลูบๆ คลำๆ อีก

    ก็เลยกล่าาคาถา ทำนองว่า " หากแม้นจะต้องนอนดิ้นตายอยู่ในราวป่า ยังไงก็ไม่ขอ
    คบคนพาลเพื่อรับการอนุเคราะห์เด็ดขาด"

    ร้อนถึงท่านท้าวสักกะ เทวราช

    ก็นะ ท้าวสักกะเทวราชก็ลงมาจับไม้เท้า แล้ว ว๊าบบบ แป๊ปเดียว ก็ไปถึง บ้านเกิดของเถระ

    เนี่ยะ กรณีพระจักขุบาล ท่านก็เน้นเรื่อง ศีล จนถึงกับทำให้ ท้าวสักกะ ต้องลงมาแสดง
    วิชาให้เห็นต่อหน้าต่อตา

    นี่ถ้า ท่าน จขกท อยากเห็นวิชา ย่นระยะทางจากท้าวสักกะ ก็ต้องอาศัย ศีลยิ่งยวด
    แล้วก็ต้อง มีศรัทธา ด้วยอะนะ ไม่งั้น ท้าวสักกะโผล่มา จขกท ก็ถวายหน้าแข้งป๊าป !!
    เข้าให้เพราะ ตกกระใจ ( ขาดความปรกติของใจ นั่นเอง )
     
  4. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ถ้ายังทำไม่ได้ แล้วคิดว่ามีจริงก็โกหก
    ถ้าทำได้แล้ว เห็นจริงก็ถูกต้องแล้ว

    อะไรที่จะพิสูจน์ได้ นอกจากความสงสัย
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819


    สำคัญอยู่ตรงใจเรา ใจต้องเป็นสมาธิ คาถาจึงจะมีผล และคาถานั้นคือ มโนมยา สำเร็จด้วยใจ
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมเองก็เคยอ่านเรื่องราวการย่นระยะทางมาเหมือนกันนะ
    มีทั้งในพระไตรปิฏก และในหนังสือของพระ

    ท่านก็ไม่ได้ว่าย่นระยะทางนะ
    เพียงแต่ระยะทางไกลๆ ท่านเดินไปแป๊บเดียว
    เช่น ๑๐๐ กิโลเมตร ในป่า ท่านเดินไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง

    หรือในพระไตรปิฏก ท่านพาหิยะเดินไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นระยะทาง ๑๒๐ โยชน์
    โดยใช้เวลาเพียงคืนเดียว (อย่าลืมว่าไม่มีซุปเปอร์ไฮเวย์นะครับ)

    ส่วนเรื่องราวความจริงเป็นอย่างไรนั้น
    ผมไม่ทราบครับ คนที่ทราบจริงคงมีเพียงผู้มีอภิญญา

    ส่วนเรื่องถอดจิต ให้หาเรื่องมโนมยิทธิอ่านครับ มีเพียบจริงๆ
     
  7. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ลองอธิษฐานดูสิ ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานใช้เวลาเท่าไร แล้วอธิษฐานในเวลาที่เราต้องการ แต่อย่าให้มันมากเกินไปจนเป็นไปไม่ได้ ผลเป็นอย่างไรมาเล่าให้ฟังบ้าง
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    การย่นระยะทาง มีจริงขอรับ แต่ไม่ใช่ย่นถนนนะขอรับ เป็นเพียงการเดินหรือเคลื่อนที่ได้ไกลกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น เวลาก้าวเดิน แทนที่จะเป็นเพียงหนึ่งก้าวธรรมดา จะกลายเป็นหลายก้าว มันเป็นการเคลื่อนย้ายวัตถุมวลสาร ต้องใช้สมาธิมากคือต้องมีจิตใจที่หนักแน่นจริงๆ จึงจะทำได้ คิดนิดเดียวก็เดินธรรมดา ขอรับ

    เรื่องการถอดจิต เป็นเพียงเรื่องเล่า ถ้าจะเขียนแบบตรงไปตรงมา เรื่องของการถอดจิต เป็นเรื่องของความคิดเท่านั้น พอนั่งสมาธิ ก็คิดโน่นคิดนั่น แล้วก็อุปโหลกว่า ถอดจิตได้ ไม่อยากเขียนให้แรงกว่านี้ขอรับ
    มนุษย์ถอดจิตไม่ได้ขอรับ แต่คิดได้ ส่งกระแสจิตได้(ซึ่งก็คือการพุดชนิดหนึ่งนั่นแหละ)
     
  9. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    สมัยก่อนไมรู้นะครับ
    ถ้าสมัยนี้ นั่งรถ
    อยากไวอิกหน่อยกะนั่งเครื่องบิน
    ถอดจิตนี้ แนะนำเลย
    เฟสบุค สกาย MSM ส่องทีถึงขั้วโลกเลยครับ ไวกว่าถอดจิตอิก แค่คลิก ถึงเลย
    (ไม่ได้กวนนะครับแค่ออกความเห็น)
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ อันนี้ พูดเล่น เอาฮา คนเดียว คิ๊กคักอยู่

    หรือว่า

    พูดเล่นแบบว่า เพื่อบรรเทาความสงสัยของเพื่อน

    ถ้าเป็นข้อแรก ลองสังเกต อาการกลับไปเป็นอย่างเก่า ( โพสแรกๆของคุณ
    ว่ามันกลับมาชักชวนเราไปอีกไหม ถ้าใช่ หรือ มีแวว มีการแล่นไป ก็ให้สังเกต
    "เหตุ" ของการพูดแบบนี้ไว้ด้วย แล้วพินาเอา ตามกำลัง )

    ถ้าเป็นข้อสองก็โนพลอมแพลม
     
  11. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    จขกท. ถามถึงการย่นระยะทาง ถอดจิตไปนรกสวรรค์ หรือไปในที่ต่างๆ ตามความพอใจ

    ว่าแต่ จขกท. ทำฌานข่มนิวรณ์ได้หรือยัง
    หากยังสติร้อยด้าย ยังไม่เข้าเข็ม จะเย็บปะผ้าขาดได้ยังไง

    หาก เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ ฯลฯ พิจารณาเจริญขึ้นได้แล้ว ที่จะเกิดผลกับตนเอง
    ค่อยถามวิธีการลงเข็มเย็บปะผ้า เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเก็บไปสงสัยอีกว่า นรก สวรรค์ มีจริงไหมอีก

    เกิดอาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เหมือนอย่างที่ถามในเนื้อความที่ตั้งกระทู้ นั้นเข้าไปแล...
    เหตุที่เกิดจากการถาม จะนำมาซึ่งประโยชน์อันใด หากเพียงเพื่อ ปะๆขาดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2012
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พี่พี่ทั้งหลาย กล่าวได้ถูกแล้ว....ปาฎิหารทั้งหลาย นั้น ท่านจัดอยู่ใน"อริยะปัญญาขันธิ์"...................อันมีหมวดดังนี้---(หมวดญานทัสนะ)----(หมวดมโนมยิทธิ)----(หมวดอิทธิวิธี)----(หมวดทิพโสต)-----(หมวดเจโตรปริญาน)-------(หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาน)------(หมวดจุตูปปาตญาน)-----(หมวดอาสวักขยญาน).....................ทุกหมวดจะเริ่มด้วย "ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นใหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำ จิตไปเพื่อ---(แต่ละหมวด)..............:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...................โทษที นะครับ ถ้าศึกษา ตามดังกล่าวข้างต้น(จริงจริงเป้นคำอธิบายของพระอานนท์ที่อธิบายได้อย่างละเอียด แต่ ก็ตรงกับพระพุทธวจนะใน สามัญผลสูตร อัมพัฎสูตร โสณทัณสูตร เป็นต้น ท่านพุทธทาสจึงถือว่าเท่ากับพระพุทธภาษิต.....อันเป้นการอธิบาย ประมวลพรห์มจรรย์ตลอดสาย อันแสดงไว้โดยขันธิ์ทั้งสามคืออริยะศิลขันธิ์ อริยะสมาธิขันธิ์ และ อริยะปัญญาขันธิ์.....
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ขอยกเอามาแสดงสักหมวด นึง อันเป็นคำของพระอานนท์(ที่ยอมรับว่าตรงกับพระสูตร )ตอบแก่ ผู้ถาม---พระอานนท์ หมวดอาสวักขยญาน"ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิืผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นใหวเช่นนี้แล้ว เธอ ชักนำจิตไปเพื่อ อาสวักขญาน เธอย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี่ทุกข์ นี่เหตุแห่งทุกข์ นี่ความดับไม่เหลือของทุกข์ นี่ทางให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ และเหล่านี้เป็นอาสวะทั้งหลาย นี้เหตุแห่งอาสวะทั้งหลาย นี้ความดับไม่เหลือของอาสวะทั้งหลาย นี้เป็นทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะทั้งหลาย เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามสวะ ภวาสวะ และ อวิชชาสวะ ครั้นจิตพ้นพิเศษแล้วก็เกิดญานหยั่งรู้ว่า จิตพ้นแล้ว เธอรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรห์มจรรย์จบแล้ว กิจทีต้องทำได้สำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ใหล่เขา ใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว คนมีจักษุยืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น เขาจะเห็นหอยตัวกลมบ้าง ตัวแบนบ้าง ก้อนกรวดก้อนหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น เขาจะเห็นชัดจนรู้สึกว่า ห้วงน้ำนี้ใสไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ก้อนหิน ปลาทั้งหลาย เหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง เที่ยวไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น ฉันนั้นเหมือนกัน แม้นี้ ก้เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง....มาณพ นี้แล อริยปัญญาขันธิ์นั้น ที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ------(สี.ที.9/252-272/318-337.---(ผมคัดลอกมาจาก อริยสัจจากพระโอษฐ์ท่านพุทธทาสหน้าที่ 1564):cool:
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........................ในความเห็นของผมนะครับ ผิดถูกยกไว้...นี่คือ อริยะปัญญาขันธิ์ นะครับ ไม่ใช่ระดับ เอ่อ....คือหมายความว่า ไม่ใช่ง่ายดาย....อันทุกหมวดขึ้นต้นด้วย---"ภิกษุทั้งหลาย ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นใหวเช่นนี้แล้ว...." ดูอย่างหมวด อาสวักขยญานที่ ยกมา นั้นท่านสามารถ แทงตลอดอริยสัจสี่ ทำลายภพชาติ ไม่มีกิจที่ต้องทำอีกแล้ว................ลองใช้ สุตมยปัญญา จินตามยปัญญาดู ว่า อาสวักขยญาน ท่านน้อมไป ครั้งเดียว แทงตลอด อริยสัจ อยู่จบพรห์มจรรย์ได้....ในหมวดอื่นอื่น(ญานอื่นอื่นดังที่กล่าวข้างต้น)...คงจะทำเป็นเล่น ขายของ คงไม่ได้...ก็ลองพิจารณาดู นะครับ:cool: (ขึ้นต้นด้วย จิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เชียวนา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เอาหมวด เจโตปริญาน อีกสักหมวด---พระอานนท์"ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นใหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อ ญานเครื่องกำหนดรู้ใจผู้อื่น....เธอย่อมกำหนดรู้ใจสัตว์เหล่าอื่น บุคคลเหล่าอื่นด้วยใจของตน รู้จิตของผู้ที่มีราคะว่ามีราคะ ไม่มีราคะว่าไม่มีราคะ มีโทสะว่ามีโทสะ ไม่มีโทสะว่าไม่มีโทสะ มีโมหะว่ามีโมหะ ไม่มีโมหะว่าไม่มีโมหะ หดหู่ว่าหดหู่ ฟุ้งซ่านว่าฟู้งซ่าน มีจิตเป็นมหรคตว่าเป้นมหรคต ไม่มีจิตมหรคตว่าไม่เป็นมหรคต มีจิตอื่นยิ่งกว่าว่ามีจิตอื่นยิ่งกว่า ไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่าว่าไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า มีจิตตั้งมั่นว่ามีจิตตั้งมั่น ไม่มีจิตตั้งมั่นว่าไม่มีจิตตั้งมั่น มีจิตหลุดพ้นว่ามีจิตหลุดพ้น ไม่มีจิตหลุดพ้นว่าไม่มีจิตหลุดพ้น เปรียบเหมือนชายหนุ่มหญิงสาว รักการแต่งตัว เมื่อส่องดูเงาแห่งหน้าของตนในกระจกเงาอันหมดจดผ่องใส หรือในน้ำอันใส ถ้ามีไฝฝ้า ก็รู้ว่ามีไฝฝ้า ถ้าไม่มีไฝฝ้าก็รู้ว่าไม่มีไฝฝ้า ฉันนั้นเหมือนกัน แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง.........(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส หน้าที่ 1561):cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2012
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .....โอย...สมาทานอริยศิลขันธิ์ อริยะสมาธิขันธิ์ อริยะปัญญาขันธิ์ นั้นแหละ:cool:
     
  18. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    คุณลองเดินจากจุดนึงไปอีกจุดนึงแบบปกติ จับเวลา
    แล้วเดินจงกลมสติให้ดีดี เดินช้าๆ ในระยะทางเท่ากัน
    แล้วลองมองดูเวลา
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ผมเคย "ลื่น" แบบประหลาดมาครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ถือว่าแค่เล่าสู่กันฟังนะครับ

    +++ คืนนั้นฝนตกหนัก ในขณะนั้นยังเป็นสภาพคล้ายท้องนาอยู่ ตอนเช้าผมเดินไปตามถนนดินเหนียว ที่ถมเชื่อมระหว่างที่จัดสรรค์ สภาพของถนนดินเหนียวหลังคืนฝนตกหนักนั้น ลื่นเป็นอย่างยิ่งและบางส่วนยังมีสภาพคล้ายเลนอีกด้วย

    +++ ในระหว่างเดินนั้นผมจึงกำหนดเดินจงกรมไปตลอดทาง เพราะกลัวลื่น หลังจากเดินจงกรมได้ไม่นานรู้สึกถึงลมชายทุ่งพัดผ่านร่างกาย รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง เข้าใจว่าจิตมันย้ายจากการเดินจงกรม มาเป็นการจับลมพัดทั่วกายเอง นอกจากสบายกายแล้ว ยังสบายใจเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย

    +++ หลังจากนั้นเพียงชั่วขณะเดียว เกิดปรากฏการณ์คล้ายลมกระชากผ่านร่างไป ภาพทางขอบตาคล้ายกับถูกกระชากวูป ๆ ไปตามจังหวะการเดิน ผมตกใจเพราะนึกว่า "ลื่น" แน่ ๆ เลยหยุดทุกอย่างอยู่กับที่ ก็รู้ว่ายังยืนได้มั่นคงดีไม่คล้ายลื่นแต่ประการใด แต่ก็แปลกใจว่า เมื่อตะกี้มันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยหันตัวกลับไปดู ก็ไม่พบรอยลื่นแต่ประการใด พื้นดินก็ยังแฉะอยู่หากลื่นก็ต้องมีร่องรอยแน่นอน ก็เลยมองทอดสายตาออกไปไกลอีกหน่อยก็พบว่า รอยเท้าสุดท้ายของผมเอง อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร และการเดินที่เกิดการถูกกระชากวูป ๆ ไปตามจังหวะการเดินก็แค่ 3 ก้าวเท่านั้นเอง ในขณะนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าการ "ลื่น" นี้มาได้อย่างไร

    +++ น่าเสียดายว่าในขณะนั้น ผมยังไม่ได้ฝึก มหาสติปัฏฐาน 4 ยังอยู่กับ สมาธิหัวตออยู่ และยังอยู่กับ "ความเชื่อ ที่ให้ ละวาง ปล่อยวาง มากจนเกินเหตุ" จนทำให้เสียโอกาสที่จะยอมรับความเป็นจริง หรือสภาวะธรรมที่ปรากฏต่อหน้าได้ ดังนั้นจึงขาดขีดความสามารถในการที่จะรู้วาระการเคลื่อนไหวของจิตตนเอง รวมทั้งความเป็นมาแห่งสภาวะธรรมที่เกิดกับตนเองทั้งกายและจิต ตอนนั้นเป็นช่วงที่จิตผมกำลังจะตกลงไปสู่ อสัญญีภูมิ ซึ่งเป็นภูมิที่วางสัญญาทิ้งจนสิ้นเชิง กว่าจะกลับออกมาได้ ทุลักทุเลสิ้นดี

    +++ ดังนั้นจึงฝากขอเตือนเพื่อน ๆ ที่กำลังเร่งความเพียรอยู่ในขณะนี้ไว้ว่า อะไรที่มีอยู่จริง เป็นอยู่ตามความเป็นจริง เช่น ความรู้สึกทางกาย หรือ ความรู้สึกทางจิต ควรทำให้รู้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไรก่อนที่จะรีบวางมันลงไป อีกประการหนึ่งคือ จริตและวาสนาของหลาย ๆ ท่านในโพสท์ต่าง ๆ เท่าที่ผมอ่านมา มีอยู่หลายท่านที่อยู่ถัดออกไปจาก สุขขะวิปัสสโก หลายท่านทีเดียวครับ

    +++ จริง ๆ แล้วคนเรา หากอยู่ในอิริยาบทเดิน ร่างกายจริง ๆ นั้น เดินอยู่ในอากาศอยู่แล้วมากกว่า 90% มีเพียงฝ่าเท้าแค่ข้างเดียวเท่านั้นที่สัมผ้สพื้นอยู่ นอกนั้นอยู่ในอากาศทั้งสิ้น สังเกตุดูก็รู้ได้เองนะครับ คนโบราณเขาไม่ค่อยจะสนใจเรื่องน้ำหนักตัวสักเท่าไร ดังนั้นจิตของเขาจึงไม่มีนิวรณ์ในเรื่องของน้ำหนักตัว พระสงฆ์ครั้งพุทธกาลนั้นฝึกจน กายเบาจิตเบาอยู่แล้ว ดังนั้นอะไร ๆ ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฏกก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น เหตุการ "ลื่น" ที่เคยเกิดขึ้นกับผม เป็นอุทาหรณ์อย่างดีกับตัวผมเอง ที่ทำให้ผมไม่ปรามาสอะไร ๆ ออกไปง่าย ๆ และมองทุกอย่างตามความเป็นจริง ทั้งหมดขึ้นกับ นิสัยและวาสนา ของจิตแต่ละดวง ขอฝากไว้เพียงเท่านี้นะครับ
     
  20. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ครับ
    ได้ทั้งสองนะครับ
    จะเอาฮาก็ฮา
    ถ้าจะเอาเพื่อคิดเพื่อนึกก้ได้ครับ แล้วแต่ผู้ที่จะพิจรณาครับ
    ธรรมะไม่ใช่เรื่องซีเรียส แต่ก้ไม่ใช่เรื่องๆเล่นๆครับ ตามนี้ละครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...