หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง"

**ปิดตาเนื้อตะกั่วรุ่น 4 มีในทำเนียบวัตถุมงคลของหลวงปู่ครับ...สวยเดิมๆ**

 

*******เหรียญสองพระธาตุ ปี 19 เนื้อทองแดง จำนวนการสร้าง หลักหมื่น ******
เนื้อเงินสร้างน้อยหายาก
ส่วนเนื้อทองแดง ที่ได้ยินมามีด้วยกัน 2 บล็อคด้วยกัน
คือ บล็อคธรรมดา(ไม่มีสายไฟ)
และบล็อคสายไฟ (บางท่านเรียกบล็อคสายฟ้า เท่ห์ดี)คือจะมีเส้นวิ่งสองเส้น จากองค์พระธาตุพนม ลอดผ่านเสาทางด้านขวา ไปเกือบจรดขอบเหรียญ
เขาว่าบล็อคสายฟ้า เป็นบล็อคนิยม เนื่องจากมีน้อย
เหรียญสองพระธาตุนับเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่ที่ออกแบบในรูปเหรียญ
เคยอ่านเจอได้ยินเขาเล่าว่า เหรียญสองพระธาตุนี้ อาจจะนับว่า ที่สุดแล้ว เพราะหลวงปู่ว่า
ไม่มีใครจะมีบารมียิ่งใหญ่เท่าพระธาตุของพระพุทธเจ้าอีกแล้ว
เหรียญรุ่นนี้ มีประสบการณ์ และโด่งดังมานาน ในหมู่นปข ที่ปฏิบัติหน้าที่แถบลุ่มแม่น้ำโขง
ถ้าแขวนเอาพุทธคุณ ไม่ได้เอาไว้อวดอ้างใคร ผมว่า อย่าไปเลือกว่า นิยมไม่นิยม ขอให้แท้ๆ แขวนแล้วอุ่นใจ ปลอดภัยไร้กังวล น่าจะเกินพอแล้ว..

 

ลูกสาวพญานาค
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ฯได้พูดกับหลวงตาทองว่าท่านเดินธุดงค์จากอำเภอนาแก มายังเขตอำเภอธาตุพนมตามลำน้ำก่ำที่ไหลจากสกลนครมายังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดนครพนมและ ไหลลงแม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม หรือที่เรียกกันว่าน้ำก่ำ ในคืนวันนั้นเองหลังจากที่ท่านทำสมาธิไหว้พระ แผ่เมตตาเสร็จท่านก็พักผ่อนและท่านก็ได้นิมิตว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาท่านและพูดคุยเป็นภาษาอีสาน กับหลวงปู่ ฯ เมื่อหลวงปู่เจอเลยถามว่า”โยมมาจากหนใด” หญิงผู้นั้นตอบว่า “มาจากบาดาล” ท่านถามต่อว่า “มาทำไม” หญิงคนนั้นว่า “ตามหาหลวงปู่ฯมานานแล้วต้องการหลวงปู่ฯ” ท่านพูดว่า”ท่านเป็นพระไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมีแต่สบง จีวร ฐบริขาร เอาไปจะมีประโยชน์อะไร” หญิงคนนั้นตอบว่า ”ไม่ต้องการอะไร เมืองข้าน้อย เพชรนิลจินดา ทอ งคำมีมากมายจะเอาเท่าไรก็ได้ อยากจะเอาตัวหลวงปู่ ฯ ” ว่าแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินมากอดรัดปล้ำท่านท่านหนีออกจากอ้อมกอดและหลบหนี เมื่อตื่นขึ้นมาท่านก็ไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิแผ่เมตตาให้ ผู้เขียนถามหลวงตาทองว่า หลวงปู่ฯว่า”สวยไหม ลูกสาวพญานาค” หลวงตาทองบอกว่าหลวงปู่ฯว่า”สวยมาก จมูกโด่ง หน้าคม ผิวสวย” หลวงตาทองพูดว่า “ถ้าสมัยนี้คงสวยเหมือนนางงามหรือนางสาวไทย”

 

ผีแม่ลูกอ่อน
กุฏิวิโรจน์สามัคคี จัดสร้างโดยนายวิโรจน์ อำมรัตน์อดีตผู้ว่าราการจังหวัดนครพนมสร้างถวายหลวงปู่ ฯที่กุฏิแห่งนี้เป็นที่พักของพระที่บวชเรียนประจำวัดธาตุมหาชัยเป็นกุฏิใหญ่มีหลายห้องในแต่ละห้อง จะมีพระภิกษุพักจำพรรษาพักอยู่ พระอาจารย์ปราโมทย์ได้เล่าให้ฟังว่าในคืนหนึ่งหลังจากไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตา ทำสมาธิเสร็จและกำลังจะหลับได้เห็นผีแม่ลูกอ่อนอุ้มลูกเข้ามาในเวลาประมาณ ห้าทุ่มถึงหกทุ่มพระอาจารย์ได้แต่จับตามองแต่กระดุกกระดิกไม่ได้ ผีผู้เป็นแม่นุ่งซิ้นและใส่เสื้อเหมือนผู้หญิงชาวอิสานทั่วไป ส่วนลูกเล็กนั้นดื้อกระโดดไปกระโดดมาใบหน้าผีผู้เป็นแม่ขาวซีด เหมือนไม่มีเลือดมาเรื่อย บางครั้งก็ไปเปิดห้องของพระอาจารย์ปานที่อยู่กุฏิเดียวกัน จนผู้คนที่อยู่ในกุฏินี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในบางครั้งจะมาสองสามคืนติดต่อกันท่านก็พยายาม แผ่เมตตาให้ จากการถามหลวงปู่ฯ ท่านตอบว่าเขามีมาก่อนที่จะมีตั้งวัดธาตุมหาชัย แผ่เมตตาให้แต่ยังไม่ไปผุดไปเกิด พระอาจารย์ปราโมทย์คิดในใจว่าเขาคงสร้างกรรมไว้มากเลย ยังไม่ได้ไปเกิดและอีกอย่างเวลาของพวกผีต่าง ๆยาวนานไม่เหมือนเวลาของมนุษย์

 

เทศน์โจทย์
จากการที่หลวงปู่ฯมีปัญญาเฉียบแหลมเป็นนักศึกษาค้นคว้า มีความรู้ทางด้านคันธธุระ และวิปัสสนาธุระ ท่านได้เจริญรอยตามครู บาอาจารย์คือ เดินธุดงค์และสอนธร รมะให้แก่ประชาชนไปตามแต่จะสงเคราะห์ได้ โดยยกเรื่องราวและตัวอย่างในพระไตรปิฎกมาเปรียบเทียบ ถ้าเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งที่พระธรรมดาตอบไม่ได้ ท่านรู้ท่านตอบได้ด้วยการปฏิบัติจริง รู้จริงเห็นจริง จนเป็นนักเทศน์ฝีปากเอก การเทศน์สมัยก่อนจะมีสองฝ่าย เหมือนมวยชกกันและมีกองเชียร์ พระทั้งสองรูปจะถามตอบกันในเรื่องธรรมะ หลักการปฏิบัติต่าง ๆ จนอีกฝ่ายตอบไม่ได้ก็จะแพ้ บางครั้งถามกันไปมาทั้งคืน หลวงปู่ ฯ ท่านชำนาญในการเทศน์โจทย์จนชื่อเสียงระบือไกลท่านได้เทศน์แข่งขันกับพระนักเทศน์หลายรูปในจังหวัดเดียวกัน และพระนักเทศน์ต่างจังหวัด นอกเหนือจากเทศน์โจทย์แล้วท่านยังเทศน์แบบต่าง ๆ มีสำนวนโวหารที่ไพเราะเพราะพริ้งมาก จนกระทั่งในครั้งหนึ่งหลวงตาทองพูดว่า พญานาคราชที่เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเจ้าเมืองนาคาได้ให้เสนาอำมาตย์มานิมนต์หลวงปู่ฯไปเทศน์ที่ใต้เมืองบาดาล โดยพญานาคราชได้กล่าวกับเสนาว่า “ คำเทศน์คำสอนของหลวงปู่ฯดังกังวานไกรไปถึงสามโลก” หมายถึงโลกมนุษย์สวรรค์และเมืองบาดาล จึงอยากจะนิมนต์ไปเทศน์สอน ในเมืองบาดาล ผู้เขียนได้ถามหลวงตาทองว่าท่านได้ไปไหม หลวงตาตอบว่าไม่ได้ไป ถ้าไปก็คงต้องมรณภาพ แต่ก็เกือบจะได้เดินทางไป เพราะเสนาอำมาตย์เมืองพญานาคเตรียมมารับแล้ว

 

ยันต์มหาปรารถนา
ลายมือหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
หลวงปู่เมตตาเขียนให้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๑

ที่มาของยันต์มหาปรารถนา

เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๑ ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่ที่วัดธาตุมหาชัย ขณะนั้น ถ้าจำไม่ผิดทางวัดกำลังรื้อกุฎิไม้ที่หลวงปู่พักเพื่อสร้างใหม่ เนื่องจากปลวกกัดกินจนใกล้จะพัง หลวงปู่จึงได้ย้ายที่พักไปที่อาคารที่พักพระเถระผู้ใหญ่ (อยู่ด้านหลังอาคารพิพิธภัณฑ์ที่กำลังสร้าง)

วันนั้นมีพระบวชใหม่พรรษาน้อยรูปหนึ่งได้มาบอกขอร้องให้พาไปกราบนมัสการหลวงปู่ด้วยเพราะท่าน มีศรัทธาต่อหลวงปู่อย่างมาก จำได้ว่าวันนั้นน่าจะเป็นเวลาบ่าย 2 โมง ได้ไปขออนุญาตกราบท่าน เป็นเวลาเหมาะที่สุดเพราะหลวงปู่ไม่มีญาติโยมมาพบเลย เณรที่คอยรับใช้หลวงปู่จึงบอกว่าหลวงปู่ให้เข้าไปพบที่ในกุฏิ และขณะนั้นมีนายช่างซ่อมเครื่องบินของกองทัพอากาศพาภรรยามากราบหลวงปู่ครั้งแรกเช่นกัน จึงได้เข้าไปกราบท่านเป็นคณะเดียวกัน

หลวงพี่บวชใหม่ท่านนั้นได้กราบสนทนากับหลวงปู่เรื่องการปฎิบัติธรรมเจริญกรรมฐาน ท่านได้เมตตาอธิบายให้ฟังอย่างไม่เบื่อหน่ายตลอดจนตอบข้อซักถามหลายแง่มุม ก่อนกลับหลวงพี่ได้ถอดลูกประคำหยกและพระเครื่องขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยอธิษฐานจิตให้ด้วย ท่านได้กำลูกประคำและพระเครื่องรวมกับที่ผมได้ถอดจากคอให้ท่านถือไว้ด้วย ท่านเมตตาอธิษฐานจิตอยู่ซักครู่หนึ่งพร้อมกับเป่ารดลงไปแล้วคืนมาให้ และบอกว่า “การให้ปราณคือการให้ชีวิต บางท่านก็ให้ด้วยการรดน้ำมนต์ บางท่านก็ให้ด้วยการเคาะ บางท่านเพียงจ้องมองก็เสร็จแล้ว ”
ข้อมูลทั้งหมด คัดลอกมาจากลิ้งด้านล่างครับ
http://woravit111.blogspot.com/2012_06_01_archive.html

 

ท่านได้สอบถามนายทหารอากาศท่านนั้นว่ามาจากไหน พอทราบว่าเพิ่งมาจากกรุงเทพครั้งแรก ท่านก็ยิ้มอย่างเมตตา ไม่รู้ผมคิดอย่างไรในขณะนั้น ได้กราบขอเมตตาให้ท่านเขียนอะไรให้ลูกหลานด้วย ใจจริงอยากให้ท่านเขียนคำอวยพรให้ แต่ท่านกลับนำสมุดบันทึกของผมไปกางแล้วนำไม้บรรทัดวางทาบลงไปแล้วเขียนยันต์ลงกระดาษ เสร็จแล้วยื่นส่งให้นายทหารท่านนั้น 1 แผ่น แล้วเขียนอีกแผ่นหนึ่งให้กระผม แต่ท่านไม่ได้ลงวันที่ จึงเรียนท่านว่าหลวงปู่ยังไม่ลงวันที่เลย ท่านบอกว่าให้เขียนวันที่เอาเอง เลยได้โอกาสสอบถามที่มาของยันต์นี้ ท่านบอกว่ายันต์นี้มีชื่อว่า “ยันต์สมปรารถนา” ซึ่งลูกศิษย์ส่วนมากมักจะเล่าขานกันว่าเป็น ยันต์มหาปรารถนา ซึ่งก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริง

 

ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้เรียนถามท่านว่ามีประโยชน์อย่างไร ท่านตอบว่ามีประโยชน์มากน้อยคนนักจะได้ ให้เก็บไว้ให้ดีต่อไปจะมีประโยชน์มาก ดีกว่าคำอวยพรอีก

หลังจากกราบลาท่านแล้ววันต่อมาผู้เขียนได้นำมาเข้าเครื่องถ่ายเอกสารจำนวน ๒๐๐ แผ่น นำกลับไปถวายท่าน ท่านบอกว่า ที่นำมานั้นท่านรับไว้ แต่จะไม่แจกให้ญาติโยม เพราะกลัวว่าจะมีคนนำไปทำเป็นการค้า จึงได้กราบเรียนถามที่มาของยันต์ ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้

“หลวงปู่พรหมา อยู่ที่บ้านม่วง ห่างจากบ้านมหาชัยไปทางบ้านนกเหาะ บ้านสีทนประมาณ ๑๐ กม. ท่านนี้มีความสำคัญมาก (ชาวบ้านจะรู้กันในนาม หลวงปู่พรหมา แห่งนครจำปาศักดิ์ ) เป็นคนมาจากทางฝั่งลาว เป็นพระอภิญญา เพราะท่านเดินบิณฑบาตจากบ้านม่วงมาสกลนคร หรือ จาก บ้านม่วงไปธาตุพนม เรณูนคร แล้วกลับมาทันฉันจังหันเช้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

หลังจากหลวงปู่พรหมาละสังขารแล้ว ลูกหลานของท่านได้นำเครื่องอัฐบริขาร เครื่องใช้ต่าง ๆ มาถวายไว้ให้หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ที่วัดธาตุมหาชัย หลวงปู่คำพันธ์ได้พิจารณารับไว้ ในจำนวนสิ่งของนั้น มีแผ่นยันต์ จารลงใบลาน ตอนที่ผู้เขียนถามหลวงปู่ท่านพยายามให้เณรหาดูแต่ไม่พบ เพราะเก็บไว้ดี อาจหลงที่เก็บ ผู้เขียนเลยไม่ได้เห็นแผ่นยันต์นั้นกับตาตัวเอง แต่ได้สอบถามหลวงพ่อทองตอนยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นเณรของหลวงปู่คำพันธ์ ท่านบอกว่าเป็นใบลาน ตอนนี้เก็บรักษาไว้กับ ท่านพระครูสุนทรชยาภิวัฒน์ ( สมัย รกฺขิตธมฺโม ) เจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย

 

หลังจากหลวงปู่พิจารณาแผ่นยันต์นั้นแล้ว ท่านได้บอกกับลูกหลานหลวงปู่พรหมาว่า เป็นของดีนะ ให้เก็บรักษาไว้ให้ดี หลวงปู่ท่านได้คืนผูกแผ่นยันต์ให้ลูกหลานหลวงปู่พรหมา หลังจากนั้นประมาณ 2 – 3 วัน ลูกหลานของหลวงปู่พรหมาได้กลับมาหาหลวงปู่คำพันธ์อีก แล้วได้ถวายยันต์นั้นไว้กับหลวงปู่คำพันธ์ (ผู้เขียนไม่ได้สอบถามว่าเป็นวันเวลา พ.ศ.ใด) แต่ได้ถามว่ายันต์นี้มีชื่อว่า อย่างไร ท่านตอบว่า เป็นยันต์มหาปรารถนา หรือทางไทย เราเรียกว่า ยันต์สมปรารถนา เรื่องนี้มีข้อสังเกตว่า ในภายหลังยันต์นี้อาจเรียกชื่อตาม เหรียญรุ่นมหาปรารถนา และรุ่นสมปรารถนา ที่โด่งดังก็ได้

ภายหลังต่อมาผู้เขียนได้ศึกษายันต์ในใบลานของหลวงปู่จากพระครูสุนทรชยาภิวัฒน์ ทำให้ทราบว่า ตำรายันต์และคาถาอาคมที่กำกับในใบลานนั้นเป็นตำราเก่าแก่ทางลุ่มแม่น้ำโขง (ต้องปูพื้นให้ทราบก่อนว่าอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์นั้นครอบคลุมมาถึงดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด ) ดังนั้น ตัวอักขระในยันต์จึงเป็น อักขระตัวธรรมลาว ซึ่งเป็นของสูง และมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว หลวงปู่บอกว่า เป็นตัวหนังสือพระอรหันต์ ไม่ต้องปลุกเสก

ส่วนยันต์มหาปรารถนา หรือ ยันต์สมปรารถนา ชื่อเดิมในภาษาลาวว่า ยันต์ไขคำปาก หมายถึงพูดสิ่งใดแล้วได้สิ่งนั้นประหนึ่งคำพูดนั้นเป็นวาจาสิทธิ์ สมดั่งใจปรารถนา ลูกศิษย์ของหลวงปู่ในนครพนมจึงตั้งชื่อว่า ยันต์สมปรารถนา หรือ ยันต์มหาปรารถนา
***ปล.ขออนุญาตเจ้าของบทความนี้ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ***

 

กราบหลวงปู่คำพันธ์ครับ _/\_

 

พิธีสร้างดี เจตนาดี มวลสารดี ย่อมดีพร้อมสำหรับลูกศิษย์ทุกคน นี่คงเป็นสิ่งที่หลวงปู่ท่านเมตตาและปรารถนาที่จะให้ทุกคนได้รับ ......
พระสมเด็จเจริญลาภ รุ่นแรก เป็นวัตถุมงคลอีกรุ่นหนึ่ง ที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านได้เมตตาปลุกเสกเอาไว้ให้ลูกศิษย์ทุกคนมีไว้ใช้กัน พระสมเด็จรุ่นนี้ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๓ ณ อุโบสถวัดธาตุมหาชัย โดยหลวงปู่คำพันธ์และพระเกจิอาจารย์ทั่วภาคอีสาน วัตถุประสงค์เพื่อตั้งกองทุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และกองทุนวิปัสสนากรรมฐาน วัดเวินพระบาทภูกระแต ตำบลนาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม
มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ทำพระสมเด็จเจริญลาภ รุ่นแรก
- ผงอิฐ ๒๐๐๐ ปี พระธาตุพนม
- ผงเกสร ๑๐๘ ของวัดพระธาตุพนม
- ผงธูปไหว้พระธาตุพนม
- เกศาหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปญโญ
- ผงว่าน ๑๐๘ จากหลวงปู่คำสิงห์ ภูงัว
- ผงไม้รักซ้อน
- ผงไม้รักยม
- ผงไม้จันทร์หอม
- ผงไม้กาหลง-สาวหลง
ซึ่งประสบการณ์จากผู้ที่นำไปใช้ต่างยอมรับว่าพระสมเด็จเจริญลาภนี้มีพุทธคุณด้านเมตตา โชคลาภ สูงมาก

 

พระของหลวงปู่ที่พอมีอยู่บ้าง

 

เหรียญหล่อหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ รุ่นปฐวีธาตุ เทโบราณ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒



วัตถุมงคล "รุ่นปฐวีธาตุ" หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ประกอบพิธีเมื่อ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน12 ปี 2545 เวลา 9:00 น. โดยหลวงปู่คำพันธ์ เป็นประธานในพิธี เทพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง รูปเหมือนหลวงปู่มั่น รูปเหมือนหลวงปู่คำพันธ์ และเหรียญหล่อโบราณรุ่นแรก ตามพิธีกรรมทุกขั้นตอนครับ โดยวัตถุมงคลรุ่นนี้มีดังนี้คือ (1.พระกริ่งปฐวีธาตุ เทหล่อโบราณเนื้อนวะโลหะพิเศษเต็มสูตรตอกโค๊ต 3 โค๊ต และตอกหมายเลข ใต้ฐานบรรจุ มวลสารผงพุทธคุณ ตะกรุดหนุนธาตุ 3 ดอก เม็ดปฐวีธาตุและเส้นเกศาหลวงปู่ จัดสร้างจำนวน 108 องค์ และพระชัยวัฒน์เนื้อนวะผิวเดิม ตอกโค๊ตและหมายเลข ทั้ง 108 องค์) (2.พระกริ่งปฐวีธาตุ เนื้อชนวนนวะเต็มสูตร ตอกโค๊ต 2 โค๊ต และตอกหมายเลข ใต้ฐานบรรจุ มวลสารผงพุทธคุณ ตะกรุดเงินหนุนธาตุ 1 ดอก เม็ดปฐวีธาตุและเส้นเกศาหลวงปู่ จัดสร้างจำนวน 299 องค์) (3.พระกริ่งปฐวีธาตุ เนื้อทองชนวนพระธาตุ ตอกโค๊ต 1 โค๊ต และตอกหมายเลข ใต้ฐานบรรจุมวลสารผงพุทธคุณเม็ดปฐวีธาตุและเส้นเกศาหลวงปู่ จัดสร้างจำนวน 499 องค์) (4.รูปเหมือนหล่อโบราณหลวงปู่มั่น มีเนื้อ นวะแก่ทอง , เนื้อเงิน ,เนื้อนวะผิวไฟ ,นวะปัดผิว , และเนื้อชนวนพระธาตุผิวเดิม) (5.รูปเหมือนหล่อโบราณหลวงปู่คำพันธ์ มีเนื้อ นวะแก่ทอง , เนื้อเงิน ,เนื้อนวะผิวไฟ ,นวะปัดผิว ,นวะผิวเดิม และเนื้อชนวนพระธาตุผิวเดิม) (6.เหรียญหล่อโบราณ มีเนื้อนวะ ,เนื้อเงิน ,นวะผิวไฟ ,นวะปัดผิว และเนื้อชนวนพระธาตุผิวเดิม) (ล๊อกเกตฉากทอง ด้านหลังฝังผงว่านพุทธคุณ ชานหมาก เม็ดปฐวีธาตุ เส้นเกศา ตะกรุดทองคำ สร้าง จำนวน 89 องค์ เท่าอายุหลวงปู่) (ล๊อกเกตฉากฟ้าและฉากขาว ด้านหลังฝังผงว่านพุทธคุณ ชานหมาก เม็ดปฐวีธาตุ ตะกรุดเงิน ) รายนามพระเกจิที่ร่วมปลุกเสกอธิษฐานจิตเดี่ยวมีดังนี้ -หลวงปู่จันทร์ อายุ 106 ปี วัดป่าข่อย สุโขทัย , -หลวงปู่เกลี้ยง อายุ 95 ปี วัดโนนเกด ศรีสะเกษ , -หลวงปู่เครื่อง อายุ 94 ปี วัดสระกำแพงใหญ่ ศรีสระเกษ ,-หลวงปู่ญาท่านสวน อายุ 93 ปี วัดนาอุดม อุบลราชธานี ,-หลวงปู่เจียม อายุ 93 ปี วัดอินทราสุการาม สุรินทร์ ,-หลวงปู่นนท์ อายุ 92 ปี วัดเหนือวน ราชบุรี ,-หลวงปู่จ้อย อายุ 90 ปี วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ ,-หลวงปู่ธรรมรังสี อายุ 84 ปี วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน สุรินทร์ ,-หลวงปู่สอ อายุ83 ปี วัดป่าบ้านหนองแสง ยโสธร ,-หลวงปู่โถม อายุ 82 ปี วัดธรรมปัญญาราม สุโขทัย ,-หลวงปู่พวง อายุ 78 ปี วัดศรีธรรมาราม ยโสธร ,-หลวงปู่สรวง อายุ 76 ปี วัดศรีฐาตโน ยโสธร ,-หลวงปู่อวน อายุ 75 ปี วัดจันทิยาราม นครพนม และหลวงปู่คำพันธ์ อายุ 89 ปี วัดธาตุมหาชัย นครพนม เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวครั้งสุดท้าย

 

ขอถามหน่อยครับว่าใช่หลวงปู่พรหมมา เขมะจาโร วัดสวนหินผานางคอยหรือไม่

 

ขอตอบแทนละกันครับ..
ผมว่าน่าจะเป็นคนละรูปกันครับ
เพราะตามประวัติของหลวงปู่คำพันธ์ ที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่พรหมานั้น
น่าจะอยู่ในช่วงที่หลวงปู่ ศึกษายันต์มหาปราถนา ฯ
เเละเมื่อพิจารณา ตามนี้ หลวงปู่พรหมา ก็คงจะมรณะภาพ ล่วง หลายสิบปีแล้วครับ
ส่วนหลวงปู่พรหมา ผาหินนางคอย ท่านก็ไม่ได้สร้างวัตถุมงคล เกี่ยวกับยันต์มหาปราถนาแต่อย่างใด อีกอย่างคือ ตามประวัติหลวงปู่ผาหินนางคอย ก็พึ่งจะมรณภาพเมื่อ ปี 45 สิบปีที่ผ่านมานี้เองครับ.

 

******ล็อคเก็ต จันทร์เพ็ญ ฉากฟ้า******
ด้านหลังบรรจุมวลสาร ตะกรุด เกศา ชานหมาก และปฐวีธาตุ

 

ห่างหายไปนาน...เดี๋ยวว่าง ๆ จะนำข้อมูลของหลวงปู่มาให้อ่านกันนะครับ

 

ไม่ทราบว่าล๊อคเก็ตหลวงปู่รุ่นนี้ค่าบูชาเท่าไร่ครับ

 

กราบพระรัตนตรัย

กราบหลวงปู่คำพันธ์

อรุณสวัสดิ์เช้าวันพฤหัสครับทุก ๆ ท่าน

 

กราบ กราบ กราบ
ระลึกถึงหลวงปู่คำพันธ์ _/\_ _/\_ _/\_

หลังจากรู้จักหลวงปู่จากตัวอักษร เพราะไม่ทันท่าน ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษาและลองปฎิบัติครับจนทุกวันนี้ ^^
โชคยังดีที่ได้รู้จักท่าน......

หลวง ปู่ให้โอวาทเพื่อเพิ่มเติมแสงตะเกียง แต่หลวงปู่แก้ให้ไม่ได้ พวกท่านต้องแก้เอง พระพุทธองค์ท่านบอกทางแล้วก็แก้เอง เดินเอง บอกแล้วไม่แก้ไม่เดินก็เป็นเรื่องของคนๆ นั้น...
​