พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้างั้น...ท่านกวีเทพ คงเป็นสีเทานิ เพราะขาว+ดำ รับไปเลยสองตำแหน่ง คริคริ
     
  2. นู๋ฝัน

    นู๋ฝัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +56
    เผื่อนู๋ฝันด้วยนะคร๊า(kiss)
     
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ตราบใดที่ยังมีนิทานมาเล่าสู่ฟัง ก็ยังพอมีคุณค่าอยู่บ้าง...

    แต่ถ้าวันใดไร้เรื่องราว คงหมดความหมายสินะ!

    เสียใจ๑๐.gif
     
  4. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    แล้วตกลง เหมียวน้อย เป็นอะไรกันจ๊ะ แล้วมีหน้าที่อะไรเอ่ย น่ารักแบบนี้ คงมีหน้าที่สำคุญสินะ ^^​
     
  5. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    เป็นกัปตัน 5555 ล้อเล่นน๊า ยกมือแล้วบอกว่าเค้าก้ออยากรู้คร๊า
     
  6. yui_61

    yui_61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +1,285
    เหมียวน้อยอย่าน้อยใจไปเลยนะ เหมียวน้อยยังมีความสำคัญอยู่เสมอจร้า
    เป็นเพื่อนคนสำคัญของทุกคนไงจ๊ะ

    fairy3
     
  7. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    สนับสนุนอีกแรงจร้า...
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขณะนี้ อากาศเยือกเย็นจับขั้วหัวจายมากๆๆๆๆๆ เพราะฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้
    ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคน

    ไปเห็นภาพแล้วชอบก็เลยเอามาฝาก พร้่อมตำนานเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับฝน

    ใน "วรรณคดีเฉลิมไตรภพ" กล่าวถึงเมขลารามสูรนี้ ว่า มี "พระยามังกรการ" ตนหนึ่งอมแก้วไว้เสมอ จะไปไหนก็เอาดวงแก้วทูนศีรษะไว้

    มังกรการได้แปลงเป็นเทวดาไปสมสู่กับนางฟ้ามีบุตรีชื่อ "เมขลา" เมื่อเจริญวัยขึ้นมีความงามยิ่ง มังกรการได้นำบุตรีและดวงแก้วไปมอบแก่ "พระอิศวร"

    ครั้งหนึ่งเมขลาได้ขโมยดวงแก้ววิเศษนั้นไป "ราหู" ผู้มีครึ่งตัวเพราะถูกจักรพระนารายณ์ "สุทรรศนะ" เมื่อครั้งแปลงร่างเป็นเทวดาไปดื่มน้ำอมฤต ได้อาสาไปจับเมขลา และได้ชวน "รามสูร" ผู้เพื่อนไปด้วย รามสูรได้ขว้างขวานจนกลายเป็นฟ้าลั่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Upson

    Upson Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +94
    ตอนนี้ตามอ่านมา 40 กว่าหน้าแล้ววว เรื่องราวหลากหลายมากมายเลย ค่ะ...
     
  10. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    มาๆ เดี๋ยวปาดน้ำตาให้ค่ะ 555+
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ร๊ากกกกกกก...ร๊ากกกกกเธอทั้งหมดของหัวจายยยย
    สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน...เธอได้ยินไหม...คนดี:cool:
     
  12. dirtygirl

    dirtygirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +1,351
    โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องให้ เค้ายังเป็นแฟนคลับอยู่น๊า ^^
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนานผีอี่ฮุง (รุ้งกินน้ำ) จากล้านนา

    ยามใดที่มีฝนตกและดวงตะวันสาดแสงส่องอยู่ด้านตรงกันข้าม "ผีอี่ฮุง" จะลงมากินน้ำ บางครั้งซ้อนกันสองตัว บางทีซ้อนกันสามตัวแล้วแต่โอกาส ผีอี่ฮุงที่เปล่งแสงอันงดงามอยู่ตรงกันข้ามกับดวงตะวัน ทำให้ลำตัวยาวเกิดสีเจ็ดสีแสงสวยสด ยิ่งผืนสายฝนหนาเท่าใด ยิ่งทำให้สีลำตัวผีอี่ฮุงแจ่มชัด หากผืนสายฝนกว้างมากเท่าใดผีอี่ฮุงจะซ้อนกันสองตัว สามตัวพากันลงมากินน้ำ ตามทุ่งนาบ้าง ตามแม่น้ำบ้าง หรือตามผืนป่าบ้าง

    ยิ่งมีผีอี่ฮุงลงมากินน้ำหลายตัว ผู้คนบางท้องถิ่นบอกกล่าวกันว่า ระวังน้ำจะท่วม ผู้คนที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำห้วยต้องระวัง

    ชาวล้านนาหลายแห่งเชื่อกันว่าเมื่อผีอี่ฮุงลงมากินน้ำจะทำให้น้ำท่าบริบูรณ์ แต่ผู้คนหลายๆหมู่บ้านก็ยังเชื่อกันอีกว่าห้ามชี้มือไปยังผีอี่ฮุงเพราะ เชื่อว่าจะทำให้นิ้วที่ชี้จะด้วนกุด

    นอกจากบริเวณที่เกิดผีอี่ฮุงแล้ว สายฝนอาจไปตกตามท้องทุ่ง หรือตกในที่อื่นๆใกล้กับสถานที่ผีอี่ฮุงกินน้ำผู้คนทั่วไปบอกกันว่า "เยี่ยวผีอี่ฮุง" เป็นลักษณะสายฝนตกปรอยๆไม่ตกหนักหรือเป็นห่าเหมือนฝนทั่วๆไป ผู้ใหญ่มักเตือนเด็กๆว่า "อย่าไปตากฝนเยี่ยวผีอี่ฮุง มันจะเป็นไข้หวัด" บางครั้งผีอี่ฮุงบางตัวมีแต่หัวโค้งลงมาเพียงครึ่งวงกลม ลำตัวส่วนโค้งบนขาดหาย

    ผู้คนเรียกกันว่า "ผีอี่ฮุงตั๋วกุ้ด" (ตัวด้วน) หากเกิดปรากฏการณ์อย่างนี้ผู้คนบางท้องถิ่นมีความเชื่อว่าระวังฝนจะห่าง (ฝนทิ้งช่วง) เรื่องผีอี่ฮุงเป็นความเชื่อเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของผู้คนล้านนา ที่ผู้คนทั่วๆไปเรียกกันว่า "รุ้งกินน้ำ" นั่นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • rainbow.jpg
      rainbow.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.9 KB
      เปิดดู:
      49
  14. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229


    ส่งที่อยู่มาหลังไมค์ได้เลยจ้าน้องสาว.. ทั้งสองคนค่ะ
     
  15. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229

    ท่าน กวีเทพค่ะ ..มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไปค่ะ ....

    คอนเฟิร์ม
     
  16. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    ที่นี่แดดจ้า ฟ้าใสมากเลยค่ะพี่นุ๊ก ...
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดใต้ กับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
    เป็นตำนานคู่บ้านคู่เมือง เกิดฝนฟ้าคะนอง 7 วัน 7 คืน….

    วัดใต้ หรือที่ชาวอุบลฯ มักเรียกว่า วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลฯ จังหวัดอุบลราชธานี มีเนื้อที่ 9 ไร่ อยู่ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำมูล (ตรงข้ามกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อุบลฯ) สร้างเมื่อ พ.ศ.2373 ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมา วัดใต้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ” เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปเก่าแก่ นามว่า “พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ” ซึ่งมีตำนานตามที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ขณะหล่อและอัญเชิญ พระเจ้าองค์ตื้อ มาประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดใต้นั้น ได้เกิดฝนฟ้าคะนองนานถึง 7 วัน 7 คืน ซึ่งชาวอุบลฯ เชื่อว่า เป็นอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ ของ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ

    พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นเนื้อทองเก้าสัมฤทธิ์ปางวิชัย หน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูง 85 นิ้ว (รวมฐาน) ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่งดงามในประเทศไทยและภาคอีสาน เป็นพระประธานองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ สร้างขึ้นในสมัยที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ครองนครเวียงจันทร์ ตามประวัติ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มีอยู่ 5 องค์ อยู่ในประเทศไทย 4 องค์ ได้แก่ พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดใต้ ในเมืองอุบลราชธานี พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดปากแซง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดสีชมพู อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ที่ประเทศลาว อีก 1 องค์ ซึ่งเป็นรูปลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ตามสันนิฐานว่า คงเป็นช่างสมัยเดียวกัน

    พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ที่วัดใต้ ในเมืองอุบลราชธานี เดิมทีประดิษฐานอยู่บนแท่นพระอุโบสถหลังเก่า ฐานรองรับสูง 70 เซนติเมตร สร้างแบบง่ายๆ ภายหลัง อุโบสถหลังเก่าทรุดโทรม พระเจ้าองค์ตื้อจึงอยู่กลางแจ้ง ตากแดด ตากฝนเป็นเวลานาน ทำให้องค์พระพุทธรูปองค์ตื้อมีรอยแตกเป็นสะเก็ดออกมา ผู้เฒ่าผู้แก่สมัยปู่ย่าตาทวดได้บอกเล่าสืบต่อกันมาว่า พระพุทธรูปองค์ตื้อนี้ได้ถูกหุ้มห่อทาปอมพอกเอาไว้ พอกด้วยเปลือกไม้ ยางบด ผสมผงอิฐเจ และทองคำ เงิน นาก สัมฤทธิ์ รางกาชาดซะพอก ให้น้ำเกลี้ยง น้ำชาดผสมทาปอมพอก แล้วลงรักปิดทองที่เข้าเมืองอุบลราชธานี และเถราจารย์ในสมัยนั้น เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ ซึ่งองค์พระพุทธรูปเป็นทองแท้สัมฤทธิ์กลัวว่าจะถูกข้าศึกศัตรูขนเอาไป จึงได้ทาปอมพอกปิดเอาไว้ และปล่อยทิ้งเป็นวัดร้างนานถึง 200 ปี

    ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2507-2508 ครั้งนั้น พระภิกษุสวัสดิ์ ทสฺสนีโย ราชาคณะชั้นราช ที่พระราชธรรมโกศล เป็นเจ้าอาวาสวัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ รูปที่ 13 และเป็นเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธ) ได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น นำพระภิกษุ-สามเณร ทายก-ทายิกา และชาวบ้านชุมชนใกล้วัด ก่อสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2519 เมื่อสร้างฐานแท่นพระพุทธรูปพระประธานเสร็จจึงได้ยกพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อขึ้น ประดิษฐานที่แท่นจนถึงปัจจุบันนี้ รวมอายุองค์พระประมาณ 225 ปี

    ภายในพระอุโบสถของวัดใต้ นอกจากจะมีพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อแล้ว ยังมีพระพุทธรูปปางยืนห้ามสมุทร 4 องค์ และพระพุทธรูปเจตมนเพลิง องค์ตื้อ (สีดำสนิท) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ และทุกวันที่ 1-5 มีนาคม ของทุกปี ทางวัดใต้จะจัดให้มีงานเทศกาลอัญเชิญพระพุทธรูปเจตมุนเพลิงองค์ตื้อ เพื่อให้ประชาชนได้นมัสการสรงน้ำตลอด 5 วัน 5 คืน และฝาผนังของพระอุโบสถยังมีภาพวาดเขียนพุทธประวัติและพระเจ้าสิบชาติ ภาพรูปเหมือนอดีตพระบูรพาจารย์ และประวัติศาสตร์ของเมืองอุบลฯ ได้บันทึกของเก่าไว้ว่า ปูชนียวัตถุสถานสำคัญ 3 วัดของเมืองอุบลราชธานี คือ พระบทม์ อยู่วัดกลาง พระปาง (พระปางห้ามสมุทร) อยู่วัดใต้ และ หอไตรอยู่วัดทุ่งศรีเมือง

    นอกจากนี้ วัดใต้ ยังเป็น วัดบูรพาจารย์ ทางฝ่ายวิปัสสนาธุระในอดีตพำนักในการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐาน โดยบูรพาจารย์ทางฝ่ายวิปัสสนาธุระในอดีตที่เคยพำนัก เช่น พระอุปัชฌาย์สีทา ชยเสโน พระอาจารย์เสาร์ กนตสีโล และท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนโท จันทร์) เป็นต้น ซึ่งบูรพาจารย์ทุกท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ เป็นศาสนทายาทเผยแผ่สัจจะธรรมในพระพุทธศาสนา จนเป็นที่รู้จักเลื่องลือในพระเกียรติคุณของบูรพาจารย์ มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    รีบส่งไปทันทีค่ะ ขอบคุณพี่รั้งมาก-มากที่เมตตาคะ
     
  19. นู๋ฝัน

    นู๋ฝัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +56
    พี่รั้งขา...เผื่อนู๋ฝันด้วยได้ไหมค่ะนู๋ฝันก้ออยากได้อ่ะค่ะ(kiss)
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จำเรื่องโดนของ ของหลวงพี่เราได้หรือเปล่าหนอ ท่านไปเอาของออกรอบที่ 2 เรียบร้อยแล้ว อยากอ่านกันไหมหนอ..? รอบนี้น่ากลัวกว่ารอบแรกอีกน้า..าา
     

แชร์หน้านี้

Loading...