เมื่อผมถูกให้ออกจากงานเพราะเล่นเว็บพลังจิต...

ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม ๒


๓ธุรกิจการธนาคารธนาคารฟื้นตัวได้หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งด้วย
กลยุทธ์ผสมผสานของส่วนคือการเก็บค่าบริการและการออกบัตรเครดิต
สำหรับการเก็บค่าบริการไม่มีปัญหาเพราะลูกค้ารับแทนแต่การแข่งขันกัน
ออกบัตรเครดิตจนไม่พิจารณาคุณภาพลูกค้าให้ดีกำลังจะเป็นปัญหาต่อไป
รัฐบาลไม่ได้ไวต่อการแข่งขันนี้จึงไม่ได้เข้าควบคุมจนเกิดปัญหาในที่สุด

๔ธุรกิจส่งออกนับว่าจับตาดูยากกว่าในประเทศแต่ก็ยังสามารถจับตาดูที่
ทิศทางการไหลของเงินทุนทั่วโลกได้นับแต่นักลงทุนพุ่งหาตลาดใหม่ที่จีน
แต่เกิดปัญหากฎหมายจีนกีดกันทางการค้าเวียดนามก็กลายเป็นดาวรุ่งทันที
แต่สาธารณูปโภคไม่พร้อมปัจจุบันต่างชาติเริ่มถอนทุนทิ้งเช่นธุรกิจสิ่งทอ
โรงงานไทยสินไม่เพียงเท่านี้ยังมีอีกมากในอนาคตที่กำลังจะถอนทุนทิ้ง

 

ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม ๓

๕ ธุรกิจน้ำมัน แต่เดิมปริมาณปั้มน้ำมันมีเพียงพอต่อการทำกำไร ไม่กี่ปีมา
นี้ ปิโตรนัส เข้ามาทำตลาดในไทยเพื่อครองส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย อย่าลืม
ว่าธุรกิจที่ลงทุนหนักจำต้องมีจำนวนคู่แข่งน้อย หากมีจำนวนมากเมื่อไรนั่น
หมายถึงตัวป้องกันในประเทศเราอ่อนแอ ผิดตามหลักการของ Michael E.
Porter อีกทั้ง ปัญหาต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ไม่อาจเพิ่มราคาขายปลีกได้มาก
เพราะยอดขายปรับลดทันทีแทนที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเหลือยืดหยุ่นบ้าง

๖ ธุรกิจบันเทิง ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ปัญหาหลักที่ทำให้ลูกค้าหัน
ไปซื้อของปลอม เพราะการปลอมนักร้องดี เช่น เพชรน้ำเอก (เพลงอำมตะ)
กลับไม่มีคนซื้อ แสดงว่าลูกค้าจะซื้อเมื่อเห็นคุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่ดูแต่ราคา
แกรมมี่กำลังจะล้มละลาย เขาดิ้นรนทำธุรกิจใหม่ๆ แต่ไม่ได้ผล ขอให้ดูด้วย

 

ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม๔


๗ ธุรกิจค้าปลีกเติบโตเต็มที่เมื่อร้านสะดวกซื้อขยายทั่วประเทศ(เซเว่นฯ)
จากนั้นห้างสรรพสินค้าก็ปรับปรุงทุ่มเงินมากมายในปีก่อนๆเพื่อสร้างศูนย์
กลางแฟชั่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้การลงทุนมากมายของสยามพารา
กอนจะตกอยู่ในภาวะสยามพังลงก่อนหรือต้องพังลงก่อนสยามเมื่อปีนี้
ยอดลูกค้าซื้อสินค้าในห้างลดลงบ้างกลัวระเบิดห้างบ้างกลัวไม่มีเงินเก็บ
การลงทุนนี้จำต้องเป็นหนี้มากขนาดไหนหากกำไรหมุนเวียนไม่พอก็เจ๊ง

๘ ธุรกิจท่องเที่ยวปีนี้มีปัจจัยลบมากมายส่งผลให้นักท่องเที่ยวชะงักและ
ยกเลิกทัวร์ในบางทัวร์รัฐบาลนั่งบนหอคอยงาช้างดูตัวเลขที่กระทรวงการ
ท่องเที่ยวMake หลอกแต่ธุรกิจที่ทำงานจริงกลับประสบภาวะตกต่ำหนัก

 

ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม๕



๙ ธุรกิจขนส่งปัญหารถเมล์,แท็กซี่,รถตู้,มอไซต์ฯลฯแย่งลูกค้ากันด้วย
คนต่างจังหวัดเข้ามาเช่ารถรับจ้างแข่งขันจนล้นตลาดเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
ยอดขายมีเท่าเดิมแต่คู่แข่งแย่งกันมากมายจึงไม่อาจกำไรได้ปัจจุบันรถตู้
เริ่มเข้ามาแทรกเป็นมาเฟียแทนจุดจอดรถบัสทำให้รถบัสจอดลำบากจน
ผู้โดยสารประสบอุบัติเหตุมากขึ้นส่งผลความเครียดบนทางจราจรมากขึ้น

๑๐ การเกษตรปัญหาการขาดทุนเรื้องรังจนหนี้ระดับรากหญ้าท่วมขึ้นจาก
หนี้ในท้องถิ่นจนเมื่อรัฐบาลที่แล้วเปิดหนี้เสรีจึงเป็นหนี้เชื่อมโยงจากท้อง
ถิ่นถึงระดับรัฐบาลปัจจุบันลูกหลานชาวนาไม่ได้ถูกสอนให้ทำนาจึงออก
ไปหางานเป็นแรงงานในกรุงเมื่อชาวนารุ่นนี้ตายราคาข้าวจะพุ่งจนคนกรุง
ซื้อไม่ไหวเพราะไม่มีชาวนาทำนา(จนตายหมดเหลือจากตายหนีเข้ากรุง)

 

ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม ๖

๑๑ สุขภาพการเอาใจประชาชนโดยโครงการสามสิบบาทแต่กลับไม่ช่วย
โรงพยาบาททำให้ต้นทุนเพิ่มคุณภาพการรักษาลดลงจนคนไม่ไว้ใจหมอ
อย่าผลักภาระให้โรงพยาบาลและหมอ โดยไม่ช่วยสนับสนุนเงินเลย แล้ว
เอาหน้าเอาผลงานไปกิน การออกคำสั่งให้คนอื่นทำงานโดยตนเองไม่ต้อง
ทำอะไรนั้น ใครก็ทำได้ แต่คงไม่เรียกเป็นผลงานของรัฐบาลแน่นอน

๑๒ การศึกษาเริ่มขยายตัวเป็นธุรกิจจากระดับมัธยมศึกษาแข่งขันกันสอบ
เข้ามหาวิทยาลัยจนทำให้สถานบันกวดวิชาร่ำรวยมากมายแล้วขยายไปยัง
กลุ่มมหาวิยาลัยที่ทำงานแล้วไม่สู้งานอยากเป็นผู้บริหารง่ายเร็วลัดจึงพึ่งพา
ปริญญาโทและเอกต่างประเทศอัพเกรดตัวเองในสายตาผู้บริหารต่างชาติที่
เชื่อดีกรีปริญญาเมืองนอกปัจจุบันการแข่งขันทำให้คุณภาพการศึกษาลดลง
ผลิตบัณฑิตมุ่งเงินและความเด่นดังแต่ไร้คุณธรรมเด็กจุฬาฯธรรมศาสตร์
แย่งกันเป็นดาราถึงขนาดแต่งตัวโป๊ออกงานให้ตัวเองดังโดยไม่รู้จริยธรรม

 

ปัญหาด้านการแข่งขันทางการตลาดมากเกินสมดุล


การแข่งขันกันเอาใจลูกค้าอย่างไร้ขีดจำกัดและไม่ดูต้นทุนทำให้ธุรกิจทั้ง
หมดต้องได้รับผลกระทบจริงอยู่การแข่งขันในระดับพอดีเป็นเครื่องช่วย
กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการเพิ่มความหลากหลายสินค้าและ
ทำให้ธุรกิจเห็นจุดบกพร่องตนเองก็จะพัฒนาได้แต่การแข่งขันมากเกินพอ
ดีเช่นการลดราคาต่ำกว่ากำไรที่จะอยู่รอดได้ส่งผลกระทบกระเทือนทั้ง
ธุรกิจ(แต่หากขาดการแข่งขันเสรีตลาดจะซบเซาเติบโตช้าและลูกค้าหัน
ไปสู่ตลาดอื่นได้)ดังนั้นการแข่งขันที่พอดีคือเปิดเสรีในช่วงแรกจากนั้น
คอยระมัดระวังตรวจดูการกระทำหรือการแข่งขันใดๆที่ส่งผลร้ายต่อตลาด
รวมเช่นนี้สังคมจึงอยู่รอดได้เพราะธุรกิจอยู่รอดและลูกค้าพึงพอใจ

 

Customer oriented การตลาดที่ผิดทาง


นักการตลาดปัจจุบันไม่คิดที่จะเป็นผู้นำตลาด ไม่คิดจะนำทางและวางแผน
พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อจะได้ควบคุมตลาดให้เป็นไปตามความต้องการและ
สอดคล้องกับนโยบายบริษัท มัวเอาแต่คาดเดาใจเจ้านาย เดาใจลูกค้าว่าต้อง
การอะไรก็จะทำให้ตามใจ แบบนี้เรียกการตลาดแบบลูกค้าเป็นใหญ่ หรือที่
เรียกว่า Customer oriented นั่นเอง การตลาดแบบนี้ ในอเมริกานานมาแล้ว
ในยุคที่สินค้าล้นตลาดจนต้องระบายด้วยการขายตรงและเอาอกเอาใจลูกค้า
แข่งขันกันจนล้มละลายระเนระนาดไป ผู้รู้ทางการตลาดคือ Phillip ได้เสนอ
แนวทางการตลาดเพื่อสังคม คือ มองที่สังคมเป็นหลัก ไม่ใช่มองแต่จะเอาใจ
ลูกค้าเป็นหลัก คือ แนวทางที่ทุกธุรกิจจะมองภาพรวมแล้วอยู่รอดร่วมกันได้

 

สภาพปัญหาของธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบัน


โครงสร้างทางการเงินของธุรกิจในประเทศไทยมีเสถียรภาพต่ำมากง่ายต่อ
การถูกฟ้องล้มละลายสาเหตุแรกมาจากการใช้หนี้จากนอกประเทศเข้ามา
สร้างธุรกิจเริ่มต้นแต่เมื่อนำหนี้มาแล้วจำต้องพิจารณาว่าสร้างกำไรที่คุ้มค่า
กับหนี้และดอกเบี้ยในระยะยาวหรือไม่?และเงินสำรองหมุนเวียนระยะสั้น
พอใช้เมื่อยอดขายตกโดยไม่คาดฝันหรือไม่?สองประการนี้ถ้าไม่ได้รับการ
วางแผนล่วงหน้ามาดีทำให้เป็นสาเหตุให้ต้องถูกฟ้องล้มละลายการตลาด
จำต้องมีตัวเลขดัชนีชี้นำที่คอยติดตามดูว่าหากตัวเลขดัชนีนี้เปลี่ยนเมื่อใด
สถานการณ์การตลาดในอนาคตจะแย่ลงแน่จำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้
ทันการณ์ทว่าระบบป้องกันของนักธุรกิจไทยอ่อนแอมากจึงล้มละลายง่าย

 

กระบวนการตลาดที่สมดุล

๑นักการตลาดมีหน้าที่จัดการตลาดแต่ถ้าหากถูกตลาดจัดการเช่นตลาดต้องการให้ลดราคาตนเองก็ต้องลดตามอย่างนั้นใครก็ทำได้ให้ฆร่าทิ้งอย่าจ้างให้เปลืองข้าวสุกเพราะไม่ช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้

๒นักการตลาดที่ดีไม่ใช่พูดฉอเลาะเก่งนำเสนอได้เคลิบเคลิ้มแต่ต้องพูดความจริงอันเป็นประโยชน์ได้จริงแม้นว่าขัดใจหัวหน้าก็ต้องพูดเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวมและต้องเป็นผู้ควบคุมตลาดได้องค์กรจึงรอด

๓การแข่งขันทำให้มีการตรวจวัดพัฒนาตนเองผ่านสายตาคนดูคือลูกค้าได้สิ่งใหม่ๆราคาถูกลงแต่เมื่อแข่งขันมากเกินไปก็กลายเป็นทำลาย

๔ต้องมีการควบคุมคุณภาพและลดต้นทุนแต่ละกระบวนการโดยไม่ต้องผลิตแบบใหม่มากจนล้นตลาดลูกค้ามีความพอดีเพราะนักการตลาดคุมได้การแข่งขันไม่มากเกินไปไม่ทำร้ายกันเองกฎหมายเข้ามาดูแล

 

กระบวนการบริโภคที่สมดุล


๑ลูกค้าคิดว่าต้องการของถูกที่สุดดีที่สุดหลากหลายที่สุดเป็นจุดที่ทำลายธุรกิจทำให้บริษัทล่มจมและคนตกงานสุดท้ายกระทบต่อตัวลูกค้าเองทั้งระบบจึงไม่เป็นผลดีแต่อย่างใดเป็นเพียงวงจรกรรมอุบาทว์

๒ลูกค้าเอาแต่ใจตัวเองธุรกิจก็เลี้ยงลูกค้าตามใจไม่มีใครมองดูความเป็นจริงของการอยู่รอดกันทั้งสองฝ่ายบำรุงบำเรอตามใจไม่มีใครห้ามหรือทักท้วงและนำทางสู่ทางสายกลางที่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันได้แบบนี้หายนะ

๓เลิกแนวคิดการตลาดแบบCustomer oriented ปรับเป็น Social oriented ซึ่ง Phillip Kotlerปรามาจารย์ทางการตลาดก็เคยได้เสนอไว้นานแล้วแต่ไม่มีผู้สนใจเพราะมัวแต่คิดว่าต้องแข่งขันเอาชนะกันแย่งยอดขายคืนมา

๔ลูกค้าถูกกระตุ้นด้วยโฆษณา-บริโภคนิยม-วัตถุนิยมมากไม่ดีต่อสังคมควรปรับตัวสู่ความพอดีทั้งระบบทั้งผู้ขายและลูกค้าจะได้เลิกจนทั้งคู่

 

ปัญหาการถูกผูกขาดกระบวนการภายใน


จำต้องเข้าใจก่อนว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น,ตลาดหดตัว,เงินบาทแข็งค่า,หุ้นตกลง
เหล่านี้เป็นธรรมชาติภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามหลักอนิจจังระลึกไว้
ว่าสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอนิจจังผู้บริหารธุรกิจ
จำต้องบริหารกระบวนการภายในให้ยืดหยุ่นพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่
สามารถจะบังคับให้ตามใจผู้บริหารได้ตลอดเวลาการเป็นผู้บริหารประสบ
ความสำเร็จนานจนลืมตัวมีลูกน้องเอาใจมากไปจนหลงไปว่าสิ่งแวดล้อม
ต้องเอาตามใจเราด้วยนั้นทำให้ลืมมองไปว่าสิ่งแวดล้อมไม่ใช่สิ่งที่ควบคุม
ได้พุทธศาสนามุ่งเน้นให้จัดการภายในในสิ่งที่เราจัดการได้ดังนี้ปัญหาที่
แท้จริงไม่ใช่ต้นทุนเพิ่มขึ้น,ตลาดหดตัว,เงินบาทแข็งค่า,หุ้นตกลงฯลฯ

 

Think local act global วิสัยทัศน์ที่ผิดทาง


ปัจจุบันผู้บริหารที่เป็นเถ้าแก่เคยประสบความสำเร็จอย่างไรก็ไม่ดูเหตุผลให้
กระจ่าง แต่ใช้ความเคยชินทำซ้ำๆ เช่น ซีพีประสบความสำเร็จกับเซเว่นไม่
ใช่เพราะไปซื้อแฟรนไชน์แล้วจะได้สำเร็จ แต่เพราะผู้บริหารเซเว่นมือพระ
กาฬเก่าแก่รวมตัวที่นั่น ซีพีไปซื้อ แฟรนไชน์ออเรนจ์ บ้าง ให้ลูกตนบริหาร
ตามหลัก

 

สภาพปัญหาของธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น ค่าเงินลดลง นักธุรกิจก็
โวยวายว่าราคาหนี้ต่างชาติจะเพิ่ม แต่พอค่าเงินเพิ่มขึ้นนักธุรกิจก็โวยวายว่า
ราคาสินค้าไทยแพงขึ้นจะขายได้ลดลง นี่แสดงให้เห็นความอ่อนแอของทัพ
นักการตลาดและนักธุรกิจในไทย ที่ไม่รู้จักพัฒนากระบวนการภายในให้มี
ความยืดหยุ่นพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงใดๆ ของสิ่งแวดล้อม ทั้งยังไม่มี
นักการตลาดทรงอิทธิพลทางการตลาดควบคุมพฤติกรรมของลูกค้าของตน
ได้เลย ประดุจนักรบที่ตีเมืองแล้วไม่เข้าเมือง เมือง (ส่วนแบ่งการตลาด) ก็
ยังไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ใต้อิทธิพลของตน ดังนี้ กองทัพนักธุรกิจไทยจึงเป็น
ได้แค่กองทัพพเนจรร่อนเร่ เพราะไม่รู้จักคำว่า

 

ปัญหาการมุ่งปริมาณงานมากกว่าคุณภาพงาน

เมื่อยอดขายตก พนังงานขายก็ทำงานหนัก ตกมากลงไปอีก นักการตลาดก็
ต้องทำงานหนักตาม ตกหนักลงไปอีก ฝ่ายผลิตจำต้องปรับแบบสินค้าใหม่
ตกหนักเข้าไปอีก ก็วุ่นวายงานหนักทั้งองค์กร ทั้งๆ ที่มีกฎหมายแรงงานใน
การดูแลพนักงาน ทว่า นายจ้างมักใช้ความเกรงใจกัน และหลักว่าใครๆ ก็
ทำงานหกวัน เป็นต้น ในการทำให้ลูกจ้างยอมรับ ไม่มีกรมแรงงานเข้ามาดู
เรื่องนี้เลย เถ้าแก่ขี้งกคิดว่าใช้งานคนหนักขึ้นจะได้งานปริมาณมากขึ้น แต่
เขาไม่ได้รู้ หลักของ การลดลงแห่งผลได้ (Diminishing of return) ว่ายิ่งทำ
มากเกินความพอดี ก็ยิ่งทำให้เกิดความล้า และคุณภาพงานลดลง จนต้องแก้
งานแล้วแก้งานอีก ปัจจุบัน ลูกจ้างปัญญาชนทำงานมากเกินไป แต่ไม่มีคน
สนใจที่จะเชื่อหลักการนี้ ส่งผลต่อกรรมมวลรวม และความเครียดทั้งระบบ

 

ต้นทุนพนักงานใหม่เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ลดลง

เถ้าแก่ขี้งกและผู้บริหารหลงตามเถ้าแก่มักตรวจจับผิดพนังงานระดับล่างลง
ไปว่าทำงานตลอดเวลาหรือไม่บางคนพอใจกับการคุยเอาอกเอาใจจึงไม่ว่า
กล่าวแล้วไปมุ่งเน้นเพ่งเล็งเอาคนที่ชังให้ต้องทำงานหนักๆนี่ก็คือสภาพ
การทำงานในปัจจุบันแท้แล้วการทำงานระดับปัญญาชนนั้นเป็นงานที่ใช้
ความคิดสร้างสรรค์ไม่ขึ้นกับเวลาหากบรรยากาศการทำงานดีใช้เวลาเพียง
น้อยก็ได้กลยุทธ์ที่ถูกต้องเอาชนะใจลูกค้าในระดับต้นทุนต่ำมากได้แต่หาก
บรรยากาศไม่ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์นักการตลาดก็มุ่งแต่จะลดแลก
แจกแถมแข่งขันจนไม่มีความคิดสร้างสรรค์ไปเล่นกลยุทธ์แบบอื่นคนที่โง่
แต่ทำงานหนักมากนั้นโจโฉว่าให้เอาไปฆ่าทิ้งเสียหวังว่าเถ้าแก่ขี้งกคงจะ
เข้าใจเพราะการทำงานที่ไม่ได้ผลยิ่งก่อให้เกิดต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

 

สภาพปัญหาของธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

เรามักบอกว่าเราสู้ราคาสินค้าจีนไม่ได้ แต่พอไปสู้คุณภาพก็สู้คุณภาพสินค้า
ยุโรปไม่ได้ ตกลงเราไม่ได้เรื่องทุกประการ ไม่ว่าทั้งทางราคา และคุณภาพ?
ขายแพงก็ไม่มีใครซื้อ ขายถูกก็สู้จีนไม่ได้ นี่นะหรือ สรุปข้อคิด ของนักการ
ตลาดไทย? เหตุใดทั่วโลกจึงไม่มีที่ (Positioning) ให้สินค้าไทยเลยหรือ? ใน
เมื่อเกาหลีใต้มีสินค้าคุณภาพมาตรฐานรองจากญี่ปุ่น แต่ราคาแพงกว่าจีน
ทำไมยังได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน? ความสำเร็จของเกาหลีใต้น่าจะ
บอกได้ว่าสินค้าราคาปานกลาง และคุณภาพปานกลาง กำลังเป็นที่นิยมมาก
ในตลาดโลก นี่คือ Positioning ของสินค้าไทย ที่คนไทยไม่มีปัญญาจะทำให้
ชาวโลกยอมรับ เพราะนักการตลาดที่ไร้ความคิดสร้างสรรค์ อาศัยงานของ
นักโฆษณา และสินค้าใหม่ของฝ่ายวิจัย มานำเสนอหัวหน้าเพื่อเอาผลงาน?
บางครั้งขายไม่ออกก็บอกให้ออกสินค้าใหม่ (ผลงานฝ่ายวิจัย) ขายไม่ออกอีก
ก็ลดราคา (ผลงานการควบคุมงบของฝ่ายการเงิน) ขายไม่ออกอีกก็เอาเงินไป
จ้างนักโฆษณา (ผลงานนักโฆณา) นักการตลาดไทยจึงเป็นได้แค่นักปราชญ์หยู
ที่ชวนแต่จะให้ยอมยกประเทศให้คนอื่น หรือขันทีที่เอาแต่พูดสอพลอเท่านั้น
รบจริงก็แพ้ไปเสียทุกครั้ง

 

ถึงเวลาพัฒนาปัญญาเพื่อฝ่าวิกฤติของชาติในทุกด้านกันหรือยังครับ?
หรือจะปล่อยให้เมืองล่มสลายก่อนแล้วให้พระศิวะมาสร้างขึ้นใหม่ดีครับ?

 

มีภาพที่ประทับใจ ซึ่งเห็นทีไรทำให้มองเป็นชีวิตของตัวเองในที่ทำงาน ขำๆนะ แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง

 

อย่างนี้ต้องออกราย
การฟ้องด้วยภาพ
5555555555


(555) (555) (555)

 

เห็นใจครับ แผ่เมตตาเยอะๆ ทำบุญก็อุทิศไปให้เขา ชีวิตจะดีครับ ไม่มีคำว่ามืดตลอดครับ ซักวันฟ้าจะสดใส เอาใจช่วยนะครับ