เมื่อผมถูกให้ออกจากงานเพราะเล่นเว็บพลังจิต...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วิมลเกียรติ์, 17 สิงหาคม 2007.

  1. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ใครพอช่วยได้บ้างครับ..
     
  2. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ผมถูกให้ออกจากงานครั้งที่หนึ่ง

    ตอนนั้น แผนกของผมไม่มีหัวหน้าฝ่าย และมีลูกน้องประจำแผนกเพียงคนเดียว ส่วนผมเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ผมได้รับการสัมภาษณ์จากเจ้าของโดยตรง เขาจำเป็นต้องใช้คนพอดี อีกทั้งบริษัทของเขาก็ไม่สามารถหาคนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยดีๆ ได้มากนัก

    ผมทำงานค่อนข้างหนักเพราะเข้าแปดโมงครึ่ง เลิกงานหกโมงเย็น เวลาเที่ยงผมไม่สามารถไปกินข้าวได้ เพราะนโยบายใหม่ให้มีเจ้าหน้าที่คอยรับโทรศัพท์สำรองหนึ่งคน ตอนนั้น น้องประจำแผนกบอกผมว่าผลัดวันอยู่คนละวัน แต่ผมคิดดูแล้วว่าน้องคงต้องเป็นโรคกระเพาะแน่ และน้องคนนี้ได้เงินเดือนน้อยกว่าเรา จึงบอกว่าผมขออยู่เอง ดังนั้น เวลาพักเที่ยงของผมจึงล่วงเลยไปช่วงบ่ายแทน ผมกินข้าวคนเดียว ไม่ได้สุงสิงและตีซี้กับใคร ทำให้คนในบริษัทเริ่มหาที่ระบาย เมื่อไม่รู้ระบายกับใคร เป้านิ่งที่ไม่มีปากเสียง หรือหูฟังยามกินข้าวร่วมกันก็คือผม บางครั้งผมเห็นเขานั่งจับกลุ่มนินทากัน ผมไม่ได้สนใจว่าเขานินทาใคร ผมเดินเลยผ่านไป เพื่อไปทำงานของผม

    น้องประจำแผนกเป็นผู้ชายหน้าตาดี และค่อนข้างเจ้าชู้ พูดเอาใจคนเก่งตามสไตล์นักขาย เขามีเงินเดือนน้อยกว่าผม ผมจึงสงสาร บางครั้งเจ้านายเรียกผมไปเพื่อให้กดดันน้องให้ทำงานหนักขึ้น ผมกลับมาพิจารณาเห็นน้องว่าบางครั้ง น้องชายคนนี้เปิดเว็บโป๊บ้าง ในช่วงที่ทำงานหนักเครียด แต่ก็มีงานส่งพอประมาณในแต่ละสัปดาห์ อีกทั้ง เงินเดือนที่น้อยนิดนั้น เขายังต้องทำงานหนักพอดู เพราะบางครั้ง เขาออกต่างจังหวัดออกบูช เขาไม่เคยปริปากบ่น ผมพิจารณาด้วยจิตตนเองแล้ว จึงไม่เคยกดดันน้องคนนี้เลย มีบางครั้ง เขาเกเรบ้าง งานลดลง ผมก็อดทนดูต่อ ปรากฏว่าบางครั้งงานหนักเขาก็ฮึดสู้ ดังนี้ ผมเลยถือว่าชดเชยกันไป ผมจะไม่เอาเปรียบแรงงานเพื่อเอาใจนายจ้างเด็ดขาด บางครั้งน้องชายเปิดเพลงวัยรุ่นในออฟฟิศไม่มีใครว่าอะไรเลย พอผมเปิดธรรมะ ผมก็ถูกต่อว่าทันที พวกเขามักใช้กฎระเบียบตามหลักการ ๑๐๐% กับผม แต่เขากลับใช้การผ่อนปรนกับคนที่เขาชอบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    น้องหญิงอีกคนไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของผม แต่มีหน้าที่ต้องสนับสนุนผม น้องหญิงอายุมากกว่าผมหนึ่งปี เธอเคยให้ผมดูบัตรประชาชน แต่ฝ่ายบุคคลให้เรียกผมว่าพี่ตามตำแหน่ง อีกทั้งน้องหญิงก็จบ ป.โท ราม เธอจึงรู้สึกว่าเธอมีอะไรที่สูงกว่าผมอยู่ ครั้งแรก เธอดีกับผมมาก เธอมีแฟนที่คิดว่าจะได้แต่งงานกัน และเธออยู่กินกันก่อนแต่ง แต่หลังๆ ผมคาดว่าเธอคงมีทุกข์ เพราะผมเห็นเธอพูดเปรยๆ กับแฟนหนุ่มต่อหน้าผมเรื่องแต่งงาน แฟนหนุ่มกลับทำท่าสะดุ้งตกใจ ผมจึงเข้าใจสถานการณ์ที่น้องหญิงกำลังจะได้รับเคราะห์กรรม เธอเครียดหนัก บางครั้ง เรียกร้องความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  3. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    สนใจจากเจ้านาย ทำให้เธอพุ่งมาแข่งขันกับผม บางครั้ง เธอด่ากราดผมในที่ประชุม จนหัวหน้าฝ่ายบุคคลโทรมาหาผม ให้ผมปรามเธอบ้าง ทำไมจึงยอมให้เธอก้าวร้าวแบบนั้น ผมเข้าใจดี ทุกครั้ง ที่ไม่มีใครอยู่ เราเดินสวนกัน ผมเห็นแววตาของเธอเศร้าหมองมาก ผมไม่อยากให้เธอได้รับความทุกข์ใจมากไปกว่าที่เธอรับอยู่ ทุกข์ของการท้องก่อนแต่ง เริ่มเข้ามาชัดเจน เธออาเจียนในเวลาประชุม แล้วห้าวันต่อมา เธอก็ขาดงานไปเฉยๆ โดยที่ไม่มีใครกล้าว่ากล่าวเธอได้ เธอกลับมาอีกครั้ง หน้าตาเธอซีดเซียวเหมือนคนไม่มีเลือด ผมเห็นแล้วก็ตกใจ น้องชายในแผนกจึงแซวว่าเธอไปเอาของออกจากตัว นี่เกิดจากความไม่รับผิดชอบของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงต้องรับกรรมคนเดียว ผมไม่อยากซ้ำเติมเธออีก เพราะเพื่อนหญิงผมคนหนึ่งเคยปรึกษาผมเรื่องทำแท้งเช่นกัน ผมคิดว่าฝ่ายชายไม่รับผิดชอบเลย ผู้หญิงเท่านั้น ที่ต้องรับกรรมเพียงผู้เดียว ผมจึงไม่เคยตอบโต้การกระทำของเธอ

    วันหนึ่ง พี่ฝ่ายบริการ ซึ่งตำแหน่งเทียบเท่ากับผม แต่อยู่มานานและอายุมากกว่า เคยมาทำหน้าที่แทนผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผมจึงให้เกียรติ์พี่คนนี้ เขาต้องเข้าเวรบริการ ผมเองต้องอยู่เวรช่วยเขาในวันเสาร์อีกด้วย (นอกเวลาปกติ คนทั่วไปไม่ยอม แต่ผมไม่ว่าอะไร เจ้านายอยากได้ให้ผมทำงาน ผมก็ทำให้ตามใจท่าน) พี่คนนี้ต้องดูแลงานบริการ ผมไม่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรง แต่พี่ใช้ผมให้ทำงานแทน รับลูกค้าที่กำลังโมโหแทน ทำให้ผมซึ่งตอนนั้นควบคุมสถานการณ์และจิตใจตนเองไม่ได้ โกรธตอบลูกค้าไป ลูกค้าโมโหมาก เขาฝังใจจะแก้แค้น ถึงขนาดส่งจดหมายมาถึงหัวหน้าผมโดยตรง แล้วไม่กี่วันต่อมา ก็ถึงเวลาที่ผมจะถูกไล่ออก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หัวหน้าชอบผมมาก ถึงขาดให้ผมไปอินเดีย ทั้งๆ ที่ลูกน้องคนอื่นๆ อยู่มานานกว่าก็ไม่มีใครได้ไป เมื่อผมทำผิดพลาดขึ้น ทุกคนจึงรุมลงที่ผมคนเดียว ฝ่ายบริการซึ่งปกติ โยนความผิดพลาดด้านงานบริการมาให้ผมโดยตลอดอยู่แล้ว ยิ่งทำใหญ่ ฝ่ายการเงิน ที่มักเข้ามาเบรกการเบิกจ่ายเงินเพื่อทำงานในแผนกของผม ก็เข้ามาสมทบ (ตลอดเวลา เขาจะแย่งงานฝ่ายผมทำ เพื่อให้เจ้านายสนใจ และยอมรับเขาเหมือนกับที่นายชอบเรา แต่ทว่า เขาไม่สนใจว่ากำลังแย่งงานผม) นายเรียกผมไปคุย เรื่องที่เกิดขึ้น ผมยอมรับทั้งหมดว่าผมมีความโกรธจริง และทำผิดจริง นายจึงถามผมตรงๆ ว่าต้องการจะอยู่ต่อหรือไม่ (นายต้องการให้ผมอยู่) ถ้าต้องการอยู่ ก็ให้ผมปรับปรุงตัว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่ฝ่ายการเงินและฝ่ายบุคคล รอจังหวะนี้มานาน อนึ่ง เขารับผู้จัดการฝ่ายผมมาพอดี เขาจึงหวังอยากให้ผมออกไป เขาพยายามทำหลายอย่างตามแบบฝ่ายบุคคลที่เรียกว่า
     
  4. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ผมบอกเขาว่า
     
  5. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    คน ผมคิดว่าเมื่อได้งานบริษัทเล็กแล้วคงสงบ ไม่วุ่นวายมาก ที่นั่นมีคนทำงานทั้งออฟฟิศประมาณ ๒ ถึง ๔ คน แล้วแต่วัน (บางวันน้องบางคนหยุดเหลือแค่ ๒ คน) ผมคิดว่าน่าจะพอไหวนะ

    ช่วงการสัมภาษณ์ เจ้าของบริษัทเป็นชาวต่างชาติ ที่เคยไปสอนภาษาอังกฤษให้ผม เขาคือครูเก่าของผมนั่นเอง ตอนนี้ ผมมารับใช้ในฐานะลูกน้องแล้ว เขาไม่ได้คำนึงถึงสายสัมพันธ์แต่ดูความสามารถและความเหมาะสมเป็นหลัก เขาจึงรับผมเข้าทำงาน แต่คนไทยคนหนึ่งที่เป็นผู้จัดการรองลงมา คนนี้จะจัดการจัดแจงทุกอย่าง ราวกับว่ารู้ดีไปหมด และบริษัทเป็นของเขาอย่างนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เขาไม่ใช่คนเลว นายฝรั่งเป็นคนมีจิตนิ่งสงบตลอดเวลา ใช้ปัญญาและเหตุผลทำงานโดยตลอด เขาควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีมาก แม้นกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาด่าเขาอย่างรุนแรง เขาทำผิดแล้วเขาก็จ่ายเงินไป จิตเขายังคงนิ่งสงบ ฝรั่งคนนี้ อดีตชาติคงฝึกจิตมาดีมาก เพียงแต่ปัญญายังไม่สูงนัก มีสมาธิสูงเป็นทุน ส่วนผู้หญิงอีกคน แต่งตัวคล้ายๆ ผู้หญิงที่เป็นแฟนฝรั่ง และมักทำตัวจุ้นจ้าน เหมือนว่ารู้ไปหมด ตัดสินทุกอย่างถูกไปหมด แต่ไม่ใช่คนจิตใจไม่ดี เพียงแต่เธอยังไม่บรรลุโสดาบันเท่านั้นเอง หากจะผิดพลาดไปบ้างก็คงเป็นธรรมดา และเธอทำงานเป็นแกนหลักของที่นี่ ผมกำลังทำลูกค้าให้เธอได้ ๒ ถึง ๓ ราย หลังเข้าทำงาน ๓ วัน (เป้าหมาย ๑๕ ราย แต่เดือนที่แล้ว เธอทำไม่ได้เลย) เธอไม่ค่อยได้สนใจว่าลูกค้ากำลังจะซื้อจากผมแล้ว เธอสนใจแต่ว่าผมทำอะไรผิด <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เธอเล่าให้ผมฟัง เธอไม่ค่อยไว้ใจ (เธอคงไม่ไว้ใจผมด้วย) เพราะอดีตลูกน้องของเธอทำงานที่นี่เก่งมาก และได้ยอดขายสูงมาก ไม่รู้เพราะเหตุอันใด ลูกน้องเธอลาออกแล้วเอาข้อมูลทุกอย่างไปร่วมกับอาจารย์ต่างชาติ ทำบริษัทแข่งขันขึ้นมา จนปัจจุบันบริษัทยอดขายตกลงมาก อยู่ในภาวะรอการขาดทุน ผมสงสารครูเก่าคนนี้ของผม เพราะเขาเป็นคนดีมีเมตตามาก สอนผมอย่างใจเย็น เป็นคนใจกว้าง กระตุ้นคนให้มีเสรีภาพทางความคิด และเธอคงเป็นบริวารเก่าของเขา เกิดมาช่วยเขาในชาตินี้ ทั้งคู่ย่อมต้องบำเพ็ญบารมีไปด้วยกัน กระเตงกันไปอีกนาน ดังนี้ หากทั้งคู่จะผิดพลาดอะไรไปบ้าง ผมก็คิดว่าเป็นธรรมดาอยู่หรอก เพราะทั้งคู่ยังบำเพ็ญบารมีไม่นาน และยังต้องลองผิดลองถูกไปอีกไกล และชาตินี้ ผมได้เจอทั้งคู่ และช่วยทั้งคู่บ้างเล็กน้อย ไม่อาจอยู่ในฐานะสอนได้<O:p
    <O:p
    เธอมักจับผิดผมตลอดเวลา เธอไม่สนใจว่าผมจะทำอะไรดี หรืออะไรถูก แต่จับข้อผิดอย่างเดียว บางครั้งเธอไม่ได้ทำงานเลยแทบทั้งวัน เพราะมามัวยุ่งกับผม เช่น นั่งตรวจคำที่ผมจะส่งจดหมายทางอีเมลไปให้ลูกค้า เธอไม่รู้ว่าสาเหตุที่ยอดขายตกนั้น มาจากการบริหารที่ไม่เป็นเรื่องของเธอ เธอจับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากเกินไป ไม่พอดี แต่เธอกลับละเลยจุดหลักสำคัญ แต่เธอมักพูดเสมอว่าเธอมีหลักการบริหารอย่างนั้นอย่างนี้ เธอมีนิสัยฝรั่งเพราะเธอพูดตรงไปตรงเปิดเผย เข้ากับฝรั่งได้ดี เพราะฝรั่งไม่ชอบปิดบังความรู้สึก ชอบอะไรเธอก็พูดตรงๆ ไม่ชอบอะไรก็พูดตรงๆ <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  6. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    คอมพิวเตอร์ของบริษัทมีโปรแกรมที่ไม่ใช้ในการทำงาน แต่เป็นโปรแกรมด้านบันเทิง แสดงว่ามีคนในบริษัทเล่นเว็บเพื่อบันเทิงทั้งๆ ที่อยู่ในเวลางาน ก่อนที่ผมจะเข้ามา ดังนั้น ผมจึงถือเอาว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กร และวัฒนธรรมไทย ที่ผมเห็นคนมากมายก็เปิดโปรแกรมเหล่านี้ระหว่างทำงานเหมือนกัน เมื่อผมเข้ามาแล้ว รู้สึกถึงมาตรฐานของบริษัทจะเปลี่ยนไป เป็น ๑๐๐% ทันที คือ ต้องเนี้ยบไม่ให้ผิดอะไรเลย ก่อนผมมา เธอไม่สามารถทำยอดให้กับบริษัทได้ และเธอคิดว่าเมื่อผมมา ผมต้องทำยอดได้ แต่มันก็แปลกอยู่ถ้าผมทำยอดได้ แต่ผมคือพนักงานกระจอก ในขณะที่หัวหน้างานสอนงานเราแต่ทำยอดไม่ได้ เธอสอนผมหลายอย่าง แต่ผมมักดูการกระทำของเธอมากกว่า และเธอมักทำไม่ได้อย่างที่เธอสอนผม เธอไม่ทันได้ดูจิตตนเองจึงเพ่งโทษลูกน้องตลอด

    วันหนึ่ง เธอมาสายไปชั่วโมงหนึ่ง เธอเข้ามาอย่างร้อนรน เดินไปข้างหน้าออฟฟิศและท้ายออฟฟิศ แต่ไม่เกิดงานอะไรขึ้น เหมือนคนทำตัวให้ยุ่ง แต่ไม่ได้ทำงาน แล้วเธอก็รื้อของกระจายบนโต๊ะ ไปๆ มาๆ แล้วก็วนมาจัดใหม่ แล้วก็สอนผมว่าต้องจัดการบนโต๊ะให้สะอาด เธอเห็นเสื้อผมหมอง ก็บอกทันที แต่เธอกลับใส่เสื้อเหมือนแม่ค้าขายผ้า ซึ่งไม่เหมาะกับพนักงานออฟฟิศ บางครั้ง เธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เช่น ผมเปิดเว็บพลังจิต เธอจึงมาตักเตือนผม แล้วไปฟ้องเจ้าของบริษัท ดังนั้น จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นผม ผมจะยังรอดูก่อนว่า หากพนักงานคนนี้ ทำตัวแบบนี้แล้ว ยอดขายจะสูงไหม บางทีเขาอาจต้องการความสมดุลของการดำรงชีวิต ผ่อนคลายบ้าง หากยอดขายไปได้ ผมก็จะไม่ว่าอะไร เพียงแต่ต้องให้เขาเล่นเงียบๆ อย่าให้คนอื่นทำตาม <O:p

    เธอเป็นหัวหน้าของผม พยายามให้ผมทำงานมากมาย แต่เธอไม่เคยจัดตารางวันหยุดให้ผม ผมถามเธอ เธอก็บอกว่าเดี๋ยวก่อน พอตกเย็นบางวัน น้องคนหนึ่งก็มาบอกให้ผมอยู่กะดึก โดยที่ไม่แจ้งผมล่วงหน้า เพราะผมคิดว่าเวลาเลิกงานคือหกโมงเย็น ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะสงสารน้องเขา และจบสัปดาห์ผมก็ยังไม่รู้ว่าวันไหนคือวันหยุดของผม เพราะเธอซึ่งเป็นหัวหน้าของผมไม่ได้จัดตาราง และเธอมักพูดเสมอว่าผมต้องมีจัดตาราง ทำรายงาน และสงสัยว่าผมคงทำไม่ได้ ผมคงงี่เง่าและโง่มาก เธอระแวงแคลงใจในความสามารถของผมเสมอ ซึ่งผมก็ถามเธอว่าผมมีประสบการณ์ในการทำงานที่บริษัทใหญ่กว่าสอบผ่านได้ ขอให้เชื่อใจ บางครั้ง เวลาติดต่อลูกค้า เธอก็มักมาระบายให้ผมฟังว่าไม่ชอบลูกค้าคนนี้ คนนั้น แบบนี้เลย แต่เธอกับสอนให้ผมเป็นพนักงานขายที่ดี เธอมักไม่สนใจส่งข้อมูลให้ลูกค้าที่รอคอยอยู่ แต่เธอสนใจแต่จะทำตามแนวทางของเธอมากกว่า<O:p

    เธอมาสาย แต่เพ่งโทษว่าลูกน้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่น<O:p
    เธอเบื่อลูกค้า แต่ให้ลูกน้องรู้จักโทรตามลูกค้าให้ดี<O:p</O:p
    เธอวุ่นวายจัดข้าวจัดของดังๆ อยู่เสมอ แต่ไม่เกิดงาน<O:p</O:p
    เธอนั่งเพ่งโทษลูกน้องเสมอ แต่เธอเผลอไม่ได้งานของตนเอง<O:p</O:p
    เธอบอกให้ลูกน้องออแกนไนซ์ แต่เธอไม่จัดตารางวันหยุดให้ลูกน้อง<O:p</O:p
    เธอยอดขายตกในขณะที่เธอทำงาน แต่เธอโทษลูกน้องคนเก่า<O:p</O:p
    เธอบ่นหิวข้าวแล้วกินผิดเวลา แต่เวลาพักเที่ยงเธอกลับทำงานแทน<O:p</O:p
    เธอให้ลูกน้องโทรหาลูกค้า แต่เลยเวลา ออฟฟิศลูกค้าปิดแล้ว<O:p</O:p
    เธอมักใช้ศัพท์เฉพาะที่รู้แต่บริษัท แต่ลูกค้าไม่รู้เรื่องกับเธอด้วย<O:p</O:p
    เธอมักสอนลูกค้า แต่ไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า<O:p</O:p
    เธอมักทำเรื่องเล็กของลูกน้อง ให้เป็นเรื่องใหญ่ของหัวหน้า<O:p</O:p
    เธอคิดว่าความเป็นผู้นำต้องบงการชีวิตคนได้ตลอดเวลาที่จ้างงาน<O:p</O:p
    เธอเป็นคนไทยที่กดขี่คนไทยด้วยกัน เพื่อให้งานที่ดีแก่ชาวต่างชาติ<O:p</O:p
    ฯลฯ

    ดังนี้ เธอจึงเสวยผลบุญที่ได้มาเป็นหัวหน้างานที่นี่ ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร อย่างที่ใจเธอต้องการ เธอจะเสวยผลบุญเช่นนี้ต่อไป จนกว่าผลบุญของเธอจะหมด หากเธอไม่พัฒนาตนเอง ไม่สร้างบารมีให้ตนเอง ด้วยการปรับที่ตัวของเธอเองบ้าง ไม่ใช่สอนให้แต่ลูกน้องปรับตัวฝ่ายเดียว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เธอให้ผมเลิกเล่นเว็บพลังจิต เพื่อทำงานอย่างเดียว แต่ผมนึกในใจว่าถ้าผมทำยอดได้ตามเป้าแล้วผมจะเล่นได้หรือไม่ จึงพูดอ้อมๆ ไป แต่เธอไม่ยอม เธอนิยมให้ทำงานยุ่งๆ แม้นไม่มียอดเข้ามาก็ตามมากกว่า ผมนึกในใจว่าคงเสียเวลาทั้งชีวิตไปเพื่อการทำงานหนีตายเท่านั้นเองหรือ นี่หรือที่ผมเกิดมา เพื่อหนีความตายด้วยการทำงานให้มีข้าวกินดอกหรือ ผมตอบว่าไม่ใช่ ผมต้องทำหน้าที่บางอย่างในเว็บพลังจิต นี่คือ สิ่งที่ผมทำได้มากที่สุดในปัจจุบัน แล้ว ผมก็ตอบเลี่ยงๆ ไปว่าถึงเวลาที่ผมต้องออกแล้ว ผมเชื่อในโชคชะตา ไม่มีใครทำลายผม แต่ผมยินดีไปเอง ผมยอมลาออก ไม่มีเงินเดือนกินเลี้ยงชีพอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่ที่แทบไม่มีใครรู้ว่าผมคือใคร ในเว็บพลังจิตแห่งนี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ผมจึงให้คำตอบแก่เธอว่า ผมขอลาออก...<O:p</O:p
    <O:p
    </O:p
    ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  7. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ข้อคิดที่ได้จากชีวิตจริง

    ผมคิดว่าทกวันนี้พวกเราคิดว่าเราไม่ผิดศีล ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่โกหก เรามีสติดี แต่ว่า มันใช่อย่างที่เราคิดหรือไม่ เช่น กรณีเราคิดว่าเราจ้างลูกน้องมาทำงาน ลูกน้องต้องไม่ทำอย่างอื่นเลยนอกจากงานของเรา เรากินเงินกำไรมากมาย ให้ลูกน้องเพียงเล็กน้อย เราเข้างานสาย แต่ให้ลูกน้องทำงานหนัก มีอะไรอีกมากมายที่เราเบียดเบียนกันและกัน โดยที่เราไม่รู้ตัว นั่นคือการผิดศีลข้อปานาฯ<O:p</O:p
     
  8. raquaz

    raquaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +3,831
    คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากครับ ผมก็เป็น

    ผมเคยไปอยู่ญี่ปุ่นมา 6ปี แต่ทำงานที่แรกได้เงินเดือน 20000เอง
    เพราะบริษัทที่ผมทำคือบริษัทที่ดำเนินเรื่องการเรียนต่อของผมน่ะแหละ(เป็นโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย) เราคุยกันจนสนิทกัน เขาเลยชวนมาทำงานด้วย
    ตอนแรก ผมเรียกเงินเดือนเขาไป 3 หมื่น ผมว่ามันสมราคาเพราะผมได้สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับสูงสุดผ่านแล้ว แต่เขาบอกว่า เอางี้นะ เขาจะให้เงินเดือนหลัก 2 หมื่น แต่เขาจะให้ผมสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย จะให้ได้ใกล้เคียง 3 หมื่นแล้วกัน
    ผมก็ตกลง เพราะสนใจงานสอนอยู่แล้วน่ะครับ
    แต่ผมไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นการทำร้ายตัวเองมากๆ
    งานหลักๆของผมจึงจับฉ่ายมากๆ ตั้งแต่เป้นล่ามระหว่างพนักงานคนไทยกับคนญี่ปุ่นในโรงเรียน เป็นหัวหน้าแผนกรับผิดชอบเอกสารด้านการเรียนต่อ เป็นคนคอยคุยกับลูกค้าเพราะมีประสพการณ์ไปเรียนต่อจริง และทำงานตามคำสั่งเจ้านายที่แล้วแต่จะมีมาแต่ละวันอีก จัดเตรียมงานที่บางทีต้องเตรียมถึงตี 4 โดยไม่ได้โอทีอีก และเป้นตัวแทนมหาลัยแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นในเมืองไทย ที่ต้องคอยเคลื่อนไหวหาผู้สนใจไปเรียนที่นั่นอีก ทั้งหมดนั้นรวม 2หมื่นบาท
    (มหาลัยที่ผมเป็นตัวแทนเขาส่งค่าจ้างมาให้ผม แต่ผมไม่เคยได้
    เจ้านายผมบอกว่า ก็ทำงานตามสบายไปน่ะแหละ ว่าง่ายๆคือแค่ เวลาไปไหน ก็เอาเขาไปโปรโมทด้วย
    แต่สำหรับทางมหาลัยแล้ว เขาคิดว่าผมควรจะทำงานเขาให้เป็นเมน เพราะเขาจ่ายเงินเดือนให้ผมนิ เพราะฉะนั้น ผมจึงถูกบีบจากทั้งทางญี่ปุ่นและทางบริษัท ต่างฝ่ายต่างอยากให้ทำงานของตนเป็นเมนทั้งนั้น สรุปผมมีหัวหน้าหลายคนเหลือเกิน)

    ยังไม่นับสอนหนังสือ คือเงินที่ผมจะได้พิเศษอีก
    ผมได้ไปสอนที่โรงงานแห่งหนึ่งในอยุธยา ช่วง 8 โมงถึง เที่ยง และเขาจะเตรียมข้าวเที่ยงไว้ให้ พร้อมรถรับส่งทั้งไปและกลับ
    วันไหนผมไม่ไปสอน ผมตื่น 7 โมงก็ไปทำงานทัน(งานเข้า 9 โมง)
    วันไหนที่ผมสอน ผมต้องตื่น ตี 5 ครึ่ง ออก 6 โมงเพื่อวิ่งไปอยุธยาให้ทัน 8
    โมง กว่าจะกินข้าวที่ทางโรงงานเตรียมไว้ให้ กว่าจะกลับถึงบริษัทก็บ่าย2 ทำงานกว่าจะได้กลับ ก็เกือบ 2 ทุ่ม หรืออาจจะมากกว่านั้น (งานเลิก 6 โมง และไม่มีโอที)
    ผ่านไป 1 เดือน ผมก็ยังได้เงินเดือน 2 หมื่น
    ผ่านไปเดือนที่2 ผมก็ยังได้แค่ 2 หมื่น

    ผมไปถามหัวหน้าตรงๆว่าทำไมเงินผมยังคงได้ 2 หมื่นอยู่ ด้วยความสงสัย
    หัวหน้าตอบกลับมาว่า แหม วันที่เธอไปสอน เธอกว่าจะเข้ามาก็บ่าย2 แล้ว
    เข้างานช้า แล้วพี่คงให้เงินเธอเพิ่มไม่ได้หรอก คนอื่นอาจจะว่าไม่ยุติธรรม
    .............
    งงไหมล่ะครับ
    ผมก็ อืม โอเค ไม่ได้ว่าอะไร
    ไม่ว่าอะไรจริงๆนะ แค่หมดศรัทธา
    ผมก็แอบเก็บของแล้วก็กลับบ้านเลย ไม่ไปทำงานอีกเลย
    ไม่สนใจเงินเดือนด้วย
    เพราะจริงๆแล้วผมไม่สนใจเงินเท่าไรหรอก ผมแค่อยากทำงานกับคนที่ซื้อใจผมได้เท่านั้น
    หลังจากนั้น ผมก็มาทำล่ามและเลขาประธานบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ได้ 38000
    แต่ยิ่งทำ ยิ่งรู้สึกว่าไม่เหมาะกับงานล่าม เพราะผมไม่ใช่คนด่าใครเป็น แต่เจ้านายอยากให้ผมด่าแรงๆและตรงๆตามเขา ผมทำไม่ได้ ผมรู้สึกแย่กับงานจะถึงขนาดกลับมาปวดหัวไข้ขึ้นแทบทุกวัน งานที่นี่เริ่ม 8 โมงเลิก 5 โมง ไม่เคยทีโอที งานไม่หนักอะไร แต่เครียดมาก เพราะอารมณ์เจ้านายร้าย
    ผมทนทำได้ 4 เดือน ก็ลาออก
    ตอนนี้ผมทำงานเป็นฟรีแลนซ์สอนภาษาญี่ปุ่น ได้เป็นรายชม มากน้อยแล้วแต่วัน พร้อมๆกับงานอีกหลายๆอย่างร่วมกับเพื่อนและคนรู้จัก เงินไม่สำคัญ แค่มีกิน อยุ่ (ทั้งตัวเองและแฟน) ผ่อนบ้าน ให้พ่อแม่ ทำบุญ บ้าง เท่านั้นก็มีความสุข อาศัยทำงานสบายใจทั้งกายและใจ ไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้แล้วครับ

    สำหรับคุณวิมลเกียรติ์ ผมว่ามันอาจจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วล่ะครับ เพราะถ้าไม่ลาออก หลังจากนั้นคุณก็คงโดนเพ่งเล็งมากขึ้นแน่นอน หางานใหม่หรือเอาความสามารถ ความชอบของตัวเองมาทำเถอะครับ มันจะทำให้คุณมีอารมณ์ทำงานมากขึ้นไปอีก คุณจะทำงานได้โดยไม่ต้องเครียดมากนักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  9. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    แท้แล้วคนเราเมื่อไม่บรรลุธรรม ใจก็ไม่ได้มีธรรมไปเสียทั้งหมด
    ดังนั้น ความอยุติธรรมจึงมีมากมาย เหตุผล มันไม่มีเหตุผลที่เป็นธรรม
    มีแต่เหตุผลที่อ้างมาเพื่อสนองอัตตาตนเองเท่านั้น


    บางทีอาจเป็นการชดใช้กรรมเก่า ด้วยการทำงานให้เขาก็ได้มังครับ
    เมื่อเราและเขาชดใช้กรรมหมดสิ้นแล้ว เราก็จะไปสู่ที่ดีและสงบขึ้น


    แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อไรหนอ คนที่มีอำนาจตำแหน่ง อำนาจเงิน
    จะมีความยุติธรรมในหัวใจ ความเมตตา สงสารแรงงานบ้าง
    ไม่คิดว่าจ้างมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม เพราะตนเองก็ได้เงินมากมาย
    ก่ายกอง แรงงานได้เงินแค่ตัวลีบๆ เอาตัวรอดไปวันๆ


    อยากให้สงสารแรงงานมากกว่านี้ครับ
     
  10. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ผมเข้าใจว่าทำไปมันเกิดละเอียดทั้งศีล สมาธิ ปัญญา แต่ถ้ามากไปผมเคยมาแล้วเครียดกับมันหลายๆทั้งโลกเเละธรรม(มากเกิน)อย่าง เกือบเเย่เหมือนกันคลานออกมาครับ ดื้อไปหน่อย ปล่อย กระจายออกมาบ้างค่อยเป็นค่อยไป
     
  11. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ใครมีประสบการณ์แย่ๆ เรื่องการเบียดเบียนกันและบาปกรรมในที่ทำงาน


    เชิญโพสแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ
     
  12. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เกือบยี่สิบปีที่เราทุ่มเทให้กับบริษัท ทำงาน เจ็ดXยี่สิบสี่

    ผลที่ได้เมื่อห้าปีแรกนั้น คือเกรด A เงินเดือนขึ้นสูงสุดในบริษัท

    ผ่านมาอีกสิบกว่าปีที่ผ่านมา เราคือเกรด F ของบริษัท จนน้องๆที่มาทีหลังแซงหน้าไปหมดทั้งตำแหน่งและเงินเดือน เจ้านายแก่ๆที่ใกล้ปลดเกษียณเรียกคุยเกือบทุกอาทิตย์ หรืออาทิตย์เว้นอาทิตย์ก็ได้ หาว่าบริหารงานไม่ดี

    เวลาแจกงานมาแจกให้เรา แต่เวลาตามงานไปตามกับน้องๆ
    ถามว่ามีปัญหาอะไรมั๊ย น้องๆ ก็ตอบว่าไม่มี
    ก็ตามจิกต่อว่า ทำไมถึงไม่มี มันต้องมีสิ ซักอย่างสิน่า
    ส่วนน้องๆ ก็จำเป็นต้องเอออวยห่วยหมก เอ้ามีก็มีแต่มันเป็นประเด็นเล็กๆแก้ไขกันได้
    เจ้านายแก่ๆ ที่เป็นนางสาวอายุห้าสิบ ตอบว่าไงรู้มั๊ย
    มันตอบว่า ก็นี่ไงคือปัญหา

    เฮงซวยจริงๆ

    มีอีกนะเช่นจะให้เราไปดูงานที่อิตาลี่มั่งหล่ะ จะโปรโมทเราเป็นผู้ช่วยฝ่ายมั่งหล่ะ จะปรับเงินเดือนมั่งหล่ะ จะ .... จะ .... จะ ....

    แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีผลเลยในรูปธรรม คำว่า จะ ... ก็คือ จะ...
    รอมาจนจะยี่สิบปีแล้ว ตำแหน่งเสือกทะลึ่งลดลงกว่าเดิมอีก
    เงินเดือนที่ขึ้นประจำปี ก็ไปให้พวกชะเลียหมด เหลือเศษๆเงินให้เรา

    "กินกันหมดเยอะมากกว่านี้อีก" นี่คือคำพูดที่มันชอบพูดบ่อยๆ
    "โธ่เอ้ย เงินแค่ไม่กี่พันที่โดนตัดไปแต่ละเดือน ทุกเดือน ทุกเดือน ถือว่าให้น้องๆมันไป" นี่คือคำพูดสุดฮิต
    "น้อง มันเดือดร้อน ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แถมลูกยังเล็กอีก" นี่คือคำพูดติดชาร์ท
    "น้องมันต้องเดินทางไปกลับทุกวัน วันละร้อยสองร้อยกิโล ให้ๆมันไปเถอะ" นี่พูดประจำ
    "น้องมันลำบาก ต้องทำงานบ้าน ต้องทำกับข้าว ต้องซักเสื้อผ้าให้ลูกให้เมียมัน" พูดบ่อยๆ
    "น้องมันกำลังจะมีลูกคนที่สองแล้วนะ" เอาอีกแล้ว
    "น้องมันกำลังจะส่งลูกไปเรียน" มาประจำ
    "น้องมันเหนื่อย เลยต้องมาสาย เพราะต้องส่งเมีย ส่งลูก" มาถี่เหลือเกิน
    "น้องมันต้องไปดูแล พ่อตา แม่ยาย ที่ต่างจังหวัด" โอ้ย เกี่ยวอะไรวะ
    "ให้น้องมันไปเหอะ มันกำลังก่อร่างสร้างตัว" นี่มันไข่ชัดๆ
    "ให้น้องลำบาก เดี๋ยวพี่จะปรับเงินเดือนให้มันสักหมื่นสองหมื่น" เอาอีกแร่ะ

    ผลสุดท้าย มีแต่ "น้องมัน... อย่างงั้นอย่างงี้"
    ทีตูละ มันไม่เคยใยดี ไม่เคยคิด

    และตอนนี้ กรรมกำลังตามสนองพวกมัน และพวกมันจะต้องตายก่อนกำหนด
    งานที่ทำก็โดนโยกย้าย แตกลาย กระเซ่นกระสายกันไป

    เราจะบอกให้ว่า สวรรค์มีตา ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว
    ทุกชีวิตเกิดแต่กรรมทั้งสิ้น

    สำหรับเรานั้น เงินทองมาไม่ขาดสาย ชื่อเสียงเลื่องลือขจรไกล งานฝีมือยอดเยี่ยม มีเงินสดๆ เก็บเป็นล้าน ทรัพย์สินอีกมากมาย

    แต่เราพร้อมที่จะตายทุกเมื่อ ทุกลมหายใจ
    เรามีพุทธอยู่ในตัว เราไม่เคยกลัวตาย

    สวรรค์
     
  13. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ขอต่ออีกนิด สำหรับที่นี่(พลังจิต.คอม) เราได้อะไรมากมายเกินกว่าที่คาดคะเนไว้ มันมากมายเกินกว่าที่จะบรรยาย และเราพร้อม.....

    เราเข้าใจแล้วว่าทุกๆอย่าง นั้นเกิดจาก "พรหมลิขิต"

    เส้นสายการเดินทางของชีวิต นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว
     
  14. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123

    เป็นอุปสรรค และกรรมที่เราคงต้องเดินผ่านมันไปในวันหนึ่งจริงๆ
    แสดงว่าผมไม่ได้โดนคนเดียว เมื่อไรหนอ คนมากมายจึงจะเลิก
    เบียดเบียนลูกน้อง เลิกหลงเหลิงในอำนาจ ตำแหน่ง และตัวกูของกู


    เฮ้อ...
     
  15. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    บางทีผมคิดว่าแค่เจ้านายเปลี่ยนเทคนิคการบริหาร เขาจะได้ตามที่เขาประสงค์
    คือยอดขายดี แต่เจ้านายส่วนใหญ่เมื่อมีตำแหน่งใหญ่โต ก็มี "อีโก้" โตตาม
    ตำแหน่งไปด้วย จึงไม่ยอมปรับเปลี่ยนตัวเอง


    จับผิดลูกน้องให้ลูกน้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนอย่างเดียว
    ยิ่งเมื่อเอาความรู้สึก เลือกที่รักมักที่ชังมาร่วมบริหารแล้ว


    บริษัทไทยจึงใกล้จะเจ้งกันระนาวนี่ละครับ
    ผมคิดว่าจริงๆ แล้วมันไม่เจ๊งได้ ถ้าเราปรับที่ตัวเรา (สำหรับหัวหน้า)
     
  16. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    ขอเป็นกำลังใจครับ จริง ๆ แล้วก็โดนกันถ้วนหน้าล่ะครับ

    ไม่มีใครไม่โดน สำคัญต้องวางใจให้ได้ครับ ยากมาก ๆๆๆ ครับ แต่ก็ต้องทำให้ได้

    บททดสอบบารมีธรรม ชาติ ต่อๆๆไปจะยิ่งหนักกว่านี้ครับ แต่ผมก็ขอเป็นกำลังให้ผ่านไปให้ได้ จนวางใจได้ นะครับ
     
  17. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    เทคนิคการบริหารโดยใช้กฏ ๒๐/๘๐ ของ Pareto (หากสะกดผิดขออภัย)

    กล่าวว่า สิ่งต่างๆ มีเพียง "ส่วนน้อย" คือ ๒๐% เท่านั้น ที่เป็นสาเหตุ
    ให้สรรพสิ่งทั้งหลายเปลี่ยนแปลง จำต้องค้นหาจุดน้อยนั้นให้พบ ไม่ใช่
    ตามจับผิด และไม่ใช่การทำหมดทุกอย่าง



    บางทีเรียกว่า "Key success factors" ครับ
    หากเจ้านายไม่เข้าใจ จับหลักไม่ถูก
    บ้างก็จับผิดหยุมหยิมไปหมดทุกเรื่อง
    บ้างก็ทำไปหมดทุกขั้นตอนจนเวลาไม่ทันกาล
    บ้างก็ทำงานรวนทั้งระบบ เพราะไปแก้เอายกเครื่องเกินไป


    ลองคิดดูนะครับ กรรม และวิชาการนี้ สอดคล้องกันไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  18. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    เทคนิคการใช้ปัญญาจากจุด Labor economic of scale

    กล่าวคือ หากเราทำสิ่งใดก็ตามเกินความพอดี จะเข้าสู่จุดการลดลงของผลได้
    (Diminishing of return) เช่น การทำงานแก่แรงงานหนักเกินไป แรงงาน
    จะล้า และไม่สามารถใช้ปัญญาได้เต็มที่ Organization intelligent จะลด
    ลง เหมือนรูปเส้นโค้งระฆังคว่ำ

    และหากปล่อยปละละเลยเกินไป ก็ไม่มีคนขยัน
    จำต้องเข้าหาจุดสมดุลพอดีของแรงงานและการให้งาน
    (Labor economic of scale) ครับ น้อยหรือมากไป
    ไม่ดีทั้งสิ้น

    แบบนี้สอดคล้องกับ "ทางสายกลางไหมครับ?"
     
  19. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    สถานการณ์แรงงานไทยในปัจจุบัน

    ปัจจุบัน แรงงานถูกให้งานมากเกินไป จนเครียดจัดหัวหมุน
    บางคนล้ามากๆ จนไม่อยากคิดไม่อยากสร้างสรรค์อะไรให้เหนื่อยตัว
    จึงอาศัยการปะเหลาะเจ้านายไปวันๆ ก็มี งานระดับปริญญาแต่ไม่ใช่
    ปัญญา คิดว่าจะแก้ปัญหาองค์กรได้ไหมละครับ?

    ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้น แล้วยังผลให้เศรษฐกิจทั้งประเทศกำลังจะล่มครับ
    แต่กรมแรงงานไม่ได้ให้การดูแลดีเพียงพอ กลับปล่อยปละละเลยให้
    มีหลายบริษัทละเมิดกฏหมายแรงงานครับ (ขอไม่บอกชื่อบริษัท)
    คิดว่าปล่อยให้นายจ้างขูดรีดแรงงานแล้วจะให้งานออกมาดี
    ทว่า มันเข้าสู่จุดลดลงของผลได้นะครับ


    ขอให้พิจารณาดีๆ การทำความดี เมตตาแรงงาน อาจได้อานิสงค์
    เศรษฐกิจอาจฟื้นก็ได้นะครับ อย่าไปบ้าเรื่องเงินทุนนอกมากไปครับ
     
  20. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ปัญหาในหน่วยธุรกิจที่รัฐบาลมองข้าม


    อสังหาริมทรัพย์ หลายครั้งที่ธุรกิจหน้าใหม่เข้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วย
    เพราะเข้าง่าย ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสูง อาศัยการลดราคา ทุ่มตลาด ส่งผลให้
    ราคาตลาดลดลง ลูกค้ามองราคาตลาดผิด และขาดทุนทั้งหมดทุกธุรกิจ บ้าง
    หวังแค่อยู่รอดคืนหนี้เก่า เอาตัวรอดตาย ปัจจุบันผู้รับเหมาเริ่มไม่ได้เงินแล้ว

    ธุรกิจมือถือ ช่วงแรกของการผูกขาดโดย AIS ราคาตลาดยังอยู่ในระดับ
    ทำกำไรได้ ปัจจุบันการแข่งขันของสามตราสินค้ารุนแรงจนทำให้ผู้บริหาร
    ของ DTAC ถอนทุนออก, AIS ขายหุ้นทิ้งหมด, และผู้ร่วมทุนชาวต่างชาติ
    ของ Orange ถอนหุ้นออกกะทันหันจนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น True นี่ไม่ใช่สิ่ง
    ที่เขาจะมาบอกใคร แต่รัฐบาลควรต้องจับตามองและเข้าช่วยเหลือด่วน
     

แชร์หน้านี้

Loading...