พระโพธิสัตว์พญาช้างนาฬาคิรี(ธนปาล)พระพุทธเจ้าในอนาคต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อุตฺตโม, 5 ธันวาคม 2010.

  1. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................รุ่งเช้ากาเผือก ไก่ตุ๋น พวงผกา ทูเลย์ และ ซูโอ๊ะ ได้นำเกวียนเทียมม้าเดิน

    ทาง...มาที่บ้านเซจี..นอซันทราบว่าพี่สาวของตนจะลงจากดอยมูเซอไปกับกาเผือกกับพวก...นอซัน

    จึงขอร้องให้ทูเลย์และซูโอ๊ะติดตามไปกับเซจีด้วย..เพราะรู้ว่าพี่สาวของตนนั้นมีพฤติกรรมที่แปลกกว่า

    คนธรรมดา....ด้วยนางรู้นางเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น...และการลงจากดอยของเซจีครั้งนี้เป็นครั้งที่

    สอง...นับจากที่เซจีลงไปจากดอยไปคนเดียวเพื่อแกะรอยตามหา เมือง มีสุข..ในครั้งนั้น...

    นางจึงยังไม่น่าจะคุ้นเคยกับจังหวัดน่านได้ดี...ไม่เหมือนกับชาวมูเซอคนอื่นที่เคยเยือนตัว

    เมืองของจังหวัดมาก่อน..เช่น ทูเลย์และซูโอ๊ะ....

    ....................ทูเลย์และซูโอ๊ะเข้าใจนอซัน..เขาจึงไปเตรียมสัมภาระเพื่อลงจากดอยไปพร้อมกับ

    เซจี...ซึ่งเซจีนางก็ไม่ขัดข้อง...ด้วยรู้สึกว่าตอนนี้นางลดความแข็งกร้าวและเกรี้ยวกราดลง....

    ....................เกวียนสองเล่มค่อย ๆลงจากดอยแล่นตามกันไป.....ด้วยความเร็วพอประมาณ..

    เกวียนเล่มแรกคือ กาเผือก ไก่ตุ๋น และพวงผกา....ส่วนเล่มที่ตามหลัง คือ เซจี ทูเลย์และซูโอ๊ะ..เซจี

    นั่งอยู่บนเกวียนเฉย ๆ..ส่วนสองสหายมูเซอทำหน้าที่ขับเกวียน....

    ....................ตลอดสองฝากทางยังคงมีป่าไม้และทิวทัศน์ที่สวยงาม....ประดับฤดูหนาวของ

    จังหวัดน่าน...ที่ยังคงหนาวเย็นอยู่...จนบ่ายกว่า..จึงถึงที่บ้านคุณยายมั่น คงเมือง....คุณยายมองเห็น

    เซจีก็ให้รู้สึกว่า"หญิงดอยชาวเผ่ามูเซอ..ช่างสวยงามน่าดูและให้รู้สึกว่า..นางผิดปกติ"....ซึ่ง

    เซจีเองเมื่อรู้ว่า "คุณยายมั่น คงเมือง คือ น้องสาวของเมือง มีสุข...ซึ่งเป็นลูกสาวของน้องขุนทัพพ่อ

    เมือง มีสุข"...นางก็จ้องดูคุณยายอย่างไม่กระพริบตา...ด้วยจะเปรียบเทียบเค้าหน้าของคุณยายกับ

    หน้าตาของเมือง มีสุข..แต่อนิจจา...เค้าหน้าของคุณยายไม่อาจเห็นได้ตามในนึกคิด...ด้วยความชรา

    ของคุณยาย..ย่อมทำให้เค้าหน้าในวัยสาวหมดไป......

    .....................กาเผือกพอมาถึงก็รีบไปที่รถมอเตอร์ไซด์ทันที่...พลางสะกิดให้ไก่ตุ๋นตามมา

    ด้วย...โดยปล่อยให้พวงผกาและคุณยายเป็นผู้รับแขกจากดอยมูเซอไปก่อน...กาเผือกเร่งรถมอเตอร

    ไซด์โดยมีไก่ตุ๋นซ้อนท้ายไป..น้ำหนักของไก่ตุ๋นค่อนข้างมาก..ทำให้ความเร็วของรถช้าลง.....

    .....................ระหว่างทางกาเผือกได้บอกกับไก่ตุ๋นว่า...จะต้องไปซื้อสายยางยาวราว 10 เมตร

    เพื่อต่อเป็นท่ออากาศหายใจยามเขาอยู่ใต้น้ำ..พร้อมกับเชือกยาวที่จะต้องผูกเอวเขาไว้ยามเขาดำน้ำ..

    เพื่อไม่ให้ไหลไปตามกระแสน้ำ..และเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นให้สาวเชือกดึงเขาขึ้นจากน้ำ....นอก

    จากนี้เขายังต้องการเสื้อแขนยาวใส่ดำน้ำ..ด้วยอากาศหนาวยามนี้ใต้น้ำคงเย็นเยือก..และเขาอาจแข็ง

    ตาย...หากเป็นไปได้เขาอยากได้เสื้อหนังสำหรับนักประดาน้ำดำว่ายน้ำ.................

    ....................ฝ่ายพวงผกากับทูเลย์ก็เดินทางมาที่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน...เพื่อยืมเรือขนาดใหญ่จากพ่อ

    ของเพื่อนเธอ...ที่มีบ้านติดริมแม่น้ำ...เรือขนาดใหญ่สามารถจุคนได้ราว 10 คน..อย่างสบาย...ทั้งนี้

    มีเครื่องเรือติดไว้ท้ายเรือ..พวงผกาถามทูเลย์ว่า"สามารถขับเครื่องเรือได้ไหม"...ทูเลย์บอกว่า"เขาอยู่

    แต่บนดอย..ที่ดอยไม่มีเรือ"....ดังนั้นพ่อของเพื่อนเธอจึงได้ให้..คนขับเรือชื่อ"แดง"..เป็นคนคอยขับ

    เรือให้....

    ....................กาเผือกได้อุปกรณ์มาพร้อม..และเรือก็พร้อม..ดังนั้น วันพรุ่งนี้..พวกเขาจึงนัดหมาย

    กันที่จะดำเนินการ..เพื่อให้กาเผือกดำน้ำลงไปค้นหามิติใต้ลำน้ำน่านที่เมือง มีสุขหลับไหลมา

    แล้วเป็นเวลา 80 กว่าปี...ทั้งนี้พวงผกาได้เล่าให้คุณยายมั่นรับรู้ว่า "เมือง มีสุข พี่ชายของ

    คุณยายยังคงมีชีวิตอยู่..โดยหลับไหลอยู่ในมิติใตลำน้ำน่าน...ในสภาพที่เขายังคงเป็นชาย

    หนุ่มที่สง่างามเช่นเดิม"....คุณยายรู้สึกทึ้งไปกับเรื่องนี้มาก...และไม่อยากเชื่อว่ามันเป็น

    ความจริง...."แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงได้...คุณยายก็จะดีใจเป็นอย่างมาก"............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2265.JPG
      IMG_2265.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      65
    • IMG_0594.jpg
      IMG_0594.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  2. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................รุ่งขึ้นเช้าทุกคนเดินทางมาที่เรือลำ

    ใหญ่ที่เจ้าแดงกำลังรออยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่ง...พวงผกาเดินลงเรือนำหน้าพรรคพวก..ตามด้วย กาเผือก

    ไก่ตุ๋น เซจี ซูโอ๊ะ และ ทูเลย์...สภาพของเรือจมน้ำไปเล็กน้อย...เมื่อทุกคนลงเรือพร้อมกับอุปกรณ์ที่

    เตรียมไว้เสร็จสรรพ....เจ้าแดงได้ติดเครื่องเรือเสียงดังกังวานไปทั้งลำน้ำ...เรือค่อย ๆ แล่นทวนน้ำเป้า

    หมายคือ "สะพานข้ามแม่น้ำน่าน...ที่มีภาพปรากฎอยู่ที่พิพิธภัณฑ์"


    ....................เรือค่อย ๆแล่นฝ่าลมหนาวไปอย่างช้า ๆ แต่สำหรับฤดู

    หนาวยามนี้..แม้เรือจะช้าเพียงใดเมื่อร่างกายของคนบนเรือปะทะกับลมหนาวก็ถึงกับ........หนาวสั่น

    หงั่นหงก......กาเผือกคิดในใจพร้อมกับมองหน้าพวงผกาว่า"ขนาดบนเรือยังหนาวขนาดนี้...แล้วใต้น้ำ

    น่านที่เขาจะดำลงไป..มิหนาวจับขั้วหัวใจเลยหรือ"


    ...................ไก่ตุ๋นหนาวสั่นพลางเอ่ยขึ้นกับพี่ชาย...."เฮ้ย...มันหนาวอย่าง

    นี้มึงจะลงไปในน้ำไหวไหมนี่...ถ้าไม่ไหวยกเลิกก่อนก็ได้นะโว้ย"

    ...................กาเผือกค้วขมวดพร้อมพยักหน้าให้ไก่ตุ๋นดูไปทางเซจีเหมือนกับ

    บอกใบ้น้องชายไปในตัวว่า..."เซจี..นางต้องการให้ทำการที่ตกลงไว้ให้เสร็จสิ้น".....เพราะลักษณะ

    ของเซจีตอนนี้่นางมองลงไปที่พื้นน้ำพร้อมกับจับ"หน้าไม้และลูกดอกที่อยู่ในซองหนังสัตว์อย่าง

    แน่น"...เพราะของสิ่งนี้นางต้องการให้กาเผือกนำไปวางไว้ให้กับเมือง มีสุขในมิติใต้ลำน้ำน่านให้

    ได้....เพื่อเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็จะรู้ความหมายเอง........ดังนั้นการที่กาเผือก

    จะต้องดำน้ำลงไปคราวนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก...เพราะไม่เช่นนั้น..เซจีนางอาจเปลี่ยนเป็นนางมารร้าย

    เอาลูกดอกใส่หน้าไม้ไล่ยิงคนบนเรือก็เป็นได้.........ไก่ตุ๋นมองไปทางเซจีแล้ว

    หันกลับมาอย่างเข้าใจพี่ชายของตน.........

    .....................เรือแล่นไปไม่นานก็ถึงสะพาน...พวงผกาและกา

    เผือกสำรวจดูทันทีว่า "เสาต้นไหนของสะพานคือเสาเอก...เพราะที่เสาเอกนี้คือจุดที่ เมือง มีสุขจมน้ำ

    หายสาบสูญไป...และวิญญาณของแม่เฒ่านะจาที่เขาฝันกาเผือกบอกว่า..มิติภายใต้ลำน้ำน่านที่นาง

    พบเห็นเมือง มีสุข..อยู่ที่จุดที่เขาจมน้ำหายสาบสูญไป...."


    ......................ทั้งกาเผือกและพวงผกาสำรวจจนพบเจอเสา..และ

    ได้หันหน้าไปหาเซจีแล้วเอ่ยถามนาง...ด้วยรู้ว่านางเองก็สามารถใช้พลังจิตของนางตรวจสอบได้

    เหมือนกัน...."เซจี...ผมว่าเป็นเสาต้นนี้ใช่ไหม"

    ..................เซจียิ้มให้กาเผือกพร้อมพยักหน้า..แล้ว

    นางก็เอาเชือกมัดหน้าไม้และลูกดอกที่อยู่ในซองหนังสัตว์รวมกันไว้...และผูกสายสะพายให้กา

    เผือก..และส่งมอบให้เขา......กาเผือกอยู่ในชุดหนังที่พวงผกาได้ไปตระเวณหายืมมาให้เขา..จาก

    พรรคพวกที่เป็นนักดำน้ำ....พร้อมกับใส่แว่นตากันน้ำ....ที่ปากของเขาคาบสายยาง..ที่คลี่ออกมายาว

    10 เมตร...และผูกเชือกเข้าไว้กับเอวเพื่อให้ซูโอ๊ะและทูเลย์คอยดึงตนขึ้นจากน้ำยามเกิดเหตุ

    ฉุกเฉิน...ส่วนสายยางที่สำหรับใช้หายใจนั้น...ไก่ตุ๋นเป็นผู้ถือ...ไว้บนเรือ.......


    ....................ส่วนเจ้าแดงคนขับเรือได้ดับเครื่องเรือ..และมัดท้ายเรือไว้กับ

    เสาเอกที่เมือง มีสุขจมน้ำหายไป....พร้อมกับคอยเป็นผู้ช่วยพรรคพวกอีกแรงหนึ่ง............



    .....................เมื่อกาเผือกพร้อมสรรพ..เขาก็ค่อย ๆหย่อนตัวเองลง

    ไปในน้ำ...ด้วยต้องคาบสายยางไว้ในปากและคอยสูบอากาศเข้าทางปาก...ปล่อยลมหายใจออกไป

    ทางจมูก.............



    .......................กลางแม่น้ำน่านนั้นมีสภาพที่ลึกและน้ำไหลแรงเชี่ยว

    กราก...ทันทีที่ร่างของกาเผือกลงไปในแม่น้ำน่าน...ร่างของเขาก็ถูกกระแสน้ำพัดไปทันที....ซู

    โอ๊ะและทูเลย์ต้องรีบสาวเชือกดึงตัวเขากลับมา....และเปลี่ยนเป็นให้เขาเกาะเสาเอกของสะพานต้น

    นั้นไว้และจับเสาไต่ลงไปใต้น้ำ...ซึ่งก็ได้ผลแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากของกาเผือก...ที่จะต้อง

    ค่อยจับสายยางที่ปากและไต่ลงไป....ยามที่น้ำพัดแรงเขาต้องใช้ปากกัดสายยางแล้วเอามือสองมือ

    เกาะเสาต้นนั้นไว้............


    ....................กาเผือกไต่ลงไปใต้น้ำจนถึงครึ่งเสาและก็ใช้สายตามองดู...ฝ่า

    กระแสน้ำไป...แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด.....เขามีความรู้สึกหนาวเย็นอย่างมาก...จนแทบจะทนไม่

    ไหว.............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2012
  3. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขออนุโมทนาสาธุครับ...
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  4. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .............ครับ...ขอให้ท่านเจริญยิ่ง ๆขึ้นไปทั้งในทางโลกในทางที่ชอบ...และเจริญในธรรมยิ่ง ๆขึ้นไปจนถึงความหลุดพ้นนะครับ......
     
  5. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................กาเผือกไต่เสาสะพานลงไปจนสุด..จนถึงพื้นดิน

    ใต้แม่น้ำน่าน..ในขณะที่ปลายสายยางสำหรับหายใจที่ไก่ตุ๋นจับอยู่บนเรือ..ก็เกือบจะจมน้ำไป..เหลือ

    อยู่เหนือน้ำราว 10 เซนติเมตร....แสดงให้เห็นว่ากลางแม่น้ำน่านนั้นมีความลึกราว 10 เมตรหรือ 5

    วา..ในยามฤดูหนาวนี้..........


    ...................กาเผือกก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใด..ที่จะทำให้รับรู้

    ว่า"มันคือมิติใต้ลำน้ำน่าน..ที่เมือง มีสุขนอนหลับไหลอยู่"......ในความเป็นจริง..คนที่บอกกับแม่เฒ่า

    นะจาตอนนางยังมีชีวิตอยู่้ให้รับรู้ว่า"เมือง มีสุข..ไม่ได้จมน้ำหายไป..แต่หายเข้าไปภายในแสงสว่างจ้า

    ที่ส่องมาจากใต้พื้นน้ำนั้น".ก็คือเซจี...และเมื่อแม่เฒ่านะจาเสียชีวิตไป..."วิญญาณของนางได้ตามหา

    เมือง มีสุข..ลงไปใต้น้ำที่เขาจมหายไป...และนางได้อ้อนวอนต่อจิตวิญญาณของแม่น้ำน่าน...ขอให้

    วิญญาณของนางได้เห็น เมือง มีสุข ด้วย....
    ใน

    ที่สุดแม่น้ำน่านก็ได้เปิดมิติใต้ลำน้ำน่านให้แก่วิญญาณของแม่เฒ่านะจาได้เห็น..เมือง มีสุข ที่กำลัง

    หลับไหลอยู่ภายในแสงสว่างจ้านั้น..ที่นางเรียกมันว่า"มิติใต้ลำน้ำน่าน"...แต่วิญญาณของแม่เฒ่านะจา

    ไม่อาจเข้าไปภายในแสงสว่างจ้าหรือมิติแห่งนั้น....นอกจากเฝ้ามองดูเขา..และรู้สึกได้ว่า..."เมือง มี

    สุขยังไม่ตาย..แม่น้ำน่านซ่อนตัวเขาไว้ภายในมิติแห่งนั้นให้พ้นภัย...และเขาจะต้องออกมาจากมิติแห่ง

    นั้นขึ้นจากแม่น้ำน่าน..มาปรากฏกายในอนาคตอย่างแน่นอน"


    ...................กาเผือกกระตุกเชือกให้ทูเลย์และซูโอ๊ะ..ดึง

    เขาขึ้นไปด้านบน...ด้วยอยู่ใต้น้ำที่เย็นเยือกจนทนไม่ไหว......


    ...................ทันทีที่กาเผือกขึ้นบนผิวน้ำ..เขาได้ตรงมาที่เซจีแล้วเอ่ย

    ขึ้น........."เซจี..ผมไม่เห็นมิติแห่งนั้นเลย...มันมีอยู่จริงตามที่วิญญาณแม่เฒ่านะจากับเซจีบอกไหม"


    .................เซจียิ้มและมองที่ตากาเผือกพลางเอ่ย

    ขึ้น.........."เจ้านกน้อย..เจ้าลืมบอกอะไรกับแม่น้ำน่านหรือเปล่า"


    .................คำพูดของเซจีทำให้กาเผือกคิดได้

    ทันที...และคิดได้ถึงคำพูดของวิญญาณแม่เฒ่านะจาในความฝันว่า "ตอนที่เขาเป็นนกกาเผือก..และ

    สิ้นชีวิตไปก่อนจะเกิดเป็นคน..เขาเคยสัญญากับจิตวิญญาณของแม่น้ำน่านเอาไว้ว่า..จะกลับมานำขวด

    แก้วทรงมะม่วงที่จมน้ำอยู่ใต้ลำน้ำเจ้าพระยา..เมื่อเขามายังที่หมายขอให้แม่น้ำน่าน..มอบขวดใบนั้นให้

    แก่เขา..เพื่อเขาจะได้ทำหน้าที่ให้แก่เมือง มีสุขต่อไป...และในที่สุดแม่น้ำน่านก็นำขวดใบนั้นลอยขึ้น

    จากใต้พื้นน้ำและลอยมาหาเขา..ก่อนที่เขาจะมาจังหวัดน่านแห่งนี้"


    ...................ดังนั้น..เขากับจิตวิญญาณของแม่น้ำน่านจะต้อง

    คุ้นเคยกันมาก่อน...และถ้าเขาขอให้แม่น้ำน่านเปิดมิติแห่งนั้นให้เขาได้เห็น..ได้เข้าไปหาเมือง มี

    สุข...แม่น้ำน่านจะต้องเปิดให้เขาพบและเห็นอย่างแน่นอน........


    ...................คิดได้ดังนั้น..กาเผือกจึงนั่งสงบนิ่ง..พร้อมกับเซ

    จีนางได้หลับตาให้พลังจิตของนาง..เพื่อค้นหามิติแห่งนั้น...สักครู่กาเผือกก็ได้อธิษฐานต่อแม่น้ำน่าน

    ขึ้นว่า......."แม่น้ำน่าน..ผมคือเจ้านกกาเผือกตัวนั้น..ที่แม่น้ำน่านเคยสัญญากับผมเรื่องขวดแก้ว...ผม

    ต้องการพบเห็นเมือง มีสุขที่อยู่ภายในแสงสว่างมิติแห่งลำน้ำน่าน..เพื่อมอบของบางอย่างแก่

    เขา...และฝากคำพูดให้แก่เขาได้จดจำไว้..ขอแม่น้ำน่านได้โปรดเมตตาเปิดมิติแห่งนั้นให้ผม

    ด้วย"......


    .................ทันทีที่กาเผือกอธิษฐานจบ...สายลม

    หนาวได้กระโชกขึ้นอย่างแรง...พัดเรือลำนั้นให้โคลงไปมา..ทุกคนบนเรือต่างตกใจ...พร้อมกับสายน้ำ

    ที่กลางลำน้ำกลับเพิ่มความเร็วของกระแสน้ำ..พัดพาเรืออย่างแรง..จนเชือกที่เจ้าแดงคนขับเรือผูกติด

    ไว้กับเสาที่สะพานนั้น..ตึงจนแทบขาด....เซจีนางพยายามใช้พลังจิตตรวจสอบเหตุการณ์ดู...ก็ให้รู้สึก

    ว่าเป็นการกระทำของจิตวิญญาณแห่งลำน้ำน่าน........เรือโคลงไปมา.....และในที่สุดกระแสน้ำก็หยุด

    ไหลนิ่ง...มันหยุดไหลนิ่งเฉพาะกลางลำน้ำ...แต่ในส่วนของริมฝั่งทั้งสองฝั่งมันยังคงไหลแรงจัดอย่าง

    ผิดปกติ.....
    ..................น้ำกลางลำน้ำน่าน

    ที่หยุดไหลนิ่งทำให้เรือลอยอยู่กับที่และลอยทวนน้ำไปที่เสาเอกของสะพาน...น้ำที่หยุดนิ่ง...คอย ๆ

    หมุนวนเป็นวังน้ำวน...ทุกคนบนเรือเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างระทึก....น้ำหมุนวนอย่างเร็ว....กาเผือกเริ่ม

    รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น..เขากระชับสายสะพายหน้าไม้ให้แนบลำตัว..และขยับเชือกที่

    ผูกเอวให้แน่นขึ้น..ซูโอ๊ะและทูเลย์เห็นกาเผือกทำเช่นนั้น...ก็ขยับมือจับเชือกปลายไว้

    แน่น..............




    ....................และแล้วในที่สุดก็เกิดปรากฏการณ์..มีแสง

    สว่างจ้าดุจดวงอาทิตย์..สว่างอยู่ใต้ลำน้ำน่านและสาดส่องขึ้นมาบนผิวน้ำ..ตรงกลางของน้ำวน.....กา

    เผือกได้สติเขาเอาสายยางอมเข้าปากและกระโดดลงไปกลางน้ำวนที่มีแสงสว่างสาดส่องขึ้นมา

    ทันที...............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 005528.jpg
      005528.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.2 KB
      เปิดดู:
      80
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2012
  6. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................ร่างของกาเผือกจมดิ่งลึกลงไปด้วยแรงดูด

    ของกระแสน้ำวนที่ไหลหมุนอย่างแรง..พร้อมกับแสงสว่างจ้าที่สาดส่องขึ้นมานั้นกลับมีแรงดูดอย่าง

    มหาศาลดึงร่างของเขาลงไปลึกไปเรื่อย...จนในที่สุดสายยางที่ไก่ตุ๋นถือไว้สำหรับให้กาเผือกสูด

    อากาศจากบนผิวน้ำก็หลุดไปจากเขา..จมลงไปในกระแสน้ำวนนั้น..ทุกคนบนเรือตกใจอย่าง

    สุดขีด..ด้วยสำหรับกาเผือกแล้วเขาจะไม่มีอากาศหายใจอีกต่อไป....ซูโอ๊ะและทูเลย์ได้สติรีบดึงเชือก

    สาวให้เขาขึ้นจากใต้น้ำ...แต่ไม่เป็นผลเขาสองคนไม่อาจดึงร่างของกาเผือกขึ้นมาได้..ด้วยแรงดูด

    มหาศาลจากกระแสน้ำวนและแสงสว่างจ้าได้ดูดร่างเขาไว้..ซูโอ๊ะจึงตะโกนเรียกคนบนเรือ

    ทันที........."พวกเรามาช่วยดึงเชือกก่อน..."


    ...................เชือกในมือของซูโอ๊ะและทูเลย์

    ตรึง..และดึงมือของพวกเขา..ทุกคนเห็นดังนั้นจึงรีบมาช่วยกันดึงเชือก..ยกเว้นเพียงเซจีที่นั่ง

    หลับตา..เหมือนกับกำลังส่งกระแสจิตช่วยเหลือกาเผือกเจ้านกน้อยของนาง.....แต่อนิจจา..เชือกยาว

    ดังกล่าวได้รูดมือพวกเขาทั้งหมดไปเรื่อย ๆและค่อย ๆจมน้ำหายไป..และในที่สุดก็ถึงปลายเชือก..ทุก

    คนพยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะดึงกาเผือกขึ้นจากใต้น้ำ...และแล้วปลายเชือกเส้นนั้นก็หลุดจากมือ

    พวกเขาและจมลงใต้น้ำทันที


    ..................ทุกคนมาที่กาบเรือเพื่อมองดูเหตุการณ์

    ด้วยความตกใจ.....พวงผกาจึงเอ่ยอย่างตกใจ...."แล้วใครจะลงไปใต้น้ำดึงเชือกเส้นนั้นได้"


    ......................ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้อยู่ในช่วงคับขัน...พวงผกาและทุกคนบนเรือต่างรู้ดีว่าไม่มี

    ใครสามารถลงไปดึงเชือกเส้นนั้นกลับมาได้...ขนาดอยู่บนเรือยังไม่สามารถต่านทานแรงดึงดูดของ

    กระแสน้ำและแสงสว่างนั้นได้...และถ้าอยู่ใต้น้ำก็คงหมดความหมาย...

    ..................ทุกคนบนเรือจึงได้แต่เฝ้ารอด้วยใจ

    ระทึกว่ากาเผือกจะช่วยเหลือตนเองได้อย่างไร..และจะมีเหตุการณ์สิ่งใดเกิดขึ้นต่อไป......ในส่วนเซจี

    นั้นนางหลับตานั่งนิ่งอย่างไม่หวั่นไหว...และพยายามใช้พลังจิตของนางตามกาเผือกไป


    ....................ร่างของกาเผือกที่อยู่ใต้กระแสน้ำวนและภายใต้แสงสว่างที่

    ดึงดูดร่างเขาไว้..ค่อย ๆจมลึกลงไปทุกที..ลึกลงไปทุกทีโดยไม่มีท่าทีจะถึงพื้นใต้น้ำเลย....แต่แปลก

    ตรงที่เมื่อแสงสว่างถูกร่างของเขา..กาเผือกกลับสูดอากาศหายใจผ่านรูจมูกได้ในใต้น้ำ...เหมือนเขาได้

    รับอากาศจากแสงสว่างนั้น...กาเผือกรู้ว่าสายยางได้หลุดจากไก่ตุ๋นน้องชายแล้ว...พร้อมกับเชือกที่ซู

    โอ๊ะและทูเลย์ถืออยู่ก็หลุดจากมือของพวกเขาเช่นกัน...กาเผือกจึงเอาสายยางออกจากปาก..และแก้

    เชือกที่มัดเอวอยู่ออกไป..ของสองสิ่งเมื่อหลุดจากกาเผือกก็หมุนวนไปตามกระแสน้ำใต้น้ำลึกนั้น....


    ................กาเผือกรู้สึกสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณ

    ของแม่น้ำน่านกำลังจะพาร่างของเขาเข้าไปภายในมิติใต้ลำน้ำน่านที่เมือง มีสุขหลับไหลอยู่...เขา

    กระชับหน้าไม้และซองลูกดอกที่เซจีฝากมาให้แนบตัวขึ้น......


    ......................ร่างของกาเผือกจมลงลึกไปเรื่อย ๆ...และเหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้นกับเขา...สิ่งนั้นคือเมื่อ

    แสงสว่างสาดจ้าไปที่ตัวเขามากเพียงไร..เขาก็เริ่มระลึกชาติจดจำเหตุการณ์ในอดีตชาติระหว่างเขากับ

    เมือง มีสุขขึ้นได้อย่างแม่นยำ....ภาพตอนที่เขาเป็นลูกนกน้อยกำลังบินอยู่และได้ถูกนกใหญ่ไล่ทำร้าย

    ก็เริ่มปรากฎขึ้น....กาเผือกถูกจิกจมน้ำเมือง มีสุขเป็นผู้ว่ายน้ำมาช่วยเหลือเขาและรักษาพยาบาล

    เขา...ภาพของโนรี นรา"ผู้หญิงจันทร์เพ็ญ"ได้ปรากฎขึ้นให้เขาเห็นอย่างแจ่มชัด...เขารู้ได้ทันที

    ว่า"เขาและโนรี นรา เคยรู้จักกันในสมัยที่เขายังเป็นนกกาเผือกอยู่................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2012
  7. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง"เมือง มีสุข"

    กับ "นกกาเผือกหรือกาเผือก"..ในเบื้องต้นแรกเริ่มสำหรับท่านผู้มีเกียรติเพิ่งเข้ามาติดตาม

    อ่าน...อาจยังไม่รู้ก็ขอให้เปิดไปดูในหน้า 36 ตอนที่ 90 "ลูกนกกาเผือกแห่งลำน้ำน่าน" ก็จะเข้าใจ

    ได้ดีขึ้นครับ....


    ...................เรื่องราวมากมายในชีวิตของเขา..เขา

    เริ่มจดจำได้อย่างแม่นยำ...เขารำลึกได้ในขณะที่เขาเป็นนกกาเผือกเมื่อปี พ.ศ.2466 และได้บิน

    มาจนถึงเมืองชัยนาทหรือจังหวัดชัยนาทในปัจจุบัน...ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก..เขาบินจน

    หมดแรงและสิ้นใจตายที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา..เป็นขณะที่ขวดแก้วใบนั้นจิตและวิญญาณแม่น้ำ

    น่าน..ได้นำพามันจมลงใต้แม่น้ำเจ้าพระยา..ตรงบริเวณใกล้เคียงกับที่นกกาเผือกนอนตายอยู่...ร่าง

    ของนกกาเผือกไม่เน่าเปื่อยหรือสลายแต่กลับถูกดินโคลนที่แม่น้ำเจ้าพระยาพัดพามาหมกร่างของมัน

    อยู่ใต้พื้นโคลนต่อมาบริเวณนั้นก็กลายเป็นพื้นดิน..ทีึ่ฝังร่างนกกาเผือกไว้....วิญญาณของนกกาเผือก

    วนเวียนอยู่ที่ร่างของมันและขวดแก้วที่มันลงไปดูที่ใต้น้ำนั้นสงบนิ่ง...วิญญาณของนกกาเผือกแปลกใจ

    ที่ขวดแก้วที่ลอยน้ำมันจมน้ำได้อย่างไร...วิญญาณของมันพยายามจะดันขวดแก้วขึ้นจากใต้แม่น้ำ

    เจ้าพระยา...เพื่อนำพามันไปสู่โนรี นรา หญิงผู้มีใจโอบอ้อมอารีย์ที่มันเคยรู้จัก..และรับรู้ว่า"นางคือคน

    รักของเมือง มีสุข"..................และแล้วในที่สุดมันก็เข้าใจว่า.."จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้อง

    รักษาขวดแก้วใบนั้นอย่างแน่นอน..."...วิญญาณของนกกาเผือกจึงอธิษฐานขอพบกับผู้ปกป้องดูแล

    ขวดแก้วใบนี้...และแล้วในที่สุด...ก็ปรากฎร่างของ"หญิงงามที่ร่างกายใสดุจแก้ว..มีแสงสว่างเรือง

    รอง....นางบอกว่า..นางคือจิตวิญญาณของแม่น้ำน่านซึ่งรักษาขวดแก้วใบนี้ไว้..และนางคือแม่ของ

    เมือง มีสุข..ซึ่งนางได้นำพาเขาซ่อนตัวไว้ในมิติใต้ลำน้ำน่าน...จิตวิญญาณของแม่น้ำน่านบอกกับ

    วิญญาณของนกกาเผือกว่า..วิญญาณของนกกาเผือกไม่สามารถนำขวดแก้วใบนี้ไปสู่โนรี นราได้..นอก

    เสียจากเจ้าจะไปเกิดเป็นคนและนำพาขวดแก้วใบนี้ไปให้โนรี นรา..จึงจะสำเร็จ...........กาเผือกและ

    แม่น้ำน่านจึงสัญญากันไว้ว่า..."นกกาเผือกจะหาทางไปเกิดเป็นคนและจะมายังสถานที่นี้อีกหาก..ตัว

    เขานั่งหรือยืนเหยียบบนพื้นดินที่ฝังร่างซากนกกาเผือกเมื่อไร...ให้แม่น้ำน่านรับรู้ว่าเขาคือนกกาเผือก

    ตัวนั้น..และให้แม่น้ำน่านนำพาขวดแก้วขึ้นจากใต้น้ำและนำมาให้เขาทันที......และแล้วใน

    ปีพ.ศ.2517 วิญญาณของเจ้านกกาเผือกก็ได้ไปเกิดเป็นลูกชายของนางพยาบาลท่านหนึ่งที่อยู่ในโรง

    พยาบาลชัยนาท.....ซึ่งนางพยาบาลท่านนั้นได้ฝันก่อนที่เขาจะเกิดว่า...ได้มีนกกาเผือกขนสีขาว

    บริสุทธิ์บินมาจากทิศตะวันตกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา...และบินเข้าไปในท้องของนางขณะนางกำลังท้อง

    จวนออกลูก..วันรุ่งขึ้นนางจึงคลอดเด็กคนนั้นออกมา..ซึ่งเด็กคนนั้นได้มีจิตวิญญาณของนกกาเผือก

    อยู่...และด้วยเหตุที่ฝันถึงนกกาเผือก....นางพยาบาลท่านนั้นจึงตั้งชื่อเขาว่า"กาเผือก"............และ

    เมื่อเขามายังสถานที่ที่ฝังซากนกกาเผือกในวัีนนั้น..แม่น้ำน่านจึงนำขวดแก้วมาสู่เขาทันที...............
     
  8. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................ท่านผู้มีเกียรติที่ติดตามอ่านอาจไม่เข้าใจว่า"เมือง มี

    สุข"มาเป็นลูกแม่น้ำน่านได้อย่างไร..ก็อาจไปเปิดดูทำความเข้าใจในหน้าที่ 17..ตอน "เมือง มีสุข ลูก

    แม่น้ำน่าน"...ซึ่งได้กล่าวถึงตอนที่ทารกที่ยังไม่ได้ถูกตั้งชื่อซึ่งเป็นลูกของ"ขุนทัพ"และ"สายฝนหรือ

    ตะละแม่ราชาวดี"..ได้คลอดออกมาและร้องไห้ไม่ยอมหยุดและไม่ยอมดื่มนมจากถันของนาง..จนขุน

    ทัพและสายฝนได้อุ้มทารกน้อยขึ้นเรือพร้อมกับบ่าวไพร่ข้ามแม่น้ำน่านจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวัน

    ตก...สายฝนนางได้รำลึกถึงขวดแก้วทรงมะม่วงที่ซีกหนึ่งบรรจุน้ำจากแม่น้ำสาละวินเอาไว้..ส่วนอีกซีก

    หนึ่งได้ใส่เหล้าหรือน้ำจัณฑ์เอาไว้...นางคิดว่าบางทีน้ำจากแม่น้ำสาละวินเมื่อทารกน้อยดื่มไปอาจหยุด

    ร้องไห้..แต่นางไม่ได้เอาขวดนั้นมา....นางจึงร้องวั๊กน้ำจากแม่น้ำน่านให้ทารกน้อยดื่มกิน..เมื่อทารก

    น้อยดื่มเข้าไปกับดื่มน้ำจากแม่น้ำน่านอย่างหิวกระหาย..เสมือนได้ดูดดื่มน้ำนมจากแม่...ต่อมาได้เกิด

    คลื่นซัดเรือจนโคลงและทารกน้อยพลัดหลุดมือของสายฝนตกลงไปในแม่น้ำน่าน....และได้เกิดเหตุ

    อัศจรรย์ที่ทารกน้อยไม่จมน้ำ..และลอยนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหลตามน้ำ...จนเรือลอยออกไปไกล..และได้

    พยายามหันย้อนกลับมาทางทารกที่ลอยน้ำ..แต่ปรากฏว่า่ได้เกิดน้ำหมุนวนรอบทารกน้อย...เพื่อ

    ป้องกันสัตว์ร้ายใต้น้ำและไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ทารกน้อย...จนสายฝนได้อธิษฐานต่อแม่น้ำน่านได้ใจความ

    โดยย่อว่า "ข้ารู้ว่าแม่น้ำน่านคือแม่ของทารกน้อย..และแม่ได้ให้เขาได้ดูดดื่มน้ำนมจากแม่แล้ว(น้ำใน

    แม่น้ำน่าน)..พร้อมกับช่วยชีวิตเขาไว้....ขอแม่(แม่น้ำน่าน)ได้โปรดให้ข้าเป็นแม่ของเขาด้วยคน

    หนึ่ง..แล้วข้าจะเลี้ยงดูเขาอย่างดีและจะบอกแก่เขาว่า"แม่น้ำน่านคือแม่ของเขา"..."



    ..................ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นความผูกพันของแม่น้ำน่านกับ

    เมือง มีสุขมาโดยตลอด....เมือง มีสุขเขาเหมือนมีแม่อยู่ 2 คน คนหนึ่ง คือ ผู้ให้กำเนิด..อีกหนึ่งคือ

    เทพเจ้าแห่งลำน้ำหรือจิตวิญญาณของแม่น้ำน่าน..ที่ช่วยเหลือเขามาตลอดดุจแม่ผู้รักลูกสุด

    หัวใจ...............


    ..................ร่างของกาเผือกดิ่งลงจนถึงต้นกำเนิดแห่งแสงใต้ลำน้ำ

    น่าน...เขาได้แลเห็นร่างของ"เมือง มีสุข"นอนหลับสนิทอยู่ในวงน้ำที่คลุมร่างเขาไว้คล้ายครอบ

    แก้ว....กาเผือกเดินเหยียบพื้นซึ่งไม่ใช่พื้นดินแต่เป็นพื้นของแสงสว่าง...ที่แผ่วเบา...กาเผือก

    เคลื่อนไหวตัวได้ดุจอยู่บนบกไม่ได้มีแรงหนืดของน้ำชุดรั้ง....เขามองร่างของเมือง มีสุข ด้วยความดีใจ

    และตื้นตันใจ...ที่คนที่เขาพยายามช่วยชีวิตตอนที่เขาเป็นนกกาเผือกยังมีชีวิตอยู่...เขานึกถึงภาพ

    เหตุการณ์วันนั้นที่เขาบินมาจับคอเสื้อของชายผู้นี้ไว้และกระัพือปีกบินเพื่อพยุงร่างเขาไว้ไม่ให้จม

    น้ำ...แล้วพยายามกระพือปีกบินขึ้นเพื่อดึงร่างเขาให้พ้นน้ำ....แต่แล้วเขาก็จมไปพร้อมกับเมือง มี

    สุข..จนเกิดแสงสว่างใต้น้ำขึ้นดึงร่างของเมือง มีสุขลงไป...เขาในร่างนกจึงพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำและบิน

    ขึ้นสู่อากาศ..............


    ....................."เมือง มีสุข...เมือง มีสุข" กาเผือกเรียกพลางอย่าง

    สนิทสนมพร้อมกับเขย่าตัวเขา...แต่ไม่เป็นผล...ร่างของเขายังนอนสงบนิ่งอยู่....กาเผือกสัมผัสกับ

    กายของเมืองแล้ว...รู้สึกว่าร่างนั้นเย็นมาก....เขาเอามือไปอังจมูกก็พบว่า...ยังมีลมหายใจอยู่เป็น

    จังหวะ ๆ....ใช่สิในเมื่อกาเผือกเองยังหายใจได้แล้วทำไมเมือง มีสุขจะหายใจไม่ได้เมื่ออยู่ในที่นี้.....


    .....................กาเผือกพิจารณาดูร่างกายของเมือง มีสุข...เขา

    ยังคงเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาสง่างามอย่างไม่มีที่ติ....กาเผือกนั่งคุกเข่าลงพร้อมกับปลดสายสพาย

    หน้าไม้และซองหนังลูกดอกออกมาพร้อมกับวางไว้บนหน้าอกของเขา.......เพื่อให้เขาได้รับรู้ปริศนาที่

    เซจีบอกแก่เขาว่า.."เมื่อเมือง มีสุขฟื้นขึ้นมา..เขาจะเข้าใจและเดินทางมาที่ดอยมูเซอ

    ทันที".............


    ....................ในขณะที่กาเผือกอยู่ภายในมิติของลำน้ำน่าน...ปรากฏว่าสาย

    ยางและเชือกที่เขาปลอดออกได้หมุนวนและหลุดออกนอกกระแสน้ำวนลอยขึ้นสู่ผิวน้ำทันที....



    ...................."นั่น..พวกเราดูสายยางกับเชือกลอยขึ้นมาแล้ว" เจ้า

    แดงคนขับเรือเอ่ยอย่างตกใจ.....ทุกคนหันไปมอง


    ...................พวงผกามีอาการตกใจและน่าซีดเผือดพร้อมกับไก่ตุ๋นและ

    พรรคพวกบนเรือ...ยกเว้นเพียงเซจีที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเลย..เพราะนางกำลังส่งกระแสจิตอย่างแรงลง

    สู่ใต้พื้นน้ำนั้นเพื่อเจาะเข้าไปในมิติแห่งลำน้ำน่าน.....


    ....................."พี่กาเผือก..เป็นอะไรไปแล้ว"...พวงผกาพูดอย่างสั่นเครือ

    พร้อมกับมองหน้าไก่ตุ๋น...........



    ........................ไก่ตุ๋นไม่อยากเชื่อว่ากาเผือกจะหลุดหายไปในน้ำ

    โดยทิ้งเชือกเส้นนี้ไว้..เพราะแสงสว่างภายใต้พื้นน้ำในกระแสน้ำวนยังคงอยู่.....เขาคิดว่า..เซจีเท่านั้น

    ที่น่าจะรู้............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2012
  9. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................ไก่ตุ๋นหันไปมองที่เซจีที่กำลังหลับตาอยู่...สิ่งที่ไก่ตุ๋น

    เห็นคือรอยแย้มยิ้มของนางขณะหลับตาอยู่...นางกำลังสุขใจ...ไก่ตุ๋นคิดพลางว่า...เซจีจะต้องพบเห็น

    อะไรภายใต้น้ำนั้นเกี่ยวกับกาเผือก...บางทีพี่ชายของเขาคือกาเผือกอาจเข้าไปสู่มิติภายใต้ลำน้ำน่าน

    แล้ว...และเขาอาจจะพบกับเมือง มีสุขแล้วก็ได้...ไก่ตุ๋นคิดพลางสะกิดให้พวงพกามองไปที่เซจี......



    ..................พวงผกากำลังอยู่ในอารมณ์หวาดวิตกเกี่ยวกับกาเผือกที่

    หลุดไปอยู่ในกระแสน้ำวนนั้น...พอนางเห็นเซจีมีใบหน้าที่เบิกบาน..นางก็เริ่มปรับเปลี่ยนอารมณ์..ด้วย

    เซจีแม้นางจะผิดปกติ..แต่สัมผัสของนางลึกล้ำมาก..นางอาจจะบอกในสิ่งที่นางเห็น..หรือไม่พูดเลยก็

    เป็นได้...แต่ขณะนี้ทั้งไก่ตุ๋นและพวงผกา...ไม่กล้าที่จะกวนใจเซจี....ด้วยคิดว่า"เมื่อนางแย้มยิ้มใน

    ขณะหลับตาเช่นนี้...นางคงเห็นความสำเร็จดังใจนางปรากฎขึ้น...


    ...................ย้อนกลับมาที่กาเผือก...หลังจากเขาวางหน้าไม้ลงบนที่หน้าอก

    ของเมือง มีสุข...เขาเอามือค่อย ๆไปจับที่ใบหน้าของเมือง มีสุข..และลูบใบหน้าของเมืองอย่าง

    ทะนุถนอมพลางเอ่ยขึ้นด้วยอยากให้เขาได้ยินคำพูดของเขา...."เมือง มีสุข...ผมคือนกกาเผือกตัว

    นั้น...ผมเกิดมาเป็นคนและทำตามคำขอของท่านที่ให้ไว้แล้ว...เสร็จจากนี้ไป..ผมจะไปนำขวดแก้วอีก

    ซีกหนึ่งที่ถูกฝังอยู่ที่สถานที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน...ไปให้ถึงโนรี นรา...ผมรู้มาว่า...นางยังรอคอยท่า

    นอยู่....วิญญาณของนางหลุดลอยมาอยู่ที่ทรายน้ำลึกใต้ลำน้ำตาปี.......ผมไม่รู้ว่า..ท่านจะออกจาก

    มิตินี้และขึ้นจากแม่น้ำน่านเมื่อไรในอนาคต......แต่เชื่อว่า..เมื่อท่านขึ้นจากน้ำ..ผมคงจากโลกนี้ไป

    แล้ว....ทิ้งไว้เพียงความทรงจำระหว่างตอนที่ผมเกิดเป็นนก....แต่ผมอยากให้ท่านจดจำผมตอนที่ผม

    ได้เกิดเป็นคน..และจดจำว่าครั้งหนึ่งผมเคยมาพบท่านที่มิติใต้ลำน้ำน่านแห่งนี้.........หากผมมีวาสนา

    ได้เกิดอีกในอนาคตที่ท่านและโนรี นราจะกลับมาสู่โลกอีกครั้่งหนึ่ง....ผมขอเกิดเป็นเพื่อนของ

    ท่าน...ให้เป็นดังนกกาเผือกในอดีตอีกครั้งหนึ่ง....ลาก่อน เมือง มีสุข"


    ...................คำพูดของกาเผือกดังก้องกังวานอยู่ในมิติืแห่ง

    นั้น....เมือง มีสุขเสมือนกับเขารับรู้โดยฝันไป...เขาฝันว่าเจ้านกกาเผือกในอดีตตัวนั้นได้บินลงมาหา

    เขาในสภาพที่เป็นนก...และมันได้ว่ายน้ำมาหาเขา...ปากของมันคาบหน้าไม้กับซองลูกดอกมาวางไว้ที่

    หน้าอกของเขา....เมือง มีสุขแย้มยิ้มในขณะที่หลับไหลอยู่.........



    ..................กาเผือกเห็นเช่นนั้นเขาเกิดปิติอย่างแรงกล้า...และเรียก

    เมือง มีสุขขึ้นอย่างดังอีกครั้งหนึ่ง......."เมือง มีสุข...ท่านจงจดจำผมไว้ด้วยนะ"...........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2240.JPG
      IMG_2240.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      71
    • IMG_2265 (2).JPG
      IMG_2265 (2).JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      70
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  10. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................กาเผือกมองดูเมือง มีสุขอีกครู่หนึ่ง...เขาก็หันหลัง

    กลับ...แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่า.."เขาลงมาสู่มิติใต้ลำน้ำน่านภายใต้แสงสว่างแห่งนี้...แต่เขาไม่รู้ว่า..เขา

    จะออกไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร....เชือกที่ผูกเอวไว้ก็ดี..สายยางที่สูดอากาศจากด้านบนผิวน้ำก็

    ดี....ต่างก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว.....เขานึกถึงจิตวิญญาณของแม่น้ำน่าน..อีกครั้ง...และเชื่อว่าแม่น้ำ

    น่านจะต้องเปิดทางนำเขาขึ้นสู่เหนือน้ำ...ด้วยภาระกิจที่เขาต้องทำเพื่อเมือง มีสุขต่อไปนั้นยังไม่เสร็จ

    สิ้น....และแม่น้ำน่านนั้นคอยช่วยเหลือตัวเขาอยู่แล้ว"....เขาจึงเอ่ยขึ้นโดยส่งจิตโดยตรงถึงจิต

    วิญญาณแม่น้ำน่าน.."แม่น้ำน่าน..ช่วยพาผมกลับไปทีเทอญ"

    .....................สิ้นคำพูดของกาเผือก..ร่างของเขาค่อย ๆลอยห่างออกจาก

    เมือง มีสุข..และค่อย ๆลอยขึ้นไปเหมือนกับแสงสว่างจ้าในมิตินั้นเป็นตัวดันร่างของเขาขึ้นมา......เขา

    ลอยขึ้นมาจนถึงกระแสน้ำวน..กาเผือกหายใจสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่เพราะรู้ว่า..เมื่อพ้นจากจุดที่

    เป็นแสงสว่างเขาจะหายใจสูดอากาศไม่ได้..ดังนั้น.เมื่อเขาสูดอากาศแล้วก็กลั้นใจทันที....แสงสว่างจ้า

    ได้ดันร่างเข้าสู่กระแสน้ำวน...ร่างของเขาหมุนวนไปตามน้ำ..และถูกดันขึ้นไปเรื่อย ๆ....และแล้วใน

    ที่สุดเขาก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมา....พร้อมกับกระแสน้ำวนได้หยุดหมุนและดับไปพร้อมกับแสงสว่างใต้น้ำ

    นั้น.....


    ...................พวงผกาดีใจเป็นที่สุด..นางตะโกนบอกพรรคพวก

    ทันที...."พี่กาเผือกขึ้นมาแล้ว...พวกเรารีบโยนเชือกไปให้เขาเกาะแล้วดึงขึ้นมาเร็ว".....


    .........................ซูโอ๊ะและทูเลย์รีบโยนเชือกไปที่ร่างกาเผือก..กาเผือกจับเชือกนั้นไว้..แล้วซู

    โอ๊ะกับทูเลย์ก็ดึงเขาขึ้นเรือทันที........................เมื่อขึ้นบน

    เรือ..กาเผือกมองไปที่เซจีเป็นคนแรก...และเห็นนางลืมตาขึ้นพร้อมกับยิ้มให้กับเขา...กาเผือกยิ้มรับ

    ตอบ...เซจีจึงเอ่ยขึ้น......."เจ้านกน้อย..เจ้าทำสำเร็จจนได้นะขอบคุณเจ้ามาก...ข้าเห็นเจ้ากับเมือง

    มีสุขตลอดที่เจ้าอยู่ในมิติแห่งนั้น...ขอบคุณเจ้ามาก"
    ...........ความรู้สึกของเซจีนางดีใจ

    เป็นที่สุด...และคิดว่าปริศนาหน้าไม้และซองลูกดอกที่กาเผือกไปวางไว้ให้แก่เมือง มีสุข....เขาจะต้อง

    คิดได้เมื่อเขาตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลในมิติใต้ลำน้ำน่านแห่งนั้น.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2012
  11. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................ความสำเร็จของกลุ่มคนบนเรือก่อให้เกิด

    ความสุขใจ..กาเผือกกับพวกกลับมาที่บ้านคุณยายมั่น...เซจีเตรียมตัวออกเดิน

    ทางกลับดอยมูเซอทันที.....ซูโอ๊ะและทูเลย์นั่งพร้อมกันที่เกวียน.....เซจีเดิน

    ก้มหน้ามาที่เกวียนโดยมี กาเผือก ไก่ตุ๋น..และพวงผกาเดินมาส่ง............



    ..................โดยก่อนขึ้นเกวียน...เซจีได้มองหน้ากา

    เผือกและจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างเนิ่นนาน..เหมือนนาง

    กำลังคิดอะไรอยู่....และแล้วหยาดน้ำตาเล็ก ๆของนางก็ค่อย ๆไหลออกมาจาก

    ดวงตาน้อย ๆคู่นั้นทั้งสองข้างไหลพรากมาที่แก้ม......สิ่งที่นางคิดอยู่จนเกิด

    ความซึมเศร้าและสะท้อนออกเป็นภาพที่เศร้า..ก่อนจากกาเผือกกับพวกให้พวก

    เขาได้เห็น...พวกเขาตกตะลึงและรู้สึกสัมผัสถึงความเศร้าในใจของเซ

    จี
    ...........

    ..................นางเดินเข้าไปหากาเผือกและ

    สวมกอดเขาไว้แน่น..พร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลล่วงหล่นมาบนบ่าของกา

    เผือก...นางได้เอ่ยขึ้นอย่างสะอื้น..........."เจ้านกน้อย...เราคงไม่ได้พบกัน

    อีกแล้ว...ข้าและเจ้าคงลาโลกนี้ไปก่อนที่เมือง มีสุข..จะขึ้นมาจากแม่น้ำ

    น่าน...ข้าเพียงแต่อยากให้เขารับรู้ว่า..ยังมีข้าอีกคนหนึ่งที่รักและศรัทธาเขา

    และรอคอยเขาอยู่....ลาก่อนเจ้านกน้อย..ข้าจะจดจำเจ้าไว้"


    ...................คำพูดของนางและการกระทำ

    รวมทั้งความรู้สึกที่นางแสดงออกมา...ทำให้หัวใจของกาเผือกเศร้าสลด

    ลง..และรู้สึกเวทนาในตัวเซจี....และเขาก็รู้สึกถึงความจริงตามที่วิญญาณของ

    แม่เฒ่านะจาบอกไว้ในความฝันว่า...."เซจีนางเป็นคนมีจิตใจที่ดีงาม"....ด้วย

    เหตุที่นางคิดอยู่แต่ในโลกของจินตนาการนางจึงไม่สามารถแสดงออกถึงจิตใจ

    ของนางที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้...


    ...................กาเผือกเริ่มน้ำตาคลอ..ในขณะที่

    พวงผกานั้นเธอเองได้ร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นภาพดังกล่าว.....เซจีค่อยเดินไป

    ขึ้นเกวียน..และก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา........


    .......................เกวียนค่อย ๆเคลื่อนออกจากบ้านคุณยายมั่น..โดยมีกา

    เผือก ไก่ตุ๋นและพวงผกามองตามไป....เซจีนางเกิดความเศร้าสลดขึ้นภายใน

    ใจ..ข้อแรกนางดีใจที่กาเผือกได้มอบหน้าไม้และซองลูกดอกให้กับเมือง มี

    สุข...แต่นางเสียใจที่ชีวิตของนางไม่อาจพบเห็นเขาในโลกแห่งความจริง

    ได้...เพราะนางสังหรณ์ใจอยู่ตลอดเวลาว่า"แม่น้ำน่านจะต้องซ่อนตัวเมือง มีสุข

    ไว้ในมิติแห่งนั้นเป็น 100 ปีทีเดียว...ซึ่งชีวิตของนางคงจากโลกนี้กลายเป็น

    ดวงวิญญาณเช่นแม่เฒ่านะจาอย่างแน่นอน"...............


    ...................ดังนั้นเมื่อนางกลับไปถึงดอยมูเซอ...เซ

    จีได้วาดภาพของนางขึ้นไว้ที่ห้องเก็บศพของแม่เฒ่านะจา...และได้วาดภาพ

    ตามที่"นางได้เห็นกาเผือกวางหน้าไม้พร้อมซองลูกดอกบนหน้าอกของเมือง มี

    สุข.ในมิติใต้ลำน้ำน่านนั้น..เพื่อให้ความทรงจำจากภาพวาดนี้เป็นผู้บอกแก่เมือง

    มีสุข..เมื่อเขาได้ขึ้นมาจากแม่น้ำน่านและมาที่ดอยมูเซอแห่งนี้....


    ...................ความรักของเซจีนั้นหนักแน่นดุจ

    ขุนเขา...ทั้ง ๆที่นางไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักเมือง มีสุขมาก่อนเลย...และก็เช่น

    เดียวกับที่"เมือง มีสุข"ไม่เคยรู้จักกับนางมาก่อนเช่นกัน......แต่เรื่องราวของ

    เขาได้กระแทกใจของสาวน้อยดอยมูเซอให้เกิดมโนภาพระหว่างเขาและ

    นาง..อันเป็นความรักที่สวยงามในใจนางขึ้นได้...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mk.jpg
      mk.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.7 KB
      เปิดดู:
      66
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  12. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....ขออภัยที่ไม่ได้เขียนต่อ....อีกไม่นานจะกลับมาเขียนต่อครับ...ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติที่ติดตามอ่านครับ..........
     
  13. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ตอนที่ 117 ภาพวาดลูกธนูที่ปักเหยี่ยวบนดอยมูเซอ

    .................คืนนั้นกาเผือกกลับมาวาด

    ภาพที่เขาพบเห็นภาพในห้องเก็บศพแม่เฒ่านะจา..ตามคำบอกเล่าของเซจีสาวชาวดอยผู้

    มีใจรักมั่นต่อเมือง มีสุข บุรุษที่นางไม่เคยพบเขามาก่อน..แต่นางได้สร้างภาพของเขาและ

    นางขึ้นตามจินตนาการภายในจิตใจของนาง


    .................กาเผือกนึกถึงเรื่องราวระหว่างเขากับเซจี..

    พร้อมกับอ้อมกอดของนางและคำพูดของนางที่เรียกเขาอย่างเอ็นดูว่า "เจ้านกน้อย" คำ

    พูดของนางลึกซึ้งกินใจกาเผือก...เขาคงไม่มีวันลืมเซจี..นางที่ขังเขาไว้ภายในห้องลึกลับ

    บนดอยมูเซอกับศพแม่เฒ่านะจาและความเกรี้ยวกราดของนางที่ทำกับเขา..แต่พฤติการณ์

    เช่นนี้แทบจะไม่ทำให้เขาอคติต่อนางเลย..เมื่อปรากฎพฤติการณ์ของนางที่แสดงต่อเขา

    อย่าง"รักและเอ็นดูเขา"..."เจ้านกน้อย...คำพูดที่ช่างดูอ่อนหวานและอ่อนโยนที่ใครได้ยิน

    ได้ฟังก็คงรับรู้ความในใจของผู้พูดได้เป็นอย่างดี"


    ...................กาเผือกวาดภาพพร้อมกับนึกถึงลักษณะของเหยี่ยว

    และลูกธนูที่ปักอยู่ที่ลำตัวของตัวเหยี่ยว..เขาวาดออกมาได้เหมือนและชัดเจนมาก...แต่

    เขาไม่ยอมที่จะวาดแบล็คกราวที่อยู่ภายในห้องลึกลับนั้นออกมา...ดังนั้นภาพคงมีแต่ตัว

    เหยี่ยวที่กรงเล็บเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ของขอนไม้ที่ติดตั้งมันพร้อมกับลูกธนูของเมือง มีสุขดอก

    นั้น.....เขาตั้งใจวาดภาพมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์จังหวัดน่าน..เพื่อนำไปประกอบเรื่องราว

    ของเมือง มีสุข....เพราะเรื่องราวของเขาเป็นความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ที่มีความตื่นเต้นโลดโผน

    น่าทึ่งและสวยงาม.....ผู้คนยังคงติดตามเรื่องราวของเขาอยู่...จุดสุดท้ายที่พวกเขารับรู้ คือ "เมือง มี

    สุข" ถูกกองกำลังพม่ายิงเข้าใส่และเขาจมน้ำหายสาบสูญไปในแม่น้ำน่านเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน

    2466 และไม่มีร่างของเขาขึ้นมาจากน้ำเลย...แม้แต่ศพที่ยืนยันว่าเขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วก็ไม่

    ลอยอืดขึ้นมาให้เห็น


    .....................ในที่สุดเขาก็วาดภาพจนเสร็จสิ้นในตอนใกล้รุ่ง...พร้อมกับ

    เตรียมตัวที่จะเดินทางไปที่เขาที่มีจุดจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน..เพื่อค้นหาขวดแก้วทรงมะม่วงอีกซีก

    หนึ่ง......อันเป็นภาระกิจที่เขาได้ทำจะต้องทำเป็นเป้าหมายแรก...แต่เหตุการณืต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับ

    เขา.......มันกลายเป็นภารกิจแทบจะอันดับสุดท้ายเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2012
  14. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ..............ก็ขอบอกกล่าวแก่ท่านผู้มีเกียรติที่เข้ามาใหม่...หากติดตาม"เรื่องเล่าที่ดัดแปลงให้เป็นนิยายเรื่องนี้"....ตอนแรกที่นำเสนอคือ ตอนที่ 41 หลวงปู่ศุข เมืองชัยนาท อยู่ที่ หน้า 15.....แล้วก็มีการเรียงสลับตอนใหม่เรื่อยมา..เพราะบางท่านอาจสับสน...ว่าตอนไหนแน่คือตอนแรก.....เอาเป็นว่า "ผู้เขียนตั้งใจลำดับตอนใหม่ให้เป็นไปตามนี้ครับ" ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่ติดตามเข้ามาอ่านครับ....
     
  15. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .................กาเผือกม้วนกระดาษภาพวาดส่งให้พวงผกาให้

    เก็บไว้..แล้วกำชับว่า..เขากับไก่ตุ๋นจะรีบเร่งเดินทางไปที่เขาตรงจุดที่จันทร์เสี้ยวแยกจาก

    กัน...และเมื่อได้ขวดแก้วอีกซีกหนึ่งมาเขาจะกลับมาที่บ้านคุณยายมั่นอีกครั้งหนึ่ง...แล้วจะ

    เดินทางไปจากเมืองน่าน...โดยจะกลับมาวางแผนเพื่อหลบหลีกคนแปลกหน้าที่จ้องจะชิง

    ขวดแก้วใบนี้ไป..และหลบหลีกคนของพิพิธภัณฑ์......หากเขาทั้งสองไปจากที่นี่แล้ว

    ...ให้พวงผกานำภาพที่เขาวาดขึ้นเกี่ยวกับลูกธนูที่ปักอยู่ในร่างนกเหยีึ่ยวนี้ให้แก่ทาง

    พิพิธภัณฑ์


    ....................กาเผือกกับไก่ตุ๋นออกเดินทางทันทีด้วยรถ

    มอเตอร์ไซด์วิบากคันนั้น.......สองพี่น้องมาถึงเขาเอาราวเกือบเที่ยง



    ......ตอนที่ 118 ขึ้นภูเขาจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน.......

    ..................กาเผือกและไก่ตุ๋นปีนป่ายขึ้นบนภูเขาสูงชันอย่าง

    เหนื่อยยาก..รถมอเตอร์ไซด์วิบากจอดรออยู่ที่ตีนเขา....อากาศค่อนข้างเย็นจึงไม่ร้อน

    มาก....สองพี่น้องไต่ขึ้นจนถึงยอดเขา...ราวบ่ายสามโมงเย็น อากาศเริ่มครึ้มลงด้วยเป็น

    ฤดูหนาว...ซึ่งดวงอาทิตย์ตกเร็วกว่าฤดูกาลอื่น..........
     
  16. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .................."ไอ้อ้วนมึงจำต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นได้ไหม" กาเผือกเอ่ย

    ถามไก่ตุ๋นน้องชายด้วยเริ่มไม่แน่ใจ..เพราะพอเขาสองคนขึ้นมาสัมผัสบนยอดเขานี้แล้วงง

    กลับมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายตนขึ้นสลับไปมา


    ..................."กูเองก็ชักไม่แน่ใจว่ะ..ตำแหน่งที่มองจาก

    เขาลูกโน้นมาที่เขาลูกนี้..ดูว่ามันเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนยอดเขา...แต่พอมาดูจริง ๆกับมี

    ต้นไม้หลายต้นอีก" ไก่ตุ๋นแสดงความเห็น


    ...................."แล้วเอายังไงกันดีว่ะ"

    ...."กูว่าเราต้องรอดูจันทร์เสี้ยวขึ้นอีกทีหนึ่งว่ะ"

    .........."หมายความว่า...เราต้องรอถึงมืดจนดวงจันทร์ขึ้นอีกหรือ"
    ................"ใช่แล้วล่ะ...ถ้าจะลองหาที่ต้นไม้พวกนี้

    ก่อน...ก็อาจเสียเวลาเปล่า....เพราะคำบังคับของเมือง มีสุข คือ จุดที่จันทร์เสี้ยวแยกจาก

    กัน.......ดังนั้นเราต้องเห็นดวงจันทร์ขึ้นจริง ๆ แล้วเราจะรู้ว่าต้นไม้ต้นไหนที่มันผ่าจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน"


    ..................กาเผือกหยุดคิดตามน้องชายแล้วเอ่ยขึ้น......"แต่

    คืนนี้จันทร์น่าจะดวงใหญ่ขึ้น..แต่ก็ช่างเถิดมันน่าจะลอยขึ้นที่ตำแหน่งเดิม"


    ................."แล้วเอางัยตอนนี้" ไก่ตุ๋นถามความเห็นพี่

    ชาย


    ......................."ก็กินอาหารแล้วรอหาที่ดูจันทร์เสี้ยวขึ้นทางด้าน

    ทิศตะวันตก" กาเผือกบอกกับน้องชายพร้อมกับชี้มือไปยังจุดเตรียมการณ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ..................กาเผือกและไก่ตุ๋นรอเวลาจนมืด..ความหนาว

    เริ่มปกคลุมไปทั้งขุนเขา.......ระยะเวลาราวสี่ทุ่มเศษ..ดวงจันทร์เริ่มขึ้นแต่จุดที่มันขึ้นมิใช่

    หลังเขา..แต่ดวงจันทร์กลับขึ้นในจุดที่ไกลตามแนวชายป่า.......

    ซึ่งสองพี่น้องไม่สามารถเห็นต้นไม้ใดที่ตัดผ่าครึ่งดวงจันทร์

    ได้เลย

    ........................"เวรละกู" เสียงไก่ตุ๋นรำพึงรำพันอยู่ข้างพี่ชาย

    .....................กาเผือกยืนคิดอย่างตัวสั่นด้วยความ

    หนาวเย็นบนยอดเขา ....แล้วเอ่ยขึ้น ......."มันคงต้องรอจนถึงพรุ่งนี้..แล้วมาคำนวณ

    ความน่าจะเป็นของต้นไม้ต้นนั้น...คืนนี้มึงกับกูต้องมานอนนึกภาพที่เราเห็นคืนนั้นจากเขา

    ลูกโน้น...ไม่เช่นนั้นไม่ได้เรื่องแน่"


    ....................."ดีเหมือนกัน...แล้วถ้าพบขวดแก้วพวกเราจะทำ

    อย่างไรต่อ" ไก่ตุ๋นคล้อยตามพร้อมถามกลับ


    ....................."กูจะไปสุราษฎร์ทางรถไฟ...แล้วมึงขับรถกลับ
    ไปอีกทางหนึ่ง"


    ..................."รถไฟ" ไก่ตุ๋นเอ่ย....แล้วถามต่อ"มึงจะไปขึ้น

    รถไฟที่ไหน"


    ..................."กูจะขับมอเตอร์ไซด์ไปที่พิษณูโลก...แล้วเอารถ

    มอเตอร์ไซด์ขึ้นรถไฟไป กรุงเทพ..และไปสุราษฎร์...นี่คือเรื่องที่คิดได้ง่ายที่สุดยาม

    นี้........ส่วนมึงต้องเป็นตัวล่อโดยขับรถปิ๊กอัพกลับไป....เพราะคนพวกนั้นมันจะพุ่งเป้าไปที่รถยนต์เสียมากกว่า...อยู่ภายในรถฟิลม์กรองแสงจะทำให้พวกมันไม่เห็นเรา"

    .................."แล้วมึงจะกลับเมื่อไร"

    ......................."กูยังตอบไม่ได้ตอนนี้หรอก...อะไรที่คิดว่าน่า

    จะง่าย..มันก็กลายเป็นยากไป..มึงดูเรื่องราวที่ผ่านมาก็แล้วกัน"


    ................ไก่ตุ๋นพยักหน้า..พร้อมกับล้มตัวลงนอนหน้ากองไฟที่เขาจุดขึ้นบนเขา
    ..................กาเผือกยังคงไม่นอน...เขาจ้องมองไปที่กลุ่ม

    ต้นไม้....แล้วถามตนเองในใจว่า"ทำไมวันนั้น...เขาถึงเห็นต้นไม้เพียงต้นเดียวบนยอด

    เขา....ที่จันทร์เสี้ยวลอยขึ้นผ่านมัน..จนดูเห็นจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน"........กาเผือกค่อย

    ๆยืนขึ้นแล้วหันไปมองยอดเขาลิบ ๆทางด้านทิศตะวันตก..ซึ่งถูกแสงจันทร์สาดส่องทำให้

    มองเห็นลางๆลิบๆ......ภูเขาที่กาเผือกยืนมองมาที่เขาลูกนี้แล้วเห็นจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน

    พร้อมกับขบคิดเรื่องของมุมมองบนยอดเขา........

    ..................และแล้วในที่สุดเขาก็คิดขึ้นมาได้

    ว่า...."ต้นไม้บนยอดเขานี้ที่เขาเห็นเหมือนต้นเดียว...ความจริงแล้วมันอาจมีหลายต้น

    เหมือนที่เขาเห็นตอนนี้....แต่ตอนที่เขามองฝ่าความมืดมาในคืนนั้นต้นไม้พวกนี้จะต้องเรียง

    กันเป็นแถวตอนลึก..จึงทำให้เห็นเป็นต้นเดียว.....ในตอนนี้เขามองเห็นต้นไม้เรียงกันเป็น

    แถวหน้ากระดาน...แสดงว่าเขามายืนมองในจุดที่ผิดมุม...คิดได้ดังนั้น..เขารีบสกิดน้อง

    ชายและเรียกทันที


    ......................"ไอ้อ้วนตื่นก่อน...กูคิดได้แล้วว่าเรายืนผิด

    มุม........เราต้องเดินไปมุมทางโน้นแล้วเราจะเห็นต้นไม้ต้นเดียว..แล้วต้นที่ผ่ากลางก็น่าจะเป็นต้นที่สูงทีึ่สุด"


    ...................ไก่ตุ๋นงัวเงียแล้วถามกลับอย่างไม่ลืมตา..."มึงคิดได้

    ก็ดีแล้ว...แล้วมึงจะหาตอนกลางคืนอย่างนี้เหรอ"


    ...................คำพูดของน้องชายทำให้สติกาเผือกกลับมา..เขา

    หัวเราะอย่างอารมณ์ดี..ด้วยคิดหาต้นไม้ที่ฝั่งขวดแก้วได้แล้ว...เขาจึงล้มตัวลงนอนอย่าง

    สุขใจเพื่อรอให้เช้าแล้วจึงค้นหาต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • id_28958.jpg
      id_28958.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.8 KB
      เปิดดู:
      61
  18. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .................รุ่งขึ้นเช้าสองพี่น้องรีบลุกขึ้นและเดินไปสำรวจที่

    ต้นไม้สูงใหญ่ต้นที่กาเผือกคำนวณว่า"คือสิ่งที่เมือง มีสุขนำขวดแก้วอีกซีกหนึ่งใส่กล้องไม้

    แล้วนำมาฝังไว้"


    ...................สองพี่น้องเดินสำรวจดูพบว่า..ต้นไม้ต้นนี้เมื่อ 80 ปี

    ที่แล้วไม่น่าจะมีขนาดใหญ่เช่นนี้......ถ้าหากเมือง มีสุขฝังขวดแก้วไว้ที่โคนต้นไม้..เมื่อ

    ต้นไม้ขยายลำต้นเจริญเติบโตมามันจะต้องดันสิ่งที่ฝังอยู่ใต้ดินให้เคลื่อนตัวออกไป...แต่ถ้า

    เมือง มีสุขไม่ได้ฝังอยู่ที่โคนต้นไม้...เขาน่าจะฝังห่างจากต้นไม้น่าไกลจากต้นไม้มาก

    นัก


    ................คิดได้ดังนั้นกาเผือกจึงเอ่ยแก่น้อง

    ชาย............."เราขุดดินรอบโคนต้นไม้นี้ดีกว่า..มันน่าจะอยู่บริเวณนี้"

    ................."ไม่ใช่รอบต้นไม้นี้...แต่เป็นตรงนี้ต่างหาก"ไก่

    ตุ๋นแย้งแล้วเอานี้วชี้ไปที่ดินเป็นการม๊าคจุด ทำให้กาเผือกสงสัยจึงถามกลับ


    ..................."ทำไมมึงคิดว่าเป็นตรงนั้น"
    ................ไก่ตุ๋นมองไปที่ดวงอาทิตย์แล้วเอ่ย "ดวงอาทิตย์

    กับดวงจันทร์มันน่าจะขึ้นบริเวณใกล้เคียงกัน...พอแสงสาดส่องมาเงาของต้นไม้จะมาอยู่

    ฝากนี้...เราต้องขุดดินที่เงาของต้นไม้ทอดมา"

    .................คำพูดของไก่ตุ๋นทำให้การเผือกหยุดคิดตาม...แล้วเขาก็เห็นด้วยกับไก่ตุ๋นแล้วคิดว่าไก่ตุ๋นบางทีมันก็ปราดเปรื่องทางปัญญาเหมือนกัน...
    ..................สองพี่น้องขุดดินตรงที่ไก่ตุ๋นชี้แล้วเสียมของเขาก็

    กระทบเข้ากับกล่องไม้...สองพี่น้องรีบคุ้ยดินออกมา..ก็พบกล่องไม้มีรอยแตกร้าวจากความ

    เก่า....เขารีบงัดกล้องไม้ออก........ในที่สุด"สองพี่น้องก็พบกับขวดแก้วทรงมะม่วง

    ครึ่งซีกอีกส่วนหนึ่ง"
     
  19. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....ตอนที่ 119 สิ่งที่อยู่ภายในขวดแก้วทรงมะม่วงอีกซีกหนึ่ง....


    .................ขวดแก้วทรงมะม่วงจะมีอยู่สองซีกที่ปะกบติดกัน

    อยู่..ซีกแรกที่กาเผือกพบที่แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท จะมีแหวนปลอกมีดทองคำ

    สร้อยข้อมือลายดอกทานตะวัน ผ้าที่เขียนหนังสือไว้สองผืนบรรจุอยู่ในขวดแก้่วซีก

    นั้น


    .................แต่ในส่วนขวดแก้วซีกที่กาเผือกและไก่ตุ๋นขุดพบ

    เจอ...ภายในขวดนั้นมีดอกทานตะวันดอกหนึ่งซึ่งยังคงสีสวยสดไม่เหี่ยวเฉาดุจดอก

    ทานตะวันที่เพิ่งเด็ดจากต้นใหม่ ๆ ....และมีดอกบานไม่รู้โรยเหี่ยวแห้งสองดอก...กับมีเข็ม

    เย็บผ้าสองเล่ม..ที่ร้อยด้ายสีขาวไว้และผูกติดกันไว้สองเล่มด้ายยาวราว 1 ฟุต..


    ..................สองพี่น้องแปลกใจมากกับสิ่งของภายในขวดที่

    ถูกพบเห็น....โดยเฉพาะดอกทานตะวันดอกนี้ทำไมไม่เหี่ยวเฉาทั้ง ๆที่มันถูกฝังดินอยู่มา

    เป็นเวลานานถึง 80 ปี............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2012
  20. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ..................ดอกทานตะวันนี้..คือ..ดอกทานตะวันดอก

    ไหน...และมาอยู่ในขวดแก้วได้อย่างไร....ก็ขอบอกกล่าวให้ท่านผู้มีเกียรติรู้ว่ามัน คือ

    "ดอกทานตะวัน" ดอกไหน...แต่มาอยู่ในขวดแก้วได้อย่างไร..ก็ขอให้หาข้อเท็จจริงได้ตาม

    เรื่องราวที่เป็นลำดับ............[/COLOR

    .................ท่านผู้มีเกียรติที่ติดตามเรื่องเล่านี้มาโดยตลอดคงจะจำได้ในตอนที่ 99 ปริศนาดอกทานตะวันในถ้วยแก้ว...และตอนที่ 100 ทางที่ข้า

    เลือก...ซึ่งมีอยู่ในหน้า 38 ที่กล่าวถึงเรื่องราวของดอกทานตะวันดอกหนึ่ง..ที่หลวงปู่ศุข

    วัดอู่ทองคลองมะขามเฒ่าหรือวัดปากคลองมะขามเฒ่า...ได้นำดอกทานตะวันใส่ถ้วยแก้ว

    และให้บุญนำกับสมพงษ์ลูกศิษย์นำไปให้เมือง มีศุขแก้ปริศนา...แล้วเมือง มีศุขได้นำดอก

    ทานตะวันดอกนั้น ผูกไว้ท้ายลูกธนูโดยนำจีวรของหลวงปูพันผูกไว้ข้างหน้า...แล้วใช้ธนูยิง

    ลูกธนูดอกนั้นไปปักที่ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิ....
    เพื่อบอก

    กล่าวทางเลือกของเขาแก่หลวงปู่ศุข..อันเป็นปณิศนาที่เขาส่งไปให้หลวงปู่ศุขแก้เช่น

    กัน


    ...................ก็ดอกทานตะวันดอกนั้น คือ ดอกทานตะวันที่

    หลวงปู่ศุขไปเด็ดมาจากทุ่งดอกทานตะวันที่เมืองสุราษฎร์ธานี...ในวันที่โนรีนรายืนเป่าขลุ่ย

    อยู่ที่หน้าหลุมศพของแม่เฒ่ารัก นิรันดร์ในตอนที่ 80 ทุ่งดอกทานตะวันแห่งความรักกับผู้

    หญิงจันทร์เพ็ญ ในหน้า 33


    .................ซึ่งดอกทานตะวันดอกนี้ หลวงปู่ศุขได้ลงอาคม

    กำกับและอธิษฐานไม่ให้มันเหี่ยวแห้งให้ยังคงสดอยู่เหมือนดอกไม้ที่เพิ่งเด็ดจากต้น...มัน

    จึงยังสดอยู่ตามคำอธิษฐานและอาคมของหลวงปู่ศุข.....ซึ่งดอกทานตะวันจะกลับมาอยู่ที่

    เมือง มีศุขอีกได้อย่างไร..ก็คงต้องศึกษาเรื่องราวตอนที่เมือง มีศุขอยู่กับหลวงปู่ศุขต่อ

    ไป.....ซึ่งอีกไม่นานก็ต้องเขียนย้อนกลับไปอีกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...