ไม่รู้ความหมาย เกิด-ดับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 24 มิถุนายน 2012.

  1. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337

    สมชื่อจริงๆ ท่าน จำมาพูด (คำของสาวก) ผู้นอกเหนือคำสั่งสอน เเถมยังมาสั่งสอนให้ผู้อื่นจำอะไรผิดๆตาม ทั่งขัด ทั่งมั่ว

    ''ปรามาสพระธรรมคำสอนของพระบรมครูและพ่อแม่ครูบาอาจารย์หน้าตาเฉย.''

    นี้ก็เห็นชัดเจน ว่าท่านมี หลักจำคำสอนของสาวก เท่านั่นเอง ไม่ได้ยึดหลักคำสอนของ พระศาสดา ผมละสังสัยจัง ทำไมถึงชอบพูดเเบบนี้ เเล้วคิดว่า คนอื่นเค้าจะไปยึดหลักครูอาจารย์ตามคุณละ? ทั่งๆที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ถ้าเป็นคำของสาวกไม่ต้องเงี่ยหูฟัง หรือ ห้ามตัดคำ หรือ บัญญัติเพื่ม พระองค์ตรัสไว้ดีเเล้ว สมัยก่อน ให้เล่าเรียนเเต่ ''ตถาคตภาษิต ''มีอรรถอันลึกซึ้ง เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยเรื่องสุญญตา,เเม้ พระสาลีบุตรผู้เลิศทางปัญญา พอเวลาท่านเทศธรรม ก็พูดเเต่ คำสอนของพระตถาคต ไม่ได้เเต่งอะไรขึ้นมา หรือเวลาที่ พระอรหันท่านมีปัญหาอะไรกัน ก็ต้องนำเรื่องนั่นไปเข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าอีกที ก็ยังเเก้ไขปัญหาไม่ขาด ยังมีความสงสัย เป็นผู้เดินตามมรรค ขนาดบางครั้งพระสาลีบุตรพูดถามกับพระองค์ ก็ยังโดนพระตถาคตเเย้งได้เหมือนกันเมื่อพูดอะไรผิด ทีนี้ ก็จะเห็นได้ว่ายังไงก็ต้องนำหลักพระพุทธเจ้าเท่านั่น เพราะ หลักธรรมของพระองค์เป็นอกาลิโก คำสอนของพระพุทธเจ้าที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้จนกระทั่งปรินิพพานนั้นสอดรับไม่ขัดแย้งกัน
    เเล้วถ้าคุณไม่ได้ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เเล้วคุณจะเข้าใจได้ยังไงว่าพระองค์อธิบายเกียวกับอะไร ก็จะทำให้ ประติดประต่อเรื่องไม่ถูก ใช่มั้ย เรื่องนี้เกียวกับความเสื่อม พระองค์ก็มีหลักการตรวจหลักธรรมความเสื่อมของคำสอนไว้ให้ ถ้ามีคนแปลมาผิดเเม้เเต่ประโยคเดียว พระสูตรจะขัดกันจะไม่ค่อยเข้าใจ เเต่เรื่องของคุณเนี่ย หนักกว่า ดันมั่วเอานั่นมาเเปะ เอาองค์นี้มา เเปะ องค์โน้นมาแปะ เเล้ววันไหนกัน ถึงจะเข้าถึงธรรม ,

    อปริหานิยธรรม (ข้อ ๓)
    ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่
    เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักสมาทาน
    ศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด,
    ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อม
    เลย อยู่เพียงนั้น.
    (ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๓๐๖,
    พระไตรปิฎกบาลี สยามรัฐ๒๓/ ๒๑/๒๑)

    ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว กลองศึกของ
    กษัตริย์พวกทสารหะ เรียกว่า อานกะ มีอยู่. เมื่อกลอง
    อานกะนี้ มีแผลแตก หรือลิ, พวกกษัตริย์ทสารหะได้หา
    เนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่ม เสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น
    (ทุกคราวไป). ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้งหลาย
    คราวเช่นนั้นนานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้เดิมของตัวกลอง
    หมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น;
    ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น ในกาลยืดยาวฝ่าย
    อนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย, สุตตันตะ (ตัวสูตรส่วนที่ลึกซึ้ง)
    เหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง
    เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำ
    สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ย
    หูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่
    ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่ง
    ขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละ
    สลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าว
    ของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่เหล่านั้นมากล่า
    วอยู่; เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
    และจักสำคัญไปว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
    ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้น ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.


    อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า
    ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว
    พวกเราไม่มีพระศาสดา ดังนี้
    อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น
    อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี
    ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
    ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
    โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
    (มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐/๑๕๙/๑๒๘)
    อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยานวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด
    บุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย...
    เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า...
    เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    บอกตรงๆเลยนะchottana จะได้ไม่เสียเวลา
    ไม่เคยเจอใครที่หน้าด้านไม่มียางอายได้ขนาดนี้เลย
    แถมยังทำตัวเก่งกว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปูสิมซะอีก เฮ้อ!!!

    เอาธรรมะของบรมครูมาย่ำยี โดยแอบอ้างว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
    พอจับได้ไล่ทัน แทนที่จะสำนึกในบาปที่ตนเองได้ก่อไว้
    กลับดันทุรังแบบข้างๆคูๆเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น โดยเอาตำรามาแปะ

    แค่chottanaบอกว่า
    กรรมที่ตนเองได้กระทำไว้นั้น ถ้าไม่ยึดกรรมนั้น ก็ไม่ต้องชดใช้(คงจำได้นะ)
    แค่นี้ใครมาเห็นเข้า ก็ชัดเจนแล้วว่าไอ้นอกรีตไม่มียางอายชัดๆ
    ต่อบาปกรรมที่ตนเองได้กระทำขึ้นมา เพราะไม่ยึด ใช่หรือไม่?


    บอกหลายครั้งว่าอายแทนจริงๆ
    ยิ่งเห็นพยายามเถียงเพื่อเอาชนะให้ได้ ยิ่งเศร้าหวะ
    อย่าทำให้พระพุทธศาสนาต้องเรียวลงกว่านี้เลย
    อะไรที่ไม่รู้จริง ก็ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ให้รู้จริงก่อนเถอะ
    แต่บอกได้เลยว่า คงยากนะเพราะใช้วาจาปิดกั้นหนทางตนเองไปซะแล้ว

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เนี้ยอะนะนิวรณ์ ไหนคุยไว้มากมายว่าเก่งภาษาไทย
    ทำไมยังต้องให้อธิบายซ้ำซากอยู่นั่นแหละ
    พระพุทธพจน์ก็ชัดเจนโดยตรรกะและภาษาแล้ว
    ยังจะทำตัวเป็นหัวหน้าโจร นอกรีต ทำผิดต่อพระสูตรอีก
    ประสาอะไร กับ พวกขี้ทูต กุดถัง โมฆะบุรุษ เล่า

    จะให้รับผิดได้อย่างไร ก็ในเมื่อพระสูตรชัดชนาดนั้น
    "ดูกรอานนท์ เมื่อธรรมอันผู้แสดงๆ อยู่แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อดับความเห็นว่า
    กายของตน จิตของตน จิตของผู้นั้นแล่นไปเลื่อมใส มั่นคง พ้น ฉันนั้นเหมือนกันแล.
    บุรุษมีกำลังนั้นฉันใด พึงเห็นบุคคลเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน."

    ก็เล่นขีดเส้นเน้นข้อความที่ตนเองอยากพล่ามออกไปเท่านั้น
    แล้วบริบทต่อมาชัดๆทำไมไม่เอามาสรุปหละ
    "จิตของผู้นั้นหรือภิกษุนั้น" เมื่อผู้นั้นหรือภิกษุนั้นเป็นผู้พูดเป็นผู้กระทำหละ?
    ต้องพูดว่า"จิตของตน"แล่นไปเลื่อมใส มั่นคง พ้น ใช่หรือไม่?
    เพราะจิตของผู้นั้นหรือภิกษุนั้น(จิตของตน)หมดความยึดถืออะไรๆในโลกแล้ว
    อย่าคิดเพียงเอาชนะเท่านั้นธรรมะจะหมดไป

    แถมท้ายพระสูตรก็ชัดเจนอีกว่า
    เธอย่อมเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้น
    ครั้นเธอเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้นแล้ว
    ย่อมน้อมจิตไปในอมตธาตุว่า ธรรมชาตินี้สงบ ธรรมชาตินี้ประณีต
    คือ ธรรมเป็นที่สงบสังขารทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
    เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิทเป็นที่ดับกิเลส และกองทุกข์ดังนี้.


    เธอย่อมเปลื้องจิตจากธรรมเหล่านั้น
    ไม่ใช่ปล่อยจิตอย่างที่นิวรณ์ไปเอาจากไหนมาก็ไม่รู้
    รู้จักหรือเปล่าการเปลื้องจิตนะ
    ถ้าไม่รู้จักก็ลองหลับตาภาวนา
    จนกระทั่งเปลื้องจิตจากลมหายใจ ก็รู้เองนะ

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


    ทานอันบริสุทธิ์ 6 ส.ค 32 - โอปนยิกธรรม

    ฯลฯ
    ได้มาด้วยความบริสุทธิ์มีอยู่ในตัวของเรา......
    เมื่อถึงพระนิพพานแล้วอย่างไร ตรงมันหมดความห่วงหน้าหวางหลัง.....
    ภาษาว่าแจ้งนิพพานก็หมดเรื่อง.....
    ถ้าเราไม่ภาวนาละกิเลสในใจของเราให้หมดสิ้น ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้นในจิตในใจ.........
    ถ้าไม่ภาวนาจิตมันก็มืดก็ดำๆในจิตใจคือว่าไม่รู้แจ้งไม่เห็นจริง.......
    พระนิพพานอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่จิตใจไม่โกรธใคร
    ไม่โลภอยากได้ของใคร ไม่หลงไปตามกิเลสกาม วัตถุกาม
    เพราะว่าในโลกนี้มีเรื่องยุ่งยาก
    ....ฯลฯ

    *******
    อยากรู้ก็ไปฟังซักหลายรอบ
    แล้วลงมือภาวนาอย่างจริงจังด้วยจะได้หายสงสัย
    ว่าพระนิพพานอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ที่...ของตน
    เจริญในธรรมทุกท่าน


    ปล. อันนี้นำมาฝาก คุณนอกรีตโดยเฉพาะ รู้สึกว่าจะเก่งเกินครูบาอาจารย์
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮึย ก็เอามาให้ดู ทั้งหมดไม่ใช่หรือ และ ที่เน้นเนี่ยะ เพื่อไม่ให้
    "ลักขโมยไง" ถ้า ลักขโมยใช่ไหม ก็จะมีอาการ "ได้หลัง ลืมหน้า"

    ก็เลย วางเอาไว้ เพื่อดูว่า ขนาด ข้อความอยู่ใกล้กัน ขนาดนั้น ดู
    สิจะทำเป็น มองไม่เห็น หน้ามืด ไหม

    ถ้าทำเป็นมองไม่เห็น หน้ามืด มันก็ชัดว่า ไม่เข้าใจ เชิงภาษาปฏิบัติ

    แต่ พิสูจน์ธรรมะด้วย ตัวอักษร ดุ่ยๆ ภาวนาแทบตาย งับเอาแต่ตัว
    หนังสือเท่าที่จะเห็นได้ ไม่ได้เอา หัวจิตหัวใจของการปฏิบัติ มาเสวนากัน

    ซึ่ง.........

    มาถึงตรงนี้ผม ก็ไม่ไมนด์แล้ว .....เพราะ สามารถเอาพระสูตรนี้แสดง
    ให้สาธุชนเขาเห็นว่า

    ใครบ้าง เป็นผู้ทำ อธรรมวาที

    "กล่าวกลบในสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าว ว่าไม่กล่าว"

    ซึ่ง บัณฑิต และ คนมีปัญญาเนียะ เขาก็จะพึงไตร่ตรองได้

    ซึ่งเมื่อไตร่ตรองแล้ว พระพุทธองค์ก็สั่งอีกว่า สำหรับคนพวกนี้
    เราก็ให้อาหาร ให้ที่อยู่ เขาอาศัยไปเหมือนเดิม ให้โอกาสใน
    การแสดงทิฏฐิเหล่านั้นของเขาด้วย แล้วพวกนี้จะแพ้ภัยตัวเอง
    ไปเอง โดยเราไม่ต้องทำอะไร แค่เลี้ยงๆให้เขามีปรกติสุขเท่าที่
    จะหาได้จากพุทธบริษัทเป็นพอ

    ถ้าเจอตัวเนี่ยะ ก็ให้กราบไหว้เหมือนปรกติ เพียงแต่ ไม่ทรงจำ
    คำสอนไปใช้เท่านั้นเอง ไม่จำไปใช้ในการชี้โทษด้วยนะ เพราะ
    พวกคุณๆย่อมแตลดแต๊ดๆไปแสดงทั่วอยู่แล้ว จึงไม่ต้องไปชี้โทษ
    ไม่จำมาใช้แม้กระทั่ง เพื่อชี้โทษ ..............

    เพราะอะไร เพราะ ธรรมฤทธิ์ของพระพุทธองค์ย่อมเป็นใหญ่กว่า
    แน่นอน

    แล้วเดี๋ยวพวกคุณๆ ก็ต้อง ก๊อปปี้ไปกล่าวจนได้ โดยเฉพาะ
    บทที่ว่าด้วย "รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญาณ ไม่ใช่
    เรา ไม่ใช่ของๆเรา" เนี่ยะ ไม่มีพวกไหนที่จะเลี่ยงกล่าวส่วนนี้ได้
    ซึ่ง เท่านี้ก็พอแล้ว ที่จะทำให้พระธรรมทำให้ คำสอนที่ผิดถูก
    สำรวจได้ว่า ไม่จริง ไปเอง

    มหาโจรก็ย่อมเป็นมหาโจรวันยันค่ำ จนกว่า เขาจะระลึกได้ใน
    ความเป็นมหาโจร รู้เองเห็นเอง ก็พ้นได้เหมือนกัน ......
     
  6. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เตือนสติคุณ eee ธรรมอนัตตาเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่คุณกลับบอกว่าเป็นธรรมตี้นๆ เท่ากับดูถูกดูหมิ่นพระศาสดา ในเมืองไทยเรานี้มีผู้ประกาศตนเป็นพระอรหันต์บ้าง เป็นพระศรีอริยะเมตไตรย์บ้าง มันพวกกิเลสหนาปัญญาทรามชัดๆ ไอ้พวกนี้น่ะพยากรณ์ว่า ตายไปตกนรก ถ้าคุณอยากได้ธรรมขั้นสูง ก็ได้ "คนที่พูดน่ะคือคุณน่ะ เป็นใคร คุรหาให้เจอสิว่าจิตพูดเ้หรอ ใจพูดเหรอ สมองพูดเหรอ วิญญาณพูดเหรอ หรือขันธุ์ 5 เป็นผู้พูด เอะอะๆก็จะเอาธรรมขั้นสูง คุณน่ะแค่โครตภูเท่านั้นเอง พระโสดาบันก็ยังไม่ได้ และปรารถนาพุทธภูมิลมๆแล้งๆ...
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อย่างอันนี้ ก็เป็น ตัวอย่าง ของพวกมหาโจร คือ โจรเนี่ยะ ยังไงก็
    ไม่มีธรรมเป็นของตัว

    ดังนั้น ร้อยละร้อยจะต้องทำตัวเป็น ภมรตอมเกษรดอกไม้ เสร็จแล้วก็
    พาบินไป เอาติดตัวไปด้วย

    เมื่อเอาติดตัวไปแล้ว พาหะนำ กับ ตัวธรรม ย่อมเป็นคนละส่วนกัน

    บัณฑิต เขาก็จะอาศัย ฟัง แล้วก็สอบสวน

    อย่างคำว่า "ก็อยู่ที่จิต" หากเป็นบัณฑิตเขาจะพึงอ่านได้อย่างไรบ้าง

    "จิตเป็นผู้เสวยภพ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง" หรือ ?

    หรือ เป็นสำนวน "Once จิตสิ้นไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง"

    ถ้าเป็นแบบแรก ก็เข้าทำนอง มาลุงกยบุตรสูตร พวกอัยเดียรถีย์
    ย่อมยกภาวะ เด็กอ่อนนอนหงาย มาแสดงความบริสุทธิของจิต

    แต่ถ้าเป็นแบบ "Once(อยู่ที่) จิตสิ้นไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง" ก็จะ
    เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย ฟ้ากับเหว
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เออแหนะ เออแหนะ ดูกร พ่อพราหม์ ธรรมภูติ ผู้ได้ชื่อว่า อาศัย
    ความสุกสบายจาก ร่มโพธิร่มไทรในพุทธบริษัท อย่าภมรตอมดอกไม้หอม

    เรามี ถ้อยความอุปมาอุปไมย จาก องค์ตถาคต ศาสดาเอก กล่าว
    ถึงนิพพานไว้ฉะนี้

    ดูกร พ่อพราหม์ ผู้มีความข้องแคล้วใน อักขระภาษา ช่วยชี้หน่อยว่า จิตของเรา ซึ่ง
    เป็นส่วนหนึ่งของ ความเห็นผิด "กายของเรา จิตของเรา" อันเป็น ถ้อยคำที่ควรถอดถอน
    มันอยู่ตรงไหน ในอุปมาที่พระพุทธองค์ทรงแจงมาโดยละเอียดแล้ว ดังนี้ หรือ ?

    1. จิต คือ คำว่าเมือง หรือ?
    2. จิต คือ ประตู ๖ หรือ?
    3. จิต คือ นายประตู หรือ?
    4. จิต คือ ราชทูตคู่หนึ่ หรือ?

    5. หรือว่า จิต คือ เจ้าเมืองผู้ครอง ?
    6. หรือว่า จิต คือ ทางสามแพร่งกลางเมือง ?
    7. หรือว่า จิต คือ ถ้อยคำตามความเป็นจริง ?
    8. หรือว่า จิต เป็นเพียง ทางตามที่ดำเนินมาแล้ว ?

    9. ไม่รู้จะเลือกข้อไหน ขอ ใช้ลีลาด่าคนตั้งคำถาม ให้ดูเหมือน
    ผู้ถามนั้นโง่ เพื่อความสะใจในการ ทำ อธรรมวาที หาเศษหาเลย
    จากบริษัทสี่ ไปวันๆ เป็นพอ
     
  9. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    เอาพระพุทธองค์มาบังหน้า ความไม่รู้ของตนเองอีกคนแล้ว 55555 ลองไปอ่านดูนะว่า ผมพูดถึงใคร ก๊ากๆๆๆๆ กาก สุดๆ

    เพิ่มเติม
    [​IMG]
    ระดับชั้นต่างๆที่ท่านเป็นกันนั้น เป็นกันตามสบายนะครับ ไม่ต้องลากผม เข้าไปยุ่งวุ่นวาย นะครับ ผมไม่โง่ขนาดนั้น หรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  10. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ขอนอบน้อมเเด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

    บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะชาติ
    (กำเนิด) ก็หา
    มิได้
    ; จะมิใช่พราหมณ์เพราะชาติก็หามิได้ :

    บุคคลเป็นพราหมณ์ เพราะกรรม ​
    ;

    ไม่เป็นพราหมณ์ ก็เพราะกรรม​
    .

    บุคคลเป็นชาวนา ก็เพราะกรรม ​
    ;

    เป็นศิลปิน ก็เพราะกรรม​
    ,

    บุคคลเป็นพ่อค้า ก็เพราะกรรม ​
    ;

    เป็นคนรับใช้ ก็เพราะกรรม​
    ,

    บุคคลแม้เป็นโจร ก็เพราะกรรม ​
    ;

    เป็นนักรบ ก็เพราะกรรม​
    ,

    บุคคลเป็นปุโรหิต ก็เพราะกรรม ​
    ;

    แม้เป็นพระราชา ก็เพราะกรรม​
    ,

    บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมเห็นซึ่งกรรมนั้น ตามที่
    เป็นจริงอย่างนี้
    ชื่อว่า เป็นผู้เห็นซึ่งปฏิจจสมุปบาท เป็นผู้ฉลาด​
    ในเรื่องวิบากแห่งกรรม
    .
    --------------------------
    ภิกษุ ท​
    . ! กายนี้ ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย และทั้ง
    ไม่ใช่ของบุคคล เหล่าอื่น
    .

    ภิกษุ ท​
    . ! กรรมเก่า (กาย) นี้ อันเธอทั้งหลาย
    พึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
    (อภิสงฺขต), เป็นสิ่งที่
    ปัจจัยทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น
    (อภิสญฺเจตยิต), เป็นสิ่งที่มี
    ความรู้สึกต่ออารมณ์ได้
    (เวทนีย).

    ภิกษุ ท​
    . ! ในกรณีของกายนั้น อริยสาวกผู้ได้
    สดับแล้ว ย่อมทำไว้ในใจโดยแยบคายเป็นอย่างดี
    ซึ่ง
    ปฏิจจสมุปบาท
    นั่นเทียว ดังนี้ว่า ด้วยอาการอย่างนี้ :

    เพราะสิ่งนี้มี​
    , สิ่งนี้จึงมี ; เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้,

    สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ​
    ; เพราะสิ่งนี้ไม่มี, สิ่งนี้จึงไม่มี ; เพราะ

    ความดับไปแห่งสิ่งนี้
    , สิ่งนี้จึงดับไป :

    ------------------------------------------------

    คุณ ทำมาพูด จะพูดถึงเรื่องอะไรกันเเน่ บอกทั่ง อาย ทั่ง เสียใจ ทั่งเป็นหวงคนอื่นๆ เเล้วหวงใคร? พระที่ไหนก็ไม่มี ที่จริงไม่น่ามีอะไร เเค่ลงความเห็นกันในนี้ ไม่น่ามีปัญหาเรื่องนี้นะ นอกสะจากเรื่องผู้หญิงอีกนั่นเเละ จะหมายถึงอาย ผู้หญิงทั่งหมดบอร์ดเลย? รึ..ไง จะ อะไรขนาดนั่น .. นึกว่าตน เป็นซุปตาร์อยู่เหรอ จะอะไรปานนั่น ไม่มีใครเค้าสนใจหรอกนะคุณ ไม่ต้องกลัว เราพูดกันอยู่เนี่ย2คน เเล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก
    เหออ..อะไรๆ ก็เอาเเต่เกินอยู่เรื่อย พาไปนู้น มานี้ ไปๆมาๆ เลยกลายไปเรื่อง เป็นห่วงคนโน้น วนกลับมาเรื่องเก่า เเต่ไม่นึกห่วงตนเอง ผมขอละ ให้เป็นความจริงหน่อย พูดทีไร ก็ไม่มีอะไรเล๊ย มีเเต่จุดประสง ทุกที
    พอได้อ่านอะไรๆ นิดๆหน่อยๆ ยิ่งไปกันใหญ่เลย เพราะเป็นข้อความขัดคำของตนเอง คราวนี้ อาการเก่าก็กำเริบขึ้นอีก เอาหัวดุดมือก่อน พอตั้งหลักได้ก็ ทั่งดัน ทันถีบ ทันดุน จะถู จะไปให้ได้ อย่างเดียว ... ไม่เคยจะดูอะไร ตาเรือ ตารถ ไม่เคยจะอ่าน มันไม่ได้อะไรหรอกนะ ผมก็ให้ดูเพราะความหวังดี หัดอ่านความจริงหน่อย เมื่อมีพระสูตร ตรัสไว้ชัดๆ เมื่อเข้าใจเเล้ว ที่ต้องเเก้ไข คือคุณ เข้าใจมั้ย เเล้ว ระวัง เรื่อง พอดันมากๆตัวจะถอยหลังไปเรื่อยๆละ เเล้วจะเข้าอีล็อบว่า ถอยหลังลงคลอง
     
  11. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ที่พระพุทธองค์สอน ตั้งเเต่ อวิชา จนถึง ชาติ ชรา มรณะ หรือเรื่องต่างๆ เกียวกับ จิต บ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง ทั่งหมดนั่นเป็นสมมุติบัญญติทั่งหมด เเต่ พรมหณ์นั่นยึดไว้ทั่งหมดเหมือนกัน เพราะไม่รู้เหตุเกิด เหตุดับ เรื่องนี้ผมก็ได้บอกไปเเล้วไง ว่า พรามหณ์นั่น ถ้าโลภจะมานั่งห่มขาวมั้ย พรามหณ์นั่น ถ้าโกรธจะมานั่งสมาธิทำไม พรามหณ์นั่น ถ้าหลงเเล้วจะฝึกสติ สมาธิ เพื่ออะไร? ก็ทำให้จิตสอาดใช่มั้ย
    ก็ได้บอกไปเเล้วเป็นธรรมที่เลิศมีมานานเเล้ว เป็นที่รู้ของ พรามหณ์ กับ ปริพาชก
    เเต่พระองค์รู้ว่าเป็นสิ่งสมมุติ เพราะมีเเหตุเกิด เมื่อสิ่งไหนที่มีเหตุเกิด สิ่งนั่นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา เเล้วเรื่องนิพพาน พระพุทธเจ้าจะไม่อธิบายเรื่องนิพพาน ตรงๆเลย เเต่จะบอกปฏิปทาไปถึงได้เช่น มรรค8
    เเละจะบอกว่าเป็นสิ่งตรงข้ามกับระบบสมมุติ ทั่งหมดนั่นเเละ ก็เปรียบเหมือนคนตาบอดเเต่กำเนิด มีคนบอกว่านี้ผ้าสีขาว ก็เชื่อนะ รู้ว่ามี เเต่ก็ไม่ได้เห็นอะไร ก็เหมือนกันฉันใด ก็ฉันนั่น นิพานเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับระบบสมมุติทั่งหมด ไม่ปรากฏการเกิด เเค่นี้ก็ชัดเจนเเละ มันมีก็จริง เเต่ไม่ปรากฏการเกิดให้เห็นด้วยตา ไม่เสื่อม ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏร่วม ตอนนี้เราอยู่ ระบบสมมุติ เราไม่ได้เห็นหรอกนะ ต่อเมื่อไม่ได้ยึดมั่นเเล้วในสิ่งทั่งปวง ในสมมุติบัญญัติทั่งหมดเท่านั้น ก็เพราะเมื่อสิ้นอาสวะเเล้ว พระองค์ยังตรัสว่า ไม่สำคัญมั่นหมายในนิพพานเลย

    “สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด มีทางปฎิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ดับสนิทไม่เหลือ ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ.

    [FONT=Angsana New,Angsana New][FONT=Angsana New,Angsana New][/FONT][/FONT]
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    ฮึย!!!
    พอจับได้ทัน ก็ออกอาการเถียงคอเป็นเอ็น


    ไอ้ยกมานั้นเป็นเชิงภาษา และตรรกะล้วนๆ ยังกล้าตีฝีปากว่าเชิงปฏิบัติ

    ถ้าในเชิงปฏิบัติแล้ว ต้องรู้จักวิธีเปลื้องจิตออกจากธรรมเหล่านั้นสิ

    ก็ดีแต่ตีฝีปากเอามัน พูดมากๆเข้าไว้ ใครจะเข้าใจหรือไม่นั้น ไม่สน

    ไหนแค่บอกวิธีเปลื้องออกจากธรรมเหล่านั้น ในเชิงปฏิบัติให้หน่อยสิ?

    มหาโจรก็ย่อมเป็นมหาโจรวันยันค่ำ จนกว่าจะช่วยมหาโจรคนนอกรีต

    เขาจะระลึกได้ในความเป็นมหาโจร รู้เองเห็นเอง ก็พ้นได้เหมือนกัน ......หวังว่านะ

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    โอ้ว์!!!

    พวกมหาโจรคนนอกรีต เก่งจริงเลยนะ

    มีธรรมเป็นตัว ขนาดธรรมมันยังยึดเป็นของตัว

    ก็อย่าว่าแต่ จิต ตน ธรรม เราเลย มันยึดแหลกแหกโค้ง

    โดยที่ไม่มีความละอายใจเลยว่า ที่รู้มี่มีมาได้นะ ของใคร? เฮ้อ!!!

    ขนาดธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์มันยังกล้าเสี้ยมได้เลยว่า "ฟ้ากับเหว"

    โดยแอบอ้างคำกล่าว"ฟ้ากับเหว"

    ซึ่งเป็นวจีของท่านพระอาจารย์หลวงพ่อที่ราชบุรีมาใช้

    ที่โบราณว่าไว้ไม่ผิด "พวกด้านได้ อายอด(โชว์)"55+

    โทษนะ ธรมะของพ่อแม่๕รุบาอาจารย์ ข้าน้อยมิอาจเอื้อม

    ท่านพระอาจารย์หลวงปู่ท่านเทศน์ได้สมบรูณ์ในเนื้อหาแล้ว

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    ขอผ่านจริงๆ สำหรับโมฆะบุรุษคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้

    ทั้งแอบอ้างพระพุทธพจน์ว่าทรงกล่าวไว้เช่นนั้น

    ทั้งด้านชาต่อบาปอกุศล ไม่รู้จักเจ็บอาย

    ทั้งอวดเก่งเกินพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่สิม

    ทั้งไม่กระดากปากที่แอบกลืนน้ำลายตนเองที่ถ่มออกมาแล้ว ก็ยังทำได้ฯลฯ

    สนทนาธรรมกับคนประเภทนี้ มีแต่เปลื้องตัวเท่านั้น

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ขอย้ำๆๆๆๆๆอายจนแทบจะอวกอยู่แล้ว คนอะไร?

    ขอผ่านจริงๆ สำหรับโมฆะบุรุษคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้

    ทั้งแอบอ้างพระพุทธพจน์ว่าทรงได้กล่าวไว้เช่นนั้น

    ทั้งด้านชาต่อบาปอกุศล ไม่รู้จักเจ็บอาย

    ทั้งอวดเก่งเกินพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่สิม

    ทั้งไม่กระดากปากที่แอบกลืนน้ำลายตนเองที่ถ่มออกมาแล้ว ก็ยังทำไปได้ฯลฯ

    สนทนาธรรมกับคนประเภทนี้ มีแต่เปลื้องตัวเท่านั้น

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    บทปฏิบัติภาวนา - ของจริง.mp3


    ฯลฯ
    เมื่อละกิเลสโลภะ โทสะ โมหะไปแล้ว........
    จิตใจแจ้งใสบริสุทธิ์สะอาด จิตใจร้อนไหม้เหมือนแต่ก่อนไม่มี.......
    เพาะไม่ภาวนาพุทโธ.......ให้ได้ทุกคืนเสียก่อน........
    จิตใจไม่หลงไปตามรูป เสียง กลิ่น รส ธัมมารมณ์.......
    จิตใจก็จะผ่องใสสะอาด........เป็นดวงหนึ่งดวงเดียว.......
    เค้ามีหัวใจคนละดวงๆ..........
    มุ่งหวังไปเมืองนิพพานจะต้องมีข้อวัตร์ปฏิบัติเหล่านี้....
    ตนเองก็จะเห็นผลเห็นอานิสงส์แห่งการละความโกรธ ความโลภ คงามหลง.....

    จิตใจของพระสาวกทั้งหลายก็เจริญรุ่งเรืองด้วยมรรคด้วยผลมีจิตใจอันเข้าถึงซึ่งนิพพาน
    เรียกว่านิพพานัง ปะระมัง สุขขัง สาวกครั้งพุธกาลนั้น มีจิตใจถึงแล้วซึ่งนิพพานฯลฯ

    ^
    ^
    ใครที่ยังกล้าอวดภูมิรู้ ภูมิธรรมเกินกว่า
    พระสุปฏิปันโน อย่างหลวงปู่สิม พุทธาจาโรแล้ว
    ช่วยบอกหน่อยสิว่า มีจิตใจกี่ดวง จึงช่วยกันปฏิบัติจนเก่งเกินหน้าครูบาอาจารย์
    สู้อุตส่าห์หวังดี เพื่อไม่ให้หลงเกิดหลงตายไปกับความเข้าใจผิดๆ
    จึงได้น้อมนำเอาธรรมะพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ระดับเพชรน้ำเอกมาให้ฟัง
    ถ้ายังไม่รู้จักเก็บเกี่ยวยอดแห่งธรรม ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
    แต่ก็หวังยากสำหรับพวกมหาโจรคนนอกรีตที่ผิดต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  17. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    มันเหนื่อยมากนะถ้าคนเราพยายามจับเอานั้นมาแปะนี่ เอาอันหนึ่งขึ้นมาทำให้เป็นเอกทั้งที่ทั้งหมดมันก็เป็นเอกเทศต่อกันเพราะเป็นทางที่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายอันเดียวกัน ถ้า 84000 กว่าๆ พระธรรมขันธ์ ตีวงล้อมรอบกิเลสได้ เพื่อข้ามพ้นกิเลสให้อยู่เหนือยอด ก็ย่อมหมายถึงว่า ทางที่เดินก็เป็นทางได้หมดจะหาทางเอกที่แท้จริงมันก็หาไม่ได้เพราะมันเป็นเอกทั้งหมด หากว่าพ้นแล้วทราบแล้วมันก็ไม่รู้ว่า ที่จริงแล้วเราคุยกันเรื่องพระธรรมหรือเรื่องกิเลส ถ้ากิเลสอยู่ล่างพระธรรมอยู่บน(สัมมาทิฐฺิ) หรือจะทำให้สลับกันก็อาจทำได้(มิจฉาทิฐิ) มันเสมือนภาพเงาของกันและกัน แต่ทางที่ทราบคือไม่ว่าจะส่วนไหนของพระธรรมนั้นก็เป็นเหตุผลเดียวกันคือ พ้นจากกิเลสวัฏสังสาร คือ พระนิพพาน ตามกำลังบารมีที่เพียรสร้างกันมา แท้จริงเราเองก็เป็นเถรวาท เพราะศาสดาตรัสสั่งไว้ ว่า พระธรรมและพระวินัยจะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายต่อไป แต่พระธรรมและพระวินัยจะมีตัวตนอยู่ได้ก็ต้องมีพระอริยะสาวกสานต่อ ต่อมาเรื่อยๆ บุคคลผู้มีปัญญาก็จะสามารถก้าวผ่านไปได้เพราะกาลเวลาผ่านมานานมากแล้วความคลาดเคลื่อนของถ้อยคำอักษรย่อมเกิดได้เป็นได้ แต่มีพระขีณาสพเจ้าทั้งหลายคอยพิสูจน์ว่ายังมีอยู่ยังทำได้อยู่ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในอันจะเจริญรอยตามพระศาสดา พระธรรม และพระสงฆ์
     
  18. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ถ้าคุณดูถูกพระโสดาบัน ดูถูกพระสกทาคามี ดูถูกพระอนาคามี(อย่างผม) ดูถูกพระอรหันต์ แต่รู้ว่าคุณปรารถนาพุทธภูมิ ผมพยากรณ์ได้เลยว่า คุณไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณเป็นคนหัวสูง และโง่...การปฏิบัติธรรมนั้นเพื่อวิมุตติ ไม่ใช่เพื่อเอาภูมิความรู้มาอวด ถ้ามันจริงอวดไปเขาก็นับถือ แต่ถ้ามันผิดแล้วอวดหาอะไร...
     
  19. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    พระสงฆ์สาวก ทุกรูปต้องถือศีล227ข้อ และสิ่งสำคัญต้องเคร่งครัดใน ปริสุทธิศีล4 ห้ามขาด ขาดไม่ได้เลยครับ
     
  20. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ช่วยขยายความด้วยครับ ผม งง :'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...