ข้าพเจ้าเจอเหตุการณ์ประหลาดเหมือนว่าออกร่างในระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น

เห็นพูดจังว่าขัดแย้ง นี่บอกมาทีสิว่าขัดแย้งจากพระพุทธเจ้าตรงใหนหรือ.....

ข้อมูลอ้างอิงอะไรก็ให้หมดแล้ว...ก็ไม่ได้ไปคิดเอง ก็เอาของท่านมาหมด...พูดตามท่าน..

ผมว่าคุณยังคิดเองมากกว่าผมอีก ที่มาอะไรไม่มีสักอย่าง จะให้ใครเชื่อหรือ...

 

เอ้า เห้ย ก็กลับไปอ่านสิ

ผมชี้ประเด็นของผม ชัดเจนว่า ผมพูดเรื่องไหน

อะไรส่วนไหนขัดแย้ง ก็กล่าวออกไปเต็มที่ ไม่ได้ซ่อนเร้นอะไร

ตกลง สติ หายหมดหรือไงคร้าบ ถึง ได้อ่านอะไรที่ผมเขียน
ก็ตีลูกมึนไว้ก่อนไปหมด

ฮืมมมมม!!

ฮืมมมมม!!

ฮืมมมมม!!

ปล. ฮืมมมม นี่ทำไมกล่าวบ่อย อ๋อ ผมยืมของเขามาพูด หนะคร้าบท่านผู้ชม

 

ยามหลับ หรือนั่งสมาธิ
-หลังจากนั้นจะออกบ่อย และไกลขึ้น จาก ๒ร่าง เป็น ๓ ๔ ๕ ๖ร่าง ทั้ง ๖ ร่างทำหน้าที่ต่างกัน
-เห็นอดีตของตัวเอง เคยเกิดเป็นพระมา๘ชาติ เป็นสัตว์เดรัจฉานมา๒ชาติ เป็นผู้หญิง๔ชาติ(รวมชาติปัจจุบัน)

ยามตื่น
-ไปที่ไหนจะได้ยินเสียงเข้ามาในหูตลอด ทั้งกลางวัน กลางคืน เหมือนแย่งกันพูด
-ยามเห็น ก็จะเห็นเป็นคนโบราณ แต่งตัวผิดยุคผิดสมัย ทั้งคนไทยคนเทศ ปะปนอยู่ทั่วไป หากกรูยื่นมือกันเข้ามามักเป็นเปรต
-ได้กลิ่นหอมอบอวล ได้กลิ่นเหมือนแป้งร่ำ กลิ่นเน่า กลิ่นสาป แล้วแต่สถานที่ที่ไป
-เวลาอาบน้ำหรือเวลาส่วนตัว ก็มักโผล่มาให้เห็น ไม่มีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

จนนอนไม่ได้ เพราะที่นอนข้างๆนั่นก็ใช่ ทั้งปลายเตียง หัวเตียง รอบบ้าน ในบ้าน เวลาส่วนตัวโดนรบกวน
-------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายไปหาหมอเพื่อปรึกษา คุณหมอบอกว่าถ้าพูดอยู่กับใคร แล้วคนอื่นไม่เห็นให้มาหาหมอนะ แล้วรับยาหมอมาทาน
ชักเริ่มกลัวเหมือนกันกับคำที่หมอพูด กลับมานอนหลับดีกว่าก่อน เพราะยาที่จ่ายมามียานอนหลับด้วยทำให้ร่างกายเหมือนได้พัก
-------------------------------------------------------------------------
นึกถึงพระสูตรมาเป็นอารมณ์ให้จิต เริ่มอ่านพระอภิธรรม
แล้วอธิษฐาน ขอไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่สัมผัส ไม่รับรู้ทางใจ อะไรทั้งสิ้น ขอเป็นเพียงคนธรรมดาที่ศึกษาพระอภิธรรม

แล้วก็เป็นตาปลาอย่างปัจจุบันนี้

 

กลับไปอ่านอีกทีข้างบนนะ พอดีพิมพ์เพิ่มเติม....

 

โถ่ คุณ คนเขารู้กันทั่ว เว็บ นะว่า ใครกันที่ไปเจอพระมาลัย
แล้ว รับความมาจากพระมาลัยว่า ลาพุทธภูมิแล้ว

แล้ว ก็เอาออกมาเล่าให้ลูกศิษยฟัง แล้ว ยังหา อีก 3 ที่เป็น
อนาคตวงศ์ที่จะลาพุทธภูมิ เพราะ อยู่ดีๆ นับได้ว่า ต้องมีแค่ 6
จากที่ต้องมี 10

ดังนั้น

ผมพูดถึงคำสอนใคร อันนี้ เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว หากไม่รู้ ก็ค้นเอา
เดี๋ยวก็เจอ เพราะ พูดอยู่คนเดียว สอนอยู่คนเดียว


สรุป

ใครสอนคำสอนต่างจากพระพุทธองค์ กล่าวสิ่งที่ไม่อยู่ในธรรมวินัย
หรือศาสนานี้ ก็ พึงพิจารณาได้ เพื่อความไม่ประมาท โยนิโสมนสิการ
และ กัลยาณมิตร

 

นี่ตกลงจะพาออกทะเลเสียให้ได้....ผมก็บอกแล้วไงว่าคุณรู้ได้ไงว่าไม่จริง...คุณไปถามพระพุทธเจ้าท่านเหรอว่าไม่จริง.....นี่คุณไม่ไปถามท่านหละว่าจริงหรือไม่อย่างไร....ผมก็ไม่ได้ไปอยู่กับท่าน.....ท่านจะลาหรือไม่ลาพุทธภูมิมันก็เรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับผม.....

 

กระผมไม่ได้เป็นคนสติฟั่นเฟืองนะท่าน มีสติสมประกอบทุกอย่าง หมอที่ไหนไม่ต้องให้มาคุยกับผมหรอก ผมรู้ ผมเห็น ผมได้ยิน ผมสัมผัสด้วย ตัวเองไม่ใช่หมอ การที่เราเห็น6-7ร่างอะไรของท่านมันอาจจะเป็นเพียงความว่างเปล่าก็เป็นได้ขอรับ และอีกอย่างกระผม พักผ่อนเพียงพอแน่นอน และ ไม่ได้ทำงานหนัก มากด้วย

 

ตกลง คุณ โง่ หรือ บ้า หรือ ขาดสติ หรือ ขาดสมาธิ กันแน่เนี่ยะ

พระยามาราธิราช ที่เป็นพระพุทธเจ้า เนี่ยะ คุณจะมาถามผมทำไมว่า
ผมรู้ได้อย่างไรว่าจริง ไปเจอพระพุทธเจ้ามาเหรอ

ก็เห้ย!! พระยามาราธิราช ที่จะตรัสเป็นพระพุทธเจ้า เนี่ยะ พระพุทธองค์
ตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฏก แล้วไง

แต่ ไอ้ที่บอกว่า พระยามาราธิราชลาพุทธภูมิไปแล้วเนี่ยะ อันนี้ไม่มี
พระพุทธเจ้าองค์ไหนตรัสบอกสักองค์ มีแต่ สาวกโคตรบิดาโคตรมารดา
ของคุณหนะกล่าวอยู่คนเดียว แถม โดนพระยามาราธิราชนั่นแหละกระซิบ
บอกให้ออกมาพูด เพื่อเป็นอุบาย ให้คนเขารู้อะไรๆ บางอย่าง ไง

 

ผมว่าคุณนั่นหละที่น่าจะขาดสติหละนะ ดูจากวาจาแล้วคุณคงเป็นเอามาก ไม่พอบริพาทพระท่านเข้าอีก....

ผมว่าวิสัยนี้คงไม่ใช่วิสัยผู้มีสติหลอกนะ....

 

ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ผมไม่เหมือนคุณไวนี่ ปากบอกปาวๆ ให้เพื่อนๆ เขา เอาพุทธวัจนะ เป็นใหญ่
ให้ฟังคำสอนของพระศาสดาเป็นหลัก

แต่พอมา เจอปัญหานี้ ก็ โยนศาสดาทิ้ง หาว่ามีการบริภาสสงฆ์เกิดขึ้น ทั้ง
ที่มันเป็นเรื่อง ยกพระศาสดาเป็นหลัก

ก็ผมบอกให้ทราบแต่ครั้นนู้แล้วไง

หากคุณจะ ดำริไปทางมีการบริภาสสงฆ์ หรือ เข้าใจว่า ผมมาบริภาสสงฆ์
หรือ กำลังมีศรัทธาคลอนแคลนในสงฆ์ ให้ถามผมก่อน

เพราะ ผมรู้วิธีที่จะทำให้ ความศรัทธาต่อสงฆ์ไม่คลอนแคลนเสียหายเลยแม้
แต่นิดเดียว

ให้ เอ่ยปากถามผมก่อน

แต่ก็ขอสงวนการบอกนะ ไม่เช่นนั้น พระท่านอุตสาห์เสียสละทิ้งคำสอนใว้
ให้ถึงขนาดนั้น มันจะเสียการณ์เสียก่อน สู้ ให้ได้รับการสอน การฟังแบบ
นี้แหละ จะทำให้ คำสอนของท่านบริสุทธิหมดจรดได้อยู่

ถึงขั้น "ทิ้งอารมณ์เกาะพระนิพพานกันเลยทีเดียว"

 

ท่าน hydraxis เข้าใจความหมายที่ท่าน ตาปลา ต้องการสื่อผิดแล้วครับ
อย่าเพิ่งตั้งอคติ อ่านให้ดีๆ ก่อน
ท่านตาปลา ต้องการจะสื่อว่า การรู้เห็นเรื่องโลกทิพย์ หรือ สิ่งอื่นที่ มนุษย์มนาปกติ เขาไม่เห็นกันเนี่ย สุดท้ายแล้ว ถ้าคุมไม่อยู่ มันจะเป็นโทษอย่างรุนแรง และยังทำให้ปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลลำบากกว่าเดิมอีกครับ

 

สมดุลของธรรม คือความเป็นกลางของจิต
อะไรที่มากเรียกได้ว่าล้น
อะไรที่น้อยเรียกได้ว่าขาด
เลือกให้พอเหมาะ ให้เหมาะสมกับตัวเอง
-------------------------------------------------
พระพุทธเจ้าท่านไม่เอาอกุศล กุศลท่านก็ไม่เอาเช่นกัน

 

^-^

ความจริงพูดไปก็ไม่ได้ประโยชน์นะ....ก็ไม่เข้าใจว่าต้องคิดว่าผมโยนพระพุทธเจ้าทิ้ง หรือถ้าใครจะคิดอย่างนั้นก็ช่วยใครไม่ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะคิดและก็มีสิทธิที่จะเชื่อ....เอาเป็นใจผมไม่ทิ้งไปตามท่านพูดก็เป็นพอ...เบื่อที่จะสน.....

เรื่องของอนาควงศ์อะไรที่คุณพูดว่าพระพุทธเจ้าท่านพูด อันนั้นผมก็ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านไปพูดไว้ตรงใหน จะถามหรือก็บอกให้ผมไปหาเอง....เรื่องพระสงฆ์ท่านใหนที่คุณพูดถึงว่าท่านลา ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นท่านใหน...เพราะคุณก็ไม่ได้บอกไว้.... ตกลงว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระสงฆ์ท่านก็ดี ไม่มีอะไรให้ผมสักอย่าง มีแต่คำพูดลอยๆว่าพระพุทธเจ้าท่านพูด พระสงฆ์ท่านพูด ตกลงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง....แล้วก็พูดแล้วพูดเล่า....เมื่อเจอผมก็พูดอีก เหมือนติดใจอะไรผมสักอย่าง.....คราวที่แล้วที่ผมไม่สนทนาด้วยก็เพราะด้วยเหตุว่าคุณไม่มีความชัดเจนในเนื้อหา....ครั้งนี้มาอีกแล้ว...แบบเดิม....แถมบอกว่าพระท่านพูด ไปด่าท่านอีกว่าท่านไม่ดีนิ ไม่เห็นเลย ใครพูด....

แต่ถึงแม้ว่าพระท่านพูดก็ดี พระโพธิสัตว์ท่านจะลาหรือไม่ลาก็เป็นเรื่องของท่าน...ไม่เกี่ยวกับผม.....ใช่ว่าถ้าท่านลาแล้วตอนนี้ ผมจะบรรลุวันนี้หรือก็ไม่ใช่...ฉะนั้นผมก็ไม่เคยไปสนใจว่าใครจะลาจะอยู่ ใครจะพูดหรือไม่พูด เพราะเรื่องอนาควงศ์ผมถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไม่เกี่ยวกันกับผม......

ติดใจนักว่าท่านพยามารท่านลา บอกว่าพระท่านบอก ถ้าท่านลาหรือไม่ลามันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี ท่านเบื่อท่านก็อาจลาก็ได้....ผมยังมีเบื่อ อารมณ์เบื่อๆ....มันก็มี จะเป็นไรไป....หรือคุณเสียใจที่พยามารท่านลา เพราะสร้างบารมีมากับท่าน เป็นลูกน้องมารหรือ ท่านบอกว่าพยามารท่านลาพุทธภูมิไม่พอใจ ต้องไปแก้ต่างว่าท่านไม่ลา จะตามท่านว่างั้น.....

เดี๋ยวก็ไปตามพูดหลายๆกระทู้นะ...ผมก็จะตอบตามเดิมนี่หละ....

 

คุณภานุ..คุณนี่แหลม คม สุดยอด

ชัดเจน ไม่มีอ้อมค้อม ตรงประเด็น

ชอบครับ

 

สงสัยนิดนึงครับ ท่าน Phanudet
พอท่านเล่าปัง ถามแบบ อ้อมค้อม เลียบๆ เคียงๆ ท่านก็บอกว่า ถามไม่ชัดเจน
พอผมถามแบบไม่อ้อมค้อม ถามอยากได้คำตอบ แค่ว่า ใช่ หรือ ไม่ ท่านกลับไม่ตอบตรงๆ หนะครับ

อ้างอิง : ความเห็นที่ #40 และ #41
http://palungjit.org/threads/ข้าพเจ...่างกึ่งหลับกึ่งตื่น.343875/page-2#post6262769

 

คุยกันมานานกับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปุณบพิธ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6263327", true); </SCRIPT> นี่เห็นตอบหลายกระทู้เนื้อความสุ่มเสียง จะออกแนว วิปัสสนาลูกเดียวเหมือนกัน....ออกอย่างนั้นหละ....คำก็วิปัสสนา สองคำก็วิปัสสนา เห็นตอบไปหลายกระทู้....สร้างบ้านนี่ไม่เอาฐานกันเลย แบบฉันจะสร้างบ้าน แต่ฉันจะเอาแบบหลังคา ฐานฉันไม่เอา ตัวบ้านไม่เอา เสาบ้านไม่เอา เอาหลังคาลอยๆ มันมีไม สร้างบ้านหละ....มันไม่มีหลอก มันไม่มีในโลก....

วิปัสสนาไปใหนกัน....หลังคา หลังคา ฉันจะเอาแต่หลังคาลูกเดียว.....

วันนี้ก็เลยคุยหน่อย...นี่เจ้าตัวเขามาบอกว่าเขาไม่ได้หมายหลังคาลูกเดียว...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี หากพูดผิดไปก็ขออภัย....

จริงๆก็ไม่เห็นมันมีอะไร....

 

อย่าเพิ่งไปเรื่องอื่นสิครับท่าน พูดกันถึงเรื่องตัวท่านอยู่ ไม่ใช่ตัวผม ถ้าจะพูดเรื่องตัวผม เปิดเป็นประเด็นอื่นไป ไม่ต้องมาปนกับคำตอบจะดีกว่าครับ

สำหรับเรื่องที่ตัวผมแนะนำท่านอื่นๆ ไปทางวิปัสสนา อันนั้นผมพิจารณาประกอบตามสิ่งที่ได้อ่าน ท่านทั้งหลาย ที่ผมได้อ่านเรื่องของพวกเขาแล้วเหล่านั้น เห็นแล้วว่า ล้วนแต่เป็นผู้มีพื้นฐานทางสมาธิมีกำลังพอสมควรอยู่แล้ว หรือเป็นผู้ที่น่าจะเคยได้ฝึกฝนมาในชาติก่อนๆ แล้ว ท่านเหล่านั้น เดี๋ยวของเก่าก็ค่อยๆ กลับมาเอง โดยอัตโนมัติอยู่แล้วครับ ที่ผมห่วงท่านเหล่านั้นและแนะนำไปทางวิปัสสนาเป็นหลัก เพราะว่า เท่าที่เคยได้รู้จักมา ผู้มีของเก่าส่วนใหญ่เหล่านี้ กำลังของสมถะ มักจะกลับมาเร็ว พร้อมของแถมหลายๆ อย่าง ซึ่งถ้าไม่รีบฝึกสติคุมไว้ก่อน จะหลงทางได้ง่ายครับ

หวังว่าคำตอบคงจะชัดเจนนะครับ ถ้าสงสัยในเรื่องเกี่ยวกับที่ตัวผมแนะนำผู้อื่น ถามเพิ่มเติมได้ครับ...

 

^-^

อ่าวเหรอ...ตกลงนี่ที่พูดกันมานี่พูดถึงผมว่างั้น.....

เอาหละเว้ยเรา แฟนคลับ เราเพิ่มมาอีกคนละ....ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไรมีแต่คนมาตามรัก ไปที่ใหนนี่ตามรัก พูดอะไรนี่ตามแก้ ตามทวง ตามท้วง ไม่ต้องขนาดนั้นนะคุณนะ.....ถ้าจะรักก็ให้รักผมน้อยๆ แต่รักนานๆก็พอนะ....วันนี้รู้สึกถามมากเป็นพิเศษ....

เรื่องของผมอย่าไปสนใจเลยนะ....คุณไปทำของคุณ สนใจในเรื่องของคุณเถอะนะ......เรื่องตัวผม ผมรู้ตัวผมดี....

 

ท่านทั้งหลาย นิ่งเสีย วาจาของท่านทั้งหลาย ก็เหมือนหอกแหลมคอยทิ่มแทงกันไปมา เหมือน กำลังแย่งปลากันทั้งๆที่ปลาตัวนั้นสามารถกินได้สองคน โดยคิดแต่ว่าเราต้องกินให้อิ่มโดยที่อีกฝ่ายตายทั้งมันไม่ยอมกุจะฆ่ามันให้ตาย ผมว่าคนเราจะรับฟังได้แต่ไม่จำเป็นจะต้องยอมรับ เหมือนมีคนเล่นดนตรี แน่นอนคนเล่นย่อมรู้ทำนอง มากกว่าคนฟัง เป็นต้น
อนุโมธนา สาธุ หลายๆความคิดเห็น;k04

 

อำมาตย์ เนี่ยนะ มั่ว นางรำ 7 วัน 7คืน ดื่มแต่เหล้า เนี่ยนะ ที่ ทำสมถะ จนจิตนิ่ง หรือ ว่า คุณ ภาณุเดช ตกกเย็นมา คง ดื่มแต่เหล้า เคล้านารี พอ ตกดึกเมา แล้ว ก่อนนอน ก็นั่งสมาธิก่อนนอน หรือป่าว
คุณ ภาณุเดช ปฏิบัติแบบนี้หรอเปล่า ถึงคิดว่า อำมาตย์ เขาทำ สมถะมามาก

พระ ยะสะ อีก ที่นอนกอด สาว ในปราสาท 3 ฤดู จะมีเวลาไป นั่งสมถะตอนไหนอ่า หรือว่า ตอนกอด สาว เขา บริกรรม อะไรในใจ อยู่หรอ คุณ ภาณุเดช เคยทำแบบนี้หรอ ป่าว เลยคิดว่า เขาทำสมถะมาก

ส่วนเรื่องอดีตชาติ อย่าไปคุยครับ
ว่าเขาเคยสั่งสมมา...ผม มาเกิด ตอนนี้ ผม ทำสมถะทุกวัน แต่ผม เห็นด้วยกับการ ไม่ งมงายกับสมถะมากไปนัก ทำแต่พอควร พอให้ใจมีกำลัง ในการ พิจารณา รูปธรรม และนามธรรมส ที่เกิด ต่อหน้าต่อตา

ผม เข้าใจคุณ ดี ที่เรียนมา แบบนั้น..ผม ผ่าน มาแล้ว
ประเภท หลงไหล การนั่งสมาธิเอาเป็นเอาตาย..ผม ทำมาแล้ว และ ก็เชื่อ แบบที่คุณ เล่ามาด้วย..แต่ วันนี้ ผม รู้แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร

หาก วันนึงวาสนา คุณ ถึง บารมี คุณ ถึง คุณ จะเข้าใจ ธรรม ในแบบที่ผมกล่าว แน่ๆ...และ อีกเรื่อง ขณิก สมาธิ นั้น

ทาง สมถะ ไม่สำคัญเลย เป็น สมาธิ แบบ เด็กๆ..ง่ายๆ
แต่ ทาง วิปัสสนา แล้ว นี่คือ บันได ขั้นแรก ที่สำคัญ มากสุดๆ

จะเชื่อหรือ ไม่ ต้อง เข้าใจแก่น ก่อน แล้วลองปฏิบัติ วันนึง คุณ จะ ขอบใจ ผม
ว่า ผม มาบอกเล่า เรื่อง จริง....