เวลาคุณตายคุณจะบอกกับเขาว่าอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย poopae191, 9 มิถุนายน 2012.

  1. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ขอแชร์เรื่องตัวเองนะคะผ่านชีวิตตัวเองที่หันเข้าหาธรรมะอย่างจริงจัง

    พอดีเป้รถคว่ำ วันที่ 24มีนาคม 55 อาการตอนนั้น ตาเขียว ใส้แตกหลังหัก ก้นหักคะ
    รถสภาพยับทั้งคันซ่อมไม่ได้

    เรื่องจริงผ่านชีวิตจริง ตอนขณะที่เป้อยู่ในรถ จำได้ตอนสลบ มีคนถามว่านึกอะไรออกไหมในสิ่งที่เราเคยทำดี หนูจำไม่ได้คะ เขาบอกว่าถ้าให้ลงนรกก็ไม่ได้งันฉันจะให้เธอฟื้นแล้วก็คิดเอานะว่าจะทำอะไรต่อไปเมื่อมีชีวิต สักพักก็รู้สึกตัวหัวอยู่บนคอนโซลรถโดยมีถุงลมแฟบๆอยู่ระหว่างกลาง ความรู้สึกแรงคือเจ็บปวดทรมานที่สุด ความรู้สึกต่อมาคือเราจะตายไหม สักพักภาพแม่ขึ้นมา อย่าลืมนะลูก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้สวดอิติปิโส ในขณะที่เป้ถูกหามส่งโรงพยาบาล เป้สวดอิติปิโสตลอด อาการปวดทุเลาลงแต่ก็ยังปวดอยู่ เมื่อพ้นขีดอันตรายผ่าตัดเสร็จอยู่โรงพยาบาลสี่วัน หลังจากกลับบ้านมาก็สวดมนต์แผ่เมตตา นอนสมาธิ ตอนนั้น นั่งไม่ได้ จนมาถึงทุกวันนี้ มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตล้วนเป็นสิ่งดีๆ ถ้าหากว่าถึงเวลาเราตายอีก เราจะตอบเขาคนนั้นได้ว่าความดีของหนูคือ ภาวนา สมาธิ และแผ่เมตตาและก็ทำทานด้วยคะ ไม่รู้หรอกนะคะว่าจะตายวันไหน แต่ที่เรามีชีวิตได้ในตอนนี้เพราะเขาให้เราสร้างความดี และบอกต่อนะจ๊
     
  2. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +530
    สำหรับผม ถ้าจะตาย ขออยู่ในสมาธิ สงบ พุธ โท แล้วคิดว่าไม่ขอเกิดอีกต่อไป({)
     
  3. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ถ้าผมเจอ ผมจะขอทดเวลาขี้เกียจ 555

    ---------------------------------

    ขอเอาเรื่อง นางเรวดีภรรยาของนันทิยะอุบาสกมาเล่าครับ

    นางเรวดีเป็นภรรยาของพ่อค้านันทิยะ ซึ่งพ่อค้าคนนี้เป็นคนใจบุญตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหารแก่สมณะพรามณ์และคนยากจนอนาถา แต่พ่อค้านันทิยะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
    จึงให้นางเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตนไม่อยู่ และแน่นอนนางไม่ให้และยังด่าคนที่มาขอด้วย
    จนสุดท้ายนางตายจึงถูกนำไปนรก

    บทสนทนาของนางกับยักษ์และนายนริยบาล มีดังนี้

    ยักษ์ผู้เป็นทูตของพญายม ปรารถนาจะจับนางเรวดีโยนลงไปในอุสสทนรก เพราะฉะนั้น
    จึงได้กล่าวกะนางเรวดีว่า


    "แน่ะนางเรวดีผู้แสนจะชั่วช้า ผู้ไม่ให้ทาน ประตูนรกได้เปิดไว้คอยให้
    เจ้าเข้าไป เพราะเจ้าด่าว่าพระอริยเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจงรีบลุกขึ้นเร็ว
    เถิด พวกเราจักพาเจ้าไปโยนลงในอุสสทนรก อันเป็นที่ทอดถอนใจ
    ของเหล่าสัตว์นรก พรั่งพร้อมอยู่ด้วยทุกข์."


    ยักษ์ ๒ ตนผู้เป็นทูตของพญายม ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มีนัยน์ตาลุก
    แดงใหญ่โตน่าสะพรึงกลัว จับนางเรวดีที่แขนคนละข้าง หลีกไปใน
    สำนักแห่งหมู่เทวดาในดาวดึงส์.


    นางเรวดีอันยักษ์ ๒ ตนนั้นนำไปสู่ภพดาวดึงส์อย่างนี้แล้ว วางไว้ ณ ที่ใกล้วิมานของ
    นันทิยเทพบุตร ได้เห็นวิมานอันมีรัศมีเปล่งปลั่งยิ่งนัก ดุจรัศมีพระอาทิตย์ จึงถามยักษ์ทั้ง ๒
    นั้นว่า

    "นี่วิมานของใคร มีรัศมีจุดพระอาทิตย์ งามระยับเลื่อมประภัสสรปกคลุม
    ด้วยข่ายทองงามแพรวพราว เกลื่อนกล่นไปด้วยเทพบุตรและเทพธิดา
    มีรัศมีรุ่งเรืองดังรัศมีพระอาทิตย์ มีหมู่นางเทพนารีผู้มีสกลกายลูบไล้ ไป
    ด้วยจุรณจันทน์แดงอยู่ทั้งภายในและภายนอกวิมานทั้ง ๒ ข้าง ต่างก็พา
    กันเข้าไปขับกล่อมด้วยดุริยางค์ดนตรี วิมานนั้นปรากฏมีรัศมีดุจพระ
    อาทิตย์ ใครมาเกิดในสวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมานนี้?"


    ยักษ์ ๒ ตนจึงบอกแก่นางเรวดีว่า

    "วิมานของนันทิยอุบาสกในเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นผู้ไม่ตระหนี่เป็นทานา-
    ธิบดี มีใจโอบอ้อมอารี เป็นวิมานเกลื่อนกล่นไปด้วยเทพบุตรเทพธิดา
    มีรัศมีรุ่งเรือง ดุจรัศมีพระอาทิตย์ มีหมู่นางเทพนารีผู้มีสกลกายลูบไล้
    ด้วยจุรณจันทน์แดง อยู่ทั้งภายในและภายนอกทั้งสองข้าง ต่างพากัน
    เข้าไปขับกล่อมดุริยางค์ดนตรี วิมานของนันทิยอุบาสกนั้น ปรากฏมี
    รัศมีดุจพระอาทิตย์ นันทิยอุบาสกนั้นมาเกิดในสวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมานนี้.
    "

    ลำดับนั้น นางเรวดีกล่าวว่า

    "ฉันเป็นภรรยาของนันทิยอุบาสก เป็นหญิงแม่เรือน เป็นใหญ่ในสกุล
    ทั้งปวง เพราะฉะนั้น บัดนี้ฉันจักรื่นรมย์อยู่ในวิมานของสามี ก็พวก
    ท่านปรารถนาจะนำฉันไปสู่นรก ฉันไม่ปรารถนาจะเห็นนรกนั้น.
    "

    ยักษ์ ๒ ตนนั้นมิยอมอนุญาตให้ จึงพาตัวลงไปใกล้อุสสทนรก แล้วจึงกล่าวว่า

    "แน่ะนางเรวดีแสนจะชั่วช้า นรกนี่แลเป็นของเจ้า เพราะเมื่อเจ้าอยู่ใน
    มนุษยโลก ไม่ได้ทำบุญไว้ ด้วยว่า บุคคลผู้มีความตระหนี่ขึ้งโกรธ มีธรรม
    อันเลวทราม ย่อมไม่ได้ความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงสวรรค์."


    ครั้นยักษ์ทั้งสองกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็หายไป ณ ที่นั่นเอง ก็วันนั้น นางเรวดีเห็นนาย
    นิรยบาลอีก ๒ ตนพากันมาฉุดคร่าตนเพื่อจะโยนลงในคูถ(อุจจาระ)นรก ชื่อว่าสังสวกะ


    นางจึงถามนายนิรยบาลนั้นว่า


    "เหตุไรคูถนรกและมูตนรกจึงปรากฏมีกลิ่นเหม็น ไม่สะอาด ไฉนคูถนี้จึง
    มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไปเล่า?"


    นายนิรยบาลตอบว่า
    "แน่ะนางเรวดี นี่เป็นนรกชื่อสังสวกะ ลึกร้อยชั่วบุรุษ เจ้าจักหมกไหม้
    อยู่ในนรกนั้นสิ้นพันปี."


    นางเรวดีจึงถามว่า

    "ฉันทำชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ เพราะกรรมอะไรฉันจึงตกนรก
    สังสวกะอันลึกร้อยชั่วบุรุษเล่า?"


    นายนิรยบาลตอบว่า

    "เพราะเจ้าด่าว่าสมณพราหมณ์ และวณิพกเหล่าอื่น ด้วยคำมุสาวาท บาป
    นั้นเจ้าทำไว้แล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าจึงต้องตกนรกสังสวกะลึกร้อยชั่ว
    บุรุษ แน่ะนางเรวดี เจ้าจักหมกไหม้อยู่ในนรกนั้นสิ้นพันปี ใช่แต่
    เท่านั้น นายนิรยบาลทั้งหลายจะตัดมือ เท้า หู และแม้จมูกของเจ้า
    อนึ่ง ฝูงกา ปากเหล็กย่อมพากันมารุมจิกกินเนื้อของเจ้าให้ดิ้นรนอยู่."


    นางเรวดีจึงวิงวอนว่า

    "ขอไหว้เถิดพ่อคุณ ขอจงได้นำฉันกลับไปส่งยังมนุษยโลกเถิด ฉันจักทำ
    บุญให้มากด้วยการให้ทาน การประพฤติธรรมสม่ำเสมอ ความสำรวม
    การฝึกฝนตน ชนทั้งหลายทำสิ่งใดแล้ว ย่อมได้รับความสุขและไม่
    เดือดร้อนในภายหลัง ฉันจักทำแต่สิ่งนั้น."


    นายนิรยบาลกล่าวว่า

    "เมื่อก่อนเจ้าประมาทมัวเมา เดี๋ยวนี้จะมาร่ำไรไปทำไมเล่า เจ้าจักต้อง
    เสวยผลแห่งกรรมทั้งหลายอันทำไว้เอง."


    นางเรวดีสั่งว่า

    "ถ้าใครจากเทวโลกไปสู่มนุษยโลก พึงช่วยบอกแก่บุตรของฉันอย่างนี้ว่า
    จงให้ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ที่นอน ที่นั่ง ข้าวและน้ำเป็นทานในสมณพราหมณ์
    ทั้งหลาย ผู้มีอาญาอันวางแล้ว เพราะว่า บุคคลผู้ตระหนี่ ขึ้งโกรธ
    ด่าว่า มีธรรมอันเลวทราม ย่อมไม่ได้เป็นสหายของหมู่เทวดาผู้เข้าถึงสวรรค์."


    นางเรวดีได้กล่าวต่อไปว่า

    "ถ้าฉันไปจากนรกนี้แล้ว ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้มีใจโอบอ้อม
    อารี สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มาก โดยให้ทาน ประพฤติธรรม
    สม่ำเสมอ สำรวมกาย วาจา ใจ ฝึกฝนตน จักสร้างอารามและสะพาน
    ในที่ลุ่ม ขุดบ่อ ขุดสระน้ำให้เป็นทาน ด้วยจิตอันเลื่อมใส จักรักษา
    อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ
    แห่งปักษ์ และในวันปาฏิหาริยปักษ์ จักเป็นผู้สำรวมระวังในศีลทุกเมื่อ
    และจักไม่ประมาทในทาน เพราะผลแห่งกรรมนี้ฉันได้เห็นเองแล้ว."



    นายนิรยบาลทั้งหลายพากันจับนางเรวดี ผู้ดิ้นรนรำพันอยู่อย่างนี้ เอาเท้า
    ขึ้นเบื้องบน เอาหัวลงเบื้องต่ำ โยนลงไปในนรกอันร้ายกาจ.


    -------------------------------------
    พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ(เกี่ยวกับนันทิยะอุบาสก)ว่า

    "ญาติ มิตร และสหายทั้งหลาย ย่อมพากันชื่นชมยินดีกะบุรุษผู้พลัด
    พรากจากกันไปนาน กลับมาโดยสวัสดีแต่ที่ไกลว่าเป็นผู้มาแล้ว ฉันใด
    บุญทั้งหลายย่อมต้อนรับบุคคลผู้ทำบุญไว้แล้ว จากโลกนี้ไปสู่ปรโลก
    ดุจญาติต้อนรับญาติที่รักผู้กลับมาแล้ว ฉันนั้น."

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2012
  4. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    อนุโมทนาสาธุเจ้าคะ
     
  5. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    คงไม่ได้รอจนถึงวันตายอ่ะค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไร อาจไม่ได้ป่วยตาย บางคนตายอย่างกะทันหันก็มี ดังนั้นความดีต้องทำทุกวัน ทุกวันต้องคิดไว้เสมอว่าเราจะต้องตาย ตายเมื่อไรไม่มีใครทราบ คิดไว้ว่าเราเป็นผู้ที่ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สมบัติ ญาติ พ่อแม่ คนรัก เพื่อน พี่น้อง มีก็เหมือนไม่มี เพราะทุกอย่างมีสภาพพังหมด ร่างกายเรามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เราไม่ต้องการร่างกายแบบนี้อีก พรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก เราไม่ต้องการเพราะมีสภาพไม่เที่ยง สุขได้ไม่นานก็ต้องมาเกิดอีก ตายเมื่อไรขอไปนิพพานที่เดียวค่ะ นึกให้มันเป็นอารมณ์ชินทั้งก่อนหลับ,ตอนตื่นและระหว่างวันนึกอย่างนี้ถ้าตายวันนั้นก็จะได้ไปสุขคติค่ะ อย่างต่ำๆก็ไปสวรรค์ อย่างดีขึ้นมาหน่อยไปพรหม ดีที่สุดถ้านึกแล้วตัดกิเลสดับเชื้อได้ก็ไปนิพพานค่ะ

    ก็จะพยายามคิดอย่างนี้ทุกวันค่ะ เพราะถึงเราจะทำความดีมามากแต่ถ้าก่อนตายจิตคิดถึงกรรมชั่วที่เราได้ทำมาก็ต้องไปอบายภูมิค่ะ พวกที่ความดีความชั่วพอๆกันก็ต้องไปสำนักพระยายมราชไปสอบสวน ถ้าเขาถามแล้วเรานึกถึงความดีไม่ออก(เพราะกรรมบัง)เราก็ต้องไปรับโทษตามนั้น แต่ถ้าเราเคยทำทั้งกรรมดีกรรมชั่ว เวลาเขาถามเรานึกได้ว่าเคยทำกรรมดีอะไรบ้าง ท่านก็จะให้เราไปรับผลของกรรมดีก่อนค่ะ
     
  6. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    โชคดีนะคะที่หนูบอกว่าไม่ทราบ ถ้าบอกว่าไม่มีเสร็จนะคะ นรกเบื้องหน้าแน่ๆ
     
  7. Cherry boy

    Cherry boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +501

    โอวว... เพราะงั้น คน เรา ควร หมั่น ทำความดี ทำบุญ ทำทาน กันเยอะๆๆ นะคับ
    :cool:
     
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,732
    ช่วงตอนสวดมนต์เราพยายามนึกถึงบุญต่างๆที่เคยได้ทำมาก็เป็นการฝึกระลึกถึงบุญไปในตัว และพอถึงช่วงแผ่เมตตาบุญเหล่านั้นจะมีอานุภาพแผ่ขยายได้กว้างไกล ยิ่งนึกถึงบุญใหญ่ๆแล้ว ก็แน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่เราแผ่เมตตาไปให้เขาได้รับแน่ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  9. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    มีวิญญาณหลายท่านก็อยากทำได้ แต่เขาไม่มีโอกาสแล้วนะคะ ท่านถึงได้หรือรอหรือคงชดใช้บางอย่างอยู่ในภูมิ เป็นการทำบุญใหญ่จริงคะๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...