ขอทราบวิธีบําเพ็ญปัญญบารมี เอาทางโลกและทางธรรมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 29 เมษายน 2012.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ เอกวีร์ ไม่เที่ยงแน่นอน เพราะอะไร เพราะเดี๋ยวชื่อ เล่าปัง เดี๋ยวชื่อ บุคคลทั่วไปสามคน...นี่กัลญาณมิตรหลายท่านท่านเห็นพ้องต้องกันว่าถูก....ไอ่นี่จะเอาอย่างเดียวว่าเขาเห็นผิด...เอาจะเข้าพูดเรื่องอานาอย่างเดียว...

    จขกท.เขาถามเรื่องการสร้างบารมี เขาไม่ได้มาถามอานาฯ......

    ดูเขาบ้างสิพ่อ เห็นผิดนี่พาคนอื่นเห็นผิด....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2012
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....อิทธิบาทสี่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา...........ที่โยนิโสมนสิการ จาก พระสัทธรรม:cool:
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    บารมีพร้อมที่จะบรรลุธรรมก็ส่วนบารมี เหตุปัจจัยที่จะทำให้บรรลุในระดับต่างกันก็มี
    อุปมา คนมีกำลังพร้อม สามารถวิ่งได้ 10 กิโลในทีเดียว แต่ขณะวิ่งอยู่ อาจจะไปเจอเหตุชักจูงให้ไปไม่ถึง
    ถ้าไม่เจออะไร ก็วิ่งไปทีเดียวถึงปลายทางได้
    ถ้าบังเอิญไปสะดุด ล้ม อาจจะวิ่งไปได้แค่ 5 กิโล
    แต่ถ้าไปสะดุดล้มแรงหน่อย อาจจะไปได้แค่ 2 กิโล
    แต่ถ้าล้มหัวฟาดพื้น มันก็นอนตรงนั้นแหละ

    เรื่องแค่นี้ พุทธภูมิอย่าง เล่าปังน่าจะอนุมานได้เองนะ
     
  4. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ขอบพระคุณคุณเซเบอร์ มีประโยชน์กับมีนัมมากมาย ^_^
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    โอยยยย....นะ เอากับเขาหน่อย บารมี แปลว่าเต็ม มีกำลังวิ่ง 10กิโล

    แต่ บารมี ของนายขันธ์ สาวก อธิบายว่า วิ่งได้แต่มัน "ถึก" นะเว้ยเห้ย

    วิ่งได้ 10กิโล แต่ไม่ได้แปลว่า มีปฏิภาณ ไหวพริบ สู้พ่อมะขามข้อเดียว
    เสื้อฟ้าขาวอะไรกับเขาไม่ได้เลย

    มีแต่แรง ปัญญาหายจ้อย วิ่งไปสะดุด นั่นแหละ บารมีของเขา
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ส่วน เซเบลอ นี่ มาดูกันหน่อย อุตสาห์ไปหา คำเทศนาพระมา แต่ทว่า

    ตัวเอง ยัง งง ก่ง ก๊ง

    จริงๆ ที่พิจารณานี่ไม่อยากคุยด้วยหรอก เพราะ พวกชอบขยายตัวอักษร
    เนี่ยะ ส่วนใหญ่บารมีน้อย พอโดนกระแทกก็จะต้องหาอะไรที่มันใหญ่ขึ้นมา
    ตบแต่งแทน ต้องอาศัยวัตถุภายนอก แทนความ สุขุมคัมภีรภาพ

    มาดูกัน

    บารมีของคุณ คุณบอกว่าเต็ม และ เที่ยง แล้วไปยก อนันทเศรษฐี
    มาประกอบ ซึ่งก็ขอขอบคุณ ที่ยกมาแก้ในส่วนที่ผม จำไม่ได้ กล่าว
    ผิดกล่าวถูกไป

    แต่......

    คุณไม่ไตร่ตรองเสียหน่อยหรือว่า บารมีเต็มแล้ว พร้อมจะเป็นอริยะเจ้า
    แน่นอน แต่ทว่าขาด.....ขาดอะไรนะ อ่อ ขาดอธิษฐานบารมี

    ซึ่งก็ไม่ว่าหละ แต่ ที่อยากจะทัก ให้ไตร่ตรองเสียหน่อยเนี่ยะ ตรงที่
    คุณ ไปแปลว่า อธิษฐาน คือ "ขอ" แล้วเน้นเสียหนักแน่นเลยว่า ที่
    พลาดเป้าเพราะ "ลืมขอ"

    คุณครับ บารมีแปลว่า เต็ม มันควรจะแปลว่า พึ่งตัวเองได้เต็มที่

    หาก บารมีเต็มของคุณหมายถึง ท้ายที่สุด ต้องกราบตีนใครสักตน
    เพื่อ ขอให้ได้นิพพานเนี่ยะ ผมว่า มันทะแม่งสุดๆเลย ลองไตร่
    ตรองดูหลายๆรอบนะ อย่างน้อย จะเลิกแปลคำว่า อธิษฐาน อย่างผิดๆ

    แต่สมมติว่า คุณ ยืนยันว่า อนันทเศรษฐี ขาดการ "ขอ" พ่อเจ้าประคุณ
    ลุนช่อง คงกำลังจะบอกผมสินะว่า ที่ อนันทเศรษฐีเป็นขอทานกำลังเดิน
    เข้าประตูเมืองนั้น คือ การเก็บบารมีตัวสุดท้าย!!!

    ขอทานไง เพราะ ลืมขอ ก็เลยต้องมา ขอทาน เก็บบารมีตัวสุดท้าย!!

    เฮ้อ แปลเข้าไปได้ อธิษฐานแปลว่า "ขอ" ถ้ายืนยันว่าเป็นการขอก็
    อย่าลืมรีบๆไปหา ไม่ไผ่เขียวมาสักลำหละ แล้วอย่าลืมตามหาต้นตำหรับ
    "ไก่อบดิน" มาฝากด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2012
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คุณครับ อานิสงค์ของอานาปานสติ นั้น มีระบุชัดเจน ว่า ทำอะไรให้เต็มได้
    บ้าง คุณไปค้นคว้า หรือไม่ก็ แสดงอภิญญาระลึกได้ ตามที่คุณวาดภาพตัว
    เองว่าเป็นนักรักษาพระไตรปิฏกชนิดใครเทียบไม่ได้ก็ได้ กล่าวออกมาเลย
    ว่า เล่มไหน วรรคไหน บทไหน กล่าวไว้

    แต่....ไม่ยกมาหนะดีแล้ว เพราะ ผมหมายให้คุณ จขกท เขาค้นคว้าเป็น
    เพิ่มเติม พร้อมๆไปกับการ ภาวนา

    ส่วนเรื่องไอดีเนี่ยะนะ อย่างน้อยผมไม่เคยใช้กล่าวเป็น คนละคน เพื่อมาสนับ
    สุนตนว่า พูดถูกต้อง ผมเห็นด้วย แล้วผมก็ไม่เคยเอา email ที่ใช้สมัครไอดี
    ไปขอ password เพื่อโหลด กสิณจ้ำจี้18+ มาเพ่งจ้องแบบนักปฏิบัติของครู
    มีชื่อหรอก
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ^-^

    เข้าใจแต่งเรื่องนะครับ..เดี๋ยวก็ให้ผมเป็นนั่นเป็นนี่ ต่อไปจะให้ผมเป็นอะไรอีกหละครับ...ว่าแต่ว่าผมไปวาดภาพตัวเองไว้เสียแต่เมื่อไรกัน...

    วันนี้ผมยอมรับว่าผมเห็นการพัฒนาอย่างหนึ่งของคุณเอกวีร์ ตามที่ขีดนั้นหละครับ ปกติพี่แก่ไม่ค่อยยอมรับอะไร พอจวนตัวเข้าพี่แกจะใช้วิธีด่ากลบเกลื่อน ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูด ซึ่งเป็นปกตินิสัยของแก คำว่ายอมรับ คำว่าขอโทษไม่เคยมีหลุดออกมาจากปากจากใจแกเลย คนมาใหม่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันนี่เวียนหัวมากเลย....นับว่าพัฒนาขึ้นแล้วครับ....ผมถือว่าวันนี้ได้ในสิ่งที่ดีนะ....

    ว่าแต่ว่าไอ่ 18+ นี่ผมว่าน้อยไปสำหรับผมนะ....มีเกินกว่านั้นไมครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ... ก็ยังไม่เห็นว่า จะมีการ ขอโทษ อะไรนี่ มีแต่บอกตั้งแต่แรกว่า "จำไม่ได้"

    จะค้นมาให้ ก็จนใจ เพราะ หลายสำนวนเหลือเกิน บางสำนวนเรื่องอนันทเศรษฐี
    ก็กล่าวแค่ มาหาทรัพย์ให้ลูก บางสำนวนนี่เป็นสุนัข หรือเปล่า บางสำนวนนี่ก็มี
    การพูดถึงระดับการบรรลุได้ หากมาเจอพระพุทธองค์ในเวลานั้นเวลานี้ เวลาที่บารมี
    ยังพอมีอยู่

    นี่ๆ ใครหน้าไหน จะกล่าวว่า บารมีเที่ยง เป็น อัตตา ของๆตน แน่นอน ชัวร์ป๊าปนิ่มอีกไหม

    ผมจะได้ ชงคำถามให้ตอบง่ายๆว่า

    หาก บารมีเป็นของเที่ยง และ เป็นของตน ก็ขอให้ เขียนสมุดเบิกถอนบุญบารมี มาใช้
    ให้ดูหน่อย หากปรารภว่า บุญบารมีเป็นของตน เที่ยงแท้แน่นอน ก็ช่วย ฝากบุญ โอน
    บุญ ถอนบุญ ให้ดูหน่อย ระบุวันทำการด้วยนะ ว่าจะได้ วันไหนหลังจาก ฝาก ถอน
    และ โอน แล้ว!

    ว่าไง ลุงขันธ์ จะกล่าวว่า บารมีเที่ยงแท้ และ เป็นของๆตน บ้างไหม สนใจไหม สามารถ
    ยกได้นะ ตามสะบายเลย ไม่กระอักกระอวนเท่าไหร่หรอก
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อันนี้ผมทราบดีครับ...ว่าคำนี้ไม่มีหลุดหลอกนะ...เพราะคุณคิดอยู่ตลอดว่าคุณไม่เคยเลยที่จะทำผิดต่อใครไงหละ....แม้ว่าบางครั้งอาจผิดแต่คุณก็ด่าเขาเพื่อกลบเกลี่อน ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดไป...คุณเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยใหนแล้ว....และอาจเป็นโดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว...หรือรู้ตัวแต่ไม่ยอมปฏิบัติก็ไม่ทราบ....

    แต่ก็อย่างว่าหละครับ เมื่อมีผู้ทำความดีให้เรากล่าวคำว่าขอบคุณ เมื่อเราทำผิดเรากล่าวคำว่าขอโทษ อันนี้เป็นเพียงแค่มารยาทพื้นฐานจากจิตสำนึกที่ได้รับการสั่งสอนมาดี เป็นมารยาทสังคมที่พึงปฏิบัติ มันอาจยากสำหรับผู้ไม่ค่อยได้รับการอบรมมา หรือ อยู่ในตระกูลหรือสังคมที่ไม่ค่อยได้รับการสั่งสอน....อย่างนี้หละครับ.....

    ตรงนี้ขอชมคุณ สับสน หน่อยนะ เห็นเขาแสดงความเห็นอะไรที่ผิดพลาดไปแล้วเขาออกมายอมรับและขอโทษ กล้าที่จะพิมพ์ออกมาทางหน้าบอร์ด อย่างยอมรับด้วยใจจริง...ถือว่าเขาเป็นบุคคลที่มีใจเป็นสุภาพบุรุษ...และ ศึกษามาดี.....
     
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เขามีแต่ ถิ่นกาขาว

    วันนี้ เจอ กาพูดภาษาไทยได้แหะ

    เอ้า พี่สับสน ช่วยแสดงอาการนิยมชมชอบ คำชม ที่จะมีและผลัดให้แก่กันหน่อย....


    ฮิววววส์
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ^-^

    ไปพิจารณาเอานะ.......ผมอาจพูดตรงไปหรือไม่อย่างไรก็ตาม.....แต่วันนี้ผมถือว่าผมได้รับรู้ในสิ่งที่ดีขึ้นอย่างหนึ่งจากคุณ....คืออย่างน้อยคุณมีจิตใจที่จะยอมรับฟังความเห็นของบุคคลอื่น...และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองพลาด....ผมถือว่าคุณพัฒนาขึ้น....และผมขอยินดีและโมทนามา ณ. โอกาศนี้.....
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.ทำไมถึงว่า พวกชอบขยายตัวอักษรเนี่ย ส่วนใหญ่บารมีน้อย


    คงไม่เกี่ยวกับ บารมีน้อย หรอก

    ก็เพราะผมใช้จอคอม Resolution 1920 x1080 การใช้ตัวอักษรใหญ่ อ่านง่าย เห็นชัดๆ ผมใช้แล้ว ดูปรกติ ใน สายตาของผม

    เว้นแต่เสียว่า บางคน ขนาดจอเล็ก เลยทำให้ อ่าน ลำบาก ก็ต้องขออภัย ด้วยนะครับ


    2. อนันทเศรษฐี

    อนันทเศรษฐี นั้น คนยกมาก่อน ไม่ใช่ผมครับ ผม หาตอบตามที่มีคนถาม


    3.ขาดอธิษฐานบารมี

    เรื่องนี้ ผมไม่ได้เป็นคนตอบ ครับ แต่ พระพุทธเจ้าเป็นคนตอบ

    ผมคงไม่กล้า ไป กล่าวตู่ ไปเถียงกับ พุทธพจน์ ของพระพุทธเจ้า หรอกครับ


    4.คุณ ไปแปลว่า อธิษฐาน คือ "ขอ" แล้วเน้นเสียหนักแน่นเลยว่า ที่
    พลาดเป้าเพราะ "ลืมขอ"

    เรื่องนี้ ผมว่า คุณกลับไป อ่าน ดีๆ ดีกว่านะครับ เพราะ ผมไม่ได้เป็นคน พูด แล้วจะให้ผม รับได้อย่างไร


    5.แล้วเน้นเสียหนักแน่นเลยว่า ที่พลาดเป้าเพราะ "ลืมขอ"

    ข้อนี้ ผมไปเน้น ตรงไหนครับ ฟุ้งซ่าน คิดไปเองหรือป่าว

    ผมเน้นคำเดียว สีดำ คำว่า อย่างเช่นว่า อานันทะเศรษฐี เท่านั้นครับ กลับไปดูได้ครับ

    6. บารมี แปลว่า อะไร ผมขอยกทำเทศน์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาให้ฟังครับ

    "บารมี" แปลว่ากำลังใจเต็ม

    [​IMG]


    คัดลอกข้อความบางส่วน มาจากหนังสือบารมี ๑๐ โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่าร่างกายไม่ดีแบบนี้เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา ฉะนั้นจึงได้ไปเสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้ ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากจะรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีของเด่นอะไรนัก การไปได้มาได้ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ยังลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

    นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่าพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบกันได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขาบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน เมื่อพบแล้วก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมาพระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า "สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม ...?"

    ก็กราบทูลพระองค์ว่า "ใช่พระพุทธเจ้าข้า" พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า "สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร...?"

    ตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายขอได้โปรดทราบว่า ถ้าอาตมาสอนถูกพระองค์จะไม่ทรงตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทการสอนนี้ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรมีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้นอาตมาก็ทราบ จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนักพระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่าบารมีแปลว่าเต็ม"

    พระองค์จึงทรงตรัสถามว่า "อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่าเธอจะปฏิบัติในทานบารมี ทำยังไงทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่าจะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน ถ้าเราจะไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม...?"

    แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่าท่านที่เป็นนักปราชญ์ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ว่าอาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่งหรือไม่แค่หางอึ่งเพราะความโง่มันมาก

    เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงตรัสแบบนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า"

    พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในด้านบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้เธอสอนบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า คำว่าบารมีนี้มันแปลว่าเต็ม แต่อะไรมันเต็มตถาคตจะบอกให้ว่า บารมีนี่ควรจะแปลว่ากำลังใจเต็ม "

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า คำว่าบารมีก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม ตอนนี้ซิชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่าเรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก

    กำลังใจเต็มตอนไหนบรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี

    องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า สัมพเกษี ถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ให้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ไม่มีอะไรบกพร่อง คือ

    . จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
    . จิตพร้อมในการทรงศีล นี่ซิบรรดาพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นไป
    . จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะก็แปลว่าการถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัว ได้ทั้งนั้น
    . จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป
    ๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
    . ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
    . สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่าเราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับใจเรา ในด้านของการทำความดี
    . อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
    . เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดีไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
    ๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นวันนี้ อุเบกขาบารมีตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า ช่างมัน ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกันใช้คำว่าช่างมัน ตรงตัวดี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า บารมีทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือสร้างกำลังใจปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่ ใช่ว่าเราจะมานั่งคิด เราจะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊...บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้

    ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่าเราสามารถจะสร้างบารมีได้ด้วยอาศัยกำลังใจ ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัทมี กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นที่เราจะทำให้มันดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า

    มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ นี่ความจริงเรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ มันทำไมถึงลืมก็ไม่ทราบ

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านคงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมีแปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือกำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้ ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย

    ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการมากล่าวในตอนนี้ก็เพราะว่า ในตอนต้นพูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า แหม...มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบันมันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์

    ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ
    ศีล เราก็ตัดความโกรธ
    เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ
    ปัญญา ตัดความโง่
    วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
    ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน
    สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก
    อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์
    เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
    อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกายเราไม่ปรารภ

    เท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า พระโสดาบัน นั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท

    ทำไมจึงว่าอย่างนั้น ก็เพราะว่าคนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่าพระโสดาบัน แล้วท่านเรียกว่าอะไร ท่านเรียกว่า พระขีณาสพ แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า พระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุดเข้าถึงซึ่ง พระนิพพาน ได้

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี

    ที่มาhttp://www.luangporruesi.com/326.html



    7. หากไม่กราบ พระพุทธเจ้า ไม่ฟังคำเทศน์พระพุทธเจ้า ไม่ทราบว่า จะได้ บรรลุ นิพพาน ได้ยังไงครับ

    8.ผมไม่ได้เป็นคนยืนยันว่า อนันทเศรษฐี ขาดการ ขอ

    แต่ พระพุทธเจ้า เป็นคนตรัส ครับ

    พระพุทธเจ้าตรัสว่าอานันทะเศรษฐีขาดอธิษฐานบารมี

    9.สุดท้าย เรื่อง อธิษฐานแปลว่า "ขอ" นั้น

    ผมไม่ได้เป็นคนพูดครับ


    นี่ครับ อันนี้ ถึงจะเป็นที่ผม ยกมาครัรบ

    อธิษฐาน (อ่านว่า อะ-ทิด-ถาน, อะ-ทิด-สะ-ถาน) มี สองความหมายได้แก่ ความหมายแรกคือ การตั้งมั่นหรือการตัดสินใจ และความหมายที่สองคือ การตั้งใจหรือการผูกใจ

    คำว่า อธิษฐาน ในคำวัดหมายถึงความตั้งใจมั่นคงตัดสินใจรักษาสัจจะ ตั้งใจประกอบความเพียร


    http://th.wikipedia.org/wiki/อธิษฐาน_(ศาสนาพุทธ)



    สุดท้าย คุณ หรือ บุคคลทั่วไป 3 คน กล่าวอ้างคำเทศน์ ยก ของ หลวงพ่อสงบ มา

    แล้วก็บอกว่า ไม่เที่ยง


    ผมถามคุณกลับ หรือ บุคคลทั่วไป 3 คน คุณเคย ได้ยิน หลวงพ่อสงบ เทศน์ นิพพาน เที่ยง ไหม

    ถ้าไม่เคย ลองไป เรียนถาม หลวงพ่อสงบ ครับ ว่า ผลของ นิพพาน คือ เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

    คำถามนี้ สำหรับคุณ ที่กล่าวอ้าง ยกคำของ หลวงพ่อสงบ มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    นั่นแหละๆ ถึงแม้คุณ จะปฏิเสธ อธิษฐานแปลว่า"ขอ" ไปอย่างไม่มีเยื่อใย
    ไม่ออกตัวรับแทน เพราะถือว่า เป็นผู้เอามากล่าวภายหลัง จะโยนให้เป็นความ
    รับชอบของผู้แสดงธรรมนั้นๆ ที่ไปแปลว่า "อธิษฐาน แปลว่า ขอ" คนเรา
    มันกลับกรอก และปลิ้นปล้อนตลอดเวลา ปรามาสพระรัตนไตรตลอดเวลา ไป
    ยกคำเทศนาเขามาแทนที่จะ ออกตัวรับไปอย่างเต็มใจว่า

    "ผมก็แปล อธิษฐาน แปลว่า ขอ ยืนตามคำเทศน์ฮับ"

    นี่ไม่มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร ก็ไปยก คำสอนของครูมาใหม่ คราวนี้ แปลว่า ตั้งใจตรง
    (อธิบายตามนัยปรากฏ) โดยเฉพาะบ้าง เดี๋ยวก็แปลว่า ทรงกำลังให้สมบูรณ์บ้าง
    ( อธิบายโดยหน้าที่ ) มันก็พอเข้าเค้า

    อนันทเศรษฐีต้องเสื่อมจากคุณอันใหญ่ ตั้งแต่ อนาคามี สกิทาคา โสดาบัน จนกระ
    ทั่ง ไม่มีวันฟังธรรมได้อีก เป็นเพราะ "......ลืมตั้งใจตรงให้โดยเฉพาะ"

    อนันทเศรษฐีต้องเสื่อมจากคุณอันใหญ่ ตั้งแต่ อนาคามี สกิทาคา โสดาบัน จนกระ
    ทั่ง ไม่มีวันฟังธรรมได้อีก เป็นเพราะ "......ลืมทรงกำลังให้สมบูรณ์"

    ในสองสำนวนข้างต้น คุณ "เซเบลอ" ช่วยบอกหน่อยว่า สำนวนไหนเข้าแก๊บ!

    แล้วถ้าผม แปลแบบ เด็กสามขวบก็แปลได้หละ อนันทเศรษฐีไม่เคยลงมือ
    กระทำอะไรให้สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง(อธิษฐาน) คือ เป็นเศรษฐีลง
    มือทำกิจการอะไรก็ไม่ทำให้ถึงที่สุด ทำแล้วก็ปล่อยให้ล้มเหลว เปลี่ยนใหม่
    เหลาะแหละ ผลัดวันประกันพรุ่ง เที่ยวเอาแต่บนบานสานกล่าวขอขมา ไม่ก้าว
    ข้ามอุปสรรคด้วยจิตด้วยใจตัวเอง มันก็เลย ทำอะไรแล้วไม่เคยรู้รส ของการสำเร็จ
    ในสิ่งที่ตั้งใจไว้เนืองๆ(อธิษฐาน) จิตมันเลยโน้มไปหาคุณอันใหญ่ไม่ได้ !!
    ปล่อยให้ความวุ่นวายในกิจการงานหากินที่มักล้มเหลวรุมเร้าเสียหมดจน จิตไม่อาจ
    รู้รสแห่งความสำเร็จอันแท้ได้ .......

    **********************

    ทีนี้ เรื่องเทศนาของหลวงพ่อสงบ คุณไปหา หรือ ไปมองดู หรือ จะชี้ประเด็นว่า
    พระท่านพูดว่า เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ก็แน่นอนหละว่า ไม่มี เพราะ คนที่เขามีธรรม
    และ สอนเป็นเนี่ยะ เขาจะกล่าวโดยไม่เข้าไปส่วนสุด คือไม่กล่าวสรุปลงไปว่า
    เที่ยง หรือ สรุปลงไปว่าไม่เที่ยง ดังนั้น เทศนาของหลวงพ่อสงบจะมีการไขว้
    คือ กล่าวไว้นัยหนึ่ง แล้วก็จะ กล่าวอีกนัยหนึ่งมาแก้กัน เพื่อให้อยู่ตรงกลางไว้
    เสมอ

    ถ้าหากเป็นการ ถามตอบ ลองไปสังเกตุดู พระท่านจะ ยกคำถามข้อเดิมนั้นขึ้นจั่ว
    สองรอบ เป็นส่วนใหญ่ หากต้องการเน้นลงการปฏิบัติ ท่านจะกล่าวข้อแรกไว้นัย
    หนึ่ง แล้ว ก็ยกคำถามเดิมแล้วกล่าวอีกนัยหนึ่งแก้ แล้ว ทิ้งปลายไว้ให้คิด

    เช่น เรื่องมโนยิทธิ นิพพานเป็นบ้านเป็นเมืองนี่ ท่านกล่าวชัดเจนว่าไม่มี และกล่าว
    ว่า อรหันต์ไม่มีจิต ถ้ามีจิตก็มีภพ มีจิตก็มีบ้านมีเมือง เสร็จแล้วก็กล่าวอีกว่า จิต
    นั้นบริสุทธิ เศร้าหมองเพราะกิเลสจรมา "จิต"ก้าวข้าม "จิตที่อบรมไว้ดีแล้ว"นั้นนำ
    ความสุขมาให้

    หรือ จิตเที่ยง ใครว่าจิตไม่เที่ยง จิตนี้สะสมเมล็ดพันธ์ของกรรมมา ไม่มีดับสูญ มัน
    จะลากเราไปเกิดในภพน้นภพนี้ตลอดเวลา ไม่มีทางสูญหายไปได้ มีจิตจึงมีภพ มี
    จิตจึงไม่ใช่อรหันต์ (...ประมาณนี้ แปลออกไหมหละว่า ท่านสอนให้ ยึดถือจิต หรือ
    ให้ปล่อยจิต ท่านเน้นไปที่เรื่องเที่ยงต่อเวียนว่ายตายเกิดแน่นอน หรือว่า ปล่อยแล้ว
    จึงพ้น ท่านสอนให้ติดข้อง หรือว่า สอนให้หาทางพ้น กันแน่ )

    ******************

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2012
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ขอเสนอหนึ่งในองค์ประกอบด้านปัญญาครับ โยนิโสมนสิการ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5.134326/
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ปล่อยนั้นแหละถูกแล้ว แต่การจะปล่อยอะไรได้ก็ต้องศึกษา สภาพยึดให้ถี่ถ้วนก่อน จึงจะปล่อยได้
    การศึกษาสภาพยึดนั้น ก็ต้องดูว่า มันยึดในระดับใด ยึดในระดับพฤติกรรมประจำวัน มันก็ต้องใช้ศีลกำกับก่อน ยึดในระดับจิตก็ต้องทวนกระแสด้วยสมาธิ ปัญญา จนกว่าจะเห็นสภาพยึดแล้วปล่อยได้ ด้วยการเห็นสภาพอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปแทนที่ สภาพอัตตาที่เรายึดไว้โดยมีอวิชชาปกปิดบังไตรลักษณ์ของมัน

    สภาพยึดเหล่านี้มันไม่ใช่หยาบๆ แบบอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงเสียเมื่อไร มันผสมกันเป็นก้อนตัวเราทั้งก้อนนี้ ทีนี้ ความรู้สึกโดยรวมของเรามันก็ก่อขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนให้เราจดจำ และระลึกเป็นทั้งก้อน มากกว่าจะมอง ไตรลักษณ์ นี่เรียกว่าเรามี สักกายทิฎฐิ นี่จำเอาไว้ ทำทัสนะตรงนี้ให้แจ้ง จะค่อยๆตีสักกายแตก
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สาธุ ธรรมท่านขันธ์ครับ:cool:
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อย่าประมาทในธรรม เวลาอวิชชามันจะปิดตาเรา นี่เนียนมาก
    แต่อาวุธที่จะคุ้มครองเราไปตลอดรอดฝั่งคือ อย่าประมาท และ จงกล่าวโทษตนเอง
    มีฉันทะให้มาก ในการปฏิบัติธรรม
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แล้วไง

    แล้วใครหละ มากล่าวโง่ๆว่า บารมีเที่ยง เป็นของตนแท้แน่นอน ปฏิเสธ การ
    ชี้ให้เห็น อนัตตตาเนืองๆเพื่ออบรมการมีไตรลักษณ์ญาณ

    ใครหละ ที่เป็นสาวกได้แต่ชื่นชมการเก็บบารมี ไม่เคยรู้รสเรื่องบารมีเป็นอย่าง
    ไรกลับออกมาชี้อย่างโง่ๆว่า บารมีเที่ยง ก๊อปปี้ได้ หยิบยืมเอาได้โดยง่ายจาก
    ผู้ที่เขารู้จักบารมี

    ใครหละ มาตีว่า อย่าสอนธรรมโดยชี้แต่เรื่องทุกข์ กล่าวแต่เรื่องทุกข์ พูด
    ถึงหนทางพ้นทุกข์ ซึ่งก็คือ การชี้ให้เห็นอนัตตาธรรมเนืองๆ ว่าเป็นของไม่
    ควรชี้ แล้วไปทะลึงยกว่า ต้องเอา อัตตา มาแสดง สะสมได้ สะสมได้

    ใครหละ ที่งัดว่า ต้องสอนอัตตามี บารมีเที่ยง จิตเที่ยง !! เพื่อให้เขาตกสู่
    สภาวะ โดนอัตตาปกปิดบังไตรลักษณ์ญาณ ใครหน้าไหน สารภาพออก
    มาได้สักครั้งไหมว่า โง่!

    โง่แล้วไม่เจียม ยังจะออกมาสอนอีกหรือ !?
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มาร..แปลว่า ผู้ขัดขวาง ผู้นอนขวางกับโลก บนพื้นขี้ดินโคลน ให้เขาเหยียบ ย่ำ สันหลังยาว ไม่ยอมทำงาน ปลอมเป็นนักบวช กินแต่ข้าวก้นบาต:mad:
     

แชร์หน้านี้

Loading...