เกี่ยวกับ เตโชวิปัสนา

ดิฉันเพิ่งจะมีโอกาสได้รู้จักกับหนังสือน่าทึ่งอีกเล่มหนึ่ง ที่มีชื่อหนังสือว่า "เตโชวิปัสนา เปิดประตูนิพพาน"ของคุณ อัจฉราวดี วงศ์สกล

โดยที่บอกตามตรงว่าตอนแรกนั้นซื้อมาแบบงงๆ เหมือนประมาณแค่ต้องการหาหนังสืออ่านเล่นมาอ่านยามว่างหรือฆ่าเวลาในการเดินทางไปทำงานเท่านั้น แต่ด้วยความที่ช่วงนี้รู้สึกจะอินกับการสวดมนต์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ บทสวดชินบัญชรที่เพิ่งจะสามารถสวดโดยไม่ต้องดูจากหนังสือ ดิฉันจึงลองเดินไปที่โซนหนังสือประเภท หมวดพระพุธศาสนา ซึ่งเป็นโซนที่มีหนังสือธรรมะหลากหลายให้เลือก ประกอบกับการจัดหมวดหมู่หนังสือยังดูกระจัดกระจายจนดิฉันงงไปหมด จึงลองอธิษฐานในใจเล่นๆดูว่า สมเด็จโตเจ้าขา ลูกอยากได้หนังสือที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับท่านอีกสักเล่มน่ะเจ้าค่ะ(หนังสือประวัติของท่านดิฉันมีเรียบร้อยแล้ว)

พอพ้นจากวินาทีที่ได้อธิษฐานจิตไปไม่นานัก ดิฉันได้หยิบหนังสือออกมาจากชั้นวางเล่มนึง เขียนหน้าปกว่า เตโชวิปัสนา... ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะก็ไม่ทราบจริงๆว่าอะไรคือเตโชวิปัสนา(ด้วยความโง่เขลาเป็นคนไม่ค่อยช่างสังเกตุด้วยจึงไม่ได้มองว่ารูปพระสงฆ์สีทองที่อยู่หน้าปกคือใคร) จนมาอ่านตัวหนังสือเล็กๆข้างล่างที่เขียนว่า ....สื่อจิตมาสอนโดย สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี ตอนแรกที่อ่านก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก แต่แปลกที่ยิ่งอ่าน ดิฉันก็ยิ่งเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติจิตใต้สำนึกของมนุษย์มากขึ้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เหมือนอ่านไปก็เป็นการเตือนตัวเองไปว่า

เราเองก็ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปเลยที่มีแต่กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในตัวและรอบๆตัวเราเต็มไปหมด อ่านแล้วรู้สึกทึ่งมากที่ได้คำตอบหลายๆอย่างว่าทำไมเราต้องนั่งสมาธิ นั่งไปเพื่ออะไร ทุกสิ่งที่มีอยู่ในหนังสือได้บอกดิฉันอย่างละเอียด เป็นหนังสือเล่มแรกที่ดิฉันอ่านทุกตัวอักษรโดยไม่มีเบื่อ เสมือนว่าดิฉันกำลังนั่งดูสภาพการณ์อยู่จริงๆในเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นว่า ใครคนนึงเค้าเริ่มตั้งแต่การฝึกปฎิบัติธรรมในขั้นแรกโดยเริ่มจากความไม่รู้ ไปจนถึงความรู้และเข้าใจที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยบุคคลสำคัญที่ทำให้การปฎิบัตธรรมของเจ้าของหนังสือนั้นมีความก้าวหน้าจนถึงขั้นสูงสุดที่สามัญชนคนธรรมดาคนนึงจะสามารถทำได้(ดิฉันเองอ่านไปก็ตื่นเต้นและดีใจแทนเจ้าตัวเค้าด้วยจริงๆ) คือ สมเด็จ โต ท่านมาช่วยชี้นำทางสว่างให้กับเจ้าของหนังสือ ดิฉันอ่านแล้วรู้สึกยิ่งรักและศรัทธาสมเด็จท่านมากขึ้นเป็นทวีคูณ ตัวดิฉันเองไม่ได้อยากคาดหวังอะไรเกินไปกับการที่เพิ่งจะหันมาเข้าทางธรรม แต่อย่างน้อยพอได้อ่านเล่มนี้แล้ว ดิฉันรู้สึกเหมือนมีกำลังใจมากขึ้น อย่างน้อยก็รู้แล้วว่า เรามาถูกทางแล้วทำไมเราต้องสวดมนและปฎิบัติธรรม

หากใครที่ยังไม่เคยรู้จักหนังสือเล่มนี้ อยากให้ลองหาซื้อมาอ่านดูค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าชีวิตคุณกำลังมืดมิด คุณอาจได้พบกับหนทางสว่างอีกครั้งนึงก็เป็นได้

 

โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกหนังสือเล่มนี้แปลกมาก
1. ได้รับรู้มาว่า สมเด็จโต พรหมรังสี ลาพุทธภูมิเป็นพระอรหันต์ไปแล้วอ่ะครับ (ความเชื่อส่วนตัว) แต่ในเล่มนี้เขียนว่าสมเด็จโตปรารถนาพุทธภูมิ
2. โดยส่วนตัวแล้วเคยแต่รู้ว่าให้มีสติรู้ว่ากิเลสเกิดแล้วกิเลสจะดับไปเอง เมื่อมีสติมากขึ้นๆ จะสามารถถอนถอนกิเลสที่ฝังอยู่ได้มากขึ้น แต่หนังสือเล่มนี้บอกว่าสร้างจิตให้เหมือนดาบฟาดฟันกิเลส(ศัตรู)ให้หมดไป (ถ้าในหนังสือพูดว่าเป็นการเปรียบเทียบนะก็จะเข้าใจ แต่นี่เขียนว่าสร้างจิตเหมือนดาบซามูไรอีก) มันเหมือนเป็นการกระทำที่ต้องการเอาชนะกิเลส มีตัวกูของกูเกิดขึ้นมา ว่ากูต้องชนะกิเลสนะ แล้วแบบนี้จะไปนิพพานได้เหรอครับทางนี้ (ความเห็นส่วนตัว)
ผมว่ามันค่อนข้างขัดแย้งกับทางสายปฏิบัติสายอื่นๆ ที่ผมได้เรียนรู้มา แต่ไม่ได้ลบหลู่ครับ แค่ตั้งขอสังเกตุขึ้นมาเฉยๆ เอาไว้ให้ลองพิจารณาดูครับ ส่วนเรื่องอย่างอื่นก็อธิบายได้ดีพอสมควรเลยครับ สุดท้ายเพราะความศรัทธาในหนังสือลดน้อยลง ท้ายเล่มผมก็เลยไม่ได้อ่านแล้วอ่ะครับ เพราะมันรู้สึกแปลกๆ แล้วค่อนข้างขัดแย้ง

ขอบคุณที่แนะนำหนังสือครับ

 

เนื่องจากผู้เขียนเป็นเพียงผู้เริ่มปฏิบัติ จึงมีความรู้สึก ตัวกู ของกู เป็นธรรมดา จึงควรให้อภัยในสิ่งที่เขียนออกมา อ่านเป็นแนวทางว่าคนอื่นเขาฝึกอย่างไร ดีกว่าจำผิดกัน
ขออนุโมทนาให้กับทุกคนครับ

 

ส่วนตัวดิฉันเองไม่ได้เชื่อมั่นในทุกๆตัวอักษรว่าทุกอย่างที่เจ้าของหนังสือเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆลงไปนั้นเป็นความจริงและถูกต้องทุกประการมั้ย มีบางอย่างที่ขัดแย้งกับประวัติของสมเด็จโต โดยเฉพาะ หากใครที่ศึกษาประวัติของท่านมาบ้างจะทราบว่า ท่านเป็นพระองค์หนึ่งที่มีวาจาไพเราะ จะพูดหรือเอ่ยเรื่องใดกับบุคคลวรรณะใด ไม่เว้นแม้กระทั่งสุนัข ก็มักจะต้องลงท้ายประโยคต่างๆด้วยคำว่า จ๊ะ จ๋า แต่ในหนังสือ ผู้เขียนบอกว่าท่านพูดกับผู้เขียนโดยใช้คำแทนทั้งสองคนว่า เอ็ง กับ ข้า นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่ามีความขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ใจความหลักของหนังสือเล่มนี้คือ การเริ่มต้นฝึกปฎิบัติธรรมโดยเริ่มจาก "ไม่รู้ " จนไปสู่การปฎิบัติอย่างจริงจัง และทุกๆขั้นตอนในการปฎิบัติ ก็ลองศึกษาประวัติและคำสอนของพระพุทธเจ้าไปด้วยว่ามีความใกล้เคียงกับที่พระองค์เคยตรัสหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฉันคิดว่าผู้เขียนเจตนาต้องการสอดแทรกธรรมะเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด

 

อือ สมเหตุ สมผลดีครับ

 

พึ่งอ่านจบเช่นกัน
เข้าใจว่าเป็นแนวทางที่ตรงกับจริตของท่านผู้ถ่ายทอด
อย่างอื่นยังไม่อาจวิพากย์
ด้วยยังขาดความเพียรอยู่...

 

เเล้วตกลงเตโชวิปัสสนานีสามารถ ฝึกที่บ้านได้ไหม มีข้อเเนะนำไหมครับ

 

อยากทราบเหมือนกันค่ะ

 

เตโชวิปัสนา

สวัสดีครับ
เสาร์ที่28เม.ย.ช่วงเช้าครอบครัวผมไปหาคนรู้จักกัน(เขามีสัมผัสพิเศษ)
เขาบอกว่าผมธาติไฟ ให้หาแนวทางเตโชวิปัสนานำมาฝึกจิต ขากลับแวะห้างไปหาข้าวกิน แล้วแวะเข้าร้านนายอินทร์ เจอหนังสือเล่มที่คุณเขียนถึง ตอนนี้อ่านจบแล้ว ก็ถึงเข้าใจแล้วว่า นายนก กับ นายเรือง ผู้ใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือแล้วจุดไฟเผา เป็นพุทธบูชานั้นทำไปเพื่ออะไร(หลักฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ) ตอนนี้
กำลังจาไปสมัคร อบรมเตโช ที่อ.แก่งคอย ถ้ามีวาสนาก็คงมาถูกทางล่ะ (อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ)เห็นคุณเขียนถึงเรื่องนี้ก็เลยเล่าเรื่องของผมให้อ่าน ปลาย ก.ค.55 นี้ยังเปิดรับอยู่ครับ.
choo choo(เพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย)

 

เคยพาลูกไปอบรมที่โรงเรียนแห่งชีวิตของอาจารย์ ดีมากๆครับ ลูกสาวนิสัยเปลี่ยนเลย กลัวทำบาปมากๆ กลับบ้านสวดชินบัญชรทุกวัน ใครที่มีลูกอยากให้พาไปครับ ทุกอย่างฟรีหมด แถมเลี้ยงข้าวด้วย

 

ผมเป็นศิษย์เตโชวปัสนากรรมฐานครับ ผมได้ปฏิบัติที่นี่มา 4 ครั้งแล้วครับ ไม่มีคำว่าติดค้างและมีปัญหาอะไรกับวิธีการปฏิบัติเลยครับ และรู้แล้วว่าวิธีนี้สามารถให้ผลต่อมรรคผลนิพพานเร็วและสูงครับ เพราะหลายท่านที่มาปฏิบัติไม่กี่ course ก็ข้ามโคตรกันไปหลายท่านแล้วครับ
แนวทางการปฏิบัตินี้อย่างที่หลายท่านได้อ่านหนังสือ เตโชวิปัสนา เปิดประตูนิพพาน ได้รวบรวมประสบการณ์สภาวะธรรมที่ใครๆก็ไม่เคยได้ยินได้ฟัง และอาจจะดูเหมือนเกินจริง แต่ถ้าผู้ได้ปฏิบัิติอย่างจริงจังจะได้ประสบการณ์นั้นไม่แตกต่างกันครับ
ที่อาจารย์ท่านบอกว่าได้กำหนดสติเป็นเหมือนดาบแล้วฟาดฟันกิเลสลงบนขันห้านั้น เป็นวิธีปฏิบัติก่อนหน้านี้ คือวิธีดูเวทนา คือเอาสติไปเลื่อนดูเวทนาตามส่วนต่างๆของร่างกายซึ่งเรียกว่า เวทนานุปัสนา ซึ่งเป็นแนวทางการสอนของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าที่เลื่องลือ
ผมเองก็เป็นศิษย์อาจารย์โกเอ็นก้ามาก่อนและได้ปฏิบัติแนวเวทนาหลาย course เหมือนกัน จนผมก็กำหนดจิตให้เป็นเหมือนอาวุธต่างๆมาห่ำหั่นกิเลสได้เช่นกัน จะเห็นว่าเมื่อจิตเราคมแล้วเราสามารถใช้สตินั้นทำลายเกเลสที่ยึดเหนื่ยวไม่ว่าส่วนใหนของกายและจิตเราได้
ตามที่ข้อความข้างบนบอกว่า กำหนดจิตให้เป็นดาบ เหมือนเรากำหนดให้เรามีตัวตน เมื่อมีตัวตนแล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร ไม่ใช่แบบนั้นครับ (การอ่านหนังสือนั้นอ่านให้ได้ความรู้ครับ อย่าอ่่านแต่จับผิด เดี๋ยวมันจะไม่ได้อะไรเลย) เอาง่่ายๆครับคนที่ฝึกสติมาดีแล้วใหนลองเคลื่อนจิตที่มีสติลากผ่านจากหน้าผากแล้วเลื่อนลงไปจนถึงเท้าแล้วลองเลื่อนซ้ายขวาดูซิครับ จะเหมือนเราลากมีดคมตัดผ่านส่วนต่างๆของร่างกายและเราก็จะสัมผัสเวทนาตามส่วนต่างๆที่ลากผ่านด้วยครับ นั่นแหละเขาเรียกว่ากำหนดจิตให้เป็นอาวุทธห้ำหั่นกิเลสละ
เตโชวิปัสนาเป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นที่เพิ่งค้นพบและเพิ่งเริ่มมีการถ่ายทอดโดยการจุดธาตุไฟในกายมาประหารกิเลสที่เข้ายึดครองกายกับจิตเรา และผลจากการปฏิบัติก็ทำให้เกิดมรรคผลอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก วิปัสนาทั่วไปเปรียบได้กับการนั่งมองดูต้นไม้โดยไม่ให้ปุ๋ยและน้ำ ดังนั้นต้นไม้ก็จะค่อยๆตายลงไป เปรียบเหมือนกิเลสที่เราไม่ไปปรุงแต่งเพิ่มเติมสักแต่ดู จากนั้นมันก็จะตายไปเอง แต่เตโชวิปัสนานั้นแตกต่างตรงที่ว่า เราไม่เพียงไม่ให้น้ำให้ปุ๋ย ยังเอาไฟเผาไปด้วย คิดดูซิครับว่า ป่าที่เปรียบได้กับกิเลสเหล่านั้นจะตายเร็วแค่ใหน ไฟมาป่าก็หมดซิครับ ไม่นานก็โล่งเตียนเลยครับ
ดังนั้น มาเถอะครับ ทางลัดตัดตรงสูินิพพานมารอเกยท่านแล้วครับ อย่ามัวแต่อ่านหนังสือ อย่างมัวแต่ลังเลสงสัย อย่ามัวแต่กลัวโน่นกลัวนี่ อย่าไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่เคยแม้แต่จะได้สภาวะธรรมอันใดเลย เอาแต่ความรู้ในหนังสือมาแย้งโน้นนี่นั่น ปล่อยเขาท่องเป็นพระอาจารย์คัมภีร์เปล่าไปเถอะครับ เวลาไม่คอยท่า จงมีศรัทธาที่มั่นคงครับ รีบเข้าครับ เตโชวิปัสสนากรรมฐาน http://www.schooloflifethailand.org/popup.html
ขอให้ทุกท่านได้เจริญในธรรมครับ

 

และเขาฝึกกันอย่างไร..ไม่อยากรู้สรรพคุณอ่ะคร้าบ

 

ฝึกเองไม่ได้หรอกครับต้องไปฝึกกับอาจารย์ อย่าไปคิดให้เสียเวลา

 

เห็นครับ แต่ไม่ได้หยิบ เปิดอ่านแล้ว นิดๆ ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาด้านในเท่าไหร่ อีกอย่าง ผมก็สวดชินบัญชร มานานมาก ประสบการณ์ที่ได้พบองค์สมเด็จโต นั้น คิดว่ามีครั้งเดียวครับ ไม่ชัดเจนขนาดสื่ออะไรได้ แต่ทราบว่าพระคาถา ชินบัญชร มีความศักดิ์สิทธิ์ มาก ครับ