การทำนายภัยพิบัติ ไม่มีประโยชน์อะไร

การทำนายภัยพิบัติ ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้เอามันมาเป็น มรณานุสสติ ว่าเราต้องตาย สักวันหนึ่ง จะเพราะภัยพิบัติหรือแก่ก็ตาม ใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ รักษาศีล ภาวนา การเตรียมตัวภายนอกก็ต้องทำ แต่เป็นแค่ปลายเหตุ
ยิ่งคำทำนายทำให้คุณ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้จักปลง คำทำนายจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี

 

เห็นด้วยครับ มรณานุสติสำคัญมาก นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะต้องนำเอามาทำอย่างจริงจัง อย่ามัวคิดว่าพระเจ้าจะต้องคุ้มครองคุณ และคุณจะต้องไม่ตาย ใครจะตายเมื่อไหร่ใครจะไปรู้ไม่ใช่พระอรหันต์ มรณานุสติที่ดี จะทำให้ทำสมาธิ วิปัสสะนาได้ดีมากครับ หลายคนเข้าไม่ถึงตัวนี้ สมาธิเลยไม่ก้าวหน้า

 

ทำนายแล้วมันไม่ค่อยเกิดครับคิดในทางที่ดี

 

อ่านแล้วตื่นเต้นดีครับ.....

 

อ่านเเล้วต้องปลงครับ ถึงจะดี

 

เห็นด้วย....ครับ


.

 

ของทุกอย่างมีสองด้านในตัวมันเองเสมอ จะมีด้านใดมากด้านใดน้อย
ก็แล้วแต่เหตุและปัจจัย ...มองไม่ดีคิดแต่ในด้านลบ ก็มีแต่จะทำให้จิตเศร้าหมอง
อึดอัดขัดข้องกับทุกสิ่งทุกอย่าง มีแต่ความคับข้องหมองใจ หาความสุขสบายไม่มี
ตรงข้ามหากจิตคิดดี มองทุกอย่างในด้านดี ย่อมนำพาให้สุขใจ มีแต่ความสุขสดใส
โปร่งสว่างในจิตใจ...ก็เลือกกันเอาเอง

 

ประโยชน์อะไร? คงต้องแยกออกเป็นสองส่วน

ประโยชน์ทางโลก ประโยชน์ทางธรรม

และสิ่งที่สำคัญคงต้องมาดูอีกว่า การทำนายภัยพิบัตินั้นๆ มีสมมุติฐานมาจากไหนและมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนตามสติปัญญาที่มีอยู่

และถ้าถามว่า ทำไมต้องซ้อมหนีไฟด้วยล่ะ ใช้มรณานุสติอย่างเดียวก็ได้นิไม่เห็นต้องซ้อมไม่เห็นมาต้องวิเคราะห์คาดการอะไรต่อมิอะไรให้ยุ่งยาก ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว

ตามความคิดเห็นโดยส่วนตัว

ที่ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าไม่ได้เป็นมรณานุสสตินั้นคงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะว่าทุกคนใช่ว่าจะรู้จักมรณานุสติ แต่ด้วยบุญกุศลของเขาเองก็อาจทำให้เขามีโอกาสรอดชีวิตเผลอๆอาจจะได้เข้าถึงธรรมได้ดีกว่าคนที่คิดว่าตัวเองมีธรรมก็อาจเป็นได้ถ้าเขารอดจากภัยพิบัติด้วยการเตรียมการที่ดี แต่ถ้าไม่มีเครื่องป้องกันอะไรเลย สงสัยจะไม่ได้อะไรสักอย่าง

 

เหตุการณ์น้ำท่วมหนักภาคกลางและกรุงเทพฯเมื่อปีที่แล้ว
จนเกิดโศกนาฎกรรม ผู้คนเสียชีวิตไปกว่า 800 กว่าชีวิต
เกิดจากเพราะความประมาท และการบริหารน้ำในเขื่อนผิดพลาดใช่หรือไม่
ป้องกันและไม่ประมาทกันก่อนดีกว่า

 

การบริหารน้ำในเขื่อนนั้นไม่ง่ายเหมือนที่คิดครับ

อันนี้ต้องขอเรียนให้ทราบข้อมูลเท่าที่ผมรับรู้มาเกี่ยวกับเรื่องการบริหารน้ำในเขื่อนครับ

ลองพิจารณาดูครับ ปริมาณน้ำท่วมทั้งหมด 100 %
80 % เป็นน้ำฝนที่ตกใต้เขื่อนครับ
20 % เป็นน้ำที่ระบายจากเขื่อน (ที่มีปริมาณน้ำสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่สร้างเขื่อนมาเลย) สืบเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกมานั้นสูงมากเป็นประวัติการณ์โดยสูงถึงเกือบ 2 เท่าของปริมาณฝนที่เคยตกสูงสุด

และที่สำคัญจากข้อมูลสถิตินั้นจะเห็นได้ชัดว่าฝนที่ตกนั้นมันตกแบบประหลาดต่างจากที่เคยตกมาก่อนในอดีต คือฝนกลับตกไล่จากพื้นที่ด้านล่างขึ้นบนครับ ทำให้พื้นที่ใต้เขื่อนนั้นมีปริมาณน้ำขังอยู่ก่อนเป็นจำนวนมาก