ละชั่วหรือทำดี สิ่งไหนทำได้ง่ายกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2012.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    น้าภูตได้ตอบโกมีนัมไปบ้างแล้ว จะยกมาเฉพาะสาระสำคัญเท่านั้น

    พระพุทธองค์ทรงตรัสเองชัดๆว่า

    "เราเวียนว่ายเข้าไปในภพน้อยใหญ่ อันยาวนานนับไม่ถ้วนนั้น

    เพราะไม่รู้เห็นอริยสัจ๔ตามความเป็นจริงดังนี้"

    คงเคลียร์นะ เพราะเป็นพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก ทำไมเล่นเด็กไม่รู้จักโตไปได้

    ที่น้าธรรมภูตยกมานั้น เรากำลังถกเรื่อง ต้องมีสัมมาทิฐิก่อนจึงจะภาวนาได้ใช่หรือไม่?

    น้าธรรมภูตก็เอาพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ดีแล้วว่า

    ต้องทำจิตใจให้มีสติสบงตั้งมั่นเป็นสมาธิให้ได้ก่อน

    จึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริง เกิดสัมมาทิฐิที่แท้จริงได้ ใช่หรือไม่?

    หลานรัก น้าธรรมภูตก็เหนื่อยใจเป็นเหมือนกันนะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรักแสง ทองใบ

    พูดซะจนกิเลสกลายเป็นเห็บ หมัด เหาไปได้นะ

    ใครเดินผ่านไม่ได้เลย เป็นกระโดดใส่ทุกคน55+

    เราเดินของเราตามทาง อยู่ในข้อควรปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

    ถ้าเราไม่ไปเข้าใกล้หรือไปรับเอามาเป็นของๆเรา

    กิเลสเหล่านั้น จะเป็นกิเลสของเรามั้ย?

    กิเลสมันก็มีของมัน และเป็นของคู่โลกใช่หรือไม่?

    ส่วนทางเดินนั้นมีอยู่ในโลกใช่หรือไม่?

    แต่เป็นทางเดินที่นำพาไปสู่การออกจากโลก พ้นจากโลกใช่หรือไม่?

    หลานรัก ควรยืนอยู่บนหลักเหตุผลที่ตริตรองตามความเป็นจริงได้ซิ จึงจะถูก

    เจริญใรธรรมทุกๆท่าน
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะขาดเหตุผลได้ขนาดนี้

    ไม่ต้องไปพูดถึงจิตใจให้วุ่นวายไปหมดหรอก

    เด็กบ้างคนจิตใจเข้มแข็ง แข็งแกร่งเหนือยิ่งกว่าผู้ใหญ่เสียอีก

    พระวินัยและพระธรรมแยกจากกันในด้านเนื้อหาอย่างชัดเจน

    ถ้าพระวินัยเป็นพระธรรมแล้ว จะต้องแยกออกจากกันทำไมหละ?

    ตกลงใครกันแน่ ที่มั่วแบบด้านๆ ชอบยัดเยียด ไม่ย่อมแยกแยะ

    เพื่อความถูกต้องดีงาม พระวินัยจะยืนอยู่ได้นั้น ต้องมีพระธรรมกำกับนะจ๊ะ

    พระวินัยมีไว้เพื่ออะไร? พระธรรมมีไว้เพื่ออะไร?

    เพิ่งรู้เหมือนกันว่า เวลาสอนเด็กเรื่องอริยมรรคมีองค์๘

    ควรสอนแค่มรรค๗ที่มีสัมมาทิฐิเป็ประธานก็พอ

    เพราะเด็กรู้ได้แค่นั้นจริงๆ และสอนอริยสัจแค่๓ตัวก็พอ ละสมุทัยไว้

    เพราะเด็กไม่อาจเข้าใจได้ ต้องเป็นอย่างนี้หรือหลาน แสง ทองใบ ที่รัก.

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .........ถ้าจะเอาจากจุดเริ่มต้นเลย นั่นคือ การปรารภ แสวงหา ปฎิปทา ในการปฎิบัติที่ถูกต้อง ว่าอะไร คือการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อความพ้นทุกข์ นั้น คือ มัชฌิมาปฎิปทา...เริ่มต้นด้วยการ สงัดจากกามและ อกุศลธรรมทั้งหลาย...อันมีหลายปริยาย มากมายในทางกว้าง แต่ถ้า คุณอา จะบอกว่าเริ่มที่ นั่งสมาธิก็ไม่ผิด...แต่จะบอกว่าการเริ่มต้นด้วยอย่างอื่นผิดก้ไม่ใช่เช่นกัน....:cool:
     
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" มัชฌิมาปฎิปทา ในอีกปริยายหนึ่ง พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย มัชฌิมาปฎิปทา เป็นอย่างไรเล่า......ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้มีปรกติ ตามเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำความพอใจและไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา......ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตตั้งไว้ เพื่อ จะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อละ อกุศลธรรมอันเป้นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพื่อ ความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว....ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา.....ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณ๊นี้ ย่อมเจริญ อิทธิบาทสี่ อันประกอบพร้อม ด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัย ฉันทะ เป็นปธานกิจ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัย วิริยะ เป็นปธานกิจ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยจิตตะเป็นปธานกิจ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่งมีสมาธิอาสัยวิมังสาเป็นปธานกิจ...ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา.....................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สัทธินทรีย์ ย่อมเจริญ วิริยินทรีย์ ย่อมเจริญ สตินทรีย์ ย่อมเจริญ สมาธินทรีย์ ย่อมเจริญปัญญินทรีย์ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา........................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สัทธาพละ ย่อมเจริญวิริยะพละ ย่อมเจริญสติพละ ย่อมเจริญสมาธิพละ ย่อมเจริยปัญญาพละ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา..................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สติสัมโพชฌงค์ย่อมเจริญธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญวิริยะสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญปิติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกวว่า มัชฌิมาปฎิปทา...............ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฎฐิ ย่อมเจริญสัมมาสังกัปปะ ย่อมเจริญสัมมาวาจา ย่อมเจริญสัมมากัมมันตะ ย่อมเจริญสัมมาอาชีวะ ย่อมเจริญสัมมาวายามะ ย่อมเจริญ สัมมาสติ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า มัชฌิมาปฎิปทา----ติก.อํ.20/380-382/596-597..:cool:
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ 7ประการ อันบุคคลใดใครก็ตาม ปรารภผิดแล้ว อริยมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ของบุคคลเหล่านั้น ก็เป็นอันปรารภผิดด้วย ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ เจ็ดประการอันบุคคลใดใครก็ตามปรารภถูกต้องแล้ว อริยมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ของบุคคลเหล่านั้น ก้เป็นอันปรารภถูกต้องแล้วด้วย....โพชฌงคืเจ็ดประการอย่างไรเล่า เจ็ดประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปิติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ เจ็ดประการเหล่านี้อันบุคคลใดใครก็ตามปรารภผิดแล้ว อริยมรรค อันเป้นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์ดดยชอบ ของบุคคลเหล่านั้น ก็เป็นอันปรารภผิดแล้วด้วย ภิกษุทั้งหลายโพชฌงค์เจ็ดประการ เหล่านี้ อันบุคคลใด ใครก็ตามปรารภถูกต้องแล้ว อริยมรรคอันเป็นทางให้ถึง ความสิ้นทุกขืโดยชอบ ของบุคคลเหล่านั้น ก้เป็นอันปรารภถูกต้องแล้วด้วย...ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ เจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมเครื่องนำออกอันประเสริฐ ย่อมนำบุคคลผู้ประพฤติโพชฌงค์นั้นไปเพื่อ ความสิ้นทุกข์โดยชอบ....ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์เจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปโดยส่วนเดียว เพื่อ ความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความเข้าไประงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน---มหาวาร.สํ.19/117-118/431-434..:cool:
     
  8. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    อันนี้หลังจากเมื่อคืน ก็กำลังสำนึกในใจอยู่ ว่าไม่ควรแสดงความเห็นเรื่องความเป็นโพธิสัตว์ และพระพุทธองค์ ขอขมาพระพุทธในบางสิ่งที่เผลอไป

    แต่ที่รออยู่ ก็ 55+ 55+ ของธรรมภูตนี่แหละ

    อย่ามองที่ลายเซ็นโกมีนัม แล้วคิดว่าเรื่องสมาธิ โกมีนัมไม่ประสีประสา
    ที่ไม่ว่าตรงนั้น ก็เข้าใจว่าตัวเอง คือ มีนัมไม่ใช่อนาคามี
     
  9. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    น้าไม่รู้หรอกหรือว่า ปุถุชนก็มีสติ มีสมาธิ แต่มันไม่ใช่สัมมา
    การเจริญสติ ให้ได้สมาธิเพื่อได้รู้สภาวะตามความเป็นจริง
    หรือที่เรียกว่าไตรลักษณ์
    ปุถุชนเจริญสติ เพื่อให้เป็นสมาธิที่ตั้งมั่น แต่ยังไม่ใช่สัมมาสมาธิ
    การมีสมาธิตั้งมั่นจะทำให้รู้สถาวะไตรลักษณ์
    การรู้เห็นสภาวะไตรลักษณ์ แล้วเอาสภาวะไตรลักษณ์ไปทำวิปัสสนา
    กับรูปนาม ก็จะเห็นสภาวะรูปนามตามความเป็นจริง และจะทำให้ละสักกายทิฐิ วิจิกิจฉาและศีลพรตปรามาส เป็นอริยชนขั้นโสดาบัน
    ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ รู้ขนาดที่ว่า คนที่ไปไม่ถูกชอบอ้างประโยคที่น้ากำลังพูด
    อยู่เนี่ยล่ะครับ
    ผมไม่ได้ถามโสดาบันครับ แต่พระอรหันต์บอกครับ
    ก็ใช่นะซิครับ เพราะการวิปัสสนาธรรมต้องอาศัย หลักของความเป็นจริง
    ของรูปนามครับ การให้ได้มาซึ่งมรรคสมังคี จะต้องไม่ให้แต่ละองค์มรรค
    เกินเลยจาก สัมมาทิฐิ หมายความว่า ต้องเป็นอุเบกขาครับ
    รู้แล้วทำไมต้องฝึกฝนอีกครับ สิ่งที่ต้องปฏิบัติที่สุดก็คือ
    เพียรพยายาม มีสติระลึกรู้ สัมมาทิฐิครับ
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สติปัฎฐานสี่อย่าง อันบุคคลใดใครก้ตาม ปรารภผิดแล้ว อริยอัฎฐังคิกมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบของบุคคลเหล่านั้น ก็เป็นอันปรารภผิดด้วย ภิกษุทั้งหลาย สติปัฎฐานสี่อย่าง อันบุคคลใดใครก็ตาม ปรารภถูกต้องแล้ว อริยอัฎฐังคิกมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบของบุคคลเหล่านั้น ก้เป็นอันปรารภถูกต้องแล้วด้วย............สติปัฎฐาน สี่อย่าง อย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้ปรกติตามเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ มีปรกติตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกเสียได้ซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก..........ภิกษุทั้งหลาย สติปัฎฐานสี่อย่างเหล่านี้อันบุคคลใดใครก็ตามปรารภผิดแล้ว อริยอัฎฐังคิกมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบของบุคคลเหล่านั้นก็เป็นอันปรารภผิดแล้วด้วย ภิกษุทั้งหลาย สติปัฎฐานสี่อย่างเหล่านี้อันบุคคลใดก็ตามปรารภถูกต้องแล้ว อริยอัฎฐังคิกมรรคอันเป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบของบุคคลเหล่านั้น ก็เป็นอันปรารภถูกต้องแล้วด้วย----มหาวาร.สํ.19/240/801..:cool:
     
  11. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    อันนี้บอกไปแล้วว่า ปุถุชนก็มีสมาธิ
    อริยชนก็มีสมาธิ แต่มันแตกต่างกันตรงที่
    อีกอันเป็นโลกียะ
    อีกอันเป็นโลกุตตระ

    สมาธิโลกียะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด สัมมาทิฐิ
    สัมมาทิฐิเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด สัมมาสมาธิโลกุตตระ
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิ อันองค์ธรรม ห้าประการอนุเคราะห์แล้ว ย่อมมีเจโตวิมุติเป็นผลเป็นอานิสงค์ และมีปัญญาวิมุติเป็นผลเป็นอานิสงค์ ห้าประการอย่างไรเล่า ห้าประการคือ ภิกษุทั้งหลายในกรณีนี้ 1 สัมมาทิฎฐิ เป็นธรรมอันศิลอนุเคราะห์แล้ว 2 สัมมาทิฎฐิ เป็นธรรมอันสูตร อนุเคราะห์แล้ว 3 สัมมาทิฎฐิ เป็นธรรมอันสากัจฉา อนุเคราะห์แล้ว 4 สัมมาทิฎฐิ เป็นธรรมอันสมถะ อนุเคราะห์แล้ว 5 สัมมาทิฎฐิ เป็นะรรมอัน วิปัสนาอนุเคราะห์แล้ว.............ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิ อันองค์ธรรม ห้าประการเหล่านี้แล อนุเคราะห์แล้ว ย่อมมีเจโตวิมุติเป็นผล เป็นอานิสงค์ และมีปัญญาวิมุติเป้นผลเป็นอานิสงค์----ปญจก.อํ.22/22/25.:cool:
     
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เมื่อคิดให้ดี โลกนี้ประหลาด :cool:
     
  14. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    พี่ชายยยยย............มาดูนี่เลย เค้าพูดถึงเชียงใหม่ด้วย ถ้าผ่านมาก็แวะทักน้องด้วยนะ นะๆ ^O^
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............โลกนี้ประหลาดแต่ไม่คับแคบ...มัชฌิมปฎิปทา นั่นแหละ เป็นจุดเริ่มต้นทั้งการดำริ และ การปฎิบัติ เพื่อ ให้ ยิ่ง ขึ้นไป:cool:
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ใช่ครับหลานรัก สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย

    จิตใจย่อมมีพลังในการพิจารณาอะไรๆ ก็ด้วยความเป็นธรรม

    การเริ่มต้นนั่งสมาธิก็เพื่อให้รู้จัก วิธีทำจิตให้มีสติสงบตั้งมั่นเป็น

    เมื่อรู้จักวิธีแล้ว จะเดิน ยืน นั่ง นอนล้วนทำได้เช่นกัน

    การเดินมรรคนั้น ต้องอาศัยหลายปัจจัยอย่างก็จริง

    แต่หลัก ต้องฝึกฝนวิธีการสร้างสติ(สติปัฏฐาน)ให้เป็นเสียก่อน

    เหมือนการสร้างเกราะ เพื่อป้องกันทุกข์ภัย.

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    55+ ถูกแล้ว เมื่อสำนึกในใจ ก็ขอขมากันไป

    โกมีนัม ถ้ามีประสีประสา จะไม่กล้าแย้งพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ดีแล้วหรอก

    ที่พูดประโยคนี้"ก็เข้าใจว่าตัวเอง คือ มีนัมไม่ใช่อนาคามี"

    กำลังจะบอกอะไรเป็นนัยๆหรือเปล่า?

    อย่าบอกนะว่า โกมีนัมได้ "อริยะตราตั้งกันขึ้นมาเอง"แล้ว

    จำไว้นะวันหลัง จะว่าใครว่าหลงผิดละก้อ

    ก็ช่วยชี้ที่ถูกต้องด้วยนะ โกมีนัมคนเก่งเกินกว่า...

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    โลกไม่คับแคบ ที่คับแคบเพราะใจมันใหญ่

    สายกลาง ที่ไม่กลางเพราะตัวขวางอยู่กลางสาย

    บางทีเคยคิด ความคิดกว้าง เมื่อพูดกว้างกลับตีบตัน

    เมื่อวานรู้อย่าง วันนี้รู้อย่าง วันหน้ารู้อย่าง ไหนเลยประพฤติทางมัชฌิมา ขยายหน่อยสิ :cool:
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก ถ้าปุถุชนคนทั่วไป ทุกคนมีสติ สมาธิ ถึงจะไม่ใช่สัมมาก็ตาม

    คุกคงจะว่างเว้นจากพวกทรชนคนชั่วทั้งหลายแล้วหละ ใช่หรือไม่?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ใช่จ้าหลานรัก

    การรู้เห็นสภาวะไตรลักษณ์นั้น เป็นวิปัสสนาอยู่แล้วนะจ๊ะ

    เพียงการบอกว่ารู้เห็นนั้น เป็นการรู้เห็นด้วยสัญญาหรือปัญญา

    ตรงนี้ที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ มักเข้าใจผิดแบบเข้าข้างตนเอง

    ร้อยละ๙๐ รู้เห็นไตรลักษณ์จากสัญญาทั้งสิ้น

    ที่จะรู้เห็นด้วยปัญญาตามความเป็นจริงนั้น

    ต้องลงมือปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา

    ผ่านสภาวะแลกเป็นแลกตาย โดยเฉพาะเรื่องเวทนา

    อันนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติ"พุทโธ" ล้วนเจอะเจอมาแล้วทั้งสิ้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...