เด็กอัจฉริยะ เวียนวายตายเกิด สัญญาในอดีตยังมีความจำอยู่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ms,13, 18 เมษายน 2012.

  1. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เด็กอัจฉริยะ
      เด็กอัจฉริยะ คือ เด็กที่มีความรู้ความสามารถเกินเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน และยังมีความสามารถเกินผู้ใหญ่ส่วนมากอีกด้วย เด็กประเภทนี้ นักวิทยาศาสตร์ถือว่ามีไอคิวสูง มีสมองดีเลิศ แต่ทำไมจึงแตกต่างจากเด็กทั่วไปมากถึงเพียงนั้น  ก็ไม่อาจจะอธิบายได้ชัดเจน จับได้แต่เพียงสาเหตุใกล้ว่าสมองมีไอคิวสูง  ไม่อาจจะค้นหาสาเหตุไกลออกไปกว่านี้ แต่ถ้าจะเอาหลักพระพุทธศาสนาเข้ามาอธิบายความเป็นอัจฉริยะของคนเราแล้วก็จะทราบได้ทีนทีว่า เพราะผู้นั้นเคยศึกษาเล่าเรียน หรือมีความชำนาญในวิชาที่ตนถนัดเหล่านี้   มาเมื่อชาติก่อนแล้ว เมื่อเขาตายจากชาติที่แล้วมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในชาตินี้ทันที    โดยไม่มี การไปเกิดในภพอื่นใดคั่นระหว่าง ความรู้ความสามารถที่จิตของเขาได้เก็บไว้      เมื่อชาติก่อนยังใหม่อยู่ไม่ได้เลือนหายไป พอฟื้นฟูเข้านิดหน่อยก็คล่องแคล่วอยู่แล้วเมื่อชาติก่อน     เช่นสมมติว่า เมื่อชาติก่อนผู้นั้นเป็นศาสตราจารย์หรือเป็นอาจารย์       ผู้มีความชำนาญพิเศษอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เมื่อเขาตายไปและมาเกิดในชาติปัจจุบัน ความณุ้ความชำนาญนั้นจึงยังมีอยู่แต่ต้องลืมไปบ้างก็เพราะภพชาติปิดไว้ แต่เมื่อได้รับการทบทวนหรือกระตุ้นเข้านิดหน่อย  ก็เกิดขึ้นมากได้อีกอย่างรวดเร็วแถมบางคนยังสามารถพูดภาษาต่างประเทศ      ที่ตนยังไม่เคยเรียนมาก่อนในชาตินี้ได้อีกด้วย หากไม่เป็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฉลาดเกินมนุษย์ทั่วไปมากถึงขนาดนั้น
      พระพุทธศาสนายอมรับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด      จึงยอมรับเรื่องเช่นนี้โดยสนิทใจ และถือว่าคือกฎธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์เท่านั้นเอง   และการมาเกิดของคนเรานั้น อาจจะเปลี่ยนจากชนชาติหนึ่งมายังชาติหนึ่งก็ได้ เช่น       เมื่อชาติก่อนเคยเกิดในประเทศยุโรป แต่มาชาตินี้ไปเกิดในเอเชีย หรือ ชาติก่อนเกิดในเอเชีย       มาชาตินี้ไปเกิดในยุโรปหรืออเมริกาก็ได้หรืออาจจะไปเกิดในภพภูมิอื่น ๆ นอกจากมนุษย์โลกก็ได้           แล้วแต่กรรมดลบันดาลส่งให้ไปเกิด
      แต่มีปัญหาอยู่ว่า ถ้าหากอุปนิสัย         รวมทั้งความรู้ความสามารถในชาติก่อนสามารถติดตามมายังชาติปัจจุบันได้จริงแล้วทำไม          จึงมีเด็กอัจฉริยะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำไมคนทั่วไปความรู้ความสามารถเมื่อชาติก่อนไม่ติดมาด้วย       ด้องมาหาเอาใหม่ เรียนเอาใหม่ในปัจจุบันทั้งสิ้น
      ข้อนี้ขอตอบว่า อุปนิสัยและความรู้ความสามารถในชาติก่อนของคนเราติดมาในชาตินี้ด้วยกันทุกคน แต่มีมากบ้างน้อยบ้างตามบุญตามกรรม            หรือตามอุปนิสัยที่เคยสั่งสมมาในชาติก่อนดังเราจะเห็นว่า คนเราเกิดมามีอุปนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน   มีความถนัดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนถนัดทางดนตรี บางคนถนัดทางวาดเขียน       แต่บางคนถนัดในทางด้านคณิตศาสตร์ บางคนชอบความสงบ แต่บางคนชอบการต่อสู้ชกต่อย    แม้สติปัญญาก็ไม่เท่ากัน คือ บางคนโง่ บางคนฉลาด เป็นเพียงแต่ว่าจะฉลาดน้อยฉลาดมาก  หรือโง่น้อยโง่มากเท่านั้นเอง แต่การที่คนเกิดมาเป็นอัจฉริยะมีน้อย ก็เพราะว่าอัจฉริยะบุคคลในโลกนี้มีไม่มากนัก และเมื่อตายแล้วไม่มาเกิดเป็นมนุษย์ในทันทีทันใด ไปเกิดในภพอื่นที่คั่นอยู่ในระหว่าง จึงทำให้ลืมความรู้ความสามารถที่เคยมีมาเมื่อชาติก่อนเสีบเกือบหมด หรือแม้เมื่อมาเกิดในชาติปัจจุบันแล้ว บางคนไม่ได้สิ่งแวดล้อมที่ดีที่เหมาะสม         จึงไม่อาจจะแสดงความอัจฉริยะออกมา หรือแม้จะแสดงออกมาได้บ้าง แต่ไม่อาจแสดงออกเต็มที่ได้     เช่นไปเกิดในหมู่คนป่าคนดอย หรือในประเทศที่ไร้ความเจริญ แต่ถ้าหากอัจฉริยะบุคคลนั้นมาเกิดในทันทีทันใด ไม่มีภพชาติอื่นม่คั่นระหว่างและมาเกิดในตระกูล ประเทศที่มีสิ่งแวดล้อมดี เหมาะสมแล้วเขาย่อมแสดงความอัจฉริยะออกมาให้ปรากฏอย่างแน่นอน อย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในหลายประเทศ ดังตัวอย่างที่นำมาแสดงไว้ในที่นี่ ดังต่อไปนี้

     

    ยูยองมิน
    ยอดเด็กอัจฉริยะชาวเกาหลีเหนือ
      เรื่องนี้ ได้จากหนังสือพิมพ์ไทยรับ   ฉบับวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ในข้อแนะนำของธิติพงษ์ ซึ่งขอนำมากล่าวไว้ในที่นี้แต่โดยย่อ ดังนี้
      เด็กยอดอัจฉริยะ ผู้นี้คือ เด็กชาย ยู ยอง มิน     ชาวเกาหลีเหนือ ครอบครัวของหนูน้อยคนนี้เป็นกรรมาชนอยู่หฒุ่บ้านชางชอน เมืองวอนซาน อันเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการพักผ่อนและตากอากาศของจังหวัดกังวอน บ้านที่ ยู ยอง มิน กับพ่อแม่อยู่นั้น แม้ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองแต่ก็มองเห็นทัศนียภาพของเมืองวอนซานชัดเจน
      ยู ยอง มิน ลืมตามองดูโลกคอมมิวนิสต์     และสังคมที่ทุกอย่างถูกปิดกั้นอย่างเกาหลีเหนือ  แต่สัคมและลัทธิการเมืองไม่อาจห้ามสมองเธอได้  แววฉลาดฉายออกมาขณะที่ยู ยอง มินอายุไม่กี่มากน้อย  จนกระทั่งนายยู ดอง ซอล         ผู้บิดา  วัย ๓๙ปีและนางโซ บอง ซอน มารดา  อายุ ๓๓ ปี  ก็พลอยได้รับการกล่าวขวัญสรรเสริญอยู่เสมอ
      ความน่ารักน่าเอ็นดู         ทำให้เจ้าหนูได้รับของขวัญหลายอย่างในวันเกิดครบรอบปีแรก  เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๑แล้วแค่วัยขวบเศษ  เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รู้ว่าพวกเขามองไม่ผิด  และเกินคาดด้วยซ้ำ  เพราะชื่อเสียงอัจฉริยภาพของเด็กชาย  ยู ยอง มิน กระฉ่อนไปทั่ว  ไม่เฉพาะเขตอำเภอละแวกบ้านเท่านั้น  หากกระจายไปทั่วประเทศ
                          นอกจากจะเหลือเชื่อแล้ว  แต่แต่ยังประหลาดใจพ่อแม่อย่างยิ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน           คือ เมื่อวันที่  ๓  มกราคม   ๒๕๒๑       อายุไม่ครบขวบ             อยู่          
     ๒ วัน  หลังจากดรับประทานอาหารค่ำแล้ว  ทั้งครวบครัว  พ่อ  แม่  ลูกก็พักผ่อนเล่นหัวกันตามปกติ  ทันใดนั้น  เจ้าหนูน้อยก็ใช้มือน้อย ๆ เกาะไหล่บิดาแล้วท่องบทอาขยานที่ได้ยินพี่สาวอ่าน  และท่องจากหนังสือเรียนเป็นประจำ  ไม่ใช่ท่องได้     ๒-๓ ประโยคเท่านั้น   หากท่องได้ถึง ๔๐ วรรค  อย่างแม่นยำ  ซึ่งเด็กวัยแค่ไม่ครบขวบดีอย่างนี้ทั่วไปแล้ว     อย่าว่าแต่ท่องบทอาขยานเลย  แม้จะพูดเป็นประโยคเรียกชื่อ
    พ่อแม่ก็ยาก
                          พออายุครบ  ๒  ขวบ               ผู้ปกครองก็พาเด็กชาย ยู ยอง มิน ไปฝากเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลชางซอน  พอได้เรียนเพิ่มเติมเข้าเท่านั้น   เจ้าหนูน้อยคนนี้ก็เรียนเร็ว  รายกับว่าสมองติดเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ หลังจากเรียนอนุบาลแค่ ๒ อาทิตย์        เจ้าหนูก็เรียนหลักสูตรชั้นประถมศึกษาที่หนึ่ง            แล้วก็เรียนจบหลักสูตรชั้นประถมปีที่สองภายใน ๑ เดือน  ประถมปีที่สาม  ภายใน ๔๐ วัน   และต่อมาอีก ๔๐           วัน  ก็จบชั้นประถมปีที่สี่  สรุปแล้ว  ภายใน ๔ เดือน ๕ วัน  หนูน้อยมหัศจรรย์ ยู ยอง มิน  ก็สามารถสอบผ่านหลักสูตรชั้นประถมปีที่สี่  จึงได้รับประกาศนียบัตรชั้นประถมศึกษาเมื่ออายุ  ๔ ขวบ
                          จากนั้นก็เข้าเรียนต่อในชั้มัธยมศึกษาตอนต้นหลักสูตร ๒ ปีผ่านไป  ด้วยดี  แล้วเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายอีก ๒ ปี  จึงสำเร็จมัธยมปลายเมื่ออายุแค่       ๕ ขวบ  ย่างเข้า ๖ ขวบเท่านั้น 
                         หากมีใครพูดว่า  เด็กอายุ ๖ ขวบ  สามารถทำคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยได้คล่องแคล่ว  โดยทั่วไปก็จะไม่มีใครเชื่อ  แต่สำหรับเด็กชาย ยู ยอง
    มิน ผู้นี้ ตอนอายุ ๕ ขวบเท่านั้น  แกทำได้จริงๆ         แกสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อีก ๕ ภาษา แม้ไม่ถึงกับเก่งเปรี๊ะ  ก็จัดเข้าขั้นเรียนรู้ได้เร็วมาก     เนื่องจากสิ่งแวดล้อมทางภาษาต่างประเทศไม่อำนวยเลย  แต่แกก็ยังสามารถพูดได้ถึง ๕ ภาษา        นับว่าอัจฉริยะอัศจรรย์เอามากทีเดียว
                          ความอัจฉริยะพิเศษสุดที่ธรรมชาติบันดาลให้เจ้าหนูน้อย ยู ยอง มินลือลั่นไปทั่ว  ทำให้ดึงดูดความสนใจเหล่านักวิชาการ  นักศึกษา  และบรรดาชนชาวโสมแดงยิ่งนัก       ทั้งศาสดาจารย์และนักวิชาการระดับดอกเตอร์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิชาคณิตศาสตร์   และฟิสิกส์  ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
      แล้ววันหนึ่ง           ในเดือนพฤษภาคม  ๒๕๒๕       ศาสตราจารย์คนหนึ่งของ
    มหาวิทยาลัยการประมงเมืองวอนชาน  ก็ไปเยี่ยมถึงโรงเรียนที่เด็กชาย ยู ยอง มิน   กำลังเรียนอยู่  ท่านศาสตราจารย์ส่งปากกาหมึกซึมใส่ในมือเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง  แล้วการลองภูมิก็เกิดขึ้น
      ศาสตราจารย์ตั้งโจทย์คณิตศาสตร์ขึ้นว่า “ฟังน๊ะ  พระเอกของชาวเกาหลี , ล้อจักรยานล้อหนึ่ง  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗ ซม. จะต้องเคลื่อนที่หมุนไปกี่รอบบนเส้นทางยาว  ๓๗,๙๓๕  เมตร”
      หนูน้อย ยู ยอง มิน  ฟังโจทย์ไปพลาง  มือขวาถือปากกาส่วนมือซ้ายเล่นของเล่นไปพลางตามประสาเด็กๆ  แต่ทั้งที่มือทำโจทย์คณิตศาสตร์  ภายใน ๒-๓นาทีเท่านั้น  หนูน้อย ยู ยอง มิน ก็ทำเรียบร้อยแล้ววางปากกาลง  ยิ้มกริ่มเหมือนจะบอกว่า        “ ช่างเหลือเกินเลขข้อนี้” ศาสตราจารย์ท่านนั้น  ขยับตัวเข้าหาเจ้าหนู  ยู--ยอง มิน           แล้วกอดอย่างชื่นชมก่อนทดสอบคณิตศาสตร์อีกหลายข้อจนพอใจ
    ไม่ใช่เพียงคณิตศาสตร์  ภาษาศาสตร์  และฟิสิกส์  เท่านั้น             ที่เจ้าหน
    น้อย  ยู ยอง มิน  มีความชำนาญ        แม้แต่วิทยาศาสตร์และวรรณกรรมก็ไม่ย่อย ดังเช่นบทกลอนบทกลอนบทหนึ่ง  ยู ยอง มิน    ประพันธ์ขึ้น        ซึ่งถอดความเป็นภาษาไทยว่า                                                                   ..กรุงเปียงยางสวยสดไซร์ ฉันใด     คงเพราะคิม อิล ซัง  จอมไผทสถิตอยู่
             ตัวข้าฯ ใคร่คลาใคลไปดู                  งามไม่งามคงรู้…..เมื่อโตวัย..
                        
    ประวัติย่อเด็กอัจฉริยะในประเทศต่าง  ๆ
                          ต่อไปนี้  เป็นประวัติโดยย่อของเด็กอัจฉริยะในประเทศต่าง ๆ  เท่าที่รวบรวมได้  ซึ่งท่านเจ้าคุณพระธรรมธัชมุนี    (ประยูร  สนฺตงฺกุโร  ป.ธ.๙) วัคเทพศิรินทราวาส  กรุงเทพ ฯ รองประธานสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย  และเป็นอาจารย์ของผู้เขียนเอง  ได้รวบรวมไว้และได้เมตตาเอื้อเฟื้อมอบให้ผุ้เขียน  จึงได้นำมาลงไว้ในที่นี้         เพื่อเป็นเครื่องสนับสนุนกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดตามหลักพระพุทธศาสนา

    เรื่องที่หนึ่ง
      เด็กชาย  ลูเซียตัน        หนูน้อยผู้นี้เป้นชาวบราซิล        อันเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้  พออายุ  ๒ ขวบ  อ่านและเขียนหนังสือได้เอง  อายุ ๔  ขวบ         แต่งหนังสือเรื่อง “  เชื้อโรคในท่อประปา” พิมพ์เป็นเล่มแรก  พ่อแม่มีฐานะดี  และมีความรู้ดี
                         (จากหนังสือพิมพ์เดลิไทม์  ฉบับวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๓)
                                   
    เรื่องที่สอง
                          เด็กหญิง   เจีย  บาร์เชต   แม่หนูน้อยผู้นี้       เป็นชาวเมืองแชมเปี้ยน  รัฐโอไฮโอ  ประเทศสหรัฐอเมริกา  อายุ ๓ เดือนเริ่มพูด  อายุ ๖ เดือนพูดได้  อายุ  ๗       เดือน  เดินได้และเริ่มเรียนหนังสือ  พออายุ ๘ เดือน  อ่านออกเขียนได้  อายุ ๒ขวบ     กำลังอ่านเอ็นไซโคปีเดีย  ทั้งสามารถพูดได้ ถึง  ๒ ภาษา  ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเซอร์เบีย
                          (จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  ฉบับวันที่ ๑๑ มิถุนายน  ๒๕๒๔)

    เรื่องที่สี่
                          เด็กชาย  ดำเนิน   คงคดี  เจัาหนูน้อยผู้นี้ เป็นเด็กไทยบุตรนายสยามนางเพ็กเฮี้ยง   อยู่บ้านเอราวัณ  ตำบลผาอินแปลง  อำเภอวังสพุง  จังหวัดเลย     อายุ ๕ ขวบ  อ่านหนังสือไม่ออก  แต่สามารถบวกลบเลขในใจทุกหลักได้เร็วกว่าครูใหญ่ที่โรงเรียนนั้น
                         (จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า  ฉบับวันที่ ๑๑ มรกราคม ๒๕๒๔)

    เรื่องที่ห้า
      เด็กหญิง  ทิพย์สุดา  สุนทรเวช               แม่หนูน้อยคนนี้  เป็นลูกคุณหมอจุฑา
      กับคุณหมอพวงแก้ว  อายุ ๑ ขวบ  ๕ เดือน    สามารถอ่านภาษาไทยหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ได้คล่อง  อายุ ๑๐ ขวบ  เรียนอยู่มัธยมที่ ๓ ที่สาธิตจุฬาฯ..   
                                                          

    เรื่องที่หก
      เด็กชาย  เงา  เจ้าหนูน้อยคนนี้  เป็นบุตรนายสายชาวเกาะอ่างทอง  อำเภอเกาะสมุย  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  อายุ ๖ ขวบ  สามารถบวกลบเลขทุกหลักได้  เมื่อ มีผู้ตั้งโจทย์แล้ว  แกจะพูดทวนแล้วตอบทันที

                                       เรื่องที่เจ็ด 
      เด็กชาย  มิเชล  โดโช             เจ้าหนูน้อยผู้นี้  เป็นชาวเมืองอูนาโปลิส  ประเทศบราซิล  มารดาชื่อซีโมน เทเรซ่า  โดโช  อายุ  ๒ ขวบสามารถเล่นเปียโน  เพลงคลาสสิก  เช่น  เพลงของโชคอฟสกี้  เป็นต้น  และเพลงพื้นเมืองได้อย่างคล่องแล้ว   อ่านโน๊ตก็ไม่ออก    เล่นได้โดยไม่เคยเรียนเลย  เล่นเป็นเองนั่งครั้งเดียวก็เล่นได้     หรือเล่นตามโดยไม่ฟังมาก่อนก็ได้ ( เรื่องนี้ย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนว่า      ความรู้ความสามารถนั้นได้ติดมาจากชาติก่อนอย่างแน่นอน   เพราะไม่เคยเรียนมาก่อนก็ทำได้ ทั้งที่อายุเพียง  ๒ ขวบเท่านั้น  แม้โ น๊ตพลงก็อ่านไม่ออก)
                         ( จากหนังสือพิมพิมพ์ไทยรัฐ  ฉบับวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๒๔)

    เรื่องที่แปด
      เด็กชาย   ชารอน  สโตน               เจ้าหนูน้อยผู้นี้  เป็นชาวเมืองแซกเกอร์ทาวน์
    ประเทศสหรัฐอเมริกา  เป้นเด็กที่มีไอคิวสูงมาก  คือมีไอคิว ๑๖๕ ถึง ๑๗๔ (คนทั่วไปฒีไอคิว ๙๐-๑๐๙ เท่านั้น)  เมื่ออายุ ๔ ขวบ  ทำเลข บวก ลบ คูณ  อ่าน -เขียน ได้ หมด
                         ( จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  ฉบับวันที่ ๓๐ สิงหาคม  ๒๕๒๗ )


    เรื่องที่เก้า
      เด็กหญิง   ชนิดา  ศรีเกษม   แม่เจ้าหนูน้อยผู้นี้  เป็นบุตรสาวของนายวันชัยกับนางนพพร  ศรีเกษม    อยู่บ้านเลขที่  ๔๗      หมู่ ๒ แขวงคลองขวาง  เขตภาษีเจริญ   กรุงเทพมหานคร  อายื  ๑๒ ปีกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง  แต่สามารถเรียนระดับปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช     ได้คะเเนนยอดเยี่ยม     ดร. วิจิตร  ศรีสะอ้าน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชกล่าวว่า  เป็นเด็ก   สมองดีเป็นเยี่ยม แม้ผู้ใหญ่อายุ ๗๑ปีเรียนชุดวิชาเดียวกันกับเด็กหญิง  ชนิดานี้  ก็ยังไม่สามารถสอบผ่านเหมือนแม่หนูน้อยคนนี้
                        (จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  ฉบับวันที่  ๑๔ มรกราคม  ๒๕๒๗ )

    เรื่องที่สิบ
      เด็กชาย   จิง  จิง   เจ้าหนูน้อยผู้นี้    เป็นชาวเมืองวูฮั่น ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ บิดาเป็นนักค้นคว้าทางการพัฒนากรรมพันธุ์วิทยา  มารดาเป็นคนธรรมดา  เมื่ออายุได้ ๑ ขวบเพิ่งสอนเดิน  สามารถพูดอังกฤษได้เก่งเท่ากับคนจบมาจากมหาวิทยาลัย       มีความรู้ส่วนสัด  รูปทรงทางคณิตศาสตร์ได้ยิ่งกว่าผู้ใหญ่  อายุ ๒ ขวบ  มีความรู้ทางคณิตศาสตร์อย่างหาตัวจับยาก  อายุ ๔ ขวบ  สามารถท่องจำโคลงภาษาจีนโบราณนับร้อยๆ โคลงได้     สามารถรู้วิชาคำนวนชั้นสูงดังนั้นมหาวิทยาลัยวูฮั่น     จึงมีมติรับเข้าเรียนชั้นปริญญาสาขาวิชาวิยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
     
  2. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ประกาศ คนหาย ช่วยตามหา เด็กพวกนี้ในปัจจุบันให้หน่อยอยากเห็น งะ
     
  3. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อมูลดีๆ ก็มีให้อ่านนะเว้ยเห้ย ต่อไปจะเอามาให้อ่านอีก ทำตัวดีๆกันนะเด็กๆ
    ตอนนี้หาเจอไม่กี่คนเองงะ ตาม facebook ติดต่อได้แล้วจะพามาสัมภาษณ์ สักหน่อย
     
  4. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    Ms,13 สนใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ภพภูมิด้วย


    หาได้ยากที่วัยรุ่นสมัยนี้ จะหันมาสนใจเรื่องเหล่านี้


    ดีแล้วลูก..สาธุด้วย :cool::cool::cool:
     
  5. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก็เป็นความจริงที่ทุกคนต้องเวียนวายตายเกิด นิจ๊ะ ตายชาตินี้ไม้รู้ว่าชาติ หน้าได้เกิดเป็นคนอะป่าว ชาตินี้ก็ทำบุญบ่อย ๆ กลัวว่าตายแล้วไปตกที่ลำบาก หนูเชื่อสนิทใจไม่ลังแลเลยว่า ต้องเกิดอีก เลยกลัวบาป ชาตินี้ต้องรีบทำแยะ ๆ ชาติหน้าจะได้ทำบุญอีก หากหนูเกิดเป็นสัตว์ ทำบุญไม่ได้ ก็อดอะดิ ชาตืนี้งก ทำเต็มที่ไว้ก่อน เทวดายังอิจฉามนุษย์เลยจริงป่าว งะ อิอิ ก็หลักฐานบางชิ้นตามศาสนาพุทธเขาพูดถูก ทุกอย่างเลย ต้องเชื่อ พระพุทธเจ้าไม่โกหกพวกเราหลอกจริงป่าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2012
  6. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เจอบางคนในเน็ต นะอยากถามแต่กลัว ๆ อภิญญา - สมาธิ พวกพี่ๆเขางะ
    เด็กพวกนี้สวรรค์เขาสร้างมา ให้มีความสามรถ และเป็นของแท้
    ไม่ใช่พวก บ้าบอแถวนี้ อวดเก่งกันทั้งนั้น
     
  7. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    [​IMG]

    ทำบุญให้หน่อย ตากแดด ชูคอขอบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2012
  8. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก อย่ากินหนูนะ เอาไข่หนูคืนมา กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก

    [​IMG]
     
  9. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    แหมะ แหมะ แหมะ อย่าดึงนมหนูนะหนูเจ็บ แหมะ แหมะ แหมะ
    [​IMG]
     
  10. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    การระลึกชาติ เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าการเวียนว่าย ตายเกิด มีจริง
    บาปมี บุญมี นรกสวรรค์มีจริง ทุกอย่างเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์

    บางคนอาจจะรู้เห็นได้ด้วยตนเองด้วยญานสมาธิที่ปฏิบัติมา สำหรับท่านที่ยังไม่รู้
    ไม่เห็นด้วยตนเอง ก็ขอให้เชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ก่อน และหันมาทำบุญทำทาน
    ถือศีลและปฏิบัติภาวนากัน ...ในเบื้องต้นของการปฏิบัติภาวนา ก็จะเห็นได้ในเบื้องต้นว่า
    ร่างกายของเรานี้ประกอบไปด้วย กาย(รูป) จิต(นาม) ซึ่งจะเป็นแนวทางไปสู่การปฏิบัติ
    ในขั้นตอนต่อๆไป ไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่อยากให้ผู้สงสัยมาลองปฏิบัติดู

    ของเหล่านี้ต้องรู้เห็นด้วยตนเอง บอกกล่าวกันอยาก...จงมาลองดูเถิด...
     
  11. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ใครก็ได้เอาผักบุ้งให้ที ค้าาาาา
    [​IMG]
     
  12. ttoorrhh

    ttoorrhh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +26
    เรื่องที่สาม หายไป หรือเป็นเรื่องเด็กยูยองมินนั่นครับ
     
  13. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ยูยองมิน
    ยอดเด็กอัจฉริยะชาวเกาหลีเหนือ
    เรื่องนี้ ได้จากหนังสือพิมพ์ไทยรับ ฉบับวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ในข้อแนะนำของธิติพงษ์ ซึ่งขอนำมากล่าวไว้ในที่นี้แต่โดยย่อ ดังนี้
    เด็กยอดอัจฉริยะ ผู้นี้คือ เด็กชาย ยู ยอง มิน ชาวเกาหลีเหนือ ครอบครัวของหนูน้อยคนนี้เป็นกรรมาชนอยู่หฒุ่บ้านชางชอน เมืองวอนซาน อันเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการพักผ่อนและตากอากาศของจังหวัดกังวอน บ้านที่ ยู ยอง มิน กับพ่อแม่อยู่นั้น แม้ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองแต่ก็มองเห็นทัศนียภาพของเมืองวอนซานชัดเจน
    ยู ยอง มิน ลืมตามองดูโลกคอมมิวนิสต์ และสังคมที่ทุกอย่างถูกปิดกั้นอย่างเกาหลีเหนือ แต่สัคมและลัทธิการเมืองไม่อาจห้ามสมองเธอได้ แววฉลาดฉายออกมาขณะที่ยู ยอง มินอายุไม่กี่มากน้อย จนกระทั่งนายยู ดอง ซอล ผู้บิดา วัย ๓๙ปีและนางโซ บอง ซอน มารดา อายุ ๓๓ ปี ก็พลอยได้รับการกล่าวขวัญสรรเสริญอยู่เสมอ
    ความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เจ้าหนูได้รับของขวัญหลายอย่างในวันเกิดครบรอบปีแรก เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๑แล้วแค่วัยขวบเศษ เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รู้ว่าพวกเขามองไม่ผิด และเกินคาดด้วยซ้ำ เพราะชื่อเสียงอัจฉริยภาพของเด็กชาย ยู ยอง มิน กระฉ่อนไปทั่ว ไม่เฉพาะเขตอำเภอละแวกบ้านเท่านั้น หากกระจายไปทั่วประเทศ
    นอกจากจะเหลือเชื่อแล้ว แต่แต่ยังประหลาดใจพ่อแม่อย่างยิ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน คือ เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๑ อายุไม่ครบขวบ อยู่
    ๒ วัน หลังจากดรับประทานอาหารค่ำแล้ว ทั้งครวบครัว พ่อ แม่ ลูกก็พักผ่อนเล่นหัวกันตามปกติ ทันใดนั้น เจ้าหนูน้อยก็ใช้มือน้อย ๆ เกาะไหล่บิดาแล้วท่องบทอาขยานที่ได้ยินพี่สาวอ่าน และท่องจากหนังสือเรียนเป็นประจำ ไม่ใช่ท่องได้ ๒-๓ ประโยคเท่านั้น หากท่องได้ถึง ๔๐ วรรค อย่างแม่นยำ ซึ่งเด็กวัยแค่ไม่ครบขวบดีอย่างนี้ทั่วไปแล้ว อย่าว่าแต่ท่องบทอาขยานเลย แม้จะพูดเป็นประโยคเรียกชื่อ
    พ่อแม่ก็ยาก
    พออายุครบ ๒ ขวบ ผู้ปกครองก็พาเด็กชาย ยู ยอง มิน ไปฝากเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลชางซอน พอได้เรียนเพิ่มเติมเข้าเท่านั้น เจ้าหนูน้อยคนนี้ก็เรียนเร็ว รายกับว่าสมองติดเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ หลังจากเรียนอนุบาลแค่ ๒ อาทิตย์ เจ้าหนูก็เรียนหลักสูตรชั้นประถมศึกษาที่หนึ่ง แล้วก็เรียนจบหลักสูตรชั้นประถมปีที่สองภายใน ๑ เดือน ประถมปีที่สาม ภายใน ๔๐ วัน และต่อมาอีก ๔๐ วัน ก็จบชั้นประถมปีที่สี่ สรุปแล้ว ภายใน ๔ เดือน ๕ วัน หนูน้อยมหัศจรรย์ ยู ยอง มิน ก็สามารถสอบผ่านหลักสูตรชั้นประถมปีที่สี่ จึงได้รับประกาศนียบัตรชั้นประถมศึกษาเมื่ออายุ ๔ ขวบ
    จากนั้นก็เข้าเรียนต่อในชั้มัธยมศึกษาตอนต้นหลักสูตร ๒ ปีผ่านไป ด้วยดี แล้วเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายอีก ๒ ปี จึงสำเร็จมัธยมปลายเมื่ออายุแค่ ๕ ขวบ ย่างเข้า ๖ ขวบเท่านั้น
    หากมีใครพูดว่า เด็กอายุ ๖ ขวบ สามารถทำคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยได้คล่องแคล่ว โดยทั่วไปก็จะไม่มีใครเชื่อ แต่สำหรับเด็กชาย ยู ยอง
    มิน ผู้นี้ ตอนอายุ ๕ ขวบเท่านั้น แกทำได้จริงๆ แกสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อีก ๕ ภาษา แม้ไม่ถึงกับเก่งเปรี๊ะ ก็จัดเข้าขั้นเรียนรู้ได้เร็วมาก เนื่องจากสิ่งแวดล้อมทางภาษาต่างประเทศไม่อำนวยเลย แต่แกก็ยังสามารถพูดได้ถึง ๕ ภาษา นับว่าอัจฉริยะอัศจรรย์เอามากทีเดียว
    ความอัจฉริยะพิเศษสุดที่ธรรมชาติบันดาลให้เจ้าหนูน้อย ยู ยอง มินลือลั่นไปทั่ว ทำให้ดึงดูดความสนใจเหล่านักวิชาการ นักศึกษา และบรรดาชนชาวโสมแดงยิ่งนัก ทั้งศาสดาจารย์และนักวิชาการระดับดอกเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
    แล้ววันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๕ ศาสตราจารย์คนหนึ่งของ
    มหาวิทยาลัยการประมงเมืองวอนชาน ก็ไปเยี่ยมถึงโรงเรียนที่เด็กชาย ยู ยอง มิน กำลังเรียนอยู่ ท่านศาสตราจารย์ส่งปากกาหมึกซึมใส่ในมือเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วการลองภูมิก็เกิดขึ้น
    ศาสตราจารย์ตั้งโจทย์คณิตศาสตร์ขึ้นว่า “ฟังน๊ะ พระเอกของชาวเกาหลี , ล้อจักรยานล้อหนึ่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗ ซม. จะต้องเคลื่อนที่หมุนไปกี่รอบบนเส้นทางยาว ๓๗,๙๓๕ เมตร”
    หนูน้อย ยู ยอง มิน ฟังโจทย์ไปพลาง มือขวาถือปากกาส่วนมือซ้ายเล่นของเล่นไปพลางตามประสาเด็กๆ แต่ทั้งที่มือทำโจทย์คณิตศาสตร์ ภายใน ๒-๓นาทีเท่านั้น หนูน้อย ยู ยอง มิน ก็ทำเรียบร้อยแล้ววางปากกาลง ยิ้มกริ่มเหมือนจะบอกว่า “ ช่างเหลือเกินเลขข้อนี้” ศาสตราจารย์ท่านนั้น ขยับตัวเข้าหาเจ้าหนู ยู--ยอง มิน แล้วกอดอย่างชื่นชมก่อนทดสอบคณิตศาสตร์อีกหลายข้อจนพอใจ
    ไม่ใช่เพียงคณิตศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และฟิสิกส์ เท่านั้น ที่เจ้าหน
    น้อย ยู ยอง มิน มีความชำนาญ แม้แต่วิทยาศาสตร์และวรรณกรรมก็ไม่ย่อย ดังเช่นบทกลอนบทกลอนบทหนึ่ง ยู ยอง มิน ประพันธ์ขึ้น ซึ่งถอดความเป็นภาษาไทยว่า ..กรุงเปียงยางสวยสดไซร์ ฉันใด คงเพราะคิม อิล ซัง จอมไผทสถิตอยู่
    ตัวข้าฯ ใคร่คลาใคลไปดู งามไม่งามคงรู้…..เมื่อโตวัย..
     
  14. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,673
    ค่าพลัง:
    +3,464
    แวะมาทักทายเฉยๆ ไม่มีข้อมูล...
     
  15. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    มีอีกเรื่องหนึ่ง ด.ช คนหนึ่งจากสัตว์ มาเป็นคน จำที่ตายได้ แต่ข้อมูลอยู่ บ้านไม่ได้เอา มา
     
  16. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สัญญาความจำติดจากอดีตมาจากชาติก่อน พอเกิดมาอีกชาติความจำ ยังคงอยู่ในบางส่วน พระพุทธเจ้าตรัสถูกต้อง ใครทำอะไรไว้ก็ได้รับสิ่งนั้น กรรมใครกรรมมัน กรรมมีเผ่าพันธุ์ ทุกคนที่เคยคุย ที่เคยเจอที่ได้เกิดล้วนแล้วมาจาก กรรม
     
  17. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กรรมติดเป็นเผ่าพันธุ์ เราได้นายกมา ก็เกิดจากกรรมที่เราเลือก จากเผ่าพันธุ์คือกรรมดีและไม่ดีของกรรมในประเทศ
     
  18. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตามหลักของพระพุทธศาสนา ได้แสดงว่า กำเนิดของสัตว์โลกในมหาจักรวาลที่มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท คือ
    1. ชลาพุชะกำเนิด เกิดในครรภ์
    2. อัณฑชะกำเนิด เกิดในไข่
    3. สังเสทชะกำเนิด เกิดในเถ้าไคล
    4.โอปปาติกะกำเนิด เกิดผุดขึ้น

    1.ชลาพุดชะกำเนิด สัตว์โลกเกิดในครรภ์มารดา ได้แก่มนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว ควาย ช้าง ม้า เป็นต้น และปลาบางชนิดที่ออกลูกมาเป็นตัว
    2.อัณฑชะกำเนิด เกิดในไข่ ได้แก่ นก ไก่ ห่าน จิ้งจก ตุ๊กแก ฯลฯ
    3.สังเสทชะกำเนิด ได้แก่ สัตว์ที่เกิดในเถ้าไคล โดยไม่ต้องอาศัยครรภ์มารดา ไม่ต้องอาศัยไข่ แต่เกิดมาจากเปลือกตมของโสโครก จากต้นไม่ใบหญ้า จากโคลนตม จากเถ้าไคล สัตว์ประเภทนี้ได้แก่เชื้อโรคต่าง ๆ สัตว์ประเภทเซลล์เดียว เช่น พวกอะมีบา พารามีเซียม สัตว์พวกนี้มีมาก เป็นสัตว์ที่มีชีวิต เรียกว่าสังเสทชะกำเนิด ซึ่งในสมัยพุทธกาลไม่มีกล้องจุลทรรศน์ที่จะมองเห็นสัตว์ประเภทนี้ได้ แต่พระพุทธเจ้า และผู้มีตาทิพย์ ทั้งหลายสามารถมองเห็นสัตว์ประเภทนี้ได้ มาถึงปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์มีเครื่องมือพิเศษ สามารถมองเห็นสัตว์ที่เล็กที่สุดได้ และจำพวกนี้ไม่ได้เกิดจากครรภ์มารดา และไม่ได้เกิดจากไข่ ตัวของมันเองแบ่งเซลล์มันเองออกมาได้
    4.โอปปาติกะกำเนิด กำเนิดขึ้นทันที คือไม่ต้องอาศัยครรภ์มารดา ไม่ต้องอาศัยไข่ ไม่ต้องอาศัยเถ้าไคล แต่เกิดขึ้นมาด้วยพลังแห่งบุญ และกรรมของตน ได้แก่พวกเทพเทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย พวกเหล่านี้จะเกิดผุดขึ้นมาทันที ทันใด ซึ่งต้องอธิบายรายละเอียดมาก เฉพาะโอปปาติกะกำเนิดนี้ เกิดมาเป็นตัวตนทันที เมื่อถึงเวลาตายก็หายสูญไปทั้งกายนั้นๆ เป็นสิ่งที่มีลักษณ์ที่แปลก พวกผี พวกสัตว์นรก พวกเปรต อสุรกาย พวกเทพเทวดา พวกพรหม ล้วนเป็น โอปปาติกะทั้งสิ้น พวกนี้สามารถล่องลอยไปได้คล่องแคล่ว ไม่ต้องอาศัยพาหนะ ไปได้ด้วยอำนาจกรรมของตน ที่สร้างไว้ตามกรรมดีกรรมชั่ว ของสัตว์เหล่านั้นทำให้เป็นไป
    โอปปาติกะกำเนิดเอง แม้นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่สามารถค้นคว้าหาความจริงได้ ต่างไม่ยอมรับว่า ผีสางเทวดามีจริง มีจักรวาลมากมายที่มีสิ่งเหล่านี้สถิตอยู่จริง ตามหลักของพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบได้อย่างกระจ่างแจ้ง ทรงยอมรับว่าโอปปาติกะกำเนิดจริง โดยเฉพาะจักรวาลสวรรค์เป็นที่อยู่ของโอปปาติกะกำเนิด ได้แก่ เทพเทวดานั้นมีอยู่จริงแท้แน่นอน
     
  19. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    4.โอปปาติกะกำเนิด กำเนิดขึ้นทันที คือไม่ต้องอาศัยครรภ์มารดา ไม่ต้องอาศัยไข่ ไม่ต้องอาศัยเถ้าไคล แต่เกิดขึ้นมาด้วยพลังแห่งบุญ และกรรมของตน ได้แก่พวกเทพเทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย พวกเหล่านี้จะเกิดผุดขึ้นมาทันที ทันใด ซึ่งต้องอธิบายรายละเอียดมาก เฉพาะโอปปาติกะกำเนิดนี้ เกิดมาเป็นตัวตนทันที เมื่อถึงเวลาตายก็หายสูญไปทั้งกายนั้นๆ เป็นสิ่งที่มีลักษณ์ที่แปลก พวกผี พวกสัตว์นรก พวกเปรต อสุรกาย พวกเทพเทวดา พวกพรหม ล้วนเป็น โอปปาติกะทั้งสิ้น พวกนี้สามารถล่องลอยไปได้คล่องแคล่ว ไม่ต้องอาศัยพาหนะ ไปได้ด้วยอำนาจกรรมของตน ที่สร้างไว้ตามกรรมดีกรรมชั่ว ของสัตว์เหล่านั้นทำให้เป็นไป
    โอปปาติกะกำเนิดเอง แม้นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่สามารถค้นคว้าหาความจริงได้ ต่างไม่ยอมรับว่า ผีสางเทวดามีจริง มีจักรวาลมากมายที่มีสิ่งเหล่านี้สถิตอยู่จริง ตามหลักของพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบได้อย่างกระจ่างแจ้ง ทรงยอมรับว่าโอปปาติกะกำเนิดจริง โดยเฉพาะจักรวาลสวรรค์เป็นที่อยู่ของโอปปาติกะกำเนิด ได้แก่ เทพเทวดานั้นมีอยู่จริงแท้แน่นอน

    บางคนมีบุญได้เห็นสักครั้ง คือเห็นผี นั้นคือ พระพุทธเจ้าตรัสได้ถูกต้องทุกอย่าง เป็นข้อพิสูจย์หนึ่ง ที่คนมีบุญได้พบ ได้ เจอ ได้เห็น โอปปาติกะ
     
  20. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จิเมโจดาย


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...