ละชั่วหรือทำดี สิ่งไหนทำได้ง่ายกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 13 เมษายน 2012.

  1. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    หลวงพี่ที่วัดบอกครับว่า ศีลมีไว้ให้ระลึกรู้(สติ)
    ความหมายก็คือ เอาสติไปห้ามใจไม่ให้ไปสั่งกายครับ

    ไม่น่าเชื่อครับว่าคนอย่างน้าภูมิต้องอธิบายละเอียดขนาดนี้
    ใครๆก็รู้ว่ากายทำงานเองไม่ได้
     
  2. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    อยากรู้ครับตอนหลับตาภาวนา ไม่ได้ใช้วาจาสักแอะ
    แล้วทำไมถึงมี "สัมมาวาจาได้ครับ" มันแปลกดีน่ะ
     
  3. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    หลวงพี่ที่วัดแกบอกว่า พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมให้
    ชาวบ้านเกิดสัมมาทิฐิก่อนครับ เมื่อเกิดสัมมาทิฐิแล้ว
    จึงแสดง อริยมรรคมีองค์แปดครับ
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ที่แท้ คุณ แท้กลาง ก็ต้องการลองภูมิ พี่ธรรมภูติ เหมือน คุณ เอกวีร์ นี่เอง

    หรืออาจจะเป็นคนๆเดียวกัน โดยที่เปลี่ยนชื่อใหม่

    สิ่งที่ผมจะบอกกล่าว คือ พี่ธรรมภูติ เป็นผู้ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบครับ

    ทำอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อนนะครับ ผมเตือนด้วยความหวังดีครับ

    สาธุครับ

     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    :mad:อื้อฮือ..ไอ้สันขวาน ห่วงตัวมรึงเองเถอะเมื่อไหร่มรึงจะไปหาหมอ หรือจะไปศรีธัญญาเลย..กรูจะไปส่งบอกมาไอ้บ้ายึดทิฏฐิ..ไอ้หลงทิฏฐิ ไอ้กบในกะลา..อาจารย์ไม่รู้จะด่ามรึงยังไงว่ะ..:mad::'(
     
  6. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ปะเดี๋ยว ตบปากฉีก สอดจริงๆเลย
    ข้อยจะเป็นใครมันเรื่องของข้อย สูมายุ่งอะไรด้วย

    รู้ดีนักก็ตอบมาแล้วก็ไปๆให้พ้นหน้า
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    " ...อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี<WBR>
    แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
    ...
    จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
    ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน...<WBR> "

    ....หลวงวิจิตรวาทการ....


    คงจะต้องนำมาเตือนตัวผมเองครับ เพราะเริ่มมีคนที่กระทำด้วความหมั่นไส้อยู่

    สาธุครับ
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก อย่าทำตัวเป็นคนกลับกลอกสิ

    ก็เล่นพูดเองเออเองแบบนี้

    อย่าให้ใครต้องไปโทษหลวงพี่ที่วัดเลย

    ใครบอกหละว่ากายทำงานเองไม่ได้?

    แล้วผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทำไมเปลี่ยนแปลงได้เองหละ?

    ใจต้องสั่งหรือจึงจะเปลี่ยนแปลงไป

    สนทนาเพื่ออะไร? ถ้าเพื่อขอให้ได้ชนะแค่คำพูดเท่านั้นหรือ?

    อย่ามาอ้างหลวงพี่ที่วัด ท่านสอนของท่านดีแล้ว

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    สัมมาวาจา คือการไม่พูดส่อเสียด การไม่พูดคำหยาบ การไม่พูดเพ้อเจ้อฯลฯ

    แล้วการหลับตาภาวนา โดยไม่พูดสักแอะหนะ

    จัดว่าเป็นการไม่พูดส่อเสียด การไม่พูดคำหยาบ การไม่พูดเพ้อเจ้อหรือไม่?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก เล่นอ้างหลวงพี่แบบนี้ น้าภูตก็ตอบยากนะสิ

    การแสดงธรรมของพระพุทธองค์นั้น ต้องไปดูที่กาลามสูตรคือ

    อย่าเพิ่งเชื่อ ให้ลงมือสมาทานลงมือปฏิบัติพิสูจน์ก่อน

    ยังไม่จัดว่าเป็นสัมมาทิฐิ เป็นเพียงทิฐิเห็นตามนั้น

    สัมมาทิฐิคือ ความเห็นชอบ ต้องรู้เห็นตามความเป็นจริง

    ความเห็นนั้น ต้องรู้เห็นถูกต้องตามความเป็นจริงจากการปฏิบัติ

    จึงจะจัดให้เป็นความเห็นชอบ(สัมมาทิฐิ)ได้

    แต่ความคิดเห็นที่รู้ในขณะฟังอยู่นั้น

    เป็นเพียงความคิดเห็นที่คิดว่าถูกต้อง(เชื่อตามนั้น)

    ต้องผ่านการพิสูจน์ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงให้ได้ก่อน

    จึงจะเป็นความเห็นชอบได้ใช่หรือไม่?

    ถ้าเพียงแค่ฟังแล้วเชื่อตามนั้น ใครๆก็อ้างได้ทั้งนั้นแหละว่า เห็นชอบ?

    แบบนี่ไม่จัดว่าเป็นสัมาทิฐิในอริยมรรคหรอกจะบอกให้

    ขอเถอะอย่าอ้างหลวงพี่อีกเลย เพราะท่านไม่ได้มาแก้อรรถด้วยตัวท่านเอง ไม่ดีนะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คนดี ทำชั่วได้ยาก คนเลวทำดีได้ยาก..เป็นเช่นนั้นเองครับ สาธุ
     
  12. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    น้าภูติจ๋า น้าไม่รู้หรอกหรือจ๊ะว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนังเนี่ยน่ะ
    ที่เห็นมันยาวอยู่ได้ก็เพราะ จิต จิตไปยึดเอาตัวธาตุสี่มาเป็นตัวป็นตน
    เหตุนี้แล้ว ไอ้ที่มันยาวออกมาได้มันเพราะนั้นเอง

    แล้วก็อยากให้น้าภูมิ ดูอีกสาเหตุ เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย
    มันเพราะจิตไปสั่งกายให้กินอาหาร ไอ้อาหารพวกนั้นแหล่ะ
    ที่ไปทำให้ ผมขนเล็บฟันหนังมายาวของมา มันหนีไม่พ้นจิตสั่งหรอกจ๊ะ

    อีกอย่างผมไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะ เพียงแค่อยากแสดงความเห็นแค่นั้น
    จะแพ้หรือชนะ ไม่มีใครรู้จักผมอยู่แล้ว
    ลูกศิษย์น้ามันเพ้อเจ้อครับ
     
  13. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    นี่กำลังพูดเรื่องศีลอยู่หรอกหรือ ผมเข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องสัมมาวาจา
    ของอริยะที่เป็นโลกุตตระเสียอีก

    น้าภูติ สัมมาศีลที่เป็นโลกุตตระไม่ใช่ข้อห้ามนะจ๊ะ
     
  14. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    น้าภูติกำลังชวนผมออกทะเลนะครับ เราคุยกันเรื่องทางของอริยมรรค
    จะอ้างธรรมอ้างพุทธพจน์ก็อ้างให้ถูกเรื่องซิจ๊ะ ผมไม่ชอบเขียนอะไร
    ยาวๆเสียด้วย

    น้าภูติบอกว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ อริยมรรคมีองค์แปดก็ไม่มีใครหน้าไหนเดินได้
    ผมก็ตอบไปในทำนองว่า พระพุทธองค์เริ่มสอนให้ปุถุชน
    เป็นอริยชนเสียก่อนด้วยการให้มีสัมมาทิฐิ แล้วจีงเริ่มสอนอริยมรรคมีองค์แปด

    ผมไม่รู้หรอกน่ะว่าน้าภูติจะเข้าใจหรือเปล่าว่า อริยชนที่เป็นโสดาบัน
    เขาเริ่มตั้งแต่มีสัมมาทิฐิ

    แล้วเรื่องกาลามสูตรที่น้าบอกว่า ให้ปฏิบัติให้เห็นจริงก่อน
    น้าภูติครับ ถ้าลองยังไม่มีสัมมาทิฐิมานำทางในการปฏิบัติ
    ยังมีมิจฉาทิฐิอยู่ ไอ้สิ่งที่กำลังปฏิบัติมันก็พาเราลงเหวลงนรกนะซิครับ

    เรื่องกาลามสูตรพระพุทธองค์ทรงสอนให้เรามี สัมมาทิฐิก่อนแล้วจึงเชื่อ
    เมื่อเชื่อสิ่งใดตามความเป็นจริงแล้ว จึงลงมือปฏิบัติครับน้าภูติ
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    หลานรัก น้่าภูตสงสัย

    หลานเคยข่าวว่ามีคนตายไปแล้ว ยังมีทั้งเล็บและเส้นผมงอกอยู่เลยใช่หริอไม่?

    ถ้าหลานรัก พูดแบบที่พูดนี้
    ก็แสดงว่า ถ้าจิตไม่ยึดเอาธาตุ๔มาเป็นของๆตนแล้ว

    ผม ขน เล็บก็จะไม่ยาวขึ้นอีกต่อไปใช่หรือไม่?

    ส่วนฟันและหนัง ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไปใช่หรือไม่?

    น้าว่า ยังไม่เคยมีใครมาขอนิสัยกับน้าเลยนะ

    น้าภูตเองก็ไม่กล้ารับใครในนี้เป็นลูกศิษย์เสียด้วย

    เพราะแต่ละท่าน ล้วนเก่งๆทั้งนั้น ไม่ยอมให้ใครง่ายๆหรอก

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาสาธุครับ เป็นคำที่คมมากครับ

    สาธุครับ
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ตกลงใครที่กำลังสับสนอยู่นะหลานรัก

    น้าว่าน้าพูดถึงสัมมาวาจาที่อยู่ในอริยมรรคอยู่นะ

    เอ้า น้าเอาหลักฐานจากพระพุทธพจน์มาให้ดู

    "สัมมาวาจา เป็นไฉน การงดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูดส่อ
    เสียด งดเว้นจากการพูดคำหยาบ งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ อันนี้เรียกว่า
    สัมมาวาจา ฯ"


    คำว่าศีลไม่ต้องใช่คำว่าสัมมานำหน้าอีกแล้ว

    เพราะศีลคือข้อห้ามไม่ให้ทำชั่ว ล้วนจักอยู่ในฝ่ายกุศลอยู่แล้ว

    ส่วนจะเป็นแค่ศีลธรรมดาที่เราต้องค่อยรักษา

    หรือจะเป็นมหาศีล ที่ศีลค่อยรักษาเรา ก็อีกเรื่องหนึ่งนะจ๊ะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  18. แท้กลาง

    แท้กลาง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +2
    ยิ่งพูดยิ่งง เอาง่ายๆสั้นๆ ถ้าร่างกายไม่มีจิตก็ไม่สามารถทำงานได้
    ส่วนธาตุสี่ก็ยังเป็นธาตุสี่ ที่น้าเห็นมันเปลี่ยนแปลงหลังจากที่จิต
    ออกจากร่างแล้ว เป็นเพราะสภาวะแวดล้อมตามธรรมชาติไปเปลียนแปลงมัน
    พูดตามภาษาธรรมก็คือมีเหตุปัจจัย

    เรื่องลูกศิษย์ผมเข้าใจผิด ก็เห็นไอ้เด็กที่ชื่ออะไรเดชๆเนี่ยมันคอยรินน้ำชา
    ให้น้าภูติ แถมมันยังคอยคำรามใส่ผม ผมก็เลยนึกว่าน้าภูติเลี้ยงไว้
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    น้าว่าน้าก็ยังอยู่ในประเด็นที่พูดคุยอยู่นะ ก็หลานบอกว่า"ทางของพระอริยะเท่านั้น"

    น้าก็ว่า ถ้าเป็นทางของพระอริยะเท่านั้น ไปไหนท่านก็ต้องเอาทางไปด้วยสิ

    ถ้าเป็นทางเดินไปสู่ความเป็นอริยะ น่าที่จะครอบคุมกว่านะ เดินถึงแล้วๆกัน

    เพราะใครๆก็มีสิทธิทดลองสมาทานนำไปปฏิบัติดู ใช่หรือไม่?


    ไหนหลานรัก ลองบอกน้าภูตหน่อยสิว่า
    สอนสัมมาทิฐิกันยังไง จึงเป็นอริยชนได้ง่ายๆ สบายๆ ลัดสั้น


    เหรอ เพิ่งรู้นะนี่ว่า ปุถุชนกับพระโสดาเริ่มต้นที่สัมมาทิฐิเหมือนกัน
    พระพุทธองค์เริ่มสอนให้ปุถุชน เป็นอริยชนเสียก่อนด้วยการให้มีสัมมาทิฐิ
    อริยชนที่เป็นโสดาบัน เขาเริ่มตั้งแต่มีสัมมาทิฐิ

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ทุกวันนี้ คนถึงได้เป็นพระโสดาตราตั้งกันได้ง่ายจัง


    หลานรัก ถ้ามีสัมมาทิฐิก็เป็นพระโสดาแล้ว จะต้องมาลองผิดลองถูกไปอีกทำไม?
    พระพุทธองค์เอง ก็ทรงเคยลองผิดลองถูกก่อนจะตรัสรู้เป็นอริยบุคคลใช่หรือไม่?
    แสดงว่าระหว่างนั้น พระพุทธองค์ก็เป็น"มิจฉาทิฐิ"สิ ของแบบนี้อย่าคิดเองเออเองสิ
    น้าบอกว่า จะต้องลงมือปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา(สัมมาสมาธิ) เพื่อให้เข้าถึง
    จึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริง ที่จัดเป็นสัมมาทิฐิได้(สัมมาทิฐิเป็นไฉน)
    ไปหาอ่านเอานะจะได้เข้าใจถูกต้อง ไม่เสียเวลาหลงทางเพราะจินตมยปัญญา


    หลานรัก ถ้าลองได้เชื่อเสียแล้ว ยังจะต้องสมาทานนำไปปฏิบัติดูอีกทำไมใช่มั้ยจ๊ะ?
    หลานรักก็บอกเองชัดๆว่า พระโสดาบันเริ่มต้นที่สัมมาทิฐิ
    ถ้าสามารถสอนให้ได้สัมมาทิฐิแล้ว ก็ไม่ต้องลงมือให้เสียเวลาไปทำไม
    หลานรักพูดไปแล้ว รู้สึกงงตัวเองบ้างมั้ยจ๊ะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อ้าวก็หลานรักพูดเองนะว่า ร่างกายจะเป็นไปตามที่จิตสั่งเท่านั้น

    น้าภูตเองก็พยายามจะแย้งว่า ในเรื่องของความเปลี่ยแปลง เก่าแก่ คร่ำคร่า เจ็บใคร่ได้ป่วยฯลฯ

    ของร่างกายนั้น จิตไม่อาจสั่งการใดๆได้ทั้งสิ้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ตนเองเคยได้สั่งสมมาใช่หรือไม่?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...