รวมเรื่องเล่า+ประสบการณ์;กรรมฐานมัชฌิมาฯตามรอยพระราหุล(ตามแบบแผนของพระพุทธเจ้า)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mature_na, 25 มีนาคม 2012.

  1. neogt86

    neogt86 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +10
    สอบถามเป็นความรู้เฉยๆ นะครับ คือสงสัยว่าเหตุใดการฝึกแบบนี้ถึงไม่ได้มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกด้วยครับ? เพราะเท่าที่อ่านดูก็ถือได้ว่าเป็นวิธีฝึกกรรมฐานหลักอีกแบบนึงเลย
     
  2. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ขอตอบเท่าที่รู้นะครับ

    มีครับผมตัวอย่างในพระไตรปิฎกคือพระกรรมฐาน40กองยังไงล่ะครับ

    เมื่อปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับไปถึงจุดหนึ่งท่านก็จะเข้าสู่ห้องพระกรรมฐาน40กอง(แต่ก่อนหน้านั้นท่านต้องผ่านห้อง
    ๑.ห้องพระปีติห้า
    ๒.ห้องพระยุคลหก
    ๓.ห้องพระสุขสมาธิ
    ๔.ห้อง อานาปานสติ ห้อง กายคตาสติกรรมฐานเสียก่อนครับ)

    หลวงพ่อจิ๋ว เล่าว่าในพระไตรปิฎกนั้นจำแนกธรรมไว้เป็นหมวดหมู่ หัวข้อหลักๆครับ

    มีหลักฐานอย่างนึงแสดงว่าพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับมีการปฎิบัติสืบๆกันมาตั้งแต่โบราณนั่นก็คือคัมภีร์วิสุทธิมรรคครับ

    คัมภีร์วิสุทธิมรรคนั่นก็เป็นผลงานรจนาของพระที่ปฎิบัติในแนวกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ตามแบบแผนแต่โบราณมาและมีการรจนาเนื้อหาส่วนทฤษฎี+ปฎิบัติด้วย


    แต่ถ้าท่านอยากถามผู้ที่รู้ข้อมูลละเอียดแบบยิบเลยต้องถามอาจารย์จิ๋วครับเพราะผมกลัวตอบมากกว่านี้แล้วจะบกพร่องไป โทรถามท่านได้เลยครับ


    ติดต่อได้ที่ หลวงพ่อจิ๋ว โทร. 084-651-7023
    ;[พระครูสิทธิสังวร;วีระ ฐานวีโร ;ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง]


    รายละเอียดของสถานที่ฝึก
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023

    [​IMG]



    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  3. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760


    สายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ



    สรุปสายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ 1

    ใน ที่นี้ขอเรียบเรียง สายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เพื่อให้เป็นที่เข้าใจจามหลักฐานที่สืบๆกันมาแต่โบราณครับ

    เนื่องด้วยต้นมาแห่งสายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ
    สืบสานมาแต่สมัยพุทธกาลพระราหุลเถระเจ้าทรงรวบรวมคำสอนของพระบรมศาสดาาเป็นหมวดหมู่ตามลำดับ


    [​IMG]

    ขออนุญาตอัญเชิญพระอริยประวัติพระองค์ท่านในฐานะผู้ทรงธรรมบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ๒ ประการ คือ ชาติสมบัติ ๑ และปฏิบัติสมบัติ ๑

    ทรง เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระศาสดา และเป็นอริยสาวกเจ้าที่มี เอกทัคคะเลิศทางการใฝ่ศึกษา ทรงสร้างสมพระสาวกบารมีมาหลายอสงไขย แสนมหากัปป นับชาติไม่ถ้วน ซึ่ง ศีล สมาธิ ปัญญา


    ทรงได้รับพระมหากรุณา พุทธิคุณในการอบรมพระกรรมฐาน จาก พระเถระสารีบุตรในฐานะพระพี่เลี้ยง และจากพระมหาเถระอริยะสาวกเจ้าพระองค์อื่นๆ อาทิ พระปิติ ๕ พระยุคล ๖ พระอานาปานสติ ๙ พระกายคตาสติ ๓๒ กสิณ ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสติ ๗ พรหมวิหาร ๔ วิสุทธิ ๗ วิปัสสนาญาณ ๑๐ อรูปญาณ ๔ พระมหาสติปัฏฐาน ๔ พระโพธิปักขิยธรรม ๓๗ พระไตรลักษณ์ ๓ เบญขันธ์และอายตนภายในภายนอกทั้ง ๕ ธาตุ ๔ เป็นต้น



    จน กระทั่ง พระองค์บ่มวิมุติแก่กล้า ด้วยอิริยาบถไม่เคยเหยียดหลังบนเตียงตลอดช่วงปฏิบัติธรรมก่อนเป็นพระอเสข บุคคล ทรงเผยแพร่พระกรรมฐานมัชฌิมา และบรรลพระอรหันตเจ้า พร้อมด้วยมรรค ๔ ผล ๔ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทา ๔ แล้ว กาลต่อมาก็มีกุลบุตรที่ได้รับทราบกิตติศัพท์ ได้เข้ามาเป็นสัทธวิหาริก และอันเตวาสิก ศึกษาตามแบบอย่างในสำนักของพระราหุลเถระเจ้าที่ท่านได้ทรงศึกษามา เพื่อสืบทอดการตั้งความปรารถนาและเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน


    ก่อน ที่พระราหุลเถระเจ้าท่านจะเข้าสู่ขันธปรินิพพานนั้น พระองค์ท่านได้เจริญอิทธิบาทภาวนา อธิษฐานขอจิตนี้กายนี้ ของพระองค์ท่าน แบ่งเป็นสองภาค คือ กายเนื้อเดิม ๑ กับกายทิพย์ใหม่ ๑ เมื่อกายเนื้อแตกดับสู่นิพพาน จึงเหลือแต่กายอธิษฐานทิพย์ คอยดูแลพระบวรพุทธศาสนาไปอีก ๑,๐๐๐ ปี หลังท่านนิพพาน โดยมีพระเถระรุ่นสืบต่อ ๆ กันมา เป็นผู้สืบทอดพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ จากนั้น กายทิพย์อันเกิดจากการอธิษฐานจิตก็อันตรธานหายไป จึงกล่าวได้ว่า พระราหุลเถระเจ้าท่าน จะมีกายก็ไม่ใช่ จะไม่มีกายก็ไม่ใช่


    ความจากหนังสือประวัติพระราหุลเถระจ้า พระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ หน้า ๙-๑๙
     
  4. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760


    ประมาณ ปีพระพุทธศักราช๒๕๖-๒๗๔ พระเจ้าอโศกมหาราชส่ง คณะพระโสณเถรเจ้า พระอุตระเถรเจ้า พร้อมพระสงฆ์ทศวรรคเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ คือไทย พม่าลาว เขมร ในปัจจุบันนี้พระสงฆ์ได้สืบทอดพระพุทธศาสนา และพระธรรมวินัยสืบกันเรื่อยมา
    [​IMG]

    จวบ จนถึงปัจจุบันนี้ พระสงฆ์ที่อยู่วัดใกล้บ้านเรียกว่าพระสงฆ์คามวาสีพระสงฆ์ที่อยู่วัดในป่า เรียกว่าพระสงฆ์อรัญวาสี พระสงฆ์ที่อยู่วัดคามวาสีและวัดอรัญวาสีต้องศึกษาพระธรรมวินัยทั้งปริยัติ และปฏิบัติควบคู่กันไปไม่มีการแบ่งแยกทางการศึกษาว่าจะศึกษาทางไหนก่อนหลัง แต่ถ้าจะศึกษาทางปฏิบัติต้องไปยังสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่ อันเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติพระกรรมฐานเจริญภาวนาในยุคต่างๆ เช่น

    ยุคสุวรรณภูมิ สำนักกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่คือวัดท้าวอู่ทองเมืองสุวรรณสังข์ (เมืองอู่ทอง) มีพระโสณเถรพระอุตรเถรเป็นเจ้าสำนักและเป็นพระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานประจำยุคสุวรรณภูมิ

    ยุคกรุงศรีทวาราวดี สำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่คือวัดแสนท้าวโคตรกรุงศรีทวาราวดีมี พระญาณไตรโลกมหาเถรเจ้าเป็นเจ้าสำนักเป็นศูนย์กลางของพระกรรมฐานในยุค อาณาจักรศรีทวาราวดีสำนักเล็กคือวัดพญารามศรีทวาราวดีวัดสุวรรณารามกรุงศรี ทวาราวดีฯยุคศรีทวาราวดีพระอาจารย์กรรมฐานประจำยุคคือพระราชสามีรามมหาเถร เจ้า(เพชร)

    ยุคกรุงสุโขทัย สำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่คือวัดป่าแก้วมีพระวันรัตมหาเถรเจ้า เป็นเจ้าสำนักเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐานในยุคอาณาจักรสุโขทัยสำนักพระกรรมฐาน เล็กในยุคสุโขทัยเช่นวัดป่ารัตนาพระครูญาณไตรโลกเป็นเจ้าสำนักวัดสุทธาวาส พระครูญาณสิทธิเป็นเจ้าสำนักฯ ยุคสุโขทัยพระอาจารย์กรรมฐานประจำยุคคือพระญาณสุวรรณมหาเถรเจ้า(สิงห์)

    ยุคกรุงศรีอยุธยา วัดป่าแก้วหรือเรียกกันอีกอย่างว่าวัดเจ้าพญาไทเป็นสำนักพระกรรมฐานหลัก สำนักพระกรรมฐานใหญ่พระพนรัตนพระสังฆราชฝ่ายซ้ายเป็นพระอาจารย์ใหญ่เป็นเจ้า สำนักเป็นศูนย์กลางพระกรรมฐานในยุคอาณาจักรอยุธยามีสำนักพระกรรมฐานเล็กๆ สิบกว่าวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น
    วัดศรีอโยธยา พระพากุลเถรเป็นเจ้าสำนัก๑วัดโบสถ์ราชเดชะพระพุทธาจารย์เป็นเจ้าสำนัก ๑
    วัดโรงธรรม พระญาณไตรโลกเป็นเจ้าสำนัก๑วัดกุฎพระอุบาลีเป็นเจ้าสำนัก๑
    วัดเจ้ามอน พระญาณโพธิเป็นเจ้าสำนัก๑วัดประดู่พระธรรมโกษาเป็นเจ้าสำนัก๑
    วัดกุฎีดาวพระเทพมุนีเป็นเจ้าสำนัก๑วัดสมณะโกฎพระเทพโมฬีเป็นเจ้าสำนัก๑
    วัดมเหยงค์ พระธรรมกิติเป็นเจ้าสำนัก๑ฯ
    นับว่าสมัยกรุงศรีอยุธยามีวัดอรัญวาสี เป็นสำนักพระกรรมฐานมากเปรียบเทียบได้ว่ามีมหาวิทยาลัยพระกรรมฐานทางพระพุทธศาสนามาก

    ยุคอยุธยา พระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานประจำยุคคือพระพนรัต(รอด) หรือหลวงปู่เฒ่าพระสังฆราชาฝ่ายอรัญวาสี


    [​IMG]

    ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีวัดอรัญวาสีสำนักพระกรรมฐานหลักสำนักพระกรรมฐานใหญ่๑วัดคือวัดราชสิทธา ราม(พลับ) สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน (สุก) เป็นเจ้าสำนักเป็นพระอาจารย์ใหญ่ประจำกรุงรัตนโกสินทร์วัดราชสิทธารามจึง เป็นศูนย์กลางของกรรมฐานมัชฌิมาประจำกรุงรัตนโกสินทร์มีสำนักเล็กคือวัดราชา ธิวาส
    พระปัญญาวิศาลเถร (ศรี) เป็นเจ้าสำนักยุครัตนโกสินทร์

    พระอาจารย์กรรมฐานประจำยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ระยะนั้น คือ สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน (สุก ไก่เถื่อน)

    จึง นับได้ว่ากรุงรัตนโกสินทร์มีมหาวิทยาลัยพระกรรมฐานทางพระพุทธศาสนาเพียง๒ แห่ง สำหรับสำนักวัดราชาธิวาสนั้นเมื่อพระปัญญาวิศาลเถร(ศรี) มรณะภาพลงแล้ว พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับก็เสื่อมลงเรื่อยๆซึ่งปัจจุบันหมดไปแล้วมีแบบแผน ใหม่เข้ามาแทนที่เนื่องจากอยู่ในที่ใกล้ความเจริญมากกว่า(ฝั่งกรุงเทพฯ) ด้วยความเจริญของสมัยใหม่เข้ามาเร็วและไม่มีการบำรุงรักษาแบบแผนเดิมไว้

    ต่อ มาเหลือเพียงวัดราชสิทธาราม(พลับ) เพียงวัดเดียวที่รักษาแบบแผนและความเป็นสำนักพระกรรมฐานใหญ่สำนักพระกรรมฐาน มัชฌิมาแบบลำดับเป็นหลัก แทนสำนักเดิม ๆ คือ วัดแสนท้าวโคตรยุคทวาราวดีแทนวัดป่าแก้วยุคสุโขทัยแทนวัดป่าแก้วยุคกรุง ศรีอยุธยาไว้ได้ยาวนานที่สุด

    ความจากหนังสือประวัติสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เกื่อน หน้า ๒๕ – ๒๖

    ********************************************************************************************





    ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ด้วยเศียรเกล้าฯของข้าฯ


    ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมแด่ พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า ขอนอบน้อมแด่ พระอริยสงฆ์เจ้าองค์ต้น พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ คือ พระราหุลเถรเจ้า ขอนอบน้อม พระอริยสงฆ์ผู้สืบทอดพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ คือ พระโกลิกเถรเจ้า พระมัลลิกเถรเจ้า พระโมคคัลลีบุตรเถรเจ้า พระโสณเถรเจ้าพระอุตรเถรเจ้า แห่งดินแดนชมพูทวีป


    และ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระราชสามีรามมหาเถรเจ้า(เพชร) ยุคทวาราวดีพระญาณสุวรรณมหาเถรเจ้า(สิงห์) ยุคสุโขทัยพระพนรัต(รอด) หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ยุคกรุงศรีอยุธยาและสมเด็จพระสังฆราช (สุกไก่เถื่อน) ยุคกรุงรัตนโกสินทร์แห่งดินแดนสุวรรณภูมิ


    ข้าพเจ้าขอพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับจงตั้งอยู่นานตราบเท่าพุทธกาล ด้วยเทอญฯ
     
  5. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ภาพการไหว้ครูกรรมฐานมัชฌิมา.




    การขึ้น ครูกรรมฐาน เป็นธรรมเนียมพิธีมีมาแต่โบราณ อุบายเพื่อกำหนดจิตน้อมเหนี่ยวขมาพระรัตนตรัยทั้ง ๓ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ เป็นองค์คุณ และ บูชาพระคุณครูบาอาจารย์ผู้ให้การสั่งสอนอบรมวิชชา บนถาดเครื่องนมัสการ ประกอบด้วย เทียน ๕ ข้าวตอก ๕ และดอกไม้บูชา ๕ เพื่อความเจริญก้าวหน้าแห่งธรรมปัญญาญาณ



    (กราบอนุโมนา สาธุการ คณะศิษย์ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ทุก ๆ ท่านที่ได้เอื้อเฟื้อภาพประกอบ)


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]






    credits :คุณบุญญสิกขา เว็บพลังจิต




    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/257
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  6. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    การฝึกอบรมพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ
    ผ่านพระอาจารย์ผู้บอกพระกรรมฐาน
    เบื้องต้น เพื่อปูพื้นฐาน ทำความเข้าใจสายวิชชา

    เริ่มต้นจาก การภาวนา พุท-โธ กำหนดจิตที่ฐานใต้สะดือ ๒ นิ้ว(มือ)

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    (กราบอนุโมนา สาธุการ คณะศิษย์ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ทุก ๆ ท่านที่ได้เอื้อเฟื้อภาพประกอบ)


    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐานhttp://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  7. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    การอบรมกรรมฐานแนวปฏิบัติ สลับการบรรยายธรรมจาก พระพี่เลี้ยง
    พระพี่เลี้ยง เสมือนผู้คอยรดน้ำพรวนดิน ช่วยปรับสภาพพื้นฐานการตั้งสภาวะจิต เตรียมพร้อมตั้งมั่น อบอุ่นใจ
    (บรรดาพระพี่เลี้ยง คือ พระผู้หมั่นฝึกเพียรประสบการณ์ พร้อมเป็น ผู้เอื้อ)


    (กราบอนุโมนา สาธุการ คณะศิษย์ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ทุก ๆ ท่านที่ได้เอื้อเฟื้อภาพประกอบ)



    [​IMG]

    http://www.somdechsuk.org;

    http://www.somdechsuk.com

    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐานhttp://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  8. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    นอกจากการฝึกนั่งกรรมฐานกำหนดจิตภาวนาแล้ว
    จะยังได้ฝึกศึกษาพิจารณาทุกขณะจิต เช่น
    การกำหนดสติอิริยาบถยืน และเดินจงกรม


    (กราบอนุโมนา สาธุการ คณะศิษย์ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ทุก ๆ ท่านที่ได้เอื้อเฟื้อภาพประกอบ)

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  9. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760


    ท่ามกลางการฝึกฝนอบรมพระกรรมฐานภาวนา ดวงจิตของนักปฏิบัติจะได้รับการตะล่อมกลอม และเกิดปรากฎการณ์รูปแบบต่างๆ นานา เป็นปกติ

    โบราณกาลท่านจึงวางแนวการอบรมเคร่งครัดว่า " นักปฏิบัติ " ควรอยู่ในความดูแลรักษาอารมณ์ใจจาก ครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิจิต ภูมิธรรม สัมมาทิฐิ ด้วย
    "การบอก หรือ แจ้งสอบอารมณ์พระกรรมฐาน"
    [​IMG]




    เหตุที่ว่า การเรียนกรรมฐานต้องมีครูอาจารย์ เพราะ สภาวธรรม ต้องรู้ทีหลัง ห้ามรู้ก่อนเกิด

    ถ้ารู้ก่อนแล้ว จะเกิดอุปาทาน ทำให้จิตไม่ได้สภาวธรรมที่แท้จริง จึงให้ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน อยากให้เป็น ก็ไม่เป็น ไม่อยากให้เป็น ก็ไม่เป็น ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง กรรมฐานไม่ว่าที่ไหนต้องเดินสายกลาง จึงเป็นสัมมาทิฎฐิ

    เหตุที่ต้องมี การสอบอารมณ์ เพราะ ต้องการรู้อารมณ์ สภาวธรรม ของผู้ฝึก ว่าถึงที่ และถูกต้องหรือยัง ว่าสมควรจะได้เลื่อน อารมณ์ใหม่ได้หรือยัง เพื่อที่จะทำให้จิตปราณีตขึ้นไปเรื่อยๆ

    อารมณ์กรรมฐาน เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล จึงจะบอกกันก่อนไม่ได้
    เพราะถ้าบอกก่อน บุคคลจะเกิด - ติดอุปาทาน และไม่ได้สภาวธรรมที่แท้จริง
    จึงต้องมีการสอบอารมณ์รูปกรรมฐาน สอบนิมิต อรูปกรรมฐานสอบ สภาวธรรม
    นี่เป็นฝ่ายสมถะ

    และ ถ้าเป็นวิปัสสนากรรมฐาน สอบสภาวธรรม อย่างเดียว

    (กราบอนุโมนา สาธุการ คณะศิษย์ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ทุก ๆ ท่านที่ได้เอื้อเฟื้อภาพประกอบ)



    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  10. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    พระพุทธองค์ ทรงชี้แนะแนวทางแห่งการหลุดพ้น
    ค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ หมั่นเพียร
    จึงเป็นหน้าที่ของกุลบุตร กุลธิดา[​IMG]


    สมัยพุทธกาลนั้น
    สถาน ปฏิบัติจะต้องมี สัปปายะ คือ เป็นที่อยู่อาศัยสบาย เช่น ในป่า โคนต้นไม้ เรือนว่างเป็นที่สงบ สนับสนุนเหมาะกัน สิ่งที่เกื้อกูล ช่วยสนับสนุนในการบำเพ็ญภาวนาให้ได้ผลดี ช่วยให้สมาธิตั้งมั่น ไม่เสื่อมถอย

    ๑. อาวาสสัปปายะ (ที่อยู่ซึ่งเหมาะกัน เช่น ไม่พลุกพล่านจอแจ)
    ๒. โคจรสัปปายะ (ที่หาอาหาร ที่เที่ยวบิณฑบาตที่เหมาะดี เช่น มีหมู่บ้าน หรือชุมชนที่มีอาหารบริบูรณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป)
    ๓. ภัสสสัปปายะ (การพูดคุยที่เหมาะกัน เช่น พูดคุยเล่าขานกันแต่ในกถาวัตถุ ๑๐ และพูดแต่พอประมาณ)
    ๔. ปุคคลสัปปายะ (บุคคลที่ถูกกันเหมาะกัน เช่น มีท่านผู้ทรงคุณธรรม ทรงภูมิปัญญาเป็นที่ปรึกษาเหมาะใจ)
    ๕. โภชนสัปปายะ (อาหารที่เหมาะกัน เช่น ถูกกับร่างกาย เกื้อกูลต่อสุขภาพ )
    ๖. อุตุสัปปายะ (ดินฟ้าอากาศธรรมชาติแวดล้อมที่เหมาะกัน เช่น ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป เป็นต้น)
    ๗. อิริยาปถสัปปายะ (อิริยาบถที่เหมาะกัน เช่น บางคนถูกกับจงกรม บางคนถูกกับนั่ง ตลอดจนมีการเคลื่อนไหวที่พอดี)

    ที่มาข้อมูล :


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  11. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้วย พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับนี้ เป็นของเก่าเล่าเรียนปฏิบัติสืบ ๆต่อ ๆ กันมาช้านานนับแต่ครั้งพุทธกาล โดยพระราหุลเถรเจ้าท่านทรงเป็นต้นสาย ถึงครั้งตติยสังคายนา นำเข้ามาสู่ลังกา และนำเข้าสู่แผ่นดินสุวรรณภูมิ โดยพระโสณะเถรเจ้า พระอุตระเถรเจ้า พระองค์ท่านได้นำพระบวรพระพุทธศาสนา พร้อมพระสมถะ – วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ผ่านยุคผ่านสมัยเรื่อยมา จนถึงยุคศรีทวาราวดี

    การบอกพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สืบต่อมาจนถึงยุคศรีทวาราวดี ยุคสุโขทัย ยุคศรีอยุธยา และยุคศรีกรุงรัตนโกสินทร์ และในยุคกรุงศรีรัตนโกสินทร์นี้เอง สายวิชชานี้ได้เริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๔ พระสงฆ์ สามเณร ปะขาว ชี เริ่มประพฤติปฏิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ออกนอกลู่ นอกทางจากต้นแบบแผนก่อนเก่า คือ ไม่ปฏิบัติเป็นขั้นตอน ทำให้พระพุทธศาสนาภาคปฏิบัติเสื่อมถอยลง

    จนปัจจุบัน จากความรู้ไม่ทั่วถึง จึงสมควรที่สาธุพุทธศาสนิกชนจะมาช่วยกันฟื้นฟู ผดุงรักษา แบบอย่างคำสอนแต่โบราณมิให้ถอยหาย เสื่อมสูญไป





    ขั้น ตอนของการปฏิบัติ สายวิชชามัชฌิมากรรมฐาน แบบลำดับ จะรวมทั้งลำดับหมวดสมถะกรรมฐาน และลำดับหมวดวิปัสสนากรรมฐานเข้าไว้ด้วยกัน อย่างต่อเนื่อง

    โดยเริ่ม ผู้มีจิตศรัทราในการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    เมื่อ แรกเรียน จิตยังไม่ตั้งมั่น เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย แรกเรียนใหม่ๆ จะต้องได้รับฝึกฝนให้เรียนเอายังพระกรรมฐานที่มีอานุภาพเล็กน้อย มีอารมณ์เล็กน้อย มีอารมณ์แคบสั้น เป็นอนุสติ เป็นราก เป็นเง้า เป็นเค้า เป็นมูล ของพระกรรมฐานที่จะเปิดบานประตูไปสู่พระกรรมฐานอื่นๆ ได้ง่าย

    ผู้ ปฏิบัติจะต้องได้รับการฝึกฝนเริ่มจากลำดับสมถะ ( ซึ่งจะประกอบไปด้วยพระกรรมฐาน จำนวน ๓ ห้องพระกรรมฐาน ) เป็นการฝึกฝนตั้งกำลังสมาธิ เป็นพระกรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ของจิต จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด จนสมาธิเต็มขั้น หรือรูปเทียมของปฐมญาณ เพื่อจะยังอารมณ์ใจเข้าถึงองค์ปิติธรรม ซึ่งแต่ละองค์ก็มีอารมณ์ที่ต่างกัน เพื่อเป็นราก เป็นเค้า เป็นมูล เป็นบาทฐานสมาธิเบื้องสูงต่อ ๆ ไป


    ลำดับแห่งการศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ



    “ กัลยาณมิตร ” คือ ผู้เป็นมิตรที่ดีฝ่ายเจริญ ตั้งอยู่ในฐานะแห่งอาจารย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ ... ดูกรอานนท์จริงอยู่สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดาอาศัยเราเป็น กัลยาณมิตรแล้วย่อมพ้นจากความเกิดได้, พระพุทธเจ้าถึงพร้อมด้วยอาการทั้งปวงจึงรับเอาพระกรรมฐานในสำนักของพระผู้มี พระภาคเจ้าเท่านั้นดีที่สุดเมื่อพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้วรับเอาพระ กรรมฐานในสำนักพระมหาสาวก๘๐พระองค์ถ้าพระมหาสาวกทั้ง๘๐ปรินิพพานแล้วและเสาะ หาจนได้กัลยาณมิตรแล้วให้ทำดังนี้ …”

    การมอบตัวต่อพระรัตน์ไตร นำเครื่องสักการะนอบน้อมบูชาพระรัตนไตร อันประกอบไปด้วย ธูป เทียน ข้าวตอก ดอกไม้ อย่างละ ๕ กระทง กล่าวคำบูชาพระรัตนไตร นิยมนำมาในวันพฤหัสบดี ทำวัตรจบแล้ว พระอาจารย์ผู้บอกพระกรรมฐาน เทศขึ้นธรรม (เทศขึ้นพระกรรมฐาน ตามพระคัมภีร์เทศของเก่า) ๑ จบ ตามแบบอย่างโบราณที่เคยประพฤติปฎิบัติมา เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน และทำความเข้าใจ มีใจความย่อๆ ดังนี้ !

    เมื่อ กล่าวถึงการสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วเกิดปีติ เกิดความสงบ(ยุคล) เป็นสุข มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ เป็นต้น การตั้งสมาธิ สำหรับพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ผู้ไม่เคยเจริญสมาธิมาก่อนเลย ท่านให้เจริญภาวนา พระกรรมฐาน ที่มีอานุภาพน้อย(ปริตตารมณ์) ทำให้จิตสามารถยกขึ้นตั้งลงสู่สมาธิได้โดยง่าย เป็นขั้นๆไป

    ท่านให้ เจริญภาวนาในห้องพระพุทธคุณอันมีใน พระปีติทั้ง ๕ ประการ พระยุคลธรรม ๖ ประการ พระสุขสมาธิ ๒ ประการ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเบื้องต้นดีแล้ว จึงเจริญภาวนาสมาธิเบื้องสูงต่อไป การเจริญภาวนาสมาธิเบื้องสูง ตั้งจิตหาประมาณมิได้ ท่านให้เจริญพระกรรมฐานทีมี ปฏิภาคนิมิตร เรียงลำดับดังนี้ !
    ท่านให้เจริญภาวนา พระอานาปานสติกายคตาสติ กสิณสิบประการ และอสุภสิบประการการขึ้นองค์ฌาน ทำให้จิตเป็นมหิทตารมณ์ ท่านให้ขึ้นองค์ฌานต่อจากอสุภกรรมฐาน เพราะอสุภกรรมฐาน องค์แห่งวิตกมีกำลังมาก จิตสามารถยกขึ้นสู่องค์ฌานได้โดยง่าย และท่านให้เจริญเอายัง ฌานปัญจกนัย คือฌานห้าประการ ฌานนี้ใช้สำหรับฝึกผู้ที่ยังไม่ชำนาญในองค์ฌาน จะได้กำหนดองค์ฌานแต่ละฌานได้ เมื่อชำนาญแล้ว จึงทำฌานปัญจกนัย ให้เป็นฌานจตุกนัย คือฌาน ๔ (จบรูปกรรมฐาน)

    ก่อนขึ้นห้องวิปัสสนา กรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ท่านกำหนดให้เรียนเอายังอรูปกรรมฐานก่อนคือ อนุสสติ ๖ พรหมวิหาร ๔ อรูปฌาน ๔ เพื่อให้จิตชำนาญแคล่วคล่องอยู่กับสภาวธรรม เมื่อยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาภูมิแล้ว วิปัสสนาปัญญาญาณ จะแก่กล้าการขึ้นสู่วิปัสสนาภูมิ ให้เจริญภาวนาเอายัง พระวิสุทธิ ๗ ประการ พระวิปัสสนาญาณสิบประการ ต่อด้วย พระโพธิปักขิยธรรมสามสิบเจ็ดประการ ต่อด้วยออกบัวบานพรหมวิหาร หรือเรียกว่า เมตตาเจโตวิมุตติ จบวิธี และขั้นตอน การเจริญกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของดั้งเดิม ถ้าเหตุ ปัจจัยพร้อม การประพฤติปฎิบัติก็จะไปได้เร็ว แม้แต่บุคคลผู้มีอายุเพียงแปดขวบ

    คัดความจาก หนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน) ยุคกรุงรัตนโกสินทร์
    วัดราชสิทธารามวรวิหาร (วัดพลับ) อิสรภาพ ๒๓ กทม. ๑๐๖๐๐


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  12. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760

    พระคาถาอาราธนานั่งธรรม “วาณีสุนทรี” ความสำเร็จสมประสงค์
    [​IMG]




    พระคาถาอาราธนานั่งธรรม “วาณีสุนทรี” ความสำเร็จสมประสงค์


    มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
    ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ


    พระ คาถานี้ใช้สำหรับอาราธนาพระธรรมเข้าสู่ตน เพื่อจะนั่งทางธรรมจะได้สำเร็จผล ตามความมุ่งหมายเป็นพระคาถา ขอบารมีธรรม ขอความสำเร็จสมประสงค์

    โบรา ณจารย์พระกรรมฐานมัชฌิมา ใช้เป็นพระคาถาว่านำก่อนอาราธนาองค์พระกรรมฐาน เมื่อนำเอาบทภาวนา พระคาถาวาณี นำมาประกอบเข้ากับ การเจริญ เมตตาเจโตวิมุตติแล้ว อาจสามารถเป็นไป เพื่อต่อต้านภัยอันตราย และห้ามบาปธรรม (บาปอกุศล ๑๔)




    ที่มาแห่งการแพร่พระคาถาในยุคกรุงรัตนโกสินทร์

    เมื่อ พรรษาที่ ๑๗ คืนหนึ่ง ขณะที่พระอาจารย์สุก (สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน) ทรงเข้าที่เจริญสมณะธรรมตามปรกติ ทรงทราบในนิมิตสมาธิว่า มีพระอริยเถราจารย์ ชั้นสุทธาวาส มาบอกว่า ให้ไปพบท่านที่ป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ท่านจะสำเร็จสมประสงค์สูงสุดทุกอย่าง ตามที่ท่านต้องการ ให้ไปที่ป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย แล้วความประสงค์ ของท่านจะสำเร็จ และจะได้เกื้อกูล ชนทั้งหลายในภายหน้าด้วย

    ต่อมาพระองค์ท่านพระอาจารย์สุก ก็สัญจรไป ถึงป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย ทรงไปด้วยอิทธวิธญาณเมื่อพระองค์ท่าน ถึงป่าดงดิบ แขวงเมืองสุโขทัย กรุงเก่า พระองค์ท่านก็ทรงพบพระอริยเถราจารย์อยู่ในร่างกายทิพย์ ที่สำเร็จด้วย การเข้าสุขสัญญา ลหุสัญญา พระองค์ท่านก็ทรงเข้าไปกราบนมัสการ พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้น ก็กล่าวว่า พรุ่งนี้ให้ท่านเดินทางไป ในทางนั่นพร้อมกับชี้มือไปทางนั้นด้วย จะพบของดี ของวิเศษ แต่คืนนี้ให้ท่านพักปักกลด บำเพ็ญสมณะธรรม ณ ที่ป่าดงพญาเย็น (คนละแห่ง กับที่เมืองอุตรดิตถ์) นี้ก่อน

    ภายหลังพระอาจารย์สุก ได้ทรงทราบเถรประวัติ ของพระอริยเถราจารย์พระองค์นี้ว่า ท่านเคยบวชเป็นฤาษี อยู่ในป่าดงพญาเย็น แขวงเมืองสุโขทัยนี้ประชาชนทั้งหลายสมัยนั้นเรียกขานนามท่านว่า พระฤาษีกัณทหะ (กัณทา) ต่อมาภายหลัง ท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้บรรพชา-อุปสมบท ได้นามทางพระพุทธศาสนาว่า วิสุทโธ

    เพลาสายของวัน นั้น พระอาจารย์สุก ออกเดินทางไป ตามที่พระอริยเถราจารย์ ผู้ทรงร่างอยู่ด้วยกายทิพย์ ไปถึงป่าใหญ่แห่งนั้น ใกล้เชิงเขา ทรงทอดพระเนตรเห็น ก้อนหินก้อนหนึ่ง จารึกเป็นอักษรขอม โบราณว่า


    มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
    ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ

    [​IMG]



    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  13. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    พระ อาจารย์สุก ทรงอ่าน และท่องจำไว้แล้ว ทรงพักปักกลด ณ ที่แห่งนั้นหนึ่งคืน ตกเพลากลางคืนทรงบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเคย ก็ได้ทรงทราบมงคลนิมิต ของพระคาถานี้ทั้งหมด และได้ทรงทราบอุปเท่ห์ วิธีการ ย่อๆ โดยสมควร จากบาทฐาน ขององค์ฌาน


    ต่อมาพระองค์ท่าน ก็ได้ทรงทราบจากสมาธินิมิตอีกว่า พรหมชั้นสุทธาวาส มาบอกพระองค์ท่านว่า ให้ไปที่วัดร้าง กลางเมืองสุโขทัย ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ท่านจะพบของสำคัญต่อเนื่อง ในพระคาถาวาณี เมื่อพระองค์ท่าน ทรงออกจากสมาธิแล้ว พระองค์ท่านก็ทรงทราบได้ทันทีว่า วัดร้างนั้น คือวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย ที่ประดิษฐาน พระศรีศากยะมุนี ที่สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท ครั้งกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี


    เพลา สายของวันต่อมา พระองค์ท่าน ทรงเดินทางมายังเมืองสุโขทัย กรุงเก่า โดยไม่ใช้อิทธวิธญาณ ถึงเมืองสุโขทัย กรุงเก่าแล้ว พระองค์ท่านทรงค้างแรม นั่งเจริญสมาธิอยู่ที่บริเวณ วัดมหาธาตุสถานที่ประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี หนึ่งราตรีเวลานั้น วัดพระมหาธาตุ สุโขทัย กรุงเก่า เป็นวัดร้าง เนื่องจากขณะนั้น ยังมีการรบระหว่างไทย-พม่าอยู่ และพระพุทธรูปใหญ่ พระพุทธศรีศากยะมุนี ก็ยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ ซึ่งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ เป็นวนอุทยานแห่งชาติสุโขทัย ครั้งนั้น หลังฉันอาหารเช้าแล้ว พระองค์ท่าน ทรงเดินทางเข้าไปในวัดมหาธาตุ เข้าไปในพระวิหาร ที่ประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี จึงเข้าไปกราบนมัสการ พระพุทธศรีศากยะมุนี พระพุทธรูปสำคัญ ของวัดแห่งนี้


    ต่อมา พระองค์ท่านทรงทราบว่า ของสำคัญต่อเนื่อง ในพระคาถาวาณี อยู่ใน พระคัมภีร์ใบลาน พระองค์ท่านจึงเดินทางไปที่หอไตรประจำวัดมหาธาตุ และทรงค้นพระคัมภีร์ในตู้แรกดู พอพระองค์ท่านทรงเปิดตู้แรก ทรงเห็นพระคัมภีร์แรก ที่หน้าพระคัมภีร์จารึก รูปนางฟ้านั่ง อยู่บนดอกบัวบาน พระองค์ก็ทรงทราบได้ในทันทีว่า พระคาถาวาณี พร้อมรายละเอียดอุปเท่ห์ อยู่ในลานนี้ทั้งหมด


    ความนัยะพระคาถา


    เมื่อ พบแล้ว พระองค์ท่านทรงเปิดพระคัมภีร์ดูก็ทรงพบ พระคาถาอาราธนานั่งธรรม หรือ พระคาถาวาณีจารึกเป็นอักษรขอมโบราณ เป็นตัวทอง อ่านได้ความ เหมือนอย่างที่พบ จารึก ที่ก้อนหิน ในป่าใกล้ๆป่าดงพญาเย็น พร้อมมีคำอาราธนา และคำอธิบายว่า


    มุนินฺท วท นมฺพุชะ คพฺภ สมฺภว สุนทรี
    ปาณีนํ สรณํ วาณี มยฺหํ ปิณยตํ มนํ

    [​IMG]


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  14. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760


    ๐ ข้าพระพุทธเจ้า ขออาราธนานางฟ้า คือพระไตรปิฏก ผู้มีรูปอันงาม เกิดแต่ห้องปทุมชาติคือพระโอฐ ของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นใหญ่กว่านักปราชญ์ทั้งหลาย

    มนํ ขอจงมาสู่มโนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติละเสียซึ่งอาสวะกิเลส ที่ดองอยู่ในขันธ์สันดานของข้าพระเจ้า ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ให้สิ้นไปเสื่อมไป ข้าพเจ้าจะไม่ทำให้เป็นอัตตกิลมัตถานุโยค ไม่ให้ลำบากแก่สังขาร ฯ

    ๐ พุทธํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิ ฯ
    ๐ ธมฺมํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิฯ
    ๐ สงฺฆํชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํคจฺฉามิ ฯ
    ๐ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า จงมารับเครื่องสักการะบูชาของข้าพเจ้า ในกาลบัดนี้เถิดฯ



    พร้อม คำอธิบายว่า พระคาถานี้ใช้สำหรับอาราธนาพระธรรมเข้าสู่ตนเพื่อจะนั่งทางธรรม จะได้สำเร็จผล ตามความมุ่งหมายเป็นพระคาถา ขอบารมีธรรม ขอความสำเร็จสมประสงค์ ใช้เป็นพระคาถาว่านำก่อน อาราธนาองค์พระกรรมฐานประกอบกับพระกรรมฐานห้องต่างๆ เวลานั้นพระองค์ท่านติดอยู่ขั้นสุดท้าย ของอันตราปรินิพพายี อย่างประณีต

    เมื่อ พระองค์ท่าน นำเอาบทภาวนา พระคาถาวาณี นำมาประกอบเข้ากับ การเจริญ เมตตาเจโตวิมุตติแล้ว อาจสามารถเป็นไป เพื่อต่อต้านภัยอันตราย และห้ามบาปธรรม


    ธรรมที่เป็นบาปอกุศล เจตสิกมี ๑๔ ตัว คือ
    ๑. โมโห คือหลง
    ๒. อหิริกํ มิละอายแก่บาป
    ๓. อโนตฺตปฺปํ มิกลัวแก่บาป
    ๔. อุทธจฺจํ สะดุ้งใจ ฟุ้งซ่าน
    ๕. โลโภ โลภ
    ๖. ทิฏฐิ ถือมั่น
    ๗. มาโน มีมานะ
    ๘. โทโส โกรธ
    ๙. อิสฺสา ริษยา
    ๑๐. มจฺฉริย ตระหนี่
    ๑๑. กุกกุจจํ กินแหนง รำคาญ
    ๑๒. ถีนํ กระด้าง หดหู่
    ๑๓. มิทธํ หลับง่วง
    ๑๔. วิจิกิจฉา สงสัย


    พระคาถาเพื่อความสำเร็จสมประสงค์

    เมื่อ กำจัดบาปธรรม ออกไปแล้ว อาจสามารถยังปัญญาให้บรรลุธรรมได้ จะเป็นทางนำสัตว์ทั้งหลายให้ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสได้จากนั้นพระองค์ ท่าน ก็ทรงทำการคัดลอกพระคัมภีร์วาณี ที่ไม่มีเจ้า อยู่ในวัดร้าง เมืองสุโขทัยนี้ กลับมาจากรุกข์มูล

    พระองค์ท่านทรงนำบทพระคาถาวาณี นี้ว่านำก่อนนั่งพระกรรมฐานทุกครั้ง แล้วจึงเจริญเมตตาเจโต เมตตาออกบัวบานพรหมวิหาร ต่อไป ผ่านไปไม่นานนัก พระองค์ท่าน ทรงสามารถบรรลุอันตราปรินิพพายี อนาคามี อย่างประณีต ดังได้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ จตุตถสมันตปาสาทิกา ตอนว่าด้วยอรรถกถา แห่งภิกขุนีขันธกะ ว่า

    กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๑,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมีพระขีณาสพปฏิสัมภิทาญาณ
    กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๒,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระอรหันต์สุกขวิปัสสก
    กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๓,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระอนาคามี
    กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๔,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระสกทาคามี
    กาลเมื่อพระสัทธรรมอยู่ระหว่าง ๕,๐๐๐ ปี จักตั้งอยู่ด้วยการมี พระโสดาบัน

    กาล ที่พระอาจารย์สุก สำเร็จคือกาลแห่ง พระอนาคามี ท่านบรรลุขั้นประณีตครั้งนั้น พร้อมด้วย มรรค ๓ ผล ๓ อภิญญา ๖ เป็นพระอนาคามีบุคคล เต็มขั้น กล่าวว่า เมื่อมรณะภาพ หรือนิพพานแล้ว จะไปบังเกิดในภพ สุทธาวาส คือที่อยู่ของท่านที่บริสุทธิ์ ที่บังเกิดของอนาคามีบุคคล ได้แก่พรหม ๕ ชั้นสูงสุด ของชั้นรูปาวจรคือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา จะสำเร็จพระอรหันต์ผลในภพทั้งห้านี้ ไม่กลับมาเกิดในมนุษย์โลกนี้อีกถึงแม้ท่าน จะทราบว่าเป็นกาล แห่งอนาคามี พระองค์ท่าน ก็ยังไม่ละความเพียรเพิ่มวิริยะบารมีขึ้นเรื่อยๆไม่ทรงท้อถอย ต้องการที่จะบรรลุขั้นต่อไป

    ดังปรากฏในคัมภีร์ ปัญจปสูทนีอรรถกถา แห่งมหาสูญญะตาสูตรมีใน อุปริปัณณาสก์ว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า แม้เมื่อเราตถาคตปรินิพพานไปแล้วก็ดี กุลบุตรทั้งหลายที่ยินดีแล้วในเอกีภาพ คือความเป็นอยู่ผู้เดียว นึกถึงมหาสูญญตาสูตรอยู่ดังนี้แล้ว หลีกออกจากหมู่คณะ ก็จะทำให้สิ้นวัฏฏะทุกข์ได้ดังนี้

    พระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ทรงมีความเป็นอยู่ผู้เดียว แลทรงบำเพ็ญเพียรภาวนาซึ่ง มหาสูญญตาสูตร เสมอๆ กล่าวว่าสมัยอยุธยา พระคาถาวาณีก็มีเหมือนกัน แต่ไม่แพร่หลาย เพราะถึงตอนปลายยุคกรุงศรีอยุธยา ก็เริ่มเสื่อมจากอุบายธรรมนี้ พระอาจารย์สุก ท่านปฏิธรรม ยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็มาถึงกาลล่มสลายของกรุงศรีอยุธยาเสียก่อน พระคัมภีร์อุบายธรรมต่างๆ จึงถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น และพระคาถาวาณีนี้ จึงตกค้าง อยู่ที่เมืองสุโขทัย กรุงเก่ากาลต่อมาพระคาถาวาณี ได้แพร่หลายในกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตอนกลาง มีการให้ความหมายพระคาถาวาณีไว้ดังนี้


    นางฟ้าคือ พระไตรปิฏก มุนินฺท วท นมฺพุช คพฺภ สมฺภว สุนทรี
    มีรูปอันงามอันเกิดแต่ห้องดอกบัวคือ พระโอฐ ของพระพุทธเจ้าผู้เป็นใหญ่กว่าจอมปราชญ์ทั้งหลาย
    ปาณีนํ สรณํ วาณี
    เป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ผู้มีปราณ คือลมหายใจทั้งหลาย
    มยฺหํ ปิณยตํ มนํ
    จงยังใจแห่งข้าพเจ้าทั้งหลายให้ยินดี


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  15. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [​IMG] พระคาถาอาราธนานั่งธรรม 2

    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> [​IMG]



    สมเด็จ พระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ฯ กล่าวว่า พระอาจารย์ของท่านทั้งทางคันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ(สมเด็จพระวันรัต แดง) ก็ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับด้วย กล่าวว่าท่านศึกษากับ พระญาณสังวร บุญ วัดพลับ) สอนให้บริกรรมพระคาถาวาณีนี้ ก่อนเริ่มเรียนพระปริยัติธรรม หรือเข้าที่ภาวนาทุกคราวไป ทั้งยังกล่าวอีกว่า พระมหาเถรแต่กาลก่อนมี สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม เป็นต้น ล้วนนับถือพระคาถานี้ โดยทั่วกัน

    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงไว้ในลายพระหัตถ์ถึง เจ้าพระยาหิธราช เลขาธิการว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) วัดศาลาปูน กรุงเก่าซึ่งเป็นศิษย์ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ วัดราชสิทธาราม หรือ วัดพลับ อธิบายว่า รูปสุนทรีวาณี หมายถึง พระธรรม ดอกบัว หมายถึง พระโอฐของพระพุทธเจ้า ทรงกล่าวอีกว่ายังได้พบพระคาถานี้ในห้องพระ ของหลวงปู่ทอง วัดบ้านกลาง ติดไว้ข้างขวา ด้านหัวนอน หลวงปู่ทอง ท่านเป็นศิษย์ ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ กับพระสังวรานุวงศ์เถร (เมฆ) วัดราชสิทธาราม หรือ วัดพลับ

    สมเด็จกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพ กล่าวไว้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าชำระ พระคัมภีร์สัททสารัตถชาลินี หรือ คัมภีร์สัททาวิเสส ได้พบพระคาถาวาณีนี้ อยู่ในพระคัมภีร์นี้ด้วย แสดงว่าพระคาถานี้ มีมาก่อนพระคัมภีร์นี้ หรือก่อนนั้น มีคาถาในทำนองเดียวกับพระคาถาวาณีนี้ ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ชินาลังการ เป็นพระคาถานมัสการ ก่อนอ่านพระคัมภีร์พระไตรปิฎก หรือภาวนาก่อนนั่งเข้าที่ภาวนา เพื่อให้เกิดปัญญา เป็นคาถาของพระพุทธโฆษะ ใช้ภาวนาก่อนที่จะอ่านพระไตรปิฎก หรือเขียนพระคัมภีร์ พระสุทธิมรรค คาถา มีใจความดังนี้


    สตฺถุโน สมฺมาสมฺพุทธ นมตฺถุ โลกเชฏฐสฺส ตาทิโน


    ชิเนนท รมตฺเตภสฺส กุมภจารินี ชิโนรสานํ


    มุขปงฺกชาลินี สรสฺส ตีเมมุขะคพฺภ คพฺ ภินี


    รมฺมํ ตว ฉายา สุสทฺทตฺถุสูทนี

    มีความหมายตามพระคาถานี้ว่า
    ข้า พระพุทธเจ้าขอนมัสการ แด่สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ ผู้ทรงหักรานเสียแล้วซึ่ง กำกงแห่งสังสารวัฎฎ์ ตรัสรู้พระธรรมด้วยลำพังพระองค์เอง ด้วยอาการมิได้วิปริตและมีกมลมิได้หวั่นไหวด้วยโลกธรรม ประเสริฐกว่าสรรพสัตว์โลกสิ้นทั้งปวง

    อาลินี อันว่านางแมลงภู่ กล่าวคือ พระไตรปิฎก ผู้มีครรถ์ กล่าวคือ พระอรรถรส เป็นอันดี ซึ่งท่องเที่ยวอยู่ในกระพองแห่งช้าง พระยาฉัททันต์ ซับมันตัวประเสริฐ กล่าวคือ พระโอษฐ์แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ ยังทรงพระชนม์อยู่
    แมลงภู่ คือพระไตรปิฎกนั้น ก็ได้พำนักอาศัยอยู่ในพระโอษฐ์ แห่งพระพุทธเจ้า ครั้นเสด็จพระมหากรุณาเจ้าเสด็จดับขันธ์นิพพานแล้ว
    นาง แมลงภู่ คือ พระไตรปิฎกนั้น ก็อาศัยอยู่ในกลีบประทุมชาติ กล่าวคือ พระโอษฐ์ แห่งพระพุทธชิโนรถทั้งหลาย บัดนี้ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญนางแมลงภู่ ให้ออกมาอยู่ในห้องที่นอน กล่าวคือ พระโอษฐ์แห่ง ข้าพระพุทธเจ้า อย่าได้ลำบากในกิจที่จะขวนขวาย หาที่ประสูตรบุตรนั้นเลย จงยินดีปรีดาเสด็จมาประสูตร ในพระโอษฐ์ข้าพระพุทธเจ้า คือว่าให้ ข้าพระพุทธเจ้าจำอรรถรส ในพระไตรปิฎก หรือในปัญญาวิปัสสนาญาณ ทั้งปวงได้ ขึ้นใจขึ้นปากสำเร็จ มโนรถความปรารถนาเถิด


    คัดความจาก
    หนังสือ พระวัติสมเด็จพระสังราชสุก ไก่เกื่อน ยุคกรุงศรีอยุธยา บรมครูฝ่ายวิปัสสนาธุระ ประจำยุครัตนโกสินทร์ และพระธรรมทายาท คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (วัดพลับ) ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ
    somdechsuk.com - หน้าแรก


    ==============================================================

    เรียนเชิญชวนท่าน ๆ กำหนดจิตตั้งบริกรรมพระคาถาฯ
    และพิจารณาจิต ตนกันนะครับ ว่าจะรับรู้กระทบจิตกันอย่างไรบ้างหรือเปล่า






    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


    มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
    ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ




    [​IMG]


    พระ ธรรมคำสั่งสอนซึ่งล้วนอุบัติจากพระโอษฐ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้พึ่งพำนักของสรรพสัตว์ทั้งหลาย อันมีความงามล้ำเลิศประดุจนางฟ้า ซึ่งถือกำเนิดจากดอกบัว การเอ่ยวาจานี้ย่อมยังจิตใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม แช่มชื่น เบิกบาน แจ่มใสปราโมทย์ รู้แจ่มแจ้งแทงตลอดจำได้ ปฏิบัติตามได้ ในพระไตรปิฏกทั้งโลกียะและโลกุตตระนั้นเทอญฯ



    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  16. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ประวัติ..พระสุนทรีวาณี

    เป็น พระปางพิเศษ เป็นรูปเทพธิดาทรงอาภรณ์อันงดงามวิจิตร หัตถ์ขวาแสดง(ท่ามุทรา)อาการกวัก คือ การเรียกเข้ามาหา หัตถ์ซ้ายหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก) มีดวงแก้ววิเชียร (เพชร) อยู่ในหัตถ์

    พระสุนทรีวาณี เป็นพระซึ่งเกิดจากการนิมิต แห่งพระคาถาสุนทรีวาณี ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฎ ในคัมภีร์สัททาวิเสส มี ๓๒ คำ

    พระ คาถานี้เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดเมื่อเรียนพระไตรปิฎก เรียนพระธรรม เรียนวิชา ภาวนาแล้ว ดับอวิชชา บังเกิดปัญญางาม ปัญญากลายเป็นสัญญา คือ ความทรงจำอันเลิศล้ำ โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้ท่องทุกครั้ง ที่เรียนพระไตรปิฎกตลอดมา

    สืบได้ความว่า ผู้ที่ท่องคาถานี้เฉพาะในยุครัตนโกสินทร์ ดำรงสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ๓ พระองค์ เป็นพระสมเด็จ พระราชาคณะ เป็นพระคณาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา

    *******************************************************************

    พระคัมภีร์สัททาวิเสส หรือคัมภีร์ไวยากรณ์โบราณ เป็นวิชาพื้นฐานเพื่อความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก ที่มีมาแต่โบราณกาล


    [​IMG]
    [​IMG]


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  17. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [​IMG] เวทาสากุคาถาพระยาไก่เถื่อน ;กรรมฐานตามรอยหลวงปู่ทวด(ตามแบบแผนพระพุทธเจ้าอีกทีหนึ่ง)


    [​IMG]

    พระ คาถาพระยาไก่เถื่อน สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ท่านได้รับประสิทธ์แต่พระเถรวุฒาจารย์ กล่าวว่าเป็นพระคาถานำ พระคาถาทั้งปวง ใช้ในทางสำเร็จประโยชน์ ผู้ใช้พระคาถานี้ ต้องมีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตขั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้ เพราะเป็นพระคาถามหาเมตตา ปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิต ตัวเอง พระคาถาว่าดังนี้

    เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว
    ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา
    สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา
    กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ


    พระ ธรรมพระคาถาพระยาไก่เถื่อน เกี่ยวเนื่องกับไก่ป่า ไก่ป่าเป็นไก่ปราดเปรียว คอยหนีคน หนีภัยอย่างเดียว เหมือนกับ จิต ของคน ไก่ป่าเชื่องคนยาก เหมือนจิตของคนเรา ก็เชื่องต่ออารมณ์ยากมาก เหมือนกัน ไก่ป่าแม้เสกข้าวด้วยเมตตาให้กิน แรกๆมันก็จะไม่กล้า เข้ามาหาคน นานๆเข้า จึงจะกล้าเข้าหาคนเหมือนจิตคนเรา ก็ชอบท่องเที่ยว ไปไกลตามธรรมารมณ์ต่างๆ ฝึกตั้งจิตเป็นสมาธิแรกๆนั้น จิตมักจะอยู่ พักเดียว ก็เตลิดไป ต่อนานๆไป เมื่อจิตชินต่ออารมณ์ดีแล้ว จึงจะเชื่อง และตั้งมั่นเป็นสมาธิ


    พระคาถาไก่เถื่อน ๔ วรรค แต่ละวรรค หากภาวนากลับไป กลับมา เป็นอนุโลม ปฏิโลม หมายถึงอะไร
    แต่ละวรรค หมายถึงโลกธรรมแปด
    วรรค ๑ หมายถึง มีลาภ เสื่อมลาภ
    วรรค ๒ หมายถึงมียศ เสื่อมยศ
    วรรค ๓ หมายถึง มีสรรเสริญ ก็มีนินทา
    วรรค ๔ หมายถึง มีสุข ก็มีทุกข์ ทุกอย่างย่อมแปรปรวน มีดี และมีชั่ว ไม่แน่นอน ไม่ควรยึดติด มีหยาบ มีละเอียด>>


    ผู้ที่จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพานต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอันเปรียบเทียบได้กับ องค์คุณแห่ง ไก่ หรือไก่ป่า มี ๕ ประการ ดังนี้คือ
    ๑.เมื่อเวลายังมืดอยู่ ก็ไม่บินลง หากิน
    ๒. พอสว่าง ก็บินลง หากิน
    ๓.จะกินอาหาร ก็ใช้เท้าเขี่ยเสียก่อน แล้วจึงจิกกิน
    ๔.กลางวันมีตาใสสว่างเห็นอะไรได้ถนัดแต่เวลากลางคืนตาฟางคล้ายคนตาบอด
    ๕. เมื่อถูกเขาขว้างปา หรือถูกตะเพิดไม่ให้เข้ารัง ก็ไม่ทิ้งรังของตน


    นี้เป็นองค์คุณ ๕ ประการของไก่ผู้มุ่งมรรค ผล ต้องประกอบให้ได้ กับคุณสมบัติ อันเปรียบเทียบได้กับองค์คุณเหล่านี้คือ
    ๑. เวลาเช้าปัดกวาดที่อยู่ และจัดตั้งเครื่องใช้สอย ไว้ให้เรียบร้อย อาบน้ำชำระกายให้สะอาด บูชากราบไหว้ ปูชณียวัตถุ และวัฒบุคคล
    ๒.ครั้นสว่างแล้ว จึงกระทำการหาเลี้ยงชีพ ตามหน้าที่แห่งเพศของตน
    ๓. พิจารณาก่อนแล้ว จึงบริโภคอาหาร ดังพุทธภาษิตว่า ผู้บริโภคอาหารพึงพิจารณา เห็นเหมือนคนบริโภคเนื้อบุตร ของตนในทางกันดาร แล้วไม่มัวเมา มุ่งแต่จะทรงชีวิตไว้ เพื่อทำประโยชน์สุข แก่ตน และผู้อื่น
    ๔. ตาไม่บอด ก็พึงทำเหมือนคนตาบอด คือไม่ยินดี ยินร้าย ดุจภาษิต ที่พระมหากัจจายนะ กล่าวไว้ว่า มีตาดี ก็พึง ทำเป็นเหมือนคนตาบอด มีหูได้ยิน ก็พึงเป็นเหมือนหูหนวก มีลิ้นเจรจาได้ ก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้ มีกำลังก็พึง เป็นเหมือนคนอ่อนเพลีย เรื่องร้ายเกิดขึ้น ก็พึงนอนนิ่งเสีย เหมือนคนนอนเฉยอยู่ฉะนั้น
    ๕. จะทำ จะพูด ไม่พึงละสติ สัมปชัญญะ ประหนึ่งไก่ป่า ไม่ทิ้งรังฉะนั้น ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้จะบรรลุ มรรด ผล นิพพาน
    [​IMG]
    ภาพไก่ป่า


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  18. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ตามตำนาน เมืองเหนือ กล่าวถึงอุปเท่ห์ พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ไว้ว่า ผู้ใดภาวนาได้ ๓ เดือน ทุกๆวันอย่าให้ขาด ผู้นั้นจะมีปัญญา ด้วยอำนาจแห่งพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ให้สวด ๓ จบ จะไปเทศ ไปสวด ไปร้อง หรือเจรจา สิ่งใดๆดีนัก มีตะบะเคชะนัก ถ้าแม้สวดได้ ๗ เดือน อาจสามารถรู้ใจคน เหมือนไก่ป่า รู้กลิ่นตัวคนฉะนั้น ถ้าสวดครบ ๑ ปี มีตะบะเดชะยิ่งกว่าคนทั้งหลาย แม้จะเดินทางไกล ให้สวด ๘ จบ เหมือนไก่ขันยาม เป็นสวัสดีกว่าคนทั้งหลายให้เสกหิน เสกแร่ ไว้สี่มุมเรือน โจรผู้ร้ายไม่เข้าปล้น เหมือนไก่ป่าไม่ทิ้งรัง แม้ผีร้ายเข้ามาในเขตบ้าน ก็คร้ามกลัวยิ่งนัก เสกข้าวสารปรายหนทางก็ดี ประตูก็ดี ผีกลัวยิ่งนักคนเดินไปถูกเข้าก็ล้มแล แพ้แก่อำนาจเรา

    พระคาถานี้แต่ ก่อน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กะฐานธรรม แต่ภายหลัง ถึงยุคพระอาจารย์สุก พระคาถานี้จึงเรียกขานใหม่ว่า พระคาถาไก่เถื่อนบ้าง พระคาถาพระยาไก่เถื่อนบ้าง พระคาถาบทนี้ทางภาคเหนือเรียกว่า พระคาถาไก่แก้ว


    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  19. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    สืบจาก ตำนานเดิม สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เกื่อน ทรงแปลง พระคาถาพระยาไก่เถื่อน เป็นรูปยันต์ เรียกว่า “พระยันต์มหาปราสาท ไก่เถื่อน” ตามนิมิตสมาธิเวลาลงพระคาถาพระยา ไก่เถื่อน ลงเป็นยันต์มหาประสาท ให้ลงด้วยเงินก็ดีทองก็ดี ผ้าก็ดี กระดาษก็ดี ลงแล้วเสกด้วย พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ๓ จบ ไปเทศนาดีนัก เป็นเมตตาแก่คนทั้งหลาย เกิดความศรัทธาในตัวเรา (ไก่ร้อง เสียงฟังได้ไกล)


    เอายันต์นี้ ไปกับตัวค้าขายดีนัก เกิดลาภสักการะ มากกว่าคนทั้งหลาย เหมือนไก่ป่า ขยันหากินให้เขียนยันต์ปราสาทไก่เถื่อน ไว้กับเรือน เวลาเขียน ให้แต่งเครื่องบูชาครู สิ่งละ ๑๖ คือ ข้าวตอก ๑๖ ถ้วยตะไล ดอกไม้ ๑๖ ถ้วยตะไล เทียน ๑๖ แท่ง ธูป ๑๖ ดอกข้าวเปลือก ๑๖ ถ้วยตะไล สิ่งของเหล่านี้วางบนผ้าขาว ให้เสกด้วยพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ๑๐๘ จบ ๑๐๘ คาบ ให้อธิษฐานเอาตามแต่ปรารถนา กันโจรภัยอันตรายทั้งหลายมีชัยแก่ศัตรู ลงเป็นธงปักในนา กันแมลง มาเบียดเบียน เสกน้ำมันงาใส่แผล แลกระดูกหัก เสกข้าวปลูกงอกงามดี เสกน้ำมนต์พรมของกัมนัลพระยารักเราแล เสกเมตตาก็ได้ ถ้าต้องคุณโพยภัยใดๆ ให้เสกส้มป่อยสระหัวหายแล ใช้สารพัดตามแต่จะอธิษฐานเถิดฯ

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://www.somdechsuk.org/node/312
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  20. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    เอายันต์นี้ ไปกับตัวค้าขายดีนัก เกิดลาภสักการะ มากกว่าคนทั้งหลาย เหมือนไก่ป่า ขยันหากินให้เขียนยันต์ปราสาทไก่เถื่อน ไว้กับเรือน เวลาเขียน ให้แต่งเครื่องบูชาครู สิ่งละ ๑๖ คือ ข้าวตอก ๑๖ ถ้วยตะไล ดอกไม้ ๑๖ ถ้วยตะไล เทียน ๑๖ แท่ง ธูป ๑๖ ดอกข้าวเปลือก ๑๖ ถ้วยตะไล สิ่งของเหล่านี้วางบนผ้าขาว ให้เสกด้วยพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ๑๐๘ จบ ๑๐๘ คาบ ให้อธิษฐานเอาตามแต่ปรารถนา กันโจรภัยอันตรายทั้งหลายมีชัยแก่ศัตรู ลงเป็นธงปักในนา กันแมลง มาเบียดเบียน เสกน้ำมันงาใส่แผล แลกระดูกหัก เสกข้าวปลูกงอกงามดี เสกน้ำมนต์พรมของกัมนัลพระยารักเราแล เสกเมตตาก็ได้ ถ้าต้องคุณโพยภัยใดๆ ให้เสกส้มป่อยสระหัวหายแล ใช้สารพัดตามแต่จะอธิษฐานเถิดฯ



    พระคาถา และยันต์ไก่เถื่อน นี้มีผู้คนเคารพเชื่อถือมาก และจะว่านำพระคาถาอื่นๆก่อนเสมอ โด่งดังมาจนถึงปัจจุบันนี้ พระคาถานี้ ได้เมื่อ พระกกุสันโธ เป็นไก่ป่า เป็นอาการสามสิบสอง ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ ประองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตยพระคาถาพระยาไก่เถื่อนนี้ ได้ในสมัยพระพุทธเจ้า พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตย ยังเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็น พญาไก่เถื่อน แม้สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน พระองค์ท่าน ก็เคยเกิดเป็น ไก่เถื่อน บำเพ็ญบารมีมา แต่การสร้างบารมีนั้น ต่างๆกัน และพระคาถาพระยาไก่เถื่อนนั้น ยังเป็นอาการ ๓๒ ของพระอาจารย์สุกด้วย และเป็นตะปะเดชะ ของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ในเมตตาบารมีนี้ด้วยพระคาถาบทนี้

    ถ้า จำเริญภาวนา จะมีอานุภาพมาก ผู้ใดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภ ยศ มิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น ทำนา ทำสวน ทำไร่ เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย ถ้าเดินทางไป ทางบก หรือเข้าป่า สวดภาวนาคลาดแคล้ว จากภัยอันตรายดีนักแล บั้นปลายก็จะ บรรลุพระนิพพาน ด้วยเมตตาบารมีนี้


    ยันต์ไก่เถื่อน
    [​IMG]
    [​IMG]



    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/k...akammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013

แชร์หน้านี้

Loading...