อภิญญา มีอยู่จริงทั่วไปในประเทศไทยในอดีตไม่ไกลนัก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ประกายพลอย, 31 มีนาคม 2012.

  1. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    ผมชวนเพื่อนๆและมีเรื่องเล่า มาแชร์ เล่าสู่กันฟัง หรือใครมีเรื่องเล่า

    ประสบการณ์ด้วยตนเอง ก็มาเล่าสู่กันฟัง

    เรื่องที่1

    เป็นญาติของผมเอง ชื่อว่าปู่เสเน่ห์ หรือปู่เน่ แกเอามือกำใบมะขาม

    แล้วเอามามาป้องที่ปาก แล้วบริกรรรมคาถา พอบริกรรเส็จ แล้วก็เป่าไปที่มือแก พอแก

    แบมือหรือผายมือออก เจ้าใบมะขาม กลายเป็นตัวต่อ ตั่วผึ้ง

    บินออกจากมือแกเต็มเลยครับ

    และอีกเรื่อง เรื่องที่2

    ก็คือปู่เน่ ของผม หรือที่ผมรู้จัก แกมาบวชตอนแก่ บวชตอนอายุมาก

    แล้ว พอจัดการเรื่องครอบครัวเส็จสรรพ แกก็บวช แต่ว่าทุนเดิม แกทำสมาธิ ได้สมาธิอยู่แล้ว
    พอมาบวชเป็นสมณะเพศ

    อยู่ใสนเพศที่บริสุทธิ์ เลยทำไห้แกสาารถปฏิธรรมก้าวหน้าไปได้ดียิ่ง

    แกเล่าว่า แกเคยไปเที่ยวเมืองลับแล ซึ่งในความคิดของผม

    ที่ได้ยิน ได้ฟังมาเมืองลับแลคล้ายกับเป็นโลกซ้อนอยู่บนโลกเรานี่แหละ

    เรื่องที่แกเล่านี่แหละ เป็นมนุษย์ เป็นคนเหมือนกับเรา แต่มีมิติซ้อนกันอยู่

    ซึ่งคนเหล่านี้ คล้ายกับว่า มีอภิญญา อย่างไปไหนมาใหน เดินเร็วมาก

    เดินธรรรมดานี่แหละ แต่ไปเร็วมาก อย่างเดินจาก กรุงเทพ ไปเชียงใหม่

    ใช้เวลาเดินไม่ถึง 15 นาที หรือจะเดินให้นานกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับ

    ความต้องการของแต่ละคน ปู่เน่เล่าว่า เมืองของคนลับแล ดวง

    อาทิตย์หาไม่มีนะ แต่สก็สว่าง มีแสงสว่างสาดส่องไปทั่ว

    ต้นไม้ขึ้นเขียวขจีมาก อย่างคนสมัยก่อน ถ้วยโถโอชาม ยังหาได้

    ไม่ง่ายหรือมีไม่มากอย่างสมัยนี้ จำทำงาน ทำการอะไร คนเราก็ต้ออไป

    ขอยืจากคนลับแลนี่ อย่างตามถ้ำใหญ่ๆ จะมีเครืองครัว ทุกชนิด หม้อ

    ให กาละมัง ช้อน ชาม ใสตะกร้า กองไว้เต็มเลย คนสมัยก่อน มีสัจจะ

    คือเอาของเขามาใช้เท่าไหร่ ในงานบุญต่างๆ เวลาเอาไปคืน ก็จะคืน

    ครบจำนวน

    แต่ต่อมา กำลังใจคน เสื่องลงเรื่อยๆ ยืมแล้วคืนไม่ครบ หรือไม่ก็ไม่คืนเลย

    จนมาถึงยุคคนี้ สมันนี้ ไม่มีใครพูดถึง กล่าวถึงวัฒนธรรมแบบนี้

    คือไม่มีหลงเหลือ ให้คนสมัยนี้ ได้รู้ ได้เห็นกันอีกเลย

    ก็แปลก ตรงที่ว่า เรื่องปู่เน่ที่ผมเล่านี้ เกิดมานานกว่า 30 จะ 40 แล้ว

    ผมเคยได้อ่าน หนังสือ หลวงพี่ล็ก เรื่องธรรมะข้างกระโถน หรืออะไรนี่แหละ

    เรื่องไปตรงกับปู่เน่ ที่เล่าให้พวกผมฟังกัน คือเมืองลับแล เขาเป็น

    คนเราธรรมดานี่แหละ แต่เป็นคนที่ศีลห้าบริสุทธิ์มาก และเป็นชาวพุทธ

    ที่ชอบทำบุณทำทาน มีความเป็นอยู่ที่มีความสุข อยู่กับธรรมชาติ

    ต้นไม้ของเขานี่ เขียวขจี อุดมสมบูรณ์มาก

    ผู้หญิง ผู้ชาย

    ทุกคนสวยหล่อหมด ไม่ามีพิกลพิกล ร่างกายสมบูรณ์งดงาม

    เพราะอาศัยมีศีลธรรม ที่ทำกันมาเป็นเครืองตกแต่งให้รูปขันธ์งดงามยิ่ง

    และมีความสามารถพิเศษ คล้ายๆจะมีอภิญญา เป็นวิชาที่ติดตัวกันทุกคน

    ซึ้งความเป็นอยู่ก็ซ้อนกันอยู่ บนโลกเรานี้แหละ

    คนมีบุญ หรือมีอภิญญาสมาบัติ เท่านั้น จึงมีสิทธิ์ที่จะพบปะ พูดคุยกับพวกเขาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มีนาคม 2012
  2. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    อภิญญาของลุงนะเป็นอย่างของพวกเซน
    นั้นคือเวลาหิวลุงก็กิน เวลาง่วงลุงก็นอน
    เวลาลุงจักไปไหนลุงก็เดิน
    การปฏิบัติธรรมของแท้นะมิได้แยกขาดจากชีวิต
    ดอกนะ สัจจะไม่ได้อยู่ในตำรา ในปรัชญา
    ในการถือศีลหรือทำสมาธิที่เคร่งครัด หรือไปปลิกวิเวกในป่า
    แต่มันอยุ่ในตัวเราเองในวิถีชีวิตของเรา
    นความสัมพันธ์ของเรากับผู้คน ในดวงตาของเขา
    ต้องออกไปลองค้นดูนะแล้วเอ็งจะรู้
    ลุงจักบอกให้
    และการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงในพุทธศาสนาก็
    ไม่ใช่เพื่อให้ได้อันใดมาดอก
    แต่มันเป็นเพียงเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่เราลืมมันไปแล้วต่างหาก
    ขอบคุณท่าน ซูซูกิ โรชิ ผู้ล่วงลับที่เตือนลุงให้เข้าใจถึงสิ่งนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มีนาคม 2012
  3. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    และอีกเรื่องหนึ่งครับ

    เรื่องนี้เกิดขึ้นแถว ยางกอกน้อย ฝั่งธน

    หรือกรุงเทพในสมัยนี้ อาจารย์ของผม

    ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

    ตอนนี้ยัมมีชีวิตอยู่นะ อายุแกก็ 80กว่าแล้ว

    แกบวชเป็นพระสงฆ์อยู่ แกเล่าให้ผมฟังว่า

    สมัยแแกเป็นเด็ก วิ่งเล่นไปมากับพวกเด็กๆด้วยกัน

    แถวบางกอกน้อยฝั่งธน สมัยก่อนเด็กๆไม่มีอะไรจะเล่นกัน

    อย่างดีก้ตัดต้นกล้วย กิ่งกล้วย ใบกล้วย แล้วเอามาทำเป็น

    ม้า แล้ววิ่งขี่เล่นกัน มีแค่นี้แหละครับ เครื่องเล่นของคนสมัยก่อน

    ปู่ของอาจารย์ เห็นเด็กๆวิ่งเล่นกัน แก้อยากทำอะไรให้เด็ก

    ได่เล่นแก้เหงากัน แกก็เรียกเด็กให้เข้าไปหา

    แล้วแกก็เอาหุ่นดิน ที่ปันด้วยดินโคบนนี่แหละ

    ปั้นตากแดด ไว้หลายตัว ปันเป้นยรูปนักรบต่างๆ

    พอเด็กล้อมวงกันเข้า แกก้เอามือเคาะพื้น

    แล้วก็บอกว่า เอ้า! สู้กัน พอบอกเท่านั้นแหละ

    เจ้าหุ่นดินโคลน ก็ลุกขึ้น เอาดาบรบกันไปมา ช้งเฉ้ง ช้งเฉ้ง

    เคลื่อนไหว ต่อสู้กันไปมา โดยไม่ต้องใช้ แบตตารี่ หรือใช้พลังงาน

    อะไรทั้งสิ้น แปลกดีไหมครับ

    นี่ก็อภิญญาที่มีอยู่ทั่วไปในบ้านเรา เมืองเรา ในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มีนาคม 2012
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ผมเคยเจอกับตา ที่วัด ปันเสา เชียงใหม่....
     
  5. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452

    ยังไงหรือคัรบ ลองเล่าสู่กันฟังสักเล็กน้อย

    สนใจครับผม เพื่อเป็นความรู้สดับสติปัญญาครับ

    ขอบคุณมากครับผม

    ({) ฟันนธงคราบ
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ของอย่างนี้แนะนำให้ไปพิสูจน์ด้วยตนเองได้เลยครับ...ทุกวันนี้ท่านยังอยู่...

    ลองถามพี่ GooGle ดูนะครับ...เรื่องพระธาตุเสด็จ วัดปันเสา เชียงใหม่...
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ท้าพิสูจน์เลยค่ะ :cool: ไม่ได้โม้ไปวันๆ
     
  8. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516
    ขอบคุณมากมาย

    ขอบคุณมากมาย ที่นำมาแบ่งปัน

    สนุกดี เป็นแนวทางให้ผู้สนใจดีมากเลย

    ชอบครับ
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ของจริงต้องพิสูจน์ได้นะครับ..ถูกปะ....แม้คนจริงก็ต้องกล้าที่จะพิสูจน์....

    ไม่ใช่ว่าฟังตามกันมา โม้ไปโม้มา คิดอนุมานเอาเอง พูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น นี่น่าเบื่อนะ ว่าไมครับ...
     
  10. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    พ่อหมอมีอีกไหมครับ

    เอาอีก อ่านเล่นแก้เหงาดีมากเลยครับ

    ดีกว่า ว่ากัน เหน็บแนม เสียดสีกันไปมา

    ไม่เกิดประโยชน์อะไร มีแต่โทษ

    เอาอีกครับ พ่อหมอ.....
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ว่าไปแล้ว คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หมอกฤช comfirm<!-- google_ad_section_end --> นี่มีคนรักเยอะนะ ตามรักคุณเยอะ ไปใหนมีแต่คนตามรัก...

    แต่ก่อนผมก็เป็นลักษณะนี้หละ...มีความดีพิเศษ คนตามรักผมเยอะ...ช่วงหลังๆนี่เขาไม่ค่อยตามผมละ...ไม่รู้ว่าเขายังแอบรักผมหรือเปล่า... ^-^ นี่บางครั้งต้องภูมิใจนะว่าเขาให้ความสำคัญเราอะไรขนาดนั้น....
     
  12. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    บางทีผมก็เคยนะ

    เคยนั้งวิเคราะห์ว่า

    ทำไมคนเราต้อง

    เสียดสี ถากถาง

    เหน็บแนม

    ว่าเกิดจากอะไร


    ผมก็คิดพิจรณาจนเข้าใจ

    ด้วยปัญญาว่า

    ว่าอาการเหล่านี้

    เกิดจากการไม่พอใจ

    หรือปฎิฆะ หรือมีอารมณ์ขุ่นใจ

    ก็เลยมาสรุปได้ว่า ใจมันขุ่นข้อง

    หรือใจเศร้าหมอง (กิเลส=เครื่องเศร้าหมอง)

    เมื่อกิเลสตัวนี้ กินการแสดงออกก็เป็นอย่างที่เห็นกัน

    ไฟตัวนี้มันเผาใจตนเอง ก็เลยทนอยู่ไม่ได้

    เกิดอาการทุรนทุราย เผาตัวเองไม่พอ

    เอาไปเผาชาวบ้านเข้าให้อีก

    นี่ ไฟกองนี้ มันร้ายนะ

    อย่าไปเผลอคบกันนะครับ
     
  13. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    สงสัยจะเป็นความรักขั้นรุนแรง


    อ้อ หรอครับ แฟนคลับเยอะ ไปไหนก็มีคนตามกันแยะครับ

    คุณ ภานุเดชครับ ผมก็พยายามมองให้เป็นโลกธรรมแปดนั่นละครับ

    ({) ฟันธงคราบ
     
  14. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452

    นี่ขนาดผมเล่าเรื่องคุยกันแก้เหงา แก้รำคาญ

    ยังไม่ได้แวะลงหาใครเลยนะครับ

    แฟนคลับ ยังตามมาเชียร์ โดยไม่ต้องมีสาเหตุ

    ({) ฟันธงคราบ
     
  15. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    คุณเอ้ย คิดอะไรมาก ทั้งคนพิพม์ก็ดี คนอ่านก็ดี ในนี้ไม่เห็นใครจะเป็นพระอรหันต์กันสักคน....มองไปมองมาปุถุชนทั้งนั้น ว่าไปมันก็เป็นธรรมดาของโลกนะ...พวกนี้ส่วนใหญ่เก่งบอร์ด ของจริงไม่กล้ากันหลอก...อาจเป็นเพราะเก็บกดอย่างไรไม่ทราบ หรือปกติอาจมีปมด้อยไม่ได้รับความยอมรับจากสังคม เลยเข้ามาระบายกันหรือเปล่า ประมาณอยากดี อยากเด่น ฉันเก่ง ฉันเลิศ เรื่องคนอื่นรู้หมด เรื่องทั้งโลกรู้หมด ไม่รู้แต่เรื่องเดียว เรื่องตัวเอง.....บอร์ดพลังจิตก็เลยกลับกลายเป็นสถาพส้วมดีๆนี่เอง...ลำบากเจ้าหน้าที่กลายเป็นคนเข้ามาตามเช็ดตามล้าง...เออ เราพูดตรงไปหรือเปล่า...เดี๋ยวคนตามรักผมเยอะอีก...<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เออ..นั่นหละ คนมันหล่อ ....
     
  17. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    จริงๆ กระทู้มีสาระนะครับ แต่ทำไม แต่ละคอมเม้น เป็นแบบนี้เนีย
     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ว่าไปเอาหละพอก่อน นี่เขามาทักละ....

    เอานะเชิญพิสูจน์กัน...นอกจากที่ผมเคยเจอนี่ยังมีที่ใหนกันอีก...ใครเคยเห็นช่วยโพส...ไว้ผมผ่านไปจะไปพิสูจน์ดูกัน...อย่างน้อยได้ทราบหลักสูตรในพระพุทธศาสนาที่ท่านสอนนี่มีบุคคลทำได้จริง....ไม่ใช่เพียงอยู่แต่ในตำรา....

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ....
     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    สัมภาษณ์ครูฝรั่งสอนโยคะ... เรื่องตรวจสามภพ โลกันต์ พระนิพพาน

    [​IMG]




    คุณลอเรน รีด จอห์นสัน
    อายุ 24 ปี เป็นครูสอนโยคะ ชาวอเมริกัน

    ผู้มาฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อสดฯ แม้เขาจะมีเวลาเรียนรู้ได้แค่ 2 สัปดาห์ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้บันทึกการสัมภาษณ์ลอเรนมีความยาว 15 นาที
    ลอเรน รีด จอห์นสัน อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่นอร์ธฮอลิวูด แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นนักบำบัดด้วยการนวด เป็นครูสอนโยคะ และเป็นนักเรียนการแสดง

    ลอเรนฝึกโยคะซึ่งเรียนมาจากครูชาวอินเดียอยู่ทุกวันเป็นเวลานานถึง 5 ปี เขารู้สึกว่ารีชี่โยคะช่วยให้เขานั่งเจริญภาวนาได้ดี การฝึกโยคะนี้รวมถึงการจำกัดอาหารเหลือแค่ผลไม้และผักเท่านั้น

    ลอเรนและภรรยามาฮันนีมูนกันในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายหญิง แล้วตระเวนไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาผู้ที่สอนเจริญภาวนาเป็นภาษาอังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เองได้นำเขามาสู่วัดหลวงพ่อสดฯ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมกายเลย พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจึงแนะนำให้เขามาร่วมกิจกรรมแบ่งกลุ่มเจริญภาวนาตอนเช้าวัน อาทิตย์ ซึ่งทำให้ท่านรับรู้ถึงความสามารถอันพิเศษของลอเรน ท่านจึงให้รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาทำหน้าที่สอนเขาทุกๆ วัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ พระภาวนาวิสุทธิคุณ ก็เริ่มสอนเขาเป็นการส่วนตัว แม้ลอเรนเรียนได้แค่ 2 สัปดาห์ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้บันทึกการสัมภาษณ์ลอเรนมีความยาว 15 นาที






    ผู้สัมภาษณ์ของช่อง 9 : สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ. คุณได้เรียนรู้อะไรจากการเจริญภาวนา ?

    ลอเรน: อันดับแรก ผมได้เรียนวิธีการรวมใจหยุดนิ่งตรงศูนย์กลางกาย. หยุดนิ่งถูกส่วนตรงนั้น ศูนย์กลางขยายออกไปเป็นดวงใสรอบตัว เมื่อใจหยุดกลางของหยุดเรื่อยไปก็หยุดในหยุดกลางของหยุดเรื่อยๆ ไป ได้เข้าถึงกายละเอียดๆ ต่อๆ ไปจนสุดละเอียดจนถึงธรรมกาย

    คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายในท้องของคุณ ?

    ผมรู้สึกสงบเยือกเย็นมาก อย่างล้ำลึก และความสุขที่แผ่ขยายออกมา

    เมื่อเจริญภาวนาถึง 18 กาย และถึงธรรมกายนั้น คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

    รู้สึกว่าแต่ละกายที่เข้าถึงนั้น [กิเลส]เบาบางลงตามลำดับ เริ่มตั้งแต่กายมนุษย์ซึ่งเป็นกายที่หยาบที่สุดและเป็นกายโลกิยะ ถึงกายมนุษย์ละเอียดต่อๆ ไปจนถึงสุดละเอียดได้ถึงธรรมกาย ซึ่งเป็นกายที่ทึบน้อยที่สุด. มันพ้นจากความรู้สึกยึดถือในความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น.

    คุณรู้สึกไหมว่า สิ่งที่คุณได้เห็นเป็นของจินตนาการหรือของจริง ?

    ใช้จินตนาการน้อยมาก [อาจใช้ในช่วงแรกๆ ในระดับขณิกสมาธิ]. แต่สิ่งที่เห็นนั้นปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ. ผมเพียงแต่เพ่งไปที่กลางของกลาง แล้ว[ดวงและกายต่างๆ]ก็ปรากฏขึ้นเอง.

    คุณได้เห็นนรก-สวรรค์บ้างไหม

    เห็นครับ

    แล้วคุณเห็นอะไรที่นั่น

    ได้เห็นหลายอย่างครับ. ในนรก, เห็นการลงโทษที่แตกต่างกันหลายระดับมาก. เห็นผู้คน[สัตว์นรก]มากมายกำลังถูกสุนัขกัด มันดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก. พวกเขาพยายามวิ่งหนี - ปีนต้นไม้ที่มีหนามแหลม [ต้นงิ้ว]. ยังถูกสัตว์ที่คล้ายแร้งจิกทึ้งจนพลัดตกลงมาจากต้นงิ้ว แล้วก็ถูกสุนัขก็จะเข้ามาจัดการกับพวกเขา.

    ผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้ เห็นเป็นสีดำมืด. ผมได้มองเข้าไปในจุดศูนย์กลางกายของพวกเขาเพื่อดูว่าทำไมพวกเขาจึงต้องไป อยู่ในนั้น - เป็นเพราะประพฤติผิดในกาม. และผมได้เห็น[ว่าเขาทำ]สิ่งที่น่าละอาย ความผิด และสิ่งที่ชั่วร้ายต่อจิตใจ.

    ผมไปยังอีกระดับหนึ่ง [นรกอีกขุมหนึ่ง] เห็นผู้คน[สัตว์นรก]อยู่ในกระทะ[ทองแดง]ใหญ่ … ใหญ่มาก! ร้อน! มีสิ่งซึ่งดูเหมือนของเหลวร้อนหรือโลหะหลอมเหลว เหมือนตะกั่ว [หมายถึงน้ำทองแดงร้อนจัดที่สัตว์นรกต้องดื่ม]. มันแผดเผา[อวัยวะ]ภายใน. บางคนก็ต้องดื่มของเหลว ที่มีกลิ่นเหม็นมาก แย่มาก [หมายถึงน้ำทองแดงนั้นเอง].

    และผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้อีก ได้เห็นว่า [พวกเขาได้รับวิบากกรรมเช่นนี้ เป็นเพราะ]ดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นส่วนมาก. รวมทั้งยาเสพติดอื่นๆ, แต่ส่วนมากเป็นแอลกอฮอล์ [เพราะเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย และโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้].

    และแล้ว, ในนรก, สิ่งที่ร้ายสาหัสที่สุดที่ผมเห็น - ลึกลงไปกว่าระดับ[นรกขุม]ที่ 8 - ลึกกว่านรกของพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พวกที่พูดโกหกหลอกลวง และพวกที่ขโมย โกง คอร์รัปชั่น ของผู้อื่น - ในนรกขุมนั้น ผมเห็นผู้ที่สอนผู้อื่นผิดๆ พวกเขาเหล่านี้ถูกปิดตาจนมืดมิด. พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้และต่างคนต่างวิ่งเข้าหากันด้วยความสับสนอลหม่าน และทุกข์ทรมานมาก. ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จนดำเหมือนกับถูกลวกด้วยน้ำกรด มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ กลิ่นตลบอบอวลมาก.

    ผมได้เจริญภาวนาถึงธรรมกายที่สุดละเอียด ได้เห็นสวรรค์ซึ่งตรงข้ามกับนรก อย่างสิ้นเชิง. สว่างไสวมาก - สวยงามมาก. ศูนย์กลาง[กาย - ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย]ของเทพดาเหล่านี้ส่องรัศมีสว่างนัก. ในนรก สัตว์นรกมีศูนย์กลาง ดำมืดมัวมาก. ในสวรรค์ ผมเห็นเทพยดาบนสวรรค์มีรัศมีใสสว่างเป็นประกาย ประดุจดังแก้วผลึก. และผมสามารถดูไปที่ศูนย์กลางของเทพดาเหล่านี้ และรู้เห็นว่า ทำไมพวกเขาได้มาอยู่บนสวรรค์ - ก็เนื่องจากสิ่งที่เป็นบุญกุศลทั้งหมด, กรรมดีมากมายที่เขาได้ทำแก่[ตนและ]ผู้อื่น.

    เทวดาบางตนอยู่บนพื้นดิน; บางตนอยู่ในอากาศ และผมเห็นเทวดาอยู่ในต้นไม้ก็มาก.

    แต่, ความแตกต่างสำคัญระหว่างสวรรค์กับนรก ก็คือ สิ่งที่ผมเห็นที่ศูนย์กลางกายของสัตว์นรกและเทพดาเหล่านั้น - ไม่กรรมดีก็กรรมชั่ว อย่างใดอย่างหนึ่ง [สองอย่างนี้เท่านั้น ที่พวกเขาได้ทำลงไป เห็นปรากฏได้ที่ศูนย์กลางกาย - บุญกุศลนำให้มาเกิดเป็นเทวดา ส่วนบาปอกุศลนำให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก].

    คุณก็ได้เห็นทั้ง 2 ฝ่าย - ระหว่างสวรรค์กับนรก ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่ผู้คนพากันทำ. แล้วคุณได้เห็นพระนิพพานไหม ?

    ครับ, ผมเห็น. พระนิพพานอยู่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ. ผมไม่เห็นธาตุทั้ง 4 เหล่านี้เลย. ผมได้เห็นพระนิพพานธาตุ นับไม่ถ้วน - เท่าที่ผมจะเห็นได้. และมีรัศมีเจิดจ้า สว่างไสว.

    คุณคิดว่าอะไร คือประสบการณ์ที่ดีที่คุณได้ปฏิบัติเข้าถึง ได้รู้ และได้เห็นจากการเจริญภาวนานี้ ?

    ผมรู้สึกว่า วิธีเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายนี้ มีความพิเศษ เป็นการปฏิบัติทางตรง ทำให้ผมได้มีประสบการณ์อย่างสูง.






    เมื่อคุณกลับไปสหรัฐอเมริกาแล้ว คุณจะทำอะไร ?

    ผมวางแผนไว้ว่า จะสอนวิชชาธรรมกาย. ผมมีลูกค้าซึ่งผมสอนโยคะ, การเจริญภาวนา และการนวดอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าการแนะนำวิชาธรรมกายให้จะช่วยให้พวกเขาให้ช่วยตนเองได้.






    Channel 9 Interviewer: Good morning. It's nice to meet you. What did you learn from meditation?

    Loren: Well, I learned first to focus my attention on the center of the center of the body. And, from there, the center expanded to surround my entire body. As I continued to focus on the center, I saw my refined human body and became that - continuing to focus on the center. This happened again and again, all the way until I reached my refinest Dhammakaya body.

    And, how did you feel when you first reached your own nucleus in your stomach?

    It felt very cool and calm and a very deep, expanding sense of joy... happiness.

    And how did you feel after you completed all 18 bodies and reached Dhammakaya?

    Well, each body became less and less dense. So, we begin with the human body which is the most crude and mundane, and then it becomes more and more refined until it reaches the most refined Dhammakaya which is the least dense. It totally transcends any sense of personal ego.

    And, did you feel that what you saw was imagination or reality?

    Very little imagination. It happened automatically. I just focused on the center of the center and it appeared by itself.

    And did you see hell or heaven?

    Yes.

    And what did you see there?

    Well, many things. In hell, I saw many levels of different punishments. I saw different people in one level who were being attacked by a dog - very mean and angry. And, they were trying to escape - climbing a tree with thorns. Also, like vultures were trying to attack them and they would fall and then the dog would get them.

    And, I would look at the nucleus of the people - very dark. In the nucleus I would see why they were there - because of sexual misconduct. And I would see lots of shame and guilt and mental poison.

    And then we went to another level and I saw a large caldron ... Large! People were inside it. Hot! With what looked like a very hot liquid or melted metal like lead.

    And they are inside, burning. And some had to drink this very smelly - very bad liquid.

    And I look at their nucleus and I see that most had drunk alcohol. Also some drugs and things, but mostly alcohol. And they drink the liquid and it cooks their organs - especially the brain. It fries the brain.

    And then, in hell, the worst thing I saw - below the 8th level - below the murders and all the liars and thieves - I saw the false teachers. And they had blindfolds. They couldn't see and they were running into each other - chaos and lots of torment. And their bodies were burned dark like they had been scalded with acid. There was a dead smell - a very thick smell.

    And then I became the refined Dhammakaya and then we saw heaven. And there we saw the opposite, really. Very luminous - very beautiful. The center of the beings was very radiant. In hell the beings had a very dark, cloudy nucleus. In heaven I saw them very radiant and glowing like a crystal sphere. And, I could look into the center and see why they were there - all the meritorious things, the many good deeds they did for the people.

    Some were on earth; some flying through the sky. I saw many in trees. But, the main difference between heaven and hell was what I saw at the center of the beings - either evil deeds or good, meritorious deeds.

    So, you saw both sides - hell and heaven and the good things and bad things that people do. And, did you see Nirvana?

    Yes, I did. It goes beyond what we think of as earth and water and fire. All of these things, I saw none of. I saw countless saints and Buddhas - as far as the eye could see. And they were very very radiant, with glowing centers. I focused on them and I could see all the good things they did to make them so brilliant.

    But, the most luminous, in the center, was Buddha - the Primordial Buddha - surrounded by Buddhas. And, I asked for permission, and I touched Lord Buddha on the leg. And it felt very very cold, like ice.

    What do you think were the good points that you got from meditation?

    Well, I feel that this particular style of meditation, Dhammakaya, is a very very direct way to experience directly my highest self.

    And, when you are back in America, what will you do?

    Well, I plan on teaching Dhammakaya. I have clients that I practice meditation, yoga and massage with already, and I believe that sharing Dhammakaya with them will help them to help themselves.<!-- google_ad_section_end -->

    ข้อมูลจากกระทู้ที่ตั้ง โดย คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดาบหัก<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5813760", true); </SCRIPT>

    http://palungjit.org/threads/สัมภาษณ์ครูฝรั่งสอนโยคะ-เรื่องตรวจสามภพ-โลกันต์-พระนิพพาน.329646/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นี่แนะนำเพิ่มเติมนะครับ...ถ้าผู้มีปัญญาเล็กน้อยจะทราบว่า คุณ ลอเรน รีด จอห์นสัน ที่เป็นฝรั่ง เกิดที่สหรัฐ ห่างไกลพระศาสนา ฝึกกรรมฐานจากอาจารย์ท่านเพียง ๒ อาทิตย์ เขาทำได้ขนาดนี้....แล้วอาจารย์ท่านจะทำได้ขนาดใหน....

    ถ้าใครอยากพิสูจน์ว่าคุณ ลอเรน รีด จอห์นสัน ทำอย่างไรถึงทำได้อย่างนั้น ก็เชิญได้ที่ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี ได้เลยครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...