หลวงปู่หล้า สนทนาธรรม กับหลวงปู่บุญฤทธิ์

อ้าว ก็ สิ่งเหนือเหตุ เหนือผล เหนือโลก เนี่ยะ มันมี

วิมุตติ เนียะ มันมี

แต่จะให้ พวกเราๆชี้วิมุตติ อ้าว อย่างเราๆเนี่ยะ ชี้วิมุตติ ไม่ได้หรอก

พวกเราคุยได้อย่างมากก็ สิ่งที่ไม่ใช่ธรรมะ สิ่งที่ไม่ใช่วิมุตติ ทั้งนั้นแหละ

หรืออาหลง จะบอกว่า รู้วิมุตติ

ดังนั้น หากอยากทราบ วิมุตติ ต้องไปคุยกับ พระ หนะ ถูกอยู่แล้วนิ

 

อย่าลืมนะ บุคคลที่สำคัญตัวว่าเที่ยง แล้วเนี่ยะ

มี บุคคลทำอนันตริยกรรม5 กับ นิยตมิจฉาทิฏฐิ เท่านั้น
ที่ตัวเองเป็น ปุถุชนแท้ๆ แต่รู้สึกว่า ตนเที่ยง ตนวิมุตติ หลุดพ้น

อาหลงเคยไปด่าพระที่ไหน ไปลดคุณท่านให้ผู้อื่นเข้าใจว่าท่านมีคุณเท่านั้น
เท่านี้ ไม่ถึงเท่านั้นเท่านี้ บ้างหรือเปล่า

ถ้าไม่มี

ก็ต้องสำรวจอีกว่า เป็นพวก นิยตมิจฉาทิฏฐิ หรือเปล่า

ทำไมถึงได้เกิดอาการ รู้วิมุตติ ขึ้นมา ได้ ทั้งๆที่ เป็น ปุถุชน

 

นิพพานก้เป็นเรื่องพ้นเหตุปัจจัยไปแล้ว


ส่วนที่ถาม พบผู้รู้ ทำลายผู้รู้

นั้น แสดงเหตุ ไปว่าผู้รู้นั้นก็ไม่เที่ยง

โพสที่น้าเอกทัก เรื่องตรรกะอะไรเนี่ยล่ะ ^^

 

simi..........simi................ชิมิ..........ชิมิ.........พี่หลง.....

 

ฮุย บางแวก คงเป็นชื่อเซียนพระละมั้ง

 

ลืมเรื่องด่าพระไปเลยครับ ไม่ปรากฏอยู่ในหัวใจ

ที่คุยๆกัน เป็นเรื่องธรรมเป็นที่ตั้ง เป็นของแตะได้ ปรับความเข้าใจให้ถูกต้องได้

 

ได้มาแค่นี้หรอ :'(

 

ฮึย ก็บอกแล้วว่า ให้ไปคุยกับพระ

ผมก็บอกชัดนี่ว่า ฟังมาจากพระ

นี่ๆ ถ้า อาหลง มั่นใจเต็มที่เลยว่า อาหลงนี่ แทงตลอดด้วย อรหัตถมรรค
ได้แน่นอน แทงพรวดเดียวแบบ อรหัตถมรรคได้แน่นอน ก็เอา เรื่อง ทำลาย
ผู้รู้ ไปคุยกับท่านได้เลย

แต่ถ้าไม่ใช่ อรหัตถมรรค ก็ ช่วยไปทำสมาธิ ตั้งผู้รู้ มาดูเล่นๆ ก่อน

มันส์กว่า

 

นี่ถ้าตอบ ฮุย อโศเนี่ย...

ผมจะรีบไปเล่น ซิมชิมิเลยนะเนี่ย

 

ทำไมไปมองเรื่องอวดรู้ มั่งใจข้าเจ๋งอะไรแบบนี้กันหว่า

ก็ออกตัวไปแล้วว่าเป็นคำใหม่ ไปค้นมา ความหมายก็ไม่ตรงกัน

จึงถามกลับไป นี่ท่านอโศก็อธิบายกลับ เราก็ให้เหตุผลกลับเช่นกัน

เรื่องต้องไปคุย ไปถามหรือไม่ มันไม่จำเป็นหรอกครับ

โลกของท่านเป็นโลกผู้สละแล้ว ส่วนเรายังอยู่ในโลกผู้ข้องกาม

มันคนละโลกกัน

 

หลง เอ็งคงติดพุทธภูมิ บารมีเอ็งยังอีกนาน
ถ้าอยากเข้าถึงธรรม ไปกล่าวลาซะ

 

อ่านไม่เข้าใจเหรอ

ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง

เช่นไปกล่าวว่า "พระท่านยังไม่สำเร็จ แต่ท่านศึกษาอยู่..." อะไร
แบบนี้ ก็ถือว่า พูดจาเพื่อชักชวนให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ท่านไม่คุณธรรมบาง
ประการ มีเพียงคุณธรรมอีกบางประการที่ผู้กล่าวระบุ อันนี้แหละ
ถือว่า ลดคุณ

หรือ

ไปกล่าวว่า "พระท่านตอนแสดงธรรม ท่าน ยังไม่แจ้งวิปัสสนาญาณ"
นี่ก็เข้าข่ายชักชวนให้เข้าใจว่า ท่านไม่มีคุณธรรมบางประการ มีเพียง
คุณธรรมอีกบางประการที่ผู้กล่าวระบุ

ซึ่งจะไม่เหมือน การทักคำสอน ว่าตรงนั้น น่าจะเป็นอย่างนั้น ตรงนี้
น่าจะพูดอย่างนี้ อันนี้ ถือว่า ถกในข้อธรรม ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้
ไปวิจารณล่วงถึง คุณธรรมภายในตัวท่าน ไม่ได้ เอาสมบัติท่านมาชี้

 

พูดเรื่องจริง เพราะสิ่งที่ท่านกล่าว ยังเป็นการเข้าไปพัวพันในตัวผู้รู้ แถมท่านยังติดดูตามผู้รู้ถี่ยิบ
นั่นแหละ เอาเท่านั้น ไม่อยากพูดมาก

 

เอ้า คุณนี่ก็แปลกคน

ก็เห็นอยู่ว่า ในพระไตรปิฏกนั้น ใช้ในความหมายอย่างหนึ่ง

แต่ พระท่านใช้ในอีกความหมายหนึ่ง ที่ดูเหมือนแปลกออกไป

คุณบอกว่า ถามคุณ อโศ ก็ได้

แต่ก็ไป ย่ำหัวคุณ อโศ ว่า เป็นผู้ข้องกามเหมือนกัน

อ้าว แล้วคุณจะได้ คำตอบเรื่อง อกุปธรรม เหรอ

คุณคิดว่า คุณอโส จะตอบเรื่อง อกุปธรรม ให้คุณฟังได้เหรอ

เขาก็ต้อง echo ออกมาจากคำพระเหมือนเดิม ก็จะถูกต้อง น่ารัก

แต่ถ้า คิดเอาเองมาตอบ แล้ว คุณจะฟังสิ่งเหล่านั้น จำสิ่งเหล่านั้นไปเหรอ

ก็ได้นะ ไม่ว่ากัน ตรงนี้ มันขึ้นกับ ปฏิภาณ ไหวพริบ มันสอนกันไม่ได้

 

ถามผมรึยัง ว่าหมายถึงอะไร

แล้วคำว่า ไม่สำเร็จ นี่ใส่เองถูกไหม

ที่ทักเรื่องยังศึกษาอภิธรรมอยู่ นี้เรื่องจริง

คุณฟังธรรมท่านสิ มีกลิ่นอภิธรรมอยู่

ทีนี้ท่านกล่าวอภิธรรมที่ระดับไหน คนศึกษามาบ้างย่อมฟังออก

นี่ต้องยอมรับสิว่า อภิธรรมไม่ได้จำกัดอยู่ในพระอย่างเดียว

ฆราวาสก็ศึกษาได้

 

ก็ในเมื่อ คุณเห็นว่า ท่านสื่อให้เห็นได้ว่า ท่านกำลังปฏิบัติถี่ยิบ

นั่นก็แปลว่า ท่านพูดอธิบายให้คุณเห็นตาม ใน มรรค

ในเมื่อเป็นการกล่าวมรรค แล้วท่านจะผิดอะไรหละคร้าบ

ท่านสอนให้คนมุ่งปฏิบัติดูถี่ยิบ อยู่โต้งๆเลย ไม่ใช่เหรอ

 

น้าเอกกลับไปอ่านอีกรอบสิ ว่า ผมแสดงความดูถูกคุณอโศในขณะที่สอบธรรมไหม

เรามาเพิ่มทัศนะ เราเห็นอย่างนี้ ท่านอโศเห็นอย่างนี้

ก้เป็นเรื่องแลกเปลี่ยน พอจบก็คือวาง

มันก้เป็นกาลมสูตร

 

แล้วใครไปว่าผิด คุณไม่ใช่หรือที่ทึกทักไปเอง
ของแบบนี้เป็นธรรม พูดได้สิ ไม่ใช่ต้องไปกลัวว่า พูดไม่ได้ เป็นลับลมคมใน

 

ไม่มีคะแนนให้เหมือนกันนะลุง

 

อาหลง คุณ อย่าพิกลิ้นสิ

มันเป็นไปไม่ได้หรอก หากคุณ เล็งเห็นแต่ว่า อ๋อ ท่านกำลังกางหนังสือ
อ่านอภิธรรม แล้วคุณก็ หลบควับ อ้างเลยว่า ที่พูดว่า ท่านยังศึกษาอยู่

ท่านยังเป็นผู้ที่ศึกษาอยู่ เนี่ยะ กลายเป็นว่า ท่านจับตำราอ่านอยู่


คนเรานะ ถ้าเห็น เขาสร้างเรืออยู่ ไม่มีหรอกที่จะไปทัก ว่าทำไม
ไม่เอาเรือมาแล่น

ไม่มีหรอกที่จะไปทักว่า "ทำไมไม่อธิบายเจตสิก ซึ่งสำคัญมาก"

คนกำลังเรียนอยู่ ก็ต้องชัดสิว่า เขากำลังเรียน จะไปถามทำไมว่า

ทำไมไม่เอาเรื่องเจตสิกมาอธิบาย ซึ่งสำคัญมาก มันก็เห็นๆว่า
เป็นภาษา "ติเรือทั้งโครง"

ดังนั้น อาหลง อย่าพลิกลิ้น ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองว่า ที่กล่าวออก
มาว่า

"ท่านยังเป็นผู้ศึกษาอยู่" เจตนาจริงๆ มันอยู่ที่ตรงไหน