หลวงปู่หล้า สนทนาธรรม กับหลวงปู่บุญฤทธิ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 13 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    “เมื่อได้เห็นสังขารว่าไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อนั้นย่อมหน่ายในทุกข์ นั้นแหละทางแห่งวิสุทธิ นั้นแหละ ทางแห่ง ศีล สมาธิ และปัญญาวิสุทธิ กลมกลืนกันอยู่”


    “เมื่อไม่เอาปัจจุบันเป็นพยาน ฉะไหนจะสิ้นความสงสัยของตนได้”


    “เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว เห็นโลกทั้งโลกแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยอนิจจัง”


    “ผู้รู้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เร็วที่สุด จิตก็เหมือนกัน ติดต่อกันอยู่ หาระหว่างไม่ได้ ใครว่าจิต ไม่เกิด ไม่ดับ ผู้นั้นเป็น มิจฉาทิฏฐิ เหตุฉะนั้นท่านจึงบัญบัติว่า รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่า จิตเป็นพระนิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่าพระนิพพาน เป็นจิต”


    “เพราะอยู่เหนือจิต อยู่เหนือสังขารแล้ว ไม่สำคัญว่าจิตเป็นตน ตนเป็นจิต ก็ไม่ลำบากในจิต ไม่สำคัญว่าทุกข์ เป็นตน ตนเป็นทุกข์ ก็ไม่ลำบากในทุกข์ สิ่งไหนถ้ามีตนเข้าไปสอดแทรก สิ่งนั้นก็มีเรื่องมาก ถ้าเข้าไปสำคัญสอดแทรกว่าตัวกู ของกูก็ต้องตามไปด้วย เมื่อของกูตามไปด้วย ที่นี้ของมึงก็ตามมาด้วย แล้วก็เกิดทะเลาะกัน ถูกไหม๊?”


    “จะมาหาพระอรหันต์ในสกณร่างกาย มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในขันธ์ 5 มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในบุคคล มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ”


    “ตัวสติแท้ๆ มันเกิดไว ไม่ทันรู้ตัวหรอก แปล๊ปอย่างกะไฟฟ้า ทีเดียวมันก็ทำลายโมหะหมดแล้ว มากน้อย มันไม่ทันรู้ตัว มันเกิดหนเดียวแล้วก็ดับไป ไอ้ตัวที่เป็นมรรคแท้ๆ มันเกิดไม่ทันรู้ตัว มันแว๊ปเดียวไม่ถึงวินาที มันไม่มีถามตอบอะไร แปล๊บเดียว เหมือนมือจิ้มไฟ ก็ร้อนเลย ไ้อ้สติที่ว่าเดินเหินข้างนอก มันเอาไว้ใช้ในทางโลกเท่านั้นเอง”


    “ถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่ต้องปฏิบัติออกจากทุกข์ มันมีทุกข์ จึงปฏิบัติออกจากทุกข์ เราหนีทุกข์ หรือให้ทุกข์หนีจากเรา เรารู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็หนีเอง ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่หนี”


    คัดลอกจาก www.dharma.in.th/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2012
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เพิ่มเติมครับ

    หลวงปู่หล้า เขมะปัตโต


    “เมื่อได้เห็นสังขารว่าไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อนั้นย่อมหน่ายในทุกข์ นั้นแหละทางแห่งวิสุทธิ นั้นแหละ ทางแห่ง ศีล สมาธิ และปัญญาวิสุทธิ กลมกลืนกันอยู่”


    “เมื่อไม่เอาปัจจุบันเป็นพยาน ฉะไหนจะสิ้นความสงสัยของตนได้”


    “เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว เห็นโลกทั้งโลกแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยอนิจจัง”


    “ผู้รู้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เร็วที่สุด จิตก็เหมือนกัน ติดต่อกันอยู่ หาระหว่างไม่ได้ ใครว่าจิต ไม่เกิด ไม่ดับ ผู้นั้นเป็น มิจฉาทิฏฐิ เหตุฉะนั้นท่านจึงบัญบัติว่า รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่า จิตเป็นพระนิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่าพระนิพพาน เป็นจิต”


    “เพราะอยู่เหนือจิต อยู่เหนือสังขารแล้ว ไม่สำคัญว่าจิตเป็นตน ตนเป็นจิต ก็ไม่ลำบากในจิต ไม่สำคัญว่าทุกข์ เป็นตน ตนเป็นทุกข์ ก็ไม่ลำบากในทุกข์ สิ่งไหนถ้ามีตนเข้าไปสอดแทรก สิ่งนั้นก็มีเรื่องมาก ถ้าเข้าไปสำคัญสอดแทรกว่าตัวกู ของกูก็ต้องตามไปด้วย เมื่อของกูตามไปด้วย ที่นี้ของมึงก็ตามมาด้วย แล้วก็เกิดทะเลาะกัน ถูกไหม๊?”


    “จะมาหาพระอรหันต์ในสกณร่างกาย มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในขันธ์ 5 มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในบุคคล มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ”


    หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต

    “ตัวสติแท้ๆ มันเกิดไว ไม่ทันรู้ตัวหรอก แปล๊ปอย่างกะไฟฟ้า ทีเดียวมันก็ทำลายโมหะหมดแล้ว มากน้อย มันไม่ทันรู้ตัว มันเกิดหนเดียวแล้วก็ดับไป ไอ้ตัวที่เป็นมรรคแท้ๆ มันเกิดไม่ทันรู้ตัว มันแว๊ปเดียวไม่ถึงวินาที มันไม่มีถามตอบอะไร
    แปล๊บเดียว เหมือนมือจิ้มไฟ ก็ร้อนเลย ไ้อ้สติที่ว่าเดินเหินข้างนอก มันเอาไว้ใช้ในทางโลกเท่านั้นเอง”


    “ถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่ต้องปฏิบัติออกจากทุกข์ มันมีทุกข์ จึงปฏิบัติออกจากทุกข์ เราหนีทุกข์ หรือให้ทุกข์หนีจากเรา เรารู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็หนีเอง ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่หนี”
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทุติยัมปิ คร้าบบบบบ

    <marquee scrollamount=1 direction=up><table width=100% bgcolor=black><tr><td align=center>
    หลวงปู่หล้า เขมะปัตโต


    “เมื่อได้เห็นสังขารว่าไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อนั้นย่อมหน่ายในทุกข์ นั้นแหละทางแห่งวิสุทธิ นั้นแหละ ทางแห่ง ศีล สมาธิ และปัญญาวิสุทธิ กลมกลืนกันอยู่”


    “เมื่อไม่เอาปัจจุบันเป็นพยาน ฉะไหนจะสิ้นความสงสัยของตนได้”


    “เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว เห็นโลกทั้งโลกแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยอนิจจัง”


    “ผู้รู้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เร็วที่สุด จิตก็เหมือนกัน ติดต่อกันอยู่ หาระหว่างไม่ได้ ใครว่าจิต ไม่เกิด ไม่ดับ ผู้นั้นเป็น มิจฉาทิฏฐิ เหตุฉะนั้นท่านจึงบัญบัติว่า รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่า จิตเป็นพระนิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่าพระนิพพาน เป็นจิต”


    “เพราะอยู่เหนือจิต อยู่เหนือสังขารแล้ว ไม่สำคัญว่าจิตเป็นตน ตนเป็นจิต ก็ไม่ลำบากในจิต ไม่สำคัญว่าทุกข์ เป็นตน ตนเป็นทุกข์ ก็ไม่ลำบากในทุกข์ สิ่งไหนถ้ามีตนเข้าไปสอดแทรก สิ่งนั้นก็มีเรื่องมาก ถ้าเข้าไปสำคัญสอดแทรกว่าตัวกู ของกูก็ต้องตามไปด้วย เมื่อของกูตามไปด้วย ที่นี้ของมึงก็ตามมาด้วย แล้วก็เกิดทะเลาะกัน ถูกไหม๊?”


    “จะมาหาพระอรหันต์ในสกณร่างกาย มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในขันธ์ 5 มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในบุคคล มันก็ไม่เจอ ไม่เจอะ ไม่พบ”


    หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต

    “ตัวสติแท้ๆ มันเกิดไว ไม่ทันรู้ตัวหรอก แปล๊ปอย่างกะไฟฟ้า ทีเดียวมันก็ทำลายโมหะหมดแล้ว มากน้อย มันไม่ทันรู้ตัว มันเกิดหนเดียวแล้วก็ดับไป ไอ้ตัวที่เป็นมรรคแท้ๆ มันเกิดไม่ทันรู้ตัว มันแว๊ปเดียวไม่ถึงวินาที มันไม่มีถามตอบอะไร
    แปล๊บเดียว เหมือนมือจิ้มไฟ ก็ร้อนเลย ไ้อ้สติที่ว่าเดินเหินข้างนอก มันเอาไว้ใช้ในทางโลกเท่านั้นเอง”


    “ถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่ต้องปฏิบัติออกจากทุกข์ มันมีทุกข์ จึงปฏิบัติออกจากทุกข์ เราหนีทุกข์ หรือให้ทุกข์หนีจากเรา เรารู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็หนีเอง ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่หนี”
    </td></tr></table></marquee>
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คนพูดนี้ ขณะพูดนี้ วิปัสสนาญาณยังไม่แจ้ง
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาหละซี่ พระเดชพระคุณลุนช่อง ที่เคยรับรองคุณธรรม เจ้าของกระทู้

    มากาลบัดนี้ กลับเหยีบสิ่งที่ เจ้าของกระทู้ยกมา จมฝ่าเท้า !!
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    รออยู่แล้วว่า เอ็งจะต้องมา
    ใครเคยรับรองใครหรือ
    แล้วตรงไหนที่เรียกว่า เหยียบจมฝ่าเท้า
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่ยากๆ

    ถามว่า อันบรรดาคำสอนของหลวงปู่หล้า คุณ ขันธ์ ยังเล็งเห็น คำสอนไหน
    ว่า ยังกล่าวขณะที่วิปัสสนาไม่แจ้ง มีอีกไหมครับ

    ถ้ามีอีก คนที่ศรัทธา มีศรัทธาก่อเกิดที่หลวงปู่หล้า ซึ่งปัจจุบันก็มีธรรมฤทธิ์
    ประมาณหนึ่ง ที่ทำให้ ศรัทธานั้นก่อเกิด สามารถทำให้ศรัทธาใหม่ก่อเกิด

    ศรัทธาที่มีอยู่แล้วก็เพิ่ม

    แต่หาก เขายังไม่ทราบ หรือ มาทราบเอาภายหลัง ตามที่ คุณขันธ์ จะกรุณา
    จัดทำทะเบียนคำสอนพระ แสดงถึง ช่วงที่ แจ้งวิปัสสนาญาณแล้ว กับ ส่วนที่
    ยังไม่แจ้งวิปัสสนาไว้ ถามว่า ศรัทธาที่ยังไม่เกิด จะเกิดไหม

    เขาจะสงสัยไหมว่า ทะเบียนที่คุณขันธ์จัดทำ หรือ กระปิดประปรอยบอกเหมือน
    อาการรั่วเล็ด มันครบหรือยัง

    ส่วนพวกที่ศรัทธาอยู่ก่อนแล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไร ศรัทธาจะเป็นอย่างไรหาก
    มาทราบว่าบางข้อความเป็น "อธรรม" เป็นธรรมลายำที่กล่าวโดยไม่แจ้งใน
    วิปัสสนาญาณ ตามคำอ้างของคุณ ( ไม่ว่าจะจริง หรือ เท็จ )
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ่อ อันนี้ โพสให้ลุงขันธ แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย

    ก็เท้าความจากการ ด่าพระ คือ "หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ" มาไม่กี่วันก่อน

    คือพอแก ด่าพระเรียบร้อยว่า คำสอนนี้ผิด คำสอนนี้ไม่ได้เรื่อง เป็นโวหาร
    วิปัสสนาไม่แจ้ง

    พอเพื่อนๆ ทักท้วงว่า อ้าวไปด่าพระทำไม ประโยชน์ตรงไหนหรือ ?

    แกก็จะตอบว่า

    "กูด่าไปแล้ว มันจบไปแล้ว ด่าไปแล้ว ก็ถือว่าจบกันไป ย้อนไปแก้ไม่ได้"

    ดังนั้น

    อาศัยพฤติกรรมดังกล่าวนั้น ก็ขอแจงเพื่อนๆว่า หากทวงถามอะไรลุงขันธ์
    แกก็จะพูดอย่างเดิมคือ

    ด่าไปแล้วเมื่อสองวินาทีตะกี้ เป็นอดีตไปแล้ว

    คนมีธรรมะต้องอยู่กับปัจจุบัน ดังนั้น บัดนี้เขาได้พ้นจากกรรมหยาบนั้นไปเรียบ
    ร้อยแล้ว ไม่ต้องรับกรรมที่ก่อในอดีตแต่อย่างใด

    จิตแกเที่ยง กฏแห่งกรรมไร้สาระสำหรับแก (ลุงขันธ์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2012
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ชี้แจงเป็นข้อๆ

    เรื่องหลวงปู่หล้า ก็ขอชี้แจงว่า เราก็หัดมีวิจารณญาณด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปสนใจบุคคลบ้างซิ
    ไม่ได้เป็นการไปเหยียบย่ำ ทีนี้ เราเห็นของเราว่า การที่บอกว่า ผู้รู้เกิดดับถี่ยิบ แต่เราว่า ผู้รู้ไม่เกิดไม่ดับ จิตบริสุทธิ์ไม่เกิดไม่ดับ มันก็เท่านั้น

    เรื่องหลวงพ่อทูล ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้ไปเหยียบย่ำทำลาย ยังคงยืนยันเหมือนเดิมในบทความนั้น ไม่ได้บอกว่า จะต้องไปแก้ไขอะไร หรือ ผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้ เพราะไม่ได้คิดว่าผิด
     
  10. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คำว่า มิจฉาทิฏฐิ ในที่นี้
    เพราะไปเห็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นของเที่ยง สิ่งไม่มีไม่เป็น เป็นของมีขึ้นมา เป็นขึ้นมา

    เป็นสสตัตทิฏฐิ ๓ ระดับ

    ในระดับสามัญ คือ ความเชื่อ เคยชิน ความไม่รู้
    เพราะอำนาจอวิชาปกปิดอริยสัจ เป็นเป็นตัวกู ของกู

    ในระดับอีโก้ภาวนา คือ การรวมจิตตั้งมั่นในอารมณ์เดียว จนเกิดทิฏฐิเห็น จิตเที่ยง
    เพราะไม่เห็นความเป็นสันตติ ความไม่แตกฆนะสัญญา

    ในระดับซุปเปอร์อีโก้ คือ เกิดการปลงใจเชื่อในความตั้งมั่น เดินมรรคผิด
    รู้ผิด เข้าใจผิด เห็นผิด เพียรผิด ระลึกผิด จึงหลุดแบบผิดๆ
    ปล่อยอัตตาหยาบแต่ไปคว้าอัตตาละเอียดมาเป็น บรมอัตตา
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เน๊าะ พี่เจ๋งเน๊าะ กัมมุนาวะตะกีโลโก
     
  12. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    แปลว่าอะไรหว่า ......

    ....................................................................
    สักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด กายเป็นของเที่ยง เห็นจิตเป็นของเที่ยง
    ถืออารมณืเป็นตน ถือธาตุเป็นตน ถืออายตนะเป็นตน ถือขันธ์เป็น ถือโลภ โมหะ เป็นของสุข ถือรู้เป็นเรา

    สสัตทิฏฐิ ความเห็นว่าโลกเที่ยง ขันธ์เที่ยง ธาตุเที่ยง อายตนะเที่ยง ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ กูเที่ยง รู้กูเที่ยง

    อุเฉททิฏฐิ ความเห็นว่า ทุกอย่างเกิดลอยๆ ตายไปแล้วสูญ ธรรมไม่มี จิต เจตสิก รูป นิพพานไม่มี

    แก้ทิฏฐิให้วิสุทธิ ได้ด้วย

    เจริญสติรู้รูปนาม เป็นการแตกฆนะสัญญา พิจารณาปัจจุบันทีละขณะ

    เจริญสติรู้ปัจจัย เป็นการรู้ความเป็นสันตติ ความเกิด ความเป็นเหตุให้เกิดของปัจจัยต่างๆ

    เจริญรู้ไตรลักษณ์ เป็นการกำหนดรู้ทุกข์ รู้ความไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ ไม่ใช่เรา เป็นแต่รูปนาม ปัจจัยแก่กันในสภาวะปัจจุบัน
     
  13. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    หลวงพ่อสงบเทศน์้เอาไว้
    อ้างถึง

    http://www.sa-ngob.com/

    ถ้าเราบอกเกิดดับๆ เกิดดับไฟฟ้ามันก็เกิดดับ

    ถ้าบอกเกิดดับ เปิดไฟปิดไฟมันก็ดับ

    แต่มันดับแล้วมันก็เท่านั้นแหละ แต่ถ้าเราใช้ปัญญาใคร่ครวญของเราล่ะ?


    มันเกิดดับ มันเกิดดับเพราะความไม่รู้


    เราไม่รู้ มันเป็นสัญชาตญาณมันไม่รู้ แล้วสัญชาตญาณมันเผาลนอย่างไร?

    มันแยกแยะของมัน พอเรารู้เท่ามันปล่อยหมด

    เห็นไหม พอมันปล่อยหมดมันเข้าใจ



    พิจารณา ซ้ำ พิจารณาซาก จาก ตทังคปหาน คือ ปล่อยวางชั่วคราว

    พอปล่อยวางมันก็มีความสงบระงับ มันมีความร่มเย็นเป็นสุขมาก

    อยากได้อีกมันก็ทำไม่ได้ ก็ฝึกฝนเข้าไปเรื่อยๆ จนชำนาญ ชำนาญในวสี

    ชำนาญในการใช้ปัญญาในการถอดถอน

    ปล่อยบ่อยครั้งเข้าๆ นี่ ถ้าตทังคปหานจนมันสมุจเฉทปหาน


    ถ้ามัน สมุจเฉทมันขาดพั่บ

    กายเป็นกาย จิตเป็นจิต ทุกข์เป็นทุกข์

    ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์ ๕



    ขันธ์ ๕ คือความคิด เห็นไหม ที่มันเสวยอารมณ์ เสวยขันธ์ ๕ ๆ อยู่เนี่ย

    นี่เวลา สัญญาอารมณ์ สัญชาตญาณที่มันเสวยอยู่


    พอเวลามันขาด พอมันขาดไปแล้ว

    สติมันทัน ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์ ๕


    จากเดิมที่มันสืบต่อกันโดยที่เราไม่มีสติยับยั้งได้

    แต่พอเราเข้าใจได้ เรามีเซฟทีคัทในบ้านของเรา เราตัดไฟได้

    เรามีคัตเอ้าท์ของเรา เรากดคัตเอ้าท์มันก็ทำงาน เราดึงออกมันก็ไม่ทำงาน

    นี่ สติปัญญามันทัน ขนาดนั้นนะ พอมันทันขนาดนั้น มันขาดแล้ว

    ถ้ามันขาด กายเป็นกาย จิตเป็นจิต ทุกข์เป็นทุกข์ มันปล่อยวางหมด

    นี่เป็นอกุปปธรรมไง



    สิ่งที่เป็นอกุปปธรรม ที่มันไม่มีการแปรปรวน เห็นไหม

    สัพเพ ธัมมา อนัตตา กุปปธรรม


    สัพเพ ธัมมา อนัตตา อกุปปธรรม ไม่ใช่อนัตตา


    มันเป็นจริง ธรรมที่เป็นจริงๆ ที่มันเกิดขึ้นมา

    แล้วมันเป็นจริงแล้วมันควบคุมของมันได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2012
  14. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เซียนโศ อธิบายหน่อยครับ

    กุปปธรรม อกุปปธรรม คืออะไร

    แล้วความหมายทั้งหมด เป็นอย่างไร
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คำว่าจิตที่บริสุทธิ์ ไม่เกิดไม่ดับ

    มีคำถามว่า หากกิเลสยังไม่ขาดสะบั้นเป็นสมุทเฉทประหาน
    มันจะโผล่มาม๊าย

    หลวงตามหาบัวท่านก็เทสน์
    หลวงปู่พุธ ก็บอกเช่นเดียวกับหลวงตามหาบัว
    ผู้รู้ไม่มีวันดับ จะปรากฎก็ต่อเมื่อจิตตัดขาดกระแสกิเลส
    แต่หลวงตาบอกผ่านการซักฟอกด้วยปัญญา


    แต่วลีหลวงปู่หล้า

    จิตหากทำถูกก็เป็นหนทางสู่พระนิพพาน
    ผู้รู้เป็นแต่เพียงไปรู้หลังฉาก ฟาดผู้รู้ไปอีกถึงจะแจ้ง

    อีกวลีนึงท่านก็กล่าวว่า
    พระอรหันต์บัญญัติจิตไม่ถูก
    เหมือนๆแก่จะตายอยู่แล้วจะไปเรียกคุณหนู คุณหนูมันก็ไม่ถูก



    ฟังดูแล้ว ในทางอรรถไม่เห็นจะต่างกันเลย ท่านพูดลงกันหมด


    ทีนี้ หากจิตมันยังไม่ตัดขาดกระแสกิเลส มันจะโผล่มาม๊าย
    สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ เหนือสมมุติบัญญัตินั่น

    ลองดูซิว่า คำว่าวิปัสนาญาณที่มันแจ้งของลุงขันธ์ จะคมหรือทื่อ
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ถ้าข้าจำไม่ผิด เอ็งยังแยกไม่ออกระหว่่าง สวดมนต์กับทำสมาธิไม่ใช่หรือ
    เรื่องง่ายๆเอ็งยังแยกไม่ออก จะกระโดดมาถึง การไม่เกิดไม่ดับเลยหรือ

    ข้ามขั้นไปหน่อย เอ็งค่อยๆศึกษาฟังเทปหลวงพ่อพุธไปพลางๆก่อน เอาไว้โตกว่านี้ข้าจะบอก
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    งั้นมาดูนะ



    ดูที่มีเส้น ตัวอย่างที่1


    ทีนี้ ลุงขันธ์บอกว่า เดี๋ยวต่างเดี๋ยวไม่ต่าง
    ชี้มาชัดๆซิครับ ว่าผมไปกล่าวถึงอะไร

    อยู่ยกมาลอยๆ ไม่มีเหตุผล
    มันจะสมกับที่มีวิปัสนาญาณแจ้งได้อย่างไร
    กลัวคำถามซะแระ
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    อูยยยยย

    ลามะจักรทอง ซัดพลังใส่ เจ็ดประหลาดกังหน้ำ หวังชมฝีมือ ว่าลึกล้ำแลตื้นเพียงไร

    เจ็ดประหลาดกังหน้ำไหวตัวทัน โดดโหยงไปหลบหลังพิงเสา ตะโกนคำราม ๓ ครั้งว่า ดังๆว่า

    " จ้างก็ไม่โดน จ้างก็ไม่โดน จ้างก็ไม่โดน

    กลับไปแยกมาใหม่ อันไหนเสา อันไหนข้า กั๊กๆๆๆ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กุมภาพันธ์ 2012
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ก็สติของเอ็งยังมีไม่พอนะซี เอ็งจึงระลึกอะไรๆได้ไม่ถี่ถ้วน
    ขนาดว่าเอ็งพูดอะไรไปแล้วยังนึกไม่ได้ จะให้ข้าชี้บอกไปถึงไหน
    ไปฝึกทำสมาธิกับสติให้ดีก่อน จะค่อยๆเข้าใจไปเองนะ
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เชยชะมัด ไปหัดดูหนังมาใหม่ก่อน ดูลายเซ็นผมดีดี ^^

    เดี๋ยวไปไปทำวัตรก่อน เดี๋ยวมา^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...