เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ทุกข์เพราะยึดอดีต

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=JxYrb3EydRo&feature=related]ทุกข์เพราะยึดอดีต - ปัญญานันทภิกขุ - YouTube[/ame]

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ANCqjmfO5aU&feature=related"]การให้อภัย [/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=ANCqjmfO5aU&feature=related]การให้อภัย - พระไพศาล วิสาโล - YouTube[/ame]

 

มีใครสละสิทธิ์มั้ยครับ ตั้งโต๊ะรับคืนดีมั้ยครับคุณหมอ ผมยินดีร่วมด้วยทุกประการ คนรุ่นใหม่ไฟแรงๆ อย่างนี้ผมชอบ คนอิจฉาตาร้อน ปากว่าคุณธรรม อ้างครูบาอาจารย์ มีให้เห็นเยอะครับ สู้ สู้ สู้แล้วรวยครับ

 

ไม่ได้เข้ามาดูนาน เข้ามาคราวนี้กระทู้ร้อนเป็นไฟนรกเลย อ่านแล้วจิตตกมาก
ไม่เอาแหละ
ไม่อ่านแหละ

พึงรักษาจิตของเราให้ดี​

 

พระพุทธองค์ ยังต้องผจญ พญามาร

 

ที่ร้อนที่สุดอยู่ที่ใจคน สองฝ่ายหยุดแล้ว ความร่มเย็นก็จะกลับคืนมา
อ่านมาแล้ว มีคนนอกที่เจตนาไม่ดีคอยป่วนด้วยโทสาวาทอยู่ไม่กี่คน
ส่วนทางศิษย์หลวงพ่อและเจ้าของกระทู้ได้ยอมรับและขอขมาต่อผู้เกี่ยวข้องที่อาจล่วงเกินอาจารย์โดยไม่ทันฉุกคิดไปแล้ว ก็เป็นเรื่องน่าโมทนา

 

ติดใจกับคำพูดที่ว่า ' ป่วน ' ก็ถ้าการเอา ความจริง มาพูดกันแล้วบอกว่าป่วน แล้วพฤติกรรมของผู้สร้างที่ โกหก หลอกชาวบ้าน จะเรียกว่าอะไรดีล่ะฮับ

ถ้าพวกคุณพี่จะสร้างกันเอง บูชากันเองในกลุ่ม ในพรรคพวกของตัวเอง จะเอามาลงกระทู้ประกาศให้ทำบุญ เอาเงินชาวบ้าน ไปเพื่ออะไรมิทราบเอ่ย

ประเด็นหลักในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ออกมาขอโทษหรือขอขมาแล้วนะฮับ แต่มันเป็นเรื่อง ของการที่คณะผู้สร้าง กุเรื่อง โกหก หลอกลวง โฆษณาเรื่องเท็จ โปรดเข้าใจตามนี้ฮับ และกรุณาอย่าเบี่ยงประเด็นเพื่อ ปกป้อง พรรคพวกของตัวเองอีกเลยฮับ

ตอนนี้ผมได้รับ PM จากหลายท่านที่พระจองไว้ แต่ไม่กล้าออกมาเพราะกลัวโดนเล่นงานจากคณะผู้สร้าง เพราะทราบมาว่าตัวของ delta เองก็เป็น นักขายพระ ( ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนบางอย่าง ) ได้เข้ามาสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปดี ผมเองก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไร เลยจะขอไปปรึกษากับ ทางฝ่ายกฏหมาย ว่าจะสามารถดำเนินการทางกฏหมายอะไรได้บ้างหรือไม่ เพราะกรณีนี้เข้าข่าย ต้มตุ๋น หลอกลวง ซึ่งเป็นเรื่องของกฏหมาย ทางอาญาและทางแพ่ง

หากท่านใดที่จองพระไว้แล้วที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ รู้สึกว่าเสียหาย จากการกระทำของคณะนี้ ก็ขอให้แจ้งเข้ามาได้เลยฮับ

สุดท้ายนี้ผมขอเรียกร้องและขอร้องเรียนให้ทาง WEB MASTER ช่วยพิจารณาหามาตรการป้องกันและดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยต่อไปด้วยฮับ

 

ไม่ได้เข้ามาดูกระทู้นาน รู้สึกว่ากระทู้นี้จะร้อนไปตามอากาศซะแล้วนะครับ

 

ก่อนอื่นผมขอเกริ่น นิดนึงว่าผมรู้จักน้องสุรเชษฐ์(เด็กเดลต้า)ได้ยังไง

เมื่อปี 2552 ผมรู้จักน้องสุรเชษฐ์ ตอนเขาเริ่มทำล็อกเกตพระแก้วมรกต เพราะเขาโพสขอมวลสารในเวปเพื่อนำไปทำล็อกเกต
หาเงินสบทบทุนสร้างเจดีย์ภูริทัตตเถรานุสรณ์ ที่วัดป่าสามัคคีธรรม จังหวัดสุรินทร์
ตอนนั้นทางชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย ได้ช่วยเหลือการก่อสร้างอยู่ ซึ่งผมก็ได้ร่วมทำบุญในครั้งนั้นด้วย

 

ติดใจกับคำพูดที่ว่า ' ป่วน ' ก็ถ้าการเอา ความจริง มาพูดกันแล้วบอกว่าป่วน แล้วพฤติกรรมของผู้สร้างที่ โกหก หลอกชาวบ้าน จะเรียกว่าอะไรดีล่ะฮับ

ถ้าพวกคุณพี่จะสร้างกันเอง บูชากันเองในกลุ่ม ในพรรคพวกของตัวเอง จะเอามาลงกระทู้ประกาศให้ทำบุญ เอาเงินชาวบ้าน ไปเพื่ออะไรมิทราบเอ่ย

ประเด็นหลักในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ออกมาขอโทษหรือขอขมาแล้วนะฮับ แต่มันเป็นเรื่อง ของการที่คณะผู้สร้าง กุเรื่อง โกหก หลอกลวง โฆษณาเรื่องเท็จ โปรดเข้าใจตามนี้ฮับ และกรุณาอย่าเบี่ยงประเด็นเพื่อ ปกป้อง พรรคพวกของตัวเองอีกเลยฮับ

ตอนนี้ผมได้รับ PM จากหลายท่านที่พระจองไว้ แต่ไม่กล้าออกมาเพราะกลัวโดนเล่นงานจากคณะผู้สร้าง เพราะทราบมาว่าตัวของ delta เองก็เป็น นักขายพระ ( ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนบางอย่าง ) ได้เข้ามาสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปดี ผมเองก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไร เลยจะขอไปปรึกษากับ ทางฝ่ายกฏหมาย ว่าจะสามารถดำเนินการทางกฏหมายอะไรได้บ้างหรือไม่ เพราะกรณีนี้เข้าข่าย ต้มตุ๋น หลอกลวง ซึ่งเป็นเรื่องของกฏหมาย ทางอาญาและทางแพ่ง

หากท่านใดที่จองพระไว้แล้วที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ รู้สึกว่าเสียหาย จากการกระทำของคณะนี้ ก็ขอให้แจ้งเข้ามาได้เลยฮับ

สุดท้ายนี้ผมขอเรียกร้องและขอร้องเรียนให้ทาง WEB MASTER ช่วยพิจารณาหามาตรการป้องกันและดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยต่อไปด้วยฮับ

 

พอน้องเขาขอมวลสาร เลยนัดให้มาเอามวลสาร เพราะเห็นว่าเรียนอยู่จุฬาเหมือนกัน
เมื่อได้คุยกันแล้ว รู้สึกชื่นชมว่าน้องเขายังเด็กอยู่แต่มีความคิดที่จะทำบุญ ก็เลยคิดจะช่วยเหลือในการบอกบุญ และนำพระไปขอความเมตตาครูอาจารย์อธิฐานให้ (ถ้าผมมีโอกาส)

คล้ายๆกับว่าฝากกันไปอธิฐาน เพราะบางงานถ้าเราไม่ว่างจะฝากเพื่อนๆ ไป งานไหนเราว่างเพื่อนก็ฝากเราไป (ซึ่งเป็นปกติที่ทำกันมา)
ใครสร้างพระที่ละมากๆ ก็ลำบากหน่อยเพราะต้องขนพระไปทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ใครไม่เคยทำคงไม่รู้หรอกว่าลำบากแค่ไหน

 

แล้วจะทำไปเพื่ออะไร ? ทำไมไม่เอาเงินไปบุญกับวัด แล้วก็จบกันไป

สำหรับ "นักทำบุญ" ซึ่งผมรู้จักหลายท่านมีความคิดที่ต่างออกไป บางท่านคิดว่าการสร้างพระได้อานิสงส์บุญมาก
ทั้งการสร้างพระแล้วยังได้เงินทำบุญเข้าวัดอีกจะดีแค่ไหน จากเงินหมื่นบาท อาจกลายเป็นเงินหนึ่งแสนหรือหนึ่งล้านบาทได้
ซึ่งจะเห็นตัวอย่างได้จากการทำบุญตามวัดในปัจจุบัน ซึ่งมักมีพระเครื่องหรือสิ่งตอบแทนน้ำใจ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หนังสือ เสื้อ เพื่อดึงดูดใจให้ทำบุญกันมากๆ
โดยบางครั้งสิ่งของพวกนี้ วัดไม่ได้ทำขึ้นมาเอง แต่ได้รับบริจาคจากคนใจบุญทั้งหลาย
แม้แต่ท่านอ.อนันต์ อ.เบิ้ม อ.สุธันย์ ก็ทำแบบนี้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครมีใจบริสุทธิ์มากแค่ไหน

บางท่านที่ผมรู้จักนำพระที่ตนทำขึ้นใส่ในซองกฐิน ผ้าป่าไปด้วย โดยคิดว่าคนที่เขาทำบุญจะได้ทำบุญใส่ซองมามากขึ้น
แต่ก็กังวลว่าคนที่ได้ไปจะไม่เห็นคุณค่า จึงตั้งใจใส่มวลสารศักดิ์สิทธิ์ และนำไปให้พระสงฆ์หรือฆราวาสที่มีภูมิธรรมอธิฐาน
เมื่อผู้รับเห็นคุณค่าก็จะไม่ทิ้งขว้าง และยังเป็นความภาคภูมิใจของคนสร้างด้วย

 

สำหรับล็อกเกตพระแก้วมรกตที่น้องสุรเชษฐ์สร้าง ผมไม่อยากให้ทุกท่านมองว่าน้องเขาหลอกลวง
ผมรู้จักกับน้องสุรเชษฐ์และครูบาบัวพรรณ ทราบว่าเงินที่ได้จากงานนี้ถึงครูบาจริงๆ ทุกท่านได้ร่วมบุญสร้างเจดีย์แน่นอน

เรื่องการอธิฐานวัตถุมงคล ผมทราบว่าอ.อนันต์ อ.เบิ้ม อ.สุธันย์ เป็นต้นแบบการสร้างพระ และการนำพระไปอธิฐานจิตกับครูบาอาจารย์หลายๆองค์
ซึ่งน้องสุรเชษฐ์เอาเป็นแบบอย่าง (และยังได้รับมวลสร้างจากท่านมาด้วย) ในบางครั้งเหมือนจะทุ่มเทมากไปด้วยซ้ำ
เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่นค่ารถ ค่าที่พัก ถ้าเป็นผมทำ คงขอความเมตตาครูบาจารย์ไม่กี่รูปและเข้าพิธี 3-4 พิธี

 

ขอได้โปรดอย่ามองเพิ่งจุดดำเล็กๆ บนกำแพงสีขาว เพราะผมเองรู้จักน้องเขามานานพอสมควร ทราบดีว่ามวลสาร(ผมเป็นคนหนึ่งที่ตำพระแตกหักที่น้องได้มา)และการนำไปอธิฐานจิตทำกันจริงๆ (ผมไปเอง ก็หลายสิบรูป)

ผู้ที่น้องเขาฝากไปอธิฐานจิตมีพี่ๆน้องๆใจดีเป็นธุระให้เป็นสิบท่าน บางครั้งอาจผิดพลาดพลั้งไปบ้าง อย่าได้ซ้ำเติมน้องเขาเลยครับ

มีครั้งหนึ่งที่น้องเขาบอกรายชื่อครูบาจารย์ให้ผมมา แต่ผมไม่สามารถให้ครูบาจารย์บางรูปอธิฐานจิตได้ แต่น้องเขาไปโพสรายชื่อไว้แล้ว
เขายังรู้สึกกังวลใจ และพยายามไปให้ท่านอธิฐานในภายหลังเลยครับ

 

สิ่งที่ผมอนุโมทนากับน้องเขาในการทำล็อกเกตนี้มีหลายอย่าง

1.ได้ทำบุญสร้างเจดีย์ภูริทัตตเถรานุสรณ์ ที่ซึ่งประดิษฐ์ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ และรวบร่วมพระธาตุอัฐิธาตุ อังคาร เกศาครูบาอาจารย์ น่าจะมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งครูบาบัวพรรณ ท่านมีบารมีด้านนี้
2.การได้กราบ ได้ฟังธรรม ทำบุญกับครูบาอาจารย์ ตอนนำล็อกเกตไปอธิฐาน
3.การที่น้องได้แบ่งมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาให้กับคนอื่น ซึ่งอาจจะให้ไม่ทุกคน เพราะผมทราบดีว่าแต่ละอย่าง ยากแค่ไหนกว่าจะได้มา บางครั้งต้องใช้เงินด้วยไม่ได้มาฟรี
4.ความกล้าที่จะเข้าหาครูบาจารย์ ซึ่งถ้าเป็นคนอาจจะไม่กล้าทำก็ได้

 

เรื่องนิสัยของน้องเด็กเดลต้า ที่ท่านอาจจะรู้สึกว่าโอ้อวด โผงผาง แข็งๆ ไม่กลัวใคร อาจจะมองว่าหยาบคาย ก็เป็นแค่บางครั้งที่แสดงออกมา

เรื่องยังกินเหล้า เที่ยวผับอยู่บ้าง ผมเห็นว่าเป็นการเข้าสังคม และอยากรู้อยากเห็นของเด็กเท่านั้น ไม่ได้ทำเป็นกิจวัตร
น้องเขาก็เรียนหมอ คงรู้ดีว่ามันมีโทษแค่ไหน ผมเชื่อว่าคนเราจะมีเวลาที่เราจะเห็นโทษของอบายมุขเอง
เพราะเพื่อนผมหลายคนเรียกได้ว่าเป็นนักเลงสุรา ปัจจุบันก็เลิกเหล้าตลอดชีวิตได้ และเป็นนักปฏิบัติไปแล้ว

 

เรื่องสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก รุ่น "อมฤตศุภมงคลญาณสังวร" ที่ผมมอบให้น้องไป ก็เพื่อเป็นพุทธบูชา และอาจาริยบูชา
เห็นดีด้วยที่จะจัดพิธีครั้งสุดท้ายที่วัดพลับ และขอให้กำลังใจทุกท่านที่ร่วมกันนำพระไปอธิฐานจิต อย่าพึ่งท้อใจนะครับ

 

ขึ้นชื่อว่า ' งานบุญ ' ถ้าเป็นงานบุญทั่วไป คงไม่มีปัญหา ในความผิดพลาดบางอย่าง

แต่กระทู้นี้ระบุว่าสร้างวัตถุมงคลและ มีการ เรียกเก็บเงินทองจากชาวบ้าน โดยมีวัตถุมงคลมาเป็นสิ่งตอบแทน

จึงเป็นการไม่สมควรยิ่งที่จะทำอะไรให้ มัวหมอง โดยประการทั้งปวง ซึ่งข้อความที่ผู้สร้างเขียนในกระทู้นั้น เจตนาบ่งชี้ว่า ตั้งใจกุเรื่อง โกหก สร้างความเท็จ ไม่ได้เป็นความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆทั่วไปเลย

ถ้าเป็นพระ ก็ถือได้ว่า ได้ขาดจากการเป็นพระไปเรียบร้อยแล้ว คือ ' ปาราชิก ' นั่นเอง

การสร้างวัตถุมงคลที่แท้จริง จะต้องบริสุทธิ์ โปร่งใส เป็นไปด้วยความจริง จึงจะถือว่าดีทั้งนอกและดีทั้งใน

การอ้างว่า เป็นจุดดำเล็กๆ ไม่เสียหายอะไร โดยเฉพาะการสร้าง การเสกวัตถุมงคลนั้น จึงเป็นข้ออ้างที่ฟังแล้ว ขัดหู เป็นอย่างยิ่งฮับ

ผมเชื่อแน่ว่า ถ้าเป็นการกระทำแบบเดียวกันนี้ของ คณะอื่น คนอื่น ที่อื่น ที่ไม่ใช่พวกคุณทำ พวกคุณคงเข้าโจมตี เข้าไปว่ากล่าวแน่ๆ หรือจะว่าไงฮับพี่??

ส่วน delta จะเป็นใครมาจากไหน นิสัยเสีย ยังไง คงไม่ใช่ประเด็น พรรคพวกกัน ก็ต้องยกย่อง ช่วยเหลือ เชิดชูกันเป็นธรรมดา ผมเข้าใจฮับ

 

บุคคลใดบ้างไม่เคยทำผิด สำคัญที่ผิดแล้วสำนึก รู้จักยอมรับผิดและแก้ไขให้ถูกต้อง จึงจะสมเป็นวิญญูชน ดังนั้นเมื่อผู้ใดยอมรับผิด เราจึงสมควรต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน สำหรับเรื่องนี้ในความคิดของผมคุณ dekdelta2 สำนึกผิดและยอมรับตั้งแต่แรก ก็ถือว่ายังอยู่ในวิสัยที่น่าให้โอกาส ส่วนลูกวัดท่าซุงยังคิดไม่ได้ หนำซ้ำยังไม่สำนึก ถ้าคณะศิษย์หลวงปู่จันทร์เรียน อยากจะช่วยสงเคราะห์สังคมก็อยากให้ไปที่ http://palungjit.org/threads/update...อริยสงฆ์-หน้า-62-a.307808/page-63#post5689180 ครับ ส่วนบุคคลบางท่านถึงแม้ที่ท่านกล่าวหรือให้เหตุผลจะถูกต้อง แต่ผมเห็นว่าท่านสมควรพิจารณาตนเองให้ดีเสียก่อน ที่กล่าวเช่นนี้มิได้หมายความว่าคนไม่ดีที่แอบอ้างเอาของมาขายอย่างหน้าด้านจะกล่าวหรือคิดสิ่งที่ถูกไม่ได้ แต่ทุกๆ คำกล่าวที่ท่านเขียนมันก็ไม่ต่างจากการลากไส้ตนเองมาประจาน เพราะนั่นก็คือตัวของคุณเองนั่นแหละ ที่ผ่านมาแม้จะคุณจะ pm มาว่าร้ายผมขนาดไหนผมไม่เคยตอบโต้และไม่เคยให้ความสนใจในคนไร้ค่าอย่างคุณแม้แต่น้อย แต่ที่ตรงนี้ผมจำต้องออกมากล่าวก็เพื่อให้การตำหนิติเตียนเป็นไปทางธรรมให้อยู่ในครรลอง ไม่เจือปนด้วยความโกรธแค้นส่วนตนเพราะโดนเปิดโปง หรือพูดง่ายๆ สำหรับคุณว่า คำพูด คำกล่าว ความคิด ของท่านแม้มันจะถูกต้องหมาะสม แต่มันไม่มีที่ให้คนเยี่ยงคุณมาเสนอหน้า หรือ ต่อว่าใครต่อใครบนภาพสะท้อนของตัวคุณเอง เพราะมันน่าสมเพชจริงๆ ครับ

 

การตำหนิติเตียนผู้อื่น
ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเอง...ให้ขุ่นมัวไปด้วย
ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น...จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น
นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม...ไม่มีดีเลย
จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา...มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง
เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน
งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย
ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว
แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

กระจกส่องใจ
กระจก... ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด
จิตใจ... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก... รับรู้แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
ดังนั้น... จึงไม่มีภาพใด ใด หลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝน... ในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่
เปลวไฟ..ในกระจก... หาได้เผาผลาญกระจกเช่นกัน
ทั้งนี้... เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝน และเปลวไฟ
ดังนั้น... จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตใจของท่านหลงยึดถือ หรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมา เมื่อนั้น
จากหนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

คิดให้ดีก่อน

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Z8Ug5s61GGk&feature=related]คิดให้ดีก่อน - ปัญญานันทภิกขุ - YouTube[/ame]