การเห็น นิพพาน ของพระโสดาบัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 25 มกราคม 2012.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แอ๊บแบ๊ว เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง ทำท่าทางให้ดูน่ารักเหมือนเด็กใสซื่อ
    คำว่า "แอ๊บ" อาจมาจากคำว่า "แอบนอร์มอล" (abnormal) ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า ไม่ปรกติ ส่วนคำว่า "แบ๊ว" อาจมาจากคำว่า "บ้องแบ๊ว"
    นอกจากนี้ ภาษาที่คนบางกลุ่มในอินเทอร์เน็ตนิยมใช้ในทำนองชวนให้ดูน่ารักเหมือนเด็กใสซื่อ (เช่น "ทำไม" ว่า "ทามมาย", "อะไร" ว่า "อาราย") ซึ่งเรียก ภาษาแชต นั้น บางทีก็เรียก ภาษาแอ๊บแบ๊ว

    http://th.wikipedia.org/wiki/แอ๊บแบ๊ว
     
  2. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    แอ๊บแบ๊วแปลเป็นไทยบ้านๆว่า ดัีดจริตได้มะ...
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พอได้ ดัดจริต หุหุ :cool:
     
  4. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    นั้นซิ มันก็ต้องดัดจริต กันทุกคน นั่นล่ะ แต่ไม่ออกมา ท่าทางเด็ก มันดูไม่งาม

    จนน่ารำคาญไป ดัดในที่นี้หมายถึงฝืนทำดีซินะ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดัดจริต กับ ดัดนิสัย นี่ มันเหมือนกันไหมคะ ป๋า

    แต่พอใช้คำว่า ดัดจริต มันจะสื่อไปในทาง ไม่ตรงกับความเป็นจริงของตัวเอง

    ฟังแล้วดูเหมือนจะเป็นทางลบ มากกว่า คนเขาก็จะไม่นิยมใช้ในการให้คำแนะนำ

    ถ้าจะใช้ในแง่ ดัดให้ตนมีจริตงามเพื่อให้ตนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ออกสังคมได้ไม่เคอะเขิล

    หรือยังไม่มีศีล ก็ดัดตนให้มีศีลขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ใช่แบบศีลบริสุทธิ์แบบพระอริยะ

    แต่ก็เพื่อให้ตนมีจริตที่เป็นที่ยอมรับของบัณฑิต และไม่ใช่การเสแสร้ง

    แต่เพราะรู้ว่า ทำเพื่อให้ตนเองได้ดี มีพัฒนาการไปในทางที่ดี

    เป็นการอบรมตนให้มีศีล มีธรรม เป็นสัมมาทิฏฐิแบบอนุโลมของปุถุชนผู้สดับธรรมมาดีแล้ว
     
  6. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    คิดอะัไรมาก แค่คำว่าจริตคนไม่รู้เขาก็หาว่าเราว่าเขาแล้วเชื่อใหมละ
    ถ้าเป็นคนรู้ก็ไม่มีอะไร
    จริตแบบนี้ ต้องแก้แบบนี้ จริตแบบนั้นแบบนั้น คนไม่รู้เขาโกรธนะ
     
  7. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    งั้น การสัมรวม ก็แปลว่า ดัดจริต ซินะ ผมคงคิดมากเกินไป
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไปฟังวิซั่นของคนอื่นๆพูดเรื่องของ ดัดจริตกันบ้าง เนาะ

    [FONT= ]“ดัดจริต”[/FONT][FONT= ] ประกอบไปด้วยคำสองคำ คือ ดัด+จริต ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ความหมายไว้ดังนี้[/FONT][FONT= ][/FONT]
    [FONT= ]ดัด [/FONT][FONT= ]เป็นกิริยา หมายถึง ทำให้คดหรือตรงตามประสงค์ เช่นดัดไม้ ดัดนิสัยฯ[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]จริต[/FONT][FONT= ] เป็นนาม หมายถึง ความประพฤติ กิริยาหรืออาการ เช่น พุทธจริต เสียจริตฯ[/FONT]

    [FONT= ]เมื่อนำคำสองคำมารวมกันก็เป็นคำว่า [/FONT][FONT= ]“ดัดจริต”[/FONT]

    [FONT= ]ดัดจริต เป็นกิริยา ที่แปลว่า [/FONT][FONT= ]“แสร้งทำกิริยาหรือว่าจาให้เกินควร” [/FONT]

    [FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]และในทางพุทธศาสนาได้สอนเรื่องกิริยาหรือจริยาที่เกี่ยวข้องกับจริตนี้ไว้โดยแบ่งจริตไว้ด้วยกัน ๖ ลักษณะดังที่ยกมาจาก[/FONT][FONT= ] “ธรรมะไทย” ดังนี้[/FONT]

    [FONT= ]จริต ๖[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]“คำว่าจริยา หมายถึงลักษณะอันเป็นพื้นฐานของจิต หรือนิสัยอันเป็นพื้นเพของบุคคลแต่ละคน
    คำว่าจริต ใช้เรียกบุคคลที่มีจริยาอย่างนั้นๆ เช่น คนมีโทสจริยา เรียกว่า โทสจริต[/FONT]

    [FONT= ]จริตนั้นแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๖ ประเภท หรือ ๖ จริต คือ[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]๑.ราคจริต[/FONT][FONT= ] คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางราคะ รักสวยรักงาม ละมุนละไม ชอบสิ่งที่สวยๆ เสียงเพราะๆ กลิ่นหอมๆ รสอร่อยๆ สัมผัสที่นุ่มละมุน และจิตใจจะยึดเกาะกับสิ่งเหล่านั้นได้เป็นเวลานานๆ[/FONT][FONT= ]

    [/FONT]

    [FONT= ]๒.โทสจริต[/FONT][FONT= ] คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางโทสะ ใจร้อน วู่วาม หงุดหงิดง่าย อารมณ์รุนแรง โผงผาง เจ้าอารมณ์[/FONT][FONT= ]

    [/FONT]

    [FONT= ]๓.โมหจริต[/FONT][FONT= ] คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางโมหะ เขลา เซื่องซึม เชื่อคนง่าย งมงาย ขาดเหตุผล มองอะไรไม่ทะลุปรุโปร่ง[/FONT][FONT= ]

    [/FONT]

    [FONT= ]๔.วิตักกจริต[/FONT][FONT= ] หรือวิตกจริต คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางฟุ้งซ่าน คิดเรื่องนี้ทีเรื่องนั้นที เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่สามารถยึดเกาะกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นานๆ[/FONT][FONT= ]
    วิตก แปลว่าการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ หรือการเพ่งจิตสู่ความคิดในเรื่องต่างๆ ไม่ได้หมายถึงความกังวลใจ วิตกจริตจึงหมายถึง ผู้ที่เดี๋ยวยกจิตสู่เรื่องโน้น เดื๋ยวยกจิตสู่เรื่องนี้ ไม่ตั้งมั่น ไม่มั่นคงนั่นเอง

    [/FONT]

    [FONT= ]๕.ศรัทธาจริต[/FONT][FONT= ] หรือสัทธาจริต คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางศรัทธา น้อมใจเชื่อ เลื่อมใสได้ง่าย ซึ่งถ้าเลื่อมใสในสิ่งที่ถูกก็ย่อมเป็นคุณ แต่ถ้าไปเลื่อมใสในสิ่งที่ผิดก็ย่อมเป็นโทษต่างจากโมหจริตตรงที่โมหจริตนั้นเชื่อแบบเซื่องซึม ส่วนศรัทธาจริตนั้นเชื่อด้วยความเลื่อมใส เบิกบานใจ[/FONT][FONT= ]

    [/FONT]

    [FONT= ]๖.ญาณจริต[/FONT][FONT= ] หรือพุทธิจริต คือผู้มีปกตินิสัยหนักไปทางชอบคิด พิจารณาด้วยเหตุผลอย่างลึกซึ้ง ชอบใช้ปัญญาพิจารณาตามความเป็นจริง ไม่เชื่ออะไรโดยไม่มีเหตุผล[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ][/FONT][FONT= ]โดยความเป็นจริงแล้ว คนเรามักมีจริตมากกว่า ๑ อย่างผสมกัน เช่น ราคโทสจริต ราคโมหจริต โทสโมหจริต ราคโทสโมหจริต สัทธาพุทธิจริต สัทธาวิตกจริต พุทธิวิตกจริต สัทธาพุทธิวิตกจริต เป็นต้น เมื่อรวมกับจริตหลัก ๖ ชนิด จึงได้เป็นบุคคล ๑๔ประเภท หรือ ๑๔ จริต[/FONT][FONT= ][/FONT]
    [FONT= ]ซึ่งบุคคลแต่ละจริตก็เหมาะที่จะทำกรรมฐานแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป[/FONT][FONT= ]”[/FONT]

    [FONT= ][/FONT][FONT= ]ก็ลองใช้หลัก [/FONT][FONT= ]“จริต๖” นี้ไปเป็นบรรทัดฐานเปรียบเทียบพิจารณาดูว่าตัวเราหรือคนรอบข้างหรือใครๆก็ตามทีว่ามีจริตอยู่ในประเภทใดบ้าง ถ้าจะ “ดัดจริต” จากจริตหนึ่งไปสู่จริตหนึ่งหากเป็นการพัฒนาจริยาแล้วคำว่า “ดัดจริต” ก็ไม่น่าจะเป็นคำที่น่ารังเกียจ ดังที่ช่างพยายามดัดไม้ดัดเหล็กให้วิจิตรงดงาม ทั้งนี้ทั้งนั้น “ต้องไม่แสร้งทำ”[/FONT]

    [FONT= ][/FONT][FONT= ]ผู้ที่ไม่คิดพัฒนาจิตตนเอง ไม่พยายามดัดจิตให้สวยงามปล่อยไปตามกระแสสังคมหรือตามยถากรรมก็ตามทีผู้นั้นดูจะน่ารังเกียจกว่าเพราะ[/FONT][FONT= ] “ไม่คิดจะดัดจิตใจตนเอง” ประหนึ่ง “โมษะบุรุษ” หรือบุคคลผู้ไร้แล้วซึ่งคุณค่าของความเป็น “มนุษย์” ขอฝากไว้กับบทกลอนของท่านพุทธทาส[/FONT]

    [FONT= ][/FONT][FONT= ]“เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง[/FONT]

    [FONT= ]เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]ใจสะอาด[/FONT][FONT= ] ใจสว่าง ใจสงบ[/FONT]

    [FONT= ]ถ้ามีครบควรเรียกมนุสสา[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]เพราะทำถูกพูดถูกทุกเวลา[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]เปรมปรีดาคืนวันสุขสันต์จริง[/FONT][FONT= ]
    ใจสกปรกมืดมัวและร้อนเร่า[/FONT]

    [FONT= ]ใครมีเข้าควรเรียกว่าผีสิง[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]เพราะพูดผิดทำผิดจิตประวิง[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]แต่ในสิ่งนำตัวกลั้วอบาย[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]คิดดูเถิดถ้าใครไม่อยากตก[/FONT][FONT= ][/FONT]

    [FONT= ]จงรีบยกใจตนรีบขวนขวาย[/FONT]
    [FONT= ][/FONT][FONT= ]
    ให้ใจสูงเสียได้ก่อนตัวตาย[/FONT]

    [FONT= ]ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเอย[/FONT][FONT= ]”[/FONT]
    [FONT= ][/FONT]
    [FONT= ]
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดัดจริต

    <TABLE style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" id=dg border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ก. ดัดแปลงความประพฤติ, ทำกิริยาให้ผิดแปลกไป, ฝืนทำท่าทาง ให้เป็นไปตามที่ตนชอบ.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดัดจริต : [-จะหฺริด] ก. แสร้งทํากิริยาหรือวาจาให้เกินควร.

    พจนานุกรมไทย-ไทย ดัดจริต อ่านว่า แปลว่า หมายถึง ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2012
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำที่มีหลายความหมาย นี่ทำให้ปวดหัวเหมือนกันนะ
    ถ้ายังไง ก็ดู เจตนาของคนพูด แล้วกัน ว่าหมายถึงอะไร
    ถ้าอยู่ๆมีคนไม่รู้จักมาพูด ว่า "ดัดจริต"ก็คงจะ สะอึก เหมือนกัน
    แต่ถ้าเป็นเพื่อนฝูง คนที่รู้จักนิสัยกัน ก็คงรู้สึกไปอีกแบบ
    หรือพูดสัพยอกกันก็คงรู้สึกไปอีกอย่าง

    แต่กับคนไม่คุ้นเคยหรือคนแปลกหน้า อาจเกิดอารมณ์ไม่คาดฝันได้ หุหุ
     
  11. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ไม่ต้องคนแปลกหน้าหรอก แม่ลูกกันนี้ก็โกรธได้ แค่บอกว่าแม่วิตกจริตจังเลย อย่างแม่นี่เรียกว่าวิตกจริตนะ .. ก็ได้เรื่องแล้ว
    เพราะฉนั้น ใครจะพูดก็ไม่สำมะคัญ อยู่ที่คนฟังมากกว่าว่า รู้หรือไม่รู้ ไม่รู้ก็โกรธๆไป รู้ก็เฉยๆ
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไอซี ไอซี [​IMG]

    อยู่ที่คนฟังมากกว่าว่า รู้หรือไม่รู้ ไม่รู้ก็โกรธๆไป รู้ก็เฉยๆ :cool:

    หล่อไม่แคร์สื่อ อีกคนละ หุหุ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    วิซั่น อีกอย่างนึงก็ว่า

    ใครมีตาดี ตาก็ไม่หาเรื่อง
    ใครมีหูดีหูก็ไม่หาเรื่อง
    ใครมีจมูกดีจมูกก็ไม่หาเรื่อง
    ใครมีลิ้นดีลิ้นก็ไม่หาเรื่อง
    ใครมีสัมผัสดีสัมผัสก็ไม่หาเรื่อง
    ใครมีใจดีใจก็ไม่หาเรื่อง

    หากถามว่า มันหาเรื่องที่ไหนไหน
    ก็ตรงการผูก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กับ ยินดี และ ยินร้าย
    จึงเรียกว่า หาเรื่อง

    ไม่ใช่ว่า จะผูกแต่ ยินร้าย แม้แต่ผูกกับยินดี ก็เรียกว่าหาเรื่อง

    ผู้ที่กระทำในภายใน ด้วยการเห็นยินดีและยินร้ายเพียงแต่รู้อยู่ไม่ข้องเกี่ยว
    จึงได้ชื่อว่า สัมรวม

    แม้จะเป็นเพียงการข่มแต่กระทำไว้ในใจในภายใน
    แต่รู้อยู่จนกว่าจะเริ่มเป็นอัตโนมัติได้ถี่ขึ้น
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846



    อันนี้ ก็จะ วิซั่น จริต เพิ่มความเข้าใจ

    ในส่วน ตัณหาจริต และ ทิฏฐิจริต

    ************************


    คำว่าสติ เหมือนดังในบาลีทั้งหลาย (
    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค) เป็นต้นว่า
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงมรรค เป็นเครื่องกำจัดกองทัพมาร เธอจงฟัง มรรคนั้นเป็นเครื่องกำจัดกองทัพมารเป็นอย่างไร คือสัมโพชฌงค์ ๗ ดังนี้.
    คำว่า มรรค เป็นเครื่องกำจัดกองทัพมาร และคำว่า สัมโพชฌงค์ ๗ โดยอรรถก็เป็นอันเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้น ฉันใด
    คำว่า เอกายนมรรค กับคำว่า สติปัฏฐาน ๔ โดยอรรถก็เป็นอันเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้นก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นเอกวจนะ ก็เพราะเป็นทางเดียว ด้วยอรรถว่าเป็นมรรค เป็นพหุวจนะ ก็เพราะมีสติมาก โดยความต่างแห่งอารมณ์.
    ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสติปัฏฐานว่ามี ๔ ไม่หย่อนไม่ยิ่ง.
    ตอบว่า ก็เพราะจะทรงให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เวไนยสัตว์.
    แท้จริง ในจำพวกเวไนยสัตว์ที่เป็นตัณหาจริต ทิฏฐิจริต ผู้เป็นสมถยานิก (ผู้มีสมถะเป็นยาน) และวิปัสสนายานิก (ผู้มีวิปัสสนาเป็นยาน) ที่เป็นไปโดยส่วนทั้งสอง คือ

    ปัญญาอ่อน และ ปัญญากล้า

    ......กายานุปัสสนาสติปัฏฐานมีอารมณ์หยาบเป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีตัณหาจริต มีปัญญาอ่อน.

    ........เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานมีอารมณ์ละเอียด เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีตัณหาจริต มีปัญญากล้า.

    ......จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานที่มีอารมณ์ไม่แยกออกมากนัก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีทิฏฐิจริต มีปัญญาอ่อน.

    ......ธัมมา<WBR>นุ<WBR>ปัสสนาสติปัฏฐานที่มีอารมณ์แยกออกมาก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีทิฏฐิจริต มีปัญญากล้า.


    อนึ่ง สติปัฏฐานข้อ ๑ ที่มีนิมิตอันจะพึงบรรลุได้โดยไม่ยาก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้เป็นสมถยานิก มีปัญญาอ่อน.

    สติปัฏฐานข้อที่ ๒ เพราะไม่ตั้งอยู่ในอารมณ์อย่างหยาบ จึงเป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้เป็นสมถยานิก มีปัญญากล้า.

    สติปัฏฐานข้อที่ ๓ มีอารมณ์ที่แยกออกไม่มากนัก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้เป็นวิปัสสนายานิก มีปัญญาอ่อน.

    สติปัฏฐานข้อที่ ๔ มีอารมณ์ที่แยกออกมาก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้เป็นวิปัสสนายานิกมีปัญญากล้า.

    ผู้ที่สนใจเพิ่มเติม อ่านต่อที่นี่

    ̓ö??Ҡ?զ?ԡ҂ ?҇Ã? ?Ҋ?Իѯ?ҹʙ?à˹钵蒧?ը <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เพิ่มมุมมอง ของคำว่า ปัญญาอ่อน กับปัญญากล้า

    หากใครโดนส่งเสียงให้ฟังด้วย ปัญญาอ่อน ในการฝึกฝน
    พึงเข้าใจว่า ไม่ได้หมายถึง คนปัญญาอ่อนในทางภาษาไทยที่หมายถึงมีสติฟั่นเฟือน

    แต่หมายถึง กำลังทางปัญญา ที่ยังมีกำลังน้อย
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    พละ และ อินทรีย์
     
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ลองดูป่าว ดูจริตตามสี ใครขำ ก็บ่ห้าม


    [​IMG]วิซั่น วิซั่น


    [​IMG]


    สีแบ่งเป็น โทนร้อน โทนเย็น คือ 2 กลุ่มใหญ่
    แม่สี หลัก มี 3 สี

    แดงหมายเลข 8 นาริกา
    เหลือง หมายเลข 12 นาริกา
    น้ำเงิน หมายเลข 4 นาริกา

    ลูกสี อีก 3 คือ

    ม่วง หมายเลข 6 นาริกา
    เขียว หมายเลข 2 นาริกา
    ส้ม หมายเลข 10 นาริกา

    รวมเป็น 6 สี กลุ่มเล็ก มี 6 ชนิด

    หลานสี ก็มีอีก 6 สี
    ส้มเหลือง หมายเลข 11 นาริกา
    ส้มแดง หมายเลข 9 นาริกา
    ม่วงแดง หมายเลข 7 นาริกา
    เขียวน้ำเงิน หมายเลข 3 นาริกา
    ม่วงน้ำเงิน หมายเลข 5 นาริกา
    เขียวเหลือง หมายเลข 1 นาริกา

    โทน ร้อน มี เหลือง ส้ม แดง ม่วง
    ส้มเหลือง ส้มแดง ม่วงแดง

    โทน เย็น มี เหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง
    เขียวน้ำเงิน เขียวเหลือง ม่วงน้ำเงิน


    และ มีอีกคู่สี ใหญ่ เรียกว่าสีกลางคือ
    สีขาว สีดำ อันนี้ไว้ทีหลัง^^

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ของอิเจ้ ดูท่าจะหนักไปทางสีฟ้า โมหะ บานนนนนนนนนน แถมด้วยปัญญาอ่อนอีกตะหาก(ทิฏฐิเยอะ) --"
    อย่างอื่นก็มี แต่ไม่รุนแรง พอจะเอาอยู่ คิดว่านะ!!!

    ที่ผ่านมา และหนักหนาสาหัส ก็มาจาก โมหะนี่แหละ
    ยังกะวัวบ้า ฉุดไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เจ็บค่อยรู้ว่าเจ็บ มารู้อีกทีตอนเจ็บไปแล้ว หุหุ
    บางอย่างต้องยอม เจ็บจริงอะไรจริง ไม่งั้นมันไม่ยอมเลิกดันทุรัง
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ภาวนาแบบ E-เฮีย ไง

    แบะท่าให้สรรพสิ่งเข้าปู้ยี่ปูยำ ย่ำยี แล้ว เที่ยวประกาศถึง ความก๋ากั่น มันส์ สะใจ กิโล7

    แล้วยังมีหน้าไปชักชวนให้คนอื่น ไปนอนแบะท่าให้เขาย่ำยีอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...