พระพุทธเจ้า กับ พระยูไล ???

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Tony Lin, 27 ธันวาคม 2011.

  1. Tony Lin

    Tony Lin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมทราบมาว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว คือท่านไม่มีตัวตนไปเสียแล้ว อันนี้ถูกหรือไม่ครับ ??

    ถ้าถูกต้อง... ผมเคยเห็นพระยูไลในหนังจีน ที่เป็นลักษณะคล้าย God นั้นคืออย่างไรครับ???

    อยากทราบเป็นความรู้ครับผม ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ ขอบคุณครับ
     
  2. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พระยูไล
    คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวจีน
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มารพรหม และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมแล้ว ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ บริบูรณ์ สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า (กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ)
    สมัยโบราณชาวพุทธไม่กล้าที่จะวาดรูปหรือปั้นรูปซึ่งเป็นตัวแทนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงใช้สัญลักษณ์เป็นต้นโพธิ์และมีบัลลังว่างเปล่า เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เมื่อศาสนาพุทธแพร่หลายออกไปทั่วโลกจึงเกิดมีการวาดรูปและบั้นรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นในภายหลัง เพื่อเป็นการเคารพบูชา เพราะฉะนั้นรูปวาดหรือรูปปั้นจึงเป็นไปตามวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น พระพุทธเจ้าของชาวจีนจึงมีลักษณะตาชั้นเดียว
    ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ใหม่ๆ พระองค์คิดว่าจะไม่ทรงสั่งสอนใคร เพราะธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนทั่วไป แต่ภายหลังพระองค์ทรงคิดว่ายังคงจะมีผู้ที่สามารถที่จะรู้ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ได้ จึงได้ทรงเปลี่ยนพระทัยด้วยทรงมีพระเมตตา และกรุณาที่พระองค์มีต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย จึงทรงเปลี่ยนพระทัยมาตรัสสอนพวกเราทั้งหลายให้ได้รู้ตาม
    เพื่อ เป็นการระลึกถึงพระกรุณาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีต่อชาวมนุษย์ จึงเป็นที่มาของการสร้างเหรียญองค์พระยูไลรุ่น ซาฮะ หรือไตรภาคี มีสรรพคุณในทางเมตตา ปัญญาและขันติ เหมาะสำหรับนักเรียนและนักศึกษา รุ่นนี้ถ้าไม่เล่นหวยรวยทุกคน
    ดังคำกล่าวที่ว่า ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝืน ได้ปรากฏจริงดังให้เห็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย แต่เราท่านก็ได้รับรู้มาเช่นกันว่ามีบางอย่างที่สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาหรือที่ดีแล้วให้ดียิ่งขึ้นได้ และองค์เทพสวรรค์ทั้ง 4 ก็เป็นอีกหนึ่งในบางอย่างนั้นด้วยเช่นกัน


    พระพุทธเจ้าของชาวจีน อะครับ ผมไม่รู้ว่าคนจีนแต่งขึ้นหรือปรากฎมีจริง ก็ไม่ทราบครับ

     
  3. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    รู้ได้ไง ใครสอนมาไม่มีตัวตน แล้วไหว้กันทำไมกับสิ่งไม่มีตัวตน ถ้าไม่มีตัวตนศาสนาพุทธทั้งหลายทุกนิกายก็จะไม่มีนะครับ

    สรุปได้ว่ามีพระพุทธองค์มีตัวตนอยู่จริงอยู่ที่นิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  4. linake119

    linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    เป็นคำถามที่ดีมาก

    คนไทยคงคุ้นเคยกับคำเรียกพระยูไล แต่อาจจะเข้้าใจแตกต่างกัน ก็ขออนุญาตช่วยชี้แจงเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมครับ

    คำว่า 如來 หากออกเสียงแบบแต้จิ๋ว คือ "ยู ไล" หากออกเสียงเป็นจีนกลางคือ "หรูไหล" แปลว่า ผู้ไปตามนั้น หรือเสด็จไปตามนั้น เป็นอีกพระนามของพระพุทธเจ้า ตรงกับภาษาไทยว่า "ตถาคต" ดังนั้นคำว่า พระยูไล จึงเป็นคำเรียกพระพุทธเจ้าอีกพระนามหนึ่งของคนจีน แต่หากมีความระบุเจาะจงว่า พระยูไลแห่งแดนตะวันตก จะหมายถึง พระสมณโคดมที่คนไทยเรานับถือ

    ด้วยประเทศจีนรับเอาพระพุทธศาสนามหายานไปจากอินเดีย ดังนั้นจึงมีคติความเชื่อเรื่องมีพระพุทธเจ้ามากมายจนนับไม่ถ้วน (ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้น) และแต่ละพระองค์เองก็จะมีพุทธเกษตรของแต่พระองค์เอง(เป็นโลก หรืออาณาเขตแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น แม้พระพุทธเจ้าเราเองก็มี คือ โลกใบนี้เองที่เป็นพุทธเกษตรของพระสมณโคดม

    ลักษณะของพระพุทธเจ้าในทางคติความเชื่อของทางนิกายมหายานนั้น ไม่ได้กล่าวไว้ว่าพระพุทธเจ้า ทรงปรินิพพานไปแล้ว จะหายไปเลย ดับไปเลย เจอไม่ได้ ที่จริงพระพุทธองค์ ทรงมี ๓ พระกาย ซึ่งเป็นกายที่ทรงใช้เพื่อโปรดสัตว์ตามแต่ความเหมาะสม กายทั้ง ๓ นั้นคือ

    ๑.​ นิรมาณกาย เป็นกายที่ทรงแสดงแก่มนุษย์ หากเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจคือ กายแห่งเจ้าชายสิทธัตถะแห่งกบิลพัทดุ์​นคร ที่ทรงออกผนวชที่อินเดียและได้ตรัสรู้ได้ควงต้นอสัตตพฤกษ์​ เป็นพระสมณโคดมที่เรานับถือและเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วสองพันห้าร้อยปีเศษ

    ๒. สัมโภคกาย เป็นกายที่ทรงแสดงแก่เหล่าเทวดา พรหม ทั้งหลาย กายนี้มนุษย์ไม่อาจเห็นได้ เป็นกายเพื่อทรงแสดงธรรมต่อหลังจากที่นิรมาณกายดับขันธ์ไปแล้ว หากเราได้เคยฟังจากครูบาอาจารย์ในประเทศไทยหลายองค์ ก็พอจะอนุมานว่า ภาพพระพุทธเจ้าที่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายได้เจอเวลาที่ได้ไปยังดาวดึงส์เทวโลก และทรงแสดงธรรมนั้นก็น่าจะเข้ากับพระกายนี้ ดังนั้นไม่ได้หมายถึงว่า กายเนื้อแห่งพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว จะไม่ทรงดำรงอยู่อีก ที่จริงก็ยังทรงดำรงอยู่แต่อยู่ในอีกภาวะหนึ่ง กายนี้เป็นกายที่เหล่าผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ก็ยังพอจะเห็นได้ แต่เมื่อศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นหมด กายนี้ก็จะดับไปด้วยจะไม่มีอีก ดังนั้นตอนนี้ศาสนาพระสมณโคดมยังอยู่ กายนี้ของพระสมณโคดมก็ยังอยู่ยังพบเห็นได้ และยังทรงโปรดสัตว์อยู่เป็นเนื่องนิตย์ แต่เมื่อหมด ๕,๐๐๐ ปีไปแล้ว กายนี้ของพระสมณโคดมก็จะดับไปด้วย

    ๓.​ธรรมกาย เป็นกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เป็นกายที่ผู้ที่ละกิเลสได้แล้ว จะได้เห็น แม้แต่ละสังโยชน์ ๓ ได้ ก็ยังได้มีโอกาสเห็นธรรมกายของพระพุทธเจ้าได้ กายนี้จะดำรงอยู่เป็นอมตะ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บไม่ตาย ไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆ สำหรับกายนี้อีก เนื่องจากทำเหตุแห่งการปรุงแต่งต่างๆให้ดับไปแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะทรงดำรงอยู่ในกายนี้และไม่ว่าพระศาสนาของพระพุทธเจ้านั้นยังอยู่หรือไม่ กายนี้ก็ยังคงมีอยู่

    ดังนั้นการได้พบเจอกับรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าในภาพยนตร์จีนในเรื่องต่างๆ นั้นก็ให้เข้าใจได้ว่า เป็นพระสัมโภคกายของพระพุทธเจ้าที่ยังทรงดำรงอยู่ สัมโภคกายนั้นมีลักษณะเหมือนกับพระพุทธเจ้าทุกประการ แสดงธรรม แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน

    สำหรับคำถามต่อมาเรื่องการได้เห็นพระพุทธเจ้าตามคติความเชื่อของคนจีน เขาปฏิบัติเหมือน God นั้นเรื่องนี้ผมว่าทุกชาติที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นไม่แตกต่าง เคารพพระพุทธเจ้าเหมือนกับ God เช่นกันแต่เชื่อในลักษณะเช่นนี้จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นกับการสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่สืบๆ กันมา อีกทั้งอยู่ที่ลูกศิษย์เองเข้าใจลักษณะของพระพุทธเจ้าเองขนาดไหน หากมีความเข้าใจประกอบกับความเชื่อของตนเองในลักษณะเป็น God ที่สามารถบันดาลทุกสิ่งสรรพ์ หรือ ลงโทษแล้วก็จะออกมาตามลักษณะที่เห็นตามภาพยนตร์จีน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือ หนังก็คือหนัง ภาพยนตร์ก็คือภาพยนตร์ หากไม่เติมแต่งแต้มสีสันปาฏิหาริย์ไปบ้าง ก็จะขาดความน่าสนใจไป ดังนั้นก็ให้ดูรู้แล้วปล่อย สุดท้ายก็ดับไปไม่มีอะไรที่คงอยู่ ก็เท่านั้นไม่มีอะไร

    หวังว่าคงจะได้ไขข้อข้องใจให้ครับ แต่หากมีข้อผิดพลาดประการใดในคำอธิบายนี้ขอรับไว้เองและขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
     
  5. linake119

    linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    เป็นคำถามที่ดีมาก

    คนไทยคงคุ้นเคยกับคำเรียกพระยูไล แต่อาจจะเข้้าใจแตกต่างกัน ก็ขออนุญาตช่วยชี้แจงเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมครับ

    คำว่า 如來 หากออกเสียงแบบแต้จิ๋ว คือ "ยู ไล" หากออกเสียงเป็นจีนกลางคือ "หรูไหล" แปลว่า ผู้ไปตามนั้น หรือเสด็จไปตามนั้น เป็นอีกพระนามของพระพุทธเจ้า ตรงกับภาษาไทยว่า "ตถาคต" ดังนั้นคำว่า พระยูไล จึงเป็นคำเรียกพระพุทธเจ้าอีกพระนามหนึ่งของคนจีน แต่หากมีความระบุเจาะจงว่า พระยูไลแห่งแดนตะวันตก จะหมายถึง พระสมณโคดมที่คนไทยเรานับถือ

    ด้วยประเทศจีนรับเอาพระพุทธศาสนามหายานไปจากอินเดีย ดังนั้นจึงมีคติความเชื่อเรื่องมีพระพุทธเจ้ามากมายจนนับไม่ถ้วน (ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้น) และแต่ละพระองค์เองก็จะมีพุทธเกษตรของแต่พระองค์เอง(เป็นโลก หรืออาณาเขตแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น แม้พระพุทธเจ้าเราเองก็มี คือ โลกใบนี้เองที่เป็นพุทธเกษตรของพระสมณโคดม

    ลักษณะของพระพุทธเจ้าในทางคติความเชื่อของทางนิกายมหายานนั้น ไม่ได้กล่าวไว้ว่าพระพุทธเจ้า ทรงปรินิพพานไปแล้ว จะหายไปเลย ดับไปเลย เจอไม่ได้ ที่จริงพระพุทธองค์ ทรงมี ๓ พระกาย ซึ่งเป็นกายที่ทรงใช้เพื่อโปรดสัตว์ตามแต่ความเหมาะสม กายทั้ง ๓ นั้นคือ

    ๑.​ นิรมาณกาย เป็นกายที่ทรงแสดงแก่มนุษย์ หากเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจคือ กายแห่งเจ้าชายสิทธัตถะแห่งกบิลพัทดุ์​นคร ที่ทรงออกผนวชที่อินเดียและได้ตรัสรู้ได้ควงต้นอสัตตพฤกษ์​ เป็นพระสมณโคดมที่เรานับถือและเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วสองพันห้าร้อยปีเศษ

    ๒. สัมโภคกาย เป็นกายที่ทรงแสดงแก่เหล่าเทวดา พรหม ทั้งหลาย กายนี้มนุษย์ไม่อาจเห็นได้ เป็นกายเพื่อทรงแสดงธรรมต่อหลังจากที่นิรมาณกายดับขันธ์ไปแล้ว หากเราได้เคยฟังจากครูบาอาจารย์ในประเทศไทยหลายองค์ ก็พอจะอนุมานว่า ภาพพระพุทธเจ้าที่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายได้เจอเวลาที่ได้ไปยังดาวดึงส์เทวโลก และทรงแสดงธรรมนั้นก็น่าจะเข้ากับพระกายนี้ ดังนั้นไม่ได้หมายถึงว่า กายเนื้อแห่งพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว จะไม่ทรงดำรงอยู่อีก ที่จริงก็ยังทรงดำรงอยู่แต่อยู่ในอีกภาวะหนึ่ง กายนี้เป็นกายที่เหล่าผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ก็ยังพอจะเห็นได้ แต่เมื่อศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นหมด กายนี้ก็จะดับไปด้วยจะไม่มีอีก ดังนั้นตอนนี้ศาสนาพระสมณโคดมยังอยู่ กายนี้ของพระสมณโคดมก็ยังอยู่ยังพบเห็นได้ และยังทรงโปรดสัตว์อยู่เป็นเนื่องนิตย์ แต่เมื่อหมด ๕,๐๐๐ ปีไปแล้ว กายนี้ของพระสมณโคดมก็จะดับไปด้วย

    ๓.​ธรรมกาย เป็นกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เป็นกายที่ผู้ที่ละกิเลสได้แล้ว จะได้เห็น แม้แต่ละสังโยชน์ ๓ ได้ ก็ยังได้มีโอกาสเห็นธรรมกายของพระพุทธเจ้าได้ กายนี้จะดำรงอยู่เป็นอมตะ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บไม่ตาย ไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆ สำหรับกายนี้อีก เนื่องจากทำเหตุแห่งการปรุงแต่งต่างๆให้ดับไปแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะทรงดำรงอยู่ในกายนี้และไม่ว่าพระศาสนาของพระพุทธเจ้านั้นยังอยู่หรือไม่ กายนี้ก็ยังคงมีอยู่

    ดังนั้นการได้พบเจอกับรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าในภาพยนตร์จีนในเรื่องต่างๆ นั้นก็ให้เข้าใจได้ว่า เป็นพระสัมโภคกายของพระพุทธเจ้าที่ยังทรงดำรงอยู่ สัมโภคกายนั้นมีลักษณะเหมือนกับพระพุทธเจ้าทุกประการ แสดงธรรม แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน

    สำหรับคำถามต่อมาเรื่องการได้เห็นพระพุทธเจ้าตามคติความเชื่อของคนจีน เขาปฏิบัติเหมือน God นั้นเรื่องนี้ผมว่าทุกชาติที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นไม่แตกต่าง เคารพพระพุทธเจ้าเหมือนกับ God เช่นกันแต่เชื่อในลักษณะเช่นนี้จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นกับการสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่สืบๆ กันมา อีกทั้งอยู่ที่ลูกศิษย์เองเข้าใจลักษณะของพระพุทธเจ้าเองขนาดไหน หากมีความเข้าใจประกอบกับความเชื่อของตนเองในลักษณะเป็น God ที่สามารถบันดาลทุกสิ่งสรรพ์ หรือ ลงโทษแล้วก็จะออกมาตามลักษณะที่เห็นตามภาพยนตร์จีน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือ หนังก็คือหนัง ภาพยนตร์ก็คือภาพยนตร์ หากไม่เติมแต่งแต้มสีสันปาฏิหาริย์ไปบ้าง ก็จะขาดความน่าสนใจไป ดังนั้นก็ให้ดูรู้แล้วปล่อย สุดท้ายก็ดับไปไม่มีอะไรที่คงอยู่ ก็เท่านั้นไม่มีอะไร

    หวังว่าคงจะได้ไขข้อข้องใจให้ครับ แต่หากมีข้อผิดพลาดประการใดในคำอธิบายนี้ขอรับไว้เองและขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
     
  6. ืำีืneung48

    ืำีืneung48 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +7
    เค้าหมายถึง เมือนิพานแล้ว ไม่มีอัตตาตัวตนหลงเหลืออยู่ในโลก ไม่ได้หมายถึงไม่มีตัวตนเพราะเป็นเรื่องสมมุติขึ้น ก็เท่านั้นเอง
     
  7. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    แล้วมันเท่าไหนครับ ใช่หรอครับ จขกท. บอกคุณว่างั้นหรอครับหรือคุณแปลเอาเองครับ แล้วพระธาตุพระพุทธองค์ล่ะครับล่ะครับ
     
  8. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    เพราะว่าคนเรายังหวังพึ่งผู้อื่นที่ตนยังเชื่อว่าสิ่งนั้นมีอำนาจ หรือพลัง ที่เหนือตนเอง(คน ๆ นั้น)อยู่
    ก็เป็นธรรมดาที่จะมองสิ่งที่ตนเคารพนับถือเป็นพระเจ้า หรือ God ได้
    ผมจึงนำเอาบทความที่ท่านเขียนไว้มาฝาก ให้ศึกษาเพิ่มเติม ดีมากครับ
    <!--[if gte mso 9]><xml> <o:OfficeDocumentSettings> <o:AllowPNG/> </o:OfficeDocumentSettings> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:EnableOpenTypeKerning/> <w:DontFlipMirrorIndents/> <w:OverrideTableStyleHps/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt; mso-para-margin-top:0in; mso-para-margin-right:0in; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0in; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]เหตุให้เกิดศาสนาในโลก[/FONT]
    http://www.religions.mbu.ac.th/html/part[FONT=&quot]1/[/FONT]p[FONT=&quot]13[/FONT]sm.htm
    [FONT=&quot] มนุษย์ในสมัยดึกดำบรรพ์ได้ประสบกับปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ซึ่งมีทั้งความน่ากลัว แปลกประหลาด และมหัศจรรย์สำหรับตัวมนุษย์ เช่น ความมืด ความสว่าง พายุพัด ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ไฟป่า เป็นต้น และด้วยความที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์เหล่านั้น มนุษย์จึงเกรงกลัวปรากฏธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้น มนุษย์จึงแสวงหาสิ่งที่จะมาคุ้มครองป้องกันตนจากภัยอันตรายที่คิดว่าจะได้รับจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ รวมทั้งแสวงหาสิ่งซึ่งเชื่อว่าสามารถคุ้มครองให้อยู่อย่างเป็นสุข ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดวัฒนธรรม ตลอดจนประเพณียอมรับนับถือพลังลึกลับทางธรรมชาติว่าเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือมนุษย์ และได้สร้างขนบธรรมเนียมที่คิดว่าเป็นสิ่งจำเป็น และควรประพฤติต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมรับนับถือ จากความเชื่อของกลุ่มคน และขนบธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ จึงค่อยๆ วิวัฒนาการเรื่อยมา จนกระทั่งกลายเป็นลัทธิ และศาสนาต่างๆ นั่นเอง[/FONT]

    [FONT=&quot] เหตุให้เกิดศาสนาในโลกสรุปได้ดังนี้[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากความไม่รู้ ( อวิชชา ) ความไม่รู้ ได้แก่ ความไม่รู้เหตุรู้ผล เริ่มแต่ความไม่รู้เหตุผลทางภูมิศาสตร์ ทางดาราศาสตร์ ไม่รู้ชีววิทยา และไม่รู้จักธรรมชาติอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เมื่อมีความไม่รู้เหตุผลก็เกิดความกลัวในพลังทางธรรมชาติ ต้องการความช่วยเหลือจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งมีอำนาจเหนือตน จึงมีการ
    สร้างขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อบูชาเอาใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพื่อที่จะสามารถช่วยให้มนุษย์มีความอยู่รอดไม่มีภัยต่อๆ ไป[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากความกลัว มนุษย์จะอยู่ในโลกได้ต้องมีหน้าที่ คือ การต่อสู้กับธรรมชาติ และสู้สัตว์ร้ายนานาชนิด และโดยเฉพาะกับมนุษย์ด้วยกันเอง ยามใดที่เราสามารถเอาชนะธรรมชาติหรือคนได้ ความเกรงกลัวธรรมชาติ สัตว์ร้าย หรือมนุษย์ย่อมไม่มี แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ได้ มนุษย์จะเกิดความกลัวต่อสิ่งเหล่านั้น และในยามนั้นเอง ที่มนุษย์ต้องพากันกราบไหว้บูชา และแสดงความจงรักภักดี ทำพิธีสังเวยเซ่นไหว้ต่อธรรมชาติดังกล่าว ด้วยความหวังหรืออ้อนวอนขอให้สำเร็จตามความปรารถนาอันเป็นผลตอบแทนขึ้นมาเป็นความสุข ความปลอดภัย และอยู่ได้ในโลก[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากความจงรักภักดี ความจงรักภักดีเป็นศรัทธาครั้งแรกที่มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยยอมเชื่อว่า เป็นกำลังก่อให้เกิดความสำเร็จได้ทุกเมื่อ ในกลุ่มศาสนาที่นับถือพระเจ้า ( ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ) มุ่งเอาความภักดีต่อพระเจ้าเป็นหลักใหญ่ในศาสนา ในกลุ่มชาวอารยันมี ศาสนาพราหมณ์ ( ฮินดู ) มีคำสอนถึงภักติมรรค คือ ทางแห่งความภักดี อันจะยังบุคคลให้ถึงโมกษะ คือหลุดพ้นได้ แม้ในทางพระพุทธศาสนาก็ยอมรับว่าศรัทธา หรือความเชื่อ ความเลื่อมใสเท่านั้นที่จะพาข้ามโอฆสงสารได้ เมื่อเป็นดังนี้แสดงว่ามนุษย์ยอมตนให้อยู่ใต้อำนาจของธรรมชาติเหนือตน อันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเองซึ่งเรียกว่าเทพเจ้า หรือพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ผลที่เกิดตามมาคือมนุษย์ยอมให้เครื่องเ ซ่น สังเวยแก่ธรรมชาตินั้นๆ ด้วย ลักษณะนี้จึงเท่ากับมนุษย์เสียความเป็นใหญ่ในตน ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งที่ตนคิดว่ามีอำนาจเหนือตน[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากความอยากรู้เหตุผล ( ปัญญา ) ศรัทธาอันเกิดจากปัญญาคือมูลเหตุให้เกิดศาสนาอีกทางหนึ่ง แต่ศาสนาประเภทนี้มักเป็นฝ่ายอเทวนิยม คือไม่สอนเรื่องเทพเจ้าสร้างโลก ไม่ถือเทพเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนา หากแต่ถือความรู้ประจักษ์จริงเป็น สำคัญ เช่น พระพุทธศาสนา ความเน้นหนักของพระพุทธศาสนา คือ ญาณ หรือปัญญาชั้นสูงสุดที่ทำให้รู้แจ้งประจักษ์ความจริง และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากอิทธิพลของคนสำคัญ ศาสนาหรือลัทธิที่เกิดจากความสำคัญของบุคคลเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน ที่มีเรื่องราว หรือความสำคัญของบุคคลที่อยู่ ณ ที่นั้น ความสำคัญของบุคคลที่เป็นเหตุเริ่มต้นของศาสนา หรือลัทธิ โดยมากมักมีเหตุเริ่มต้นโดยความบริสุทธิ์จากจิตใจของมนุษย์ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครวางหลัก อีกทั้งเมื่อใครนับถือความสำคัญของบุคคลผู้ใดก็จะพากันกราบไหว้ และเคารพบูชา[/FONT]
    [FONT=&quot] เกิดจากลัทธิการเมือง [/FONT][FONT=&quot]ลัทธิการเมืองอันเป็นมูลเหตุของศาสนาเป็นเรื่องสมัยใหม่ อันสืบเนื่องจากการที่ลัทธิการเมืองเฟื่องฟูขึ้นมา และลัทธิการเมืองนั้นได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อคนบางกลุ่ม เป็นต้นว่า กลุ่มคนยากจน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ได้ละทิ้งศาสนาเดิมที่ตนเองนับถืออยู่ แล้วหันมานับถือลัทธิการเมืองดังกล่าวเป็นศาสนาประจำสังคม หรือชาตินิยมลัทธิการเมือง เป็นต้นว่า ลัทธินาซี ลัทธิฟาสซิสม์ และลัทธิคอมมิวนิสต์[/FONT]

    http://www.religions.mbu.ac.th/html/part[FONT=&quot]1/[/FONT]p[FONT=&quot]13[/FONT]sm.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2011
  9. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    ถูกต้อง เป็น ธรรมกาย ท่าน หลินเอก 119 อธิบายไว้ได้ถูกต้อง

    อนุโมทนาสาธุ ท่าน หลินเอก
     
  10. Tony Lin

    Tony Lin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณทุกท่านครับ

    ผมจะหมายความตาม ที่ คุณ neung48 บอกนะครับ ขอบคุณครับ

    ขอโทษคุณ แจ๊กซ์69 ด้วยครับ ที่ผมใช้ภาษาไม่ชัดเจน

    ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดกันครับผม
     
  11. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ท่านตอบได้ยาวมาก ผมอ่านแล้วตาลายเลย อ่ะ 555+ แต่ก็อธิบายได้ละเอียดดีจัง นับถือ ๆ
     
  12. Surapon

    Surapon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +39
    เฮ้อ....................
     
  13. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    ตำรานะ

    เขาว่ากันว่า พระสมณะโคดม จะอยู่ดูแลศาสนา5000ปี
    พอครบ5000ปี พระบรมสารีริกธาตุทั่วทั้ง3โลกจะมากองรวมกัน
    และเป็นรูปของท่าน
    ทำการเทศนาครั้งสุดท้าย แล้วไฟบรรลัยกรร จะมาเผาร่างท่านครั้งสุดท้าย
    พร้อมกับการจากไปของดวงจิตของท่านอย่างถาวร

    แปล

    (ว่ากันว่าพระพุทธเจ้าถือกฏว่า ใน1จักรวาล มีได้เพียงพระองค์เดียว)
    เพราะนอกจากพระสมณโคดมก็ยังไม่เห็นมีใครออกมาพูดเลยว่า ฝันเห็นหรือได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นเลย
     
  14. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    เคยฟังตำราจีนตำราหนึ่ง สอนมาว่า พระอรหันมีจริงแต่พระพุทธเจ้าไม่มีจริง
    หมายความว่า
    พระพุทธเจ้า เมื่อสิ้นยุคของตัวเอง ก็จะเผาดวงจิตตัวเองเหลือแต่อากาศ
    แต่พระอรห์เมื่อนิพพานไป ยังต้องไปภาวอีกพักหนึ่ง จนบารมีถึงจะจะเผาดวงจิตได้

    เคยได้ยินพูดมางั้น
     
  15. beerdekpee

    beerdekpee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +61
    ไม่เคยได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้าสามารถอยู่รวมกัน2พระองค์ได้
     
  16. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +695
    พระพุทธเจ้ามีหลายพระองค์ พระยูไลก็เป็นหนึ่งในหลายพระองค์นั้น และเป็นคนละองค์กับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน อย่าตอบกันมั่วซั่ว โปรดเข้าใจกันใหม่ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2012
  17. linake119

    linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    อนุโมทนาสำหรับผู้ที่ตั้งคำถาม และอนุโมทนาสำหรับท่านที่ไม่มีิทิฐิแห่งการเรียนรู้ อย่างไรก็แล้วแต่ภาวะแห่งการเป็นพุทธที่แท้จริงไม่มี ไม่มีใครที่เข้าถึงพุทธะหรือไม่เข้าถึง เพราะสรรพสิ่งว่างเปล่า เป็นสุญญตา ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่ใช่ตัว ไ่ม่ใช่ตน เป็นอนัตตานั่นเอง จะว่าองค์ยูไลใช่หรือไม่ใช่พระพุทธเจ้า ก็สักแต่ว่าเป็นสมมุติบัญญัติเท่านั้น หากต้องการรู้จริงก็รีบกระทำใจให้แจ้งในนิพพาน จะได้พบพระพุทธเจ้าแล้วความกระจ่างจะบังเกิดเอง ไม่ต้องถาม เพราะทุกอย่างแจ้งอยู่ในใจแล้ว
     
  18. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ยูไลคือคำว่าพระพุทธเจ้า มาจากภาษาจีนกลางว่า หรูไหล แปลว่าตถาคต ทีนี้อยากรู้ว่าเป็นองค์ไหนก็ดูที่ชื่อ เช่น เซ็กเกียหรูไหล คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า อย่างพระเจี่ยทันฟ่งหรูไหล ก็คือ พระกกุสันโธพุทธเจ้าครับ คุณโลน้อยต้องหาความรู้ใส่ตัวเยอะๆลดอัตตาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...