ถามครับเวลาเข้าป่า ไปธุดงส์และ พระ ที่ไปธุดงส์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 19 ธันวาคม 2011.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมอ่านมาว่า พระพุทธเจ้า ชอบอยู่ในป่า เพราะมันเงียบสงบดี แล้วก็เวลามีภิกษุมาบวชใหม่ๆพระพุทธเจ้าจะสั่งสอน แล้วก็ส่งไปในป่า

    ผมเลยสงสัย ครับในสมัยนั้น พวก ผี สัตว์ไรพวกนี้ คงไม่ทําร้าย พระภิกษุ แน่ๆเพราะมีพระพุทธเจ้า ยังอยู่ด้วย มีพระบารมีของพระองค์ แล้วก็ ในสมัยนั้นมีพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า ก็น่าจะสอน กสิน ฤทธิไรพวกนี้ พระภิกษุสมัยนั้น อาจจะปกป้องตัวเองได้

    ผมเลยกลับมาถามครับ สมัยนี้ ถ้าจะธุดงส์เนี่ย ป่าไหน เหมาะกับการธุดงส์ครับ ป่าไหนมีพระอริยะเจ้าอยู่ครับ แล้วถ้าเจอผีทําไงครับ ภิกษุธรรมดา ผมคิดว่า ต้องมีความกลัว อยู่ แต่ถ้าอริยะ ไม่มีไม่กลัว (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าความกลัวยังมีในพระโสดาบันรึเปล่า)

    แล้วถ้าเจองูอยู่ในป่าทําไงครับ (ผมอ่านมาพระพุทธเจ้าบอกว่าให้แผ่เมตตา)
    แล้วถ้าเจอเสือ เจอช้างทําไง ถ้าไม่มีวิชาอาคม ตายแน่ๆ ผมว่า ผมว่าพระท่านต้องมีวิชาอาคมอยู่แน่ๆ
     
  2. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    หลง อภิญญามากไปหรือเปล่า
    คิดว่าได้ อภิญญา แล้วจะบรรลุหรือ
    พระเทวทัต ก็ทรง อภิญญา ไปถามท่านสิ

    ส่วนพระธุดงส์ ท่านก็พร้อมตายทุกเมื่ออยู่แล้ว
    ธุดงส์ คือ การเดินไปป่าหลอ คิดว่า นิพพานอยู่ในป่าหลอ
    หรือ ธุดงส์ คือ การเดินไปในเมืองหลอ คิดว่า นิพพานอยู่ในเมืองหรือ
    นิพพานคืออะไร
    เป็นเมืองหรือ จะเดินไป คิดไป ฟุ้งไปว่า ไปเมืองนิพพานหรือ
    ถ้ายังทำ แบบนี้ ทิฐิ แบบนี้
    อีก แสนหมื่นโกฎิกัลป์ ก็ไม่บรรลุ

    คิดว่า กษิณ มีเอาไว้ แสดง อภิญญาหรือ
    กษิณ 10 กอง อยู่ใน กรรมฐาน 40
    ยกตัวอย่าง กษิณ เตโช
    คิดว่า นั่งเพ่งไฟ แล้ว บรรลุ หรือ
    เตโชกษิณัง คือ วิตก
    อาการตัวอุ่น คือ วิจารณ์
    ถ้าทำเพื่อเอา ญาณ 4 ก็ได้แค่ สมถะ
    ตัวอุ่น ก็รู้ ดับไป ก็รู้ อาการของกษิณ คือ ตัวที่ถูกรู้ จิตเป็นผู้ไปรู้
    ไม่บอกละ เห็นมี ผู้รู้เยอะกันจริง รู้นอกลู่นอกทางนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2011
  3. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    มีพระวัดป่าท่านหนึ่งบอกว่า ถ้าตายคาผ้าเหลืองจงภูมิใจเถิด ครับ
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ไม่มีใครใหญ่เกินกรรมครับ....ถ้าถึงที่ตายมันก็ต้องตาย...

    ถ้าจะไปธุดงค์แล้วกลัวตาย.....ไม่ต้องไปให้เป็นภาระการเดินทางของคณะครับ....อยู่วัดซะ....
     
  5. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ไม่ครับ แค่สงสัย ไม่ได้หลง แต่อยากได้ พอเข้าใจปะครับ ไม่หลง หลงเกินไป ลงนรกได้เหาะไปนรกได้ก็กลัว

    ผมก็ว่าอย่างงั้น

    ผมก็คิดอย่างงั้น คือ เข้าไปในป่า ผมคิดว่ามันเงียบดี แต่ก็กลัวผี กลัวเสือ แต่ถ้าตาย ตอนบวชก็ภูมิใจ ถ้าตายตอนนั้นผมจะนึกบุญที่ทําจะได้ไปสวรรค์ ถ้าตายยังดีกว่า มาเอากายมนุษย์ไปเอากายทิพย์ดีกว่า แต่ถ้าจะดีกว่านี้นึกนิพพาน แล้ว ไม่ต้องเกิดอีกสุดยอดมากๆ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ผมฟังมานะครับ...ว่าจะธุดงค์ ควรจะต้อง มีความรู้เรื่อง สมุนไพร เรื่องลักษณะภูมิศาสตร์ของพื้นที(จุดไหนควรไม่ควร) เรื่องของระดับสมาธิจิตที่แข็งพอควร มีวิชาอาคมป้องกันตัวเองบ้าง(เค้าจะกลัวพลายช้างมากกว่าเสือสมิง) และจิตที่บริสุทธิพอควร ประมาณนี้ครับ
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัยวนปัตถ์(ป่าทึบ) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก้ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น และ อนุตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุ ก็ไม่บรรลุ ทั้งจีวร บิณบาตร เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยยาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นประจักษ์ดังนี้แล้ว ไม่ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนพึงหลีกเสียจากวนปัตถ์นั้น อย่าอยู่เลย...................................
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย อนึ่งภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัยวนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ตั้งขึ้นไม่ได้ก็ไม่ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้นก้ไม่ถึงความสิ้น และ อนุตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ แต่ว่า จีวรบิณฑบาตร เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต หามาได้โดยไม่ยาก ภิกษุทั้งหลายภิกษุนั้น พิจารณาโดยประจักษ์ดังนี้แล้วคิดว่า เราเป็นผู้ออกจากเรือนออกบวช เพราะเหตุแห่งจีวรก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งบิณฑบาตรก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งคิลานปัจจัยเภสัชชบริขารก็หามิได้ ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงหลีกไปจากวนปัตถ์นั้น อย่าอยู่เลย..........
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลายภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ก็ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น และอนุตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ อันบรรพชิตพึงแสวงหาเพื่อเป้นบริขารของชีวิตนั้น หามาได้โดยยาก ภิกษุทั้งหลายภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า เรามิได้ออกจากเรือนบวชเพื่อเหตุแห่งคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้นพึงอยู่ในวนปัตถ์นั้นอย่าหลีกไปเสียเลย.................
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัยวนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ก็ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ถึงความสิ้น และอนุตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ ทั้งจีวรบิณฑบาตร เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันบรรพชิตจะแสวงหาเพื่อเป็น บริขารของชีวิตนั้น ก็หาได้โดยไม่ยาก ภิกษุทั้งหลายภิกษุนั้น พิจารณาเห็น โดยประจักษ์ดังนี้แล้ว พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น จนตลอดชีวิต อย่าหลีกไปเสียเลย........................(ในกรณีแห่งการเลือกหมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท และบุคคล ที่ควรเสพหรือไม่ควรเสพ ก็ได้ตรัสไว้โดยหลักเกณท์อย่างเดียวกัน................ อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)
     
  11. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พลายช้าง คือ ช้างสีขาวๆหรอครับ เสือสมิง นี่คือ แล้วสมิงมันคือไรอ่าครับ

    ส่วนพี่ paetrix ขอบคุณครับ _:)
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ไม่รู้ครับ..เสือสมิงเนี่ยพอค้นหาอ่านได้ ...แต่พลายช้างเนี่ยถ้าจำไม่ผิด เป็นอะไรไม่รู้ชนิดหนึ่ง.ที่มีฤิทธิ์ มาในรูปช้าง..ว่ากันว่า..ไม่สนว่าจะพระหรือเป็นอะไร.ถ้าเล่นงานก็คือจะเอาให้ถึงตายอย่างเดียว...โดยส่วนตัวก็ไ่ม่เคยเห็นทั้งสองอย่าง...ที่เล่าให้ฟัง..คืือ พระที่ท่านออกธุดงค์ท่านเล่าให้ฟังมาอีกทีแต่ท่านก็ไม่ได้ไปท่านเดียวนะครับ..ไปกลับเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงภาคอีสาณท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้......ท่านอื่นๆอาจจะทราบข้อมูลก็ได้นะครับ..
     
  13. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    อยากรู้ไปทุกเรื่อง ดีครับ
    พระที่จะเดินธุดงค์สายพระอาจารย์มั่นนั้น จะต้องไปอยู่วัดเป็นปีครับ ต้องฝึกการรวมจิตให้ได้และเมื่อฝึกรวมจิตได้อย่างแคล่วคล่องแล้วต้องฝึกวิชาเสาร์ห้าเพื่อใช้ป้องกันภัยอันตรายต่างๆในป่านะครับ แต่ถ้าไม่ได้อย่างหนึ่งอย่างใด ท่านก็จะให้มีพระพี่เลี้ยงที่สามารถใช้วิชาเสาร์ห้านั้นเป็นหัวหน้าในการเดินธุดงค์ครับ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะเดินแล้วไปเดินได้ที่ไหนครับ พระอาวุโสท่านจะไม่อนุญาติครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  14. seapro

    seapro Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาสำหรับความรู้ครับ
     
  15. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    อาคมที่พระพุทธเจ้าสอนพระที่ไปธุดงด์มีดังนี้

    ๑. กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ . . . . . . . ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ

    <DD>สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ . . . . . . . . . . . . สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี</DD>
    1.กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง



    <DD>๒. สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ . . . . . . . .อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ

    <DD>สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ . . . . . . . . อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ

    <DD><DD> </DD>2.เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย(ควรมีงานทางโลกที่รบกวนสมาธิจิตไม่มาก) , คล่องตัว(ไม่ติดที่อยู่ อาศัยที่ใดก็ได้), ระมัดระวังการแสดงออก, รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย



    <DD>๓. นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ . . . . . เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง

    <DD>สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ . . . . . . . . . . . . สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา

    <DD><DD> </DD>3.ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด
    <DD></DD>
    ๔. เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ . . . . . . . . . . . . .ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
    <DD>ทีฆา วา เย มะหันตา วา . . . . . . . . . . .มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา</DD>
    4.ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์มีลำตัวยาว หรือลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม



    <DD>๕. ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา . . . . . . . . . เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร

    <DD>ภูตา วา สัมภะเวสี วา . . . . . . . . . . . . .สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา<DD> </DD>5.ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือกำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด


    ๖. นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ . . . . . . . . .นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
    พ์ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา . . . . . . .นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ

    6.บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน
    <DD>
    ๗. มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง . . . . . . . . . . อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ . . . . . . . . . . . . . . มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง

    <DD><DD> </DD>7.คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิตฉันนั้น


    ๘. เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง . . . . . . . . .มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ . . . . . . . . . . อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง

    <DD><DD> </DD>8.พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ


    ๙. ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา . . . . . . . . . . . สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ

    <DD> เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ . . . . . . . . . . พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ

    <DD><DD> </DD>9.ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร (การอยู่อย่างประเสริฐ)



    <DD>๑๐. ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา . . . . .ทัสสะเนนะ สัมปันโน

    <DD>กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง . . . . . . . . . . . . . .นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ

    <DD><DD> </DD>10.ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้



    (คำแปลของ ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต)
    <DD> </DD>ขอให้เจริญในธรรมครับ
    <DD>

    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2011
  16. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    อยากจะบวช และออกธุดงครับ หลายท่านบอกต้องบวชหลายปีก่อนแล้วถึงเข้าป่าไม่งัน ก็จะเป็นอันตราย แต่ตัวตนผมเป็นคนรั้น คิดเองว่าถ้ากลัวตาย ก็อย่าได้คิดว่าจะพ้นทุกข์ อยู่ที่กำลังใจ ถ้ากำลังใจยังไม่ถึงก็ตามขั้นตอน แต่ถ้าพร้อมที่จะตายก็ไม่ต้องคิดมาก คิดว่าตายดีกว่าอยู่อย่างไม่มีคุณค่า เข้าป่าให้ผีมันหักคอ หรือบริจาคร่างกายให้เป็นอาหารสัตว์ไป ถ้าผ่านช่วงแรกไปได้ ชีวิตก็จะเป็นเหมือนฟ้าหลังฝน หลวงพ่อชาเคยนั้งร้องให้ถามตัวเองทิ้งบ้านเรือนมา ทิ้งทรัพย์สิน ทิ้งทุกอย่างมา อยู่กลางป่าคนเดียว เปียกปอนหนาวสั่นเพราะฝนตก พายุเข้า กลดที่ปักก็เปียกหมด ต้นไม้ขึ้นหนาทึบยามกลางคืนมันมืดมาก กลัวผีก็กลัว สัตว์ร้ายก็กลัว เมื่อผ่านช่วงแห่งการทดสอบกำลังใจแล้วและพร้อมจะตายเพื่อพระรัตนไตร ท่านก็ทำภพชาติได้หมด ไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำครบถ้วนบริบูลย์ คิดถึงผลที่ได้รับแล้วยิ่งกว่าคุ้ม ชีวิตมีเวลาเพียงนิดเดียวแล้วก็ตาย แต่เรากลัวตายตอนอายุ20 อยากตายตอนอายุ70 ต่างกันนิดเดียว เราเอา50 ปีนี้ มาทำสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ไม่ต้องมาเกิดอีก คิดได้อย่างนี้ก็พร้อมจะตายครับ

    ในป่ามีอะไรให้ทดสอบเยาะมาก เราต้องสู้กับ ความลำบาก และความกลัว แต่มีสิ่งยัวยวนน้อยกว่าในเมือง เลยทำความสงบได้มาก เจริญสติปัญญาได้มาก ถ้าอยู่ในเมืองเราต้องเจอกับสิ่งที่มากระทบมาก หากสู้ได้ก็ดีอยู่ที่บารมี ส่วนใหญ่สู้ไม่ไหว คือมันมามาก กิเลสมันมามาก ไปอยู่ป่าดีกว่า ถึงจะลำบากกาย แต่ทางใจมันมีโอกาสที่จะทำปัญญาให้เห็นแจ้งมากกว่าครับ อันนี้จำมาและคิดเองจากปัญญาน้อยนิดของผม ผมก็อยู่สายธุดงถ้าบวชนะครับ ไปวัดจะกินมือเดียวตลอด ฝึกไว้เวลาบวชจะได้ไม่ทรมานกับการกิน ฝึกกินน้อย นอนน้อยไว้รอวันที่จะได้บวชแล้วออกไปธุดงในป่าแล้วขอตายไปเลยครับ จะมีความสุขมาก แต่คนมีญาณเขาบอกต้องออกมาอีก มาสอนคนอันนี้ไม่ชอบเลยเพราะคนนั้นสอนยาก มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะโปรดมนุษย์ได้ครั้งละมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2011
  17. clubo

    clubo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +734
    ขออนุโมทนาสำหรับความรู้ครับ

    แสดงว่าการออกธุดงค์ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องมีความรู้ มีวิชา
     
  18. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    ท่านกล่าวได้ตรงความรู้สึกของผม คราวทีแล้ว บวชวัดมหานิกาย คราวนี้ต้องธรรมยุติ ตื่นตีสาม มีกิจที่ต้องทำ ตอนนี้ได้แต่ฝัน หวังว่าคงจะได้พบกันในสถานะเพศบรรชิตครับ ถ้าบุญผมยังมีพอครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  19. phutsa

    phutsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +852
    สาธุ ๆ ๆ กระผมก็มีความปรารถนาเหมือนท่านสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้บวช แล้วออกธุดงค์ ตอนนี้ก็ได้แต่ฝัน แต่ก็พยายามฝึกสมาธิเล็ก ๆ น้อย ๆ สั่งสม ๆ ไปเรื่อย ๆ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...