ตอนนี้ไม่กล้านั่งสมาธิแล้วครับ เพราะท่าน Lue_b18 ทักว่า..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย surer, 30 พฤศจิกายน 2011.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ตามที่ดูเวลาที่คุณให้มาคือ ๙.๕๐ น.ลองจับยามดู ก็จะบอกว่าตัวคุณกำลังมีปัญหา บริเวณส่วนศรีษะ มันเป็นของร้อนที่มาจากคนรู้จักแต่ก็ไม่ค่อยรุนแรงเท่าไรพอประมาณ อีกอย่างที่อยากเตือนคือการปฎิบัติของคุณเท่าที่ดูผิดวิธี
    เป็นไปเพื่อทางแห่งความเสื่อม ผิดถูกประการใดเป็นเพียงแค่การดูเบื้องต้น
    -----------------------------------------------------------------
    คือใครมีญาณหรือตาที่ สาม ช่วยดูให้ผมทีว่าผม เสื่อมตรงไหน
    จะได้แก้ใข ตอนนี้ ไม่กล้าจะนั่งสมาธิเลย กลัว ไปผิดทางครับ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฮึย ไม่มีอะไรเลย

    คนมันจะอำ มันก็เล่นได้แบบนั้นแหละ

    ทำไมถึง อำได้รู้ไหม เพราะว่า เรานั่งสมาธิมา คนที่นั่งสมาธิมา
    จิตใจจะเริ่มงอกลับมาสำรวจตัวเอง มาสำรวจสภาพธรรม หรือ อาการ
    ของตัวเอง ซึ่ง ก่อนปฏิบัตินั้น ส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องข้างนอก

    ดังนั้น นักสมาธินี่ เป็นทุกคน นั่งวันเดียว จิตใจ มันตื่นตาตื่นใจ ไม่เคย
    รู้ว่าต้องมาสำรวจกกายใจตนเอง แค่สำรวจกายใจตนเองก็พบความ
    สงบ สงัดบางอย่าง

    แต่ ภายใต้ความสงบ สงัดนั้น ก็พบ สภาพธรรมที่แปรปรวน เต็มไปหมด
    ในกายเราเอง

    ตรงนี้แหละ ที่พวก เดียรถีย์ เดรัจฉานวิชชา จะอาศัย การเห็นอาการ
    ยุบยิบ การเคลื่อนของเลือด ลม กระดูกกระเดี้ยว อาการร้อน เย็น อ่อน
    แข็ง ตึงไหว ซึ่งเป็น สภาพธรรมในอวัยวะน้อยใหญ่ เรียกตามหลักสูตร
    ว่า "พิจารณาอาการ32" นี่ตำราพุทธ แต่ พวกเดรัจฉานวิชา มันอาศัย
    ช่องตรงนี้อำว่า มีเทพ มีองค์ มีเจ้า มีเวร มีภัย แต่มันไม่รู้เลยว่า มันกำลัง
    มีเอี้ยที่ตัวมันเอง

    จขกท ก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก อาการที่พิสดาร แปรปรวน จะมีมากกว่านี้อีก
    แต่เป็น อาการปรกติทั้งนั้น นี่ถ้าไปได้ กรรมฐานพองยุบนะ โอยสนุก จะคล้ายๆ
    หมอโฮจุน หมอแมะ คือ จะรู้ว่า อวัยวะตรงไหน ทำงานอย่างไร บกพร่องตรง
    ไหน ตรงไหนร้อน ตรงไหนเย็ย ตรงไหนชา ไฟไม่แล่น ซึ่งไม่ต้องผ่าตัดเข้าไป
    ดู แต่เราใช้สมาธิจิตเข้าไปพิจารณา

    หากพัฒนาเพิ่มด้วย เมตตากรรมฐาน คราวนี้ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องอังจุด แผ่เมตตา
    กระแสไฟ(ร้อนเย็น)เข้าไปแทน อันนี้ ท่านก็ว่ามี

    ตรงนี้ แนะนำให้ทราบได้ เพราะเป็น วิชาสะอาด สายพระป่าเมืองอังวะ หงสาท่าน
    ชอบใช้ เมืองไทยเห็นจะมีวัดธรรมมงคล ของหลวงพ่อวิริยังค์ ที่ท่านจะเน้นจนเห็น
    ได้ชัดว่าเน้นกว่าเรื่องอื่น

    แต่นะ เราอย่าไปให้พวก เดรัจฉานวิชา มันหลอกเอาได้ มันจะเข้ามาหลอกได้
    ตลอด แม้แต่ตอน แผ่เมตตานั่นแหละ

    ดังนั้น ขวากหนาม มีตลอดสายการปฏิบัติเหมือนกัน พวกเดรัจฉานที่เก่งฤทธิ์
    นี่เขาก็มีของเขา แต่ส่วนใหญ่ เปรต ทั้งนั่น

    เอาเป็นว่า ไปบวช แล้ว มุ่งปฏิบัติให้มากๆ ความสงสัยใครรู้ หากเราเปิด
    ช่องปั๊ปนะ เอาแล้ว พวกเดรัจฉานที่มันจ้องอยู่ มันจะทำท่าจับยามสามตา
    อ้างนู้นอ้างนี้ สุดท้ายพาไปกิน ฤดูหรือเมนท์ของผู้หญิงนู้นแหละ ไปลง
    เอยตรงนั้น เราก็จะเสียสติได้ที่ คราวนี้ ทรัพย์มีเท่าไหร่ ครอบครัวมีเท่าไหร่
    เสียให้มันหมด
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตะกี้ ผมเห็น กระทู้ถามเรื่อง กรรม A กรรม B

    ก็เลยอยากจะกล่าวอีกไม่หน่อย

    * * *

    เวลามาเรียนธรรมะ อย่าใช้ ตรรกศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมันจะใช้ไม่ได้

    การที่เราทำ กรรมใดก็แล้วแต่ หากทำลงไปแล้ว ต่อให้ คนที่ถูกกระทำนั้นยกโทษ
    ให้ กรรมที่เราทำไปก็ต้องเสวยเท่าเก่าอยู่ดี

    ทำไมเป็นอย่างนั้น ก็ เนื่องจาก "จิต" และ "ขันธ์5" มันเป็น สิ่งที่เป็นของกลาง
    มันเป็นของโลก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ กรรมที่ทำไว้นั้นมันจะเนื่องมากับจิต
    ติดมากับจิต เพียงแต่ รอจังหวะ โอกาส ที่จะให้ผล

    ซึ่ง โดยกฏแห่งกรรมแล้ว เวลาที่มันให้ผล ไม่มีใครกะเกณฑ์ได้

    เช่น อย่างพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ ท่านเคยห้าม โคแม่ลูกอ่อนไม่ให้กินน้ำเน่า

    หวังดีแท้ๆ แต่ กรรมนั้น ทำให้ พระอรหันต์ พระสัพพัญญ อย่างพระพุทธองค์ก็ต้อง
    เสวยกรรม หรือ ชดใช้กรรมนั้น หนีไม่ได้ จะต้อง ทนกระหายเมื่อยามใดที่ต้องการ
    ฉันน้ำ จะต้องมีอุปสรรคไม่ได้รับน้ำมาฉันโดยง่าย

    กรณี ให้อภัย ก็อย่างพระเทวทัต ทำกับ พระพุทธเจ้า เราแทบไม่ต้องสงสัยเลยใน
    พระมหากรุณา ว่าพระพุทธองค์จะยกโทษให้กับพระเทวทัตหรือไม่

    ดังนั้น แม้ยกโทษให้แล้ว แต่ พระเทวทัตได้ก่อกรรมหนัก ก็ทำให้ต้องโดนธรนีสูบ
    และตกนรกอยู่ดี

    จะเห็นว่า ในทางศาสนาพุทธนั้น กรรมต้องให้ผลแน่นอน ไม่ว่า คนๆนั้นจะเป็นใคร
    ประเสริฐมาจากไหน หากยังคำรงค์ "ขันธ์" อยู่ ยึดมั่นถือมั่นในจิตอยู่ ก็ไม่รอด
    กรรมเวรไปได้ แม้แต่รายเดียว

    * * * *

    อีกกรณีหนึ่ง การที่ B ถูกเรากระทำ นั่นก็เพราะว่า กรรมของเขา จะต้องโดนกระทำ
    ความที่เราคือ A เป็นผู้ยึดถือจิต ยึดถือขันธ์ จึงกลายเป็นสื่อ ส่งกรรมให้บังเกิด

    ทีนี้ จะไปอ้างแบบตรรกศาสตร์ นักกฏหมายว่า ไม่ใช่ A เป็นผู้กระทำก็ไม่ได้ เพราะว่า
    อย่างไรแล้ว A ก็ต้อง ขาดสติ สัมปชัญญะ ในการพิจารณาจิต และ ขันธ์ ในขณะนั้น
    แน่นอน ไม่เช่นั้นแล้วก็คงไม่ เจตนาที่จะก่อกรรม

    จะเห็นว่า กรรมเวรนั้น มันมีเหตุมาแต่ไหนไม่รู้ อาจจะไม่ใช่เพราะ A กับ B แต่อาจจะ
    เพราะ C หรือ D ที่ไม่รู้แต่ชาติปางไหน บังเอิญว่า กรรม มันจะให้ผล แล้ว มันสบช่อง
    ตรงที่ A และ B ยังยึดมั่นถือมั่น ยังมีความเห็นผิด ไม่มีสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ จึงต้องเสวย
    ที่ต่างคนต่างทำของตน แต่สบช่องกัน แล้วเสวยกรรมอย่างเผ็ดร้อน ไปตามเรื่อง ไม่อาจ
    หลีกหนีได้

    เอาแค่นี้นะ พอให้เห็นว่า มันซับซ้อน เกินกว่าจะใช้ หลักตรรกศาสตร์ วิทยาศาสตร์
    กฏหมาย ปรัชญาใดๆ มาวิจัยเรื่อง กฏแห่งกรรม ได้

    ในศาสนาพุทธจึงยกเรื่อง กรรม เป็นเรื่อง อจินไตย4 คือ ไม่มีทางไปรู้ได้ครบถ้วน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  4. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ขอบคุณ ครับสบายใจขึ้นเยอะเลย
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็นะ กรรมเก่า ยกเป็น อจิณไตยไปเลย จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่า หากยัง
    ภาวนาไม่ถึงไหน ก็ต้องได้รับผลกรรมแน่ๆ สักเพลาหนึ่ง ในกาลอนาคต

    แต่ถ้า เรา ภาวนาตอนนี้ ให้พ้นไปแบบที่ว่า ชาวพุทธเขาพูดกันว่า มีทางออก

    มีคนชี้ทางให้แล้ว เหลือ แต่ ผู้เดินตาม ผู้ลงมือกระทำ จะเดินตามด้วยตัว
    เองหรือไม่ จะประจักษ์แจ้งด้วยตัวเองหรือไม่ หรือจะเอาแต่ ได้ยินการพูด
    ถึงแบบตามๆกันไป ไม่เอา รู้เอง เห็นเอง เราก็จะไม่รู้ว่า เขาพูดถึงอะไรกัน

    แล้ว การเดินทางพุทธนะ เดินด้วยจิตเราเอง ดังนั้น พ้นเรื่อง กะตังค์ แน่นอน

    แต่ถ้ามี แล้ว เราต้องการทิ้งไว้ให้ คนที่ยังไม่รู้ เขาได้พอประทังยังชีพ ระหว่าง
    ที่ไม่รู้ ก็ว่ากันไปตามแต่จะมีจิตกตัญญูต่อผู้ที่ชี้ทาง หรือ เดินนำหน้าเราไปก่อน
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    Lue_b18

    ดียรถีย์ เดรัจฉานวิชชา จะอาศัย การเห็นอาการ
    ยุบยิบ การเคลื่อนของเลือด ลม กระดูกกระเดี้ยว อาการร้อน เย็น อ่อน
    แข็ง ตึงไหว ซึ่งเป็น สภาพธรรมในอวัยวะน้อยใหญ่ เรียกตามหลักสูตร
    ว่า "พิจารณาอาการ32" นี่ตำราพุทธ แต่ พวกเดรัจฉานวิชา มันอาศัย
    ช่องตรงนี้อำว่า มีเทพ มีองค์ มีเจ้า มีเวร มีภัย แต่มันไม่รู้เลยว่า มันกำลัง
    มีเอี้ยที่ตัวมันเอง


    เดี๋ยววววววว โดนฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายเป็น ธรรม สิบห้าบท มะรู้ด้วยเน้ออออออ อีลุง สองเด้ง
     
  7. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    นั่งสมาธิ พุท-โธ ไปเลื่อยๆเหอะครับ จะได้เจริญปัญญาขึ้นและสร้างภูมคุ้มกันจากอัปมงคลด้วยเพราะปัญญาที่เจริญขึ้นแล้วมันจะพิจารณาให้เห็น จริงและไม่จริง
     
  8. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    คุณจะฝึกกรรมฐานกองไหนก็แล้วแต่สำคัญสุดคืออารมณ์ใจ อย่าปล่อยให้มันทุกข์ อย่าให้มันเครียด ให้ทรงอยู่ในอารมณ์สบายๆ ฝึกสมาธิปฎิบัติกรรมฐาน
    มันเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการฝึกกสินไฟของคุณ จะทำให้อารมณ์ความรู้สึกของนักผู้ปฎิบัติร้อนตามกสินไฟที่คุณฝึก แต่คุณก็ต้องมีวิธีผ่อนคลาย เอาอย่างนี้ผมขอวัน เดือน ปี และ เวลาเกิดของคุณ
    จะดูว่าคุณเป็นจริตประเภทไหน และควรฝึกกรรมฐานแบบไหนให้เหมาะกับตนเอง บุญกุศลอันเกิดจากการพยากรณ์ในครั้งนี้ข้าพเจ้าขอเดชะบุญขอให้องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนอายุยืนนานต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2011
  9. สมาปัญญา

    สมาปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +88
    จิตใจของคุณไงครับที่มันเสื่อม ไม่มั่นคง

    เหตุที่ทำให้จิตของเราเสื่อมก็เนื่องมาจาก "ภูมิธรรม" ของเรายังสูงไม่พอ

    พอใครทักอะไรหน่อย เราก็จะลังเลสงสัยไปหมด

    แนวทางการปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้นไปจากวัฎสงสารนั้น

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลายๆท่านก็รับรองไว้แล้วว่า "ทาน, ศีล, สมาธิ, ปัญญา" เป็นเส้นทางแห่งการหลุดพ้น

    ลองใช้ความคิดของเรา ค่อยๆคิด พิจารณานะครับ ว่าเราปฏิบัติอยู่ตรงนี้หรือเปล่า?
    นอกเสียจากคุณจะปรารถนาอย่างอื่น?

    (ภูมิธรรม ก็เปรียบเสมือน เสื้อเกราะกันกระสุน)
    ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
    สมาปัญญา
     
  10. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    ท่านเล่าปัง ตอบได้ดีแล้ว ตอบได้ชอบแล้ว สนับสนุนครับ
     
  11. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    แล้วผมต้องไปครอบครูป่าว
     
  12. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ยินดีที่ได้รับฟังว่าน้องจะไปบวชพราหมณ์ และยังเป็นวัดหนองป่าพงอีกด้วย (หลวงปู่ชาเป็น ครูบาอาจารย์ของพี่) ก็ขอให้ตั้งมั่นในสิ่งที่ได้ตัดสินใจแล้ว การรู้ผิดรู้ถูกจากการปฏิบัติ เป็นคุณประโยชน์กับน้องทั้งสิ้น เมื่อรู้สึกตัวว่าผิดแล้วหนอ..เมื่อนั้นน้องก็เข้าใจถูกทันที ก็ขอให้ก้าวผ่านช่วงนี้ไปได้นะคะ ....เป็นกำลังใจให้ค่ะ (ส่งข้อความแล้ว..ไปอ่านเจอน้องถามว่า..แล้วผมต้องไปครอบครูป่าว...ตกใจเลยนะ.. ลำพังสังขาร..ขันธ์ ของน้องก็วุ่นวายเพียงนี้ แล้วถ้ารับเพิ่มอีก...จะกลายเป็นกี่ขันธ์ ความวุ่นวาย..ก็คงทวีคูณ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2011
  13. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    เห็นหลายคนนแนะนำอะครับ เพราะเค้าบอกว่าครอบครูแล้วเราจะ
    มีครูคุ้มครอง
     
  14. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    ครอบครู อืมมม จะเรียนรำไทยหรือครับ
     
  15. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้ายังพึ่งตนเองไม่ได้ ให้ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ถ้าน้องมีเรื่อง ๑ ครั้ง แล้วมีครู ๑ คน ทั้งชีวิตน้องจะมีเรื่องสักกี่ครั้ง จำนวนครูที่ต้องคุ้มครอง..พี่ไม่อยากนึก ว่าจะมีเท่าไร ใช้สติพิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบคอบ ด้วยตัวของน้องเอง วางใจให้เป็นกลาง แต่พี่ขอแนะนำว่า ให้ทำตามคำพูดที่ประกาศไว้ก่อน แล้วจึงมาคุยเรื่องครอบครูภายหลัง หลวงปู่ชาให้อยู่กับปัจจุบัน (ยินดีเป็นกำลังใจให้เสมอ)
     
  16. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ใช่เลย..น้องขึ้นไปอ่านที่ความเห็นของน้อง..นราสภา..เลย"องค์"กำลังลง.:cool:
     
  17. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    เจ้าของกระทู้กำลังจะไปบวชหรือ ก็ขออนุโมนาบุญด้วยครับ
     
  18. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    อ๋อจะไปห่ม ขาวครับ
     
  19. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ถึง น้อง surer
    พี่จะเล่าเรื่องของพี่ให้น้องรู้สัก 1 เรื่อง เมื่อประมาณ 2-3 ปี ที่แล้ว พี่จะสับสนกับอาการของพี่ที่พบกับรูปปั้นเทพต่าง ๆ แล้วพี่ก็จะมีอาการคลื่นไส้ ก็มีหลายคนที่บอกพี่ว่า พี่มีองค์ และให้รับขันธ์ แต่บังเอิญพี่ไม่ชอบ รับผิดชอบการกระทำใดๆ ที่พี่ไม่ได้ทำขึ้นเองโดยไม่มีสติรู้ตัว พี่จึงปล่อยผ่านเรื่องนั้นมา ต่อมาก็มีเรื่องขึ้นใหม่ ทำไมพี่ต้องทำเรื่องต่างๆ นานา ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าตาก พี่ก็จะสงสัยว่าอดีตพี่เป็นใคร แต่เมื่อถามใครแล้ว เขาบอกอย่างไร ใจพี่ก็ไม่เชื่อ ตอนนี้อาการทุเลาเบาบางลงเมื่อพี่เชื่อว่า อยากรู้อดีตให้ดูที่ปัจจุบัน พี่จึงสรุปได้ว่าพี่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าตากแน่นอน เพราะทุกวันนี้พี่ก็ยังต้องทำเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าตากอยู่ดี ที่พี่เล่าเรื่องให้น้องรู้เพราะอาการที่อยากรู้อยากเห็น วุ่นวาย สับสน ร้อนรุ่ม อยู่ไม่เป็นสุข ของพี่ หลวงปู่ชาบอกว่าหมาขี้เรื้อน มันคัน แล้วหนีไปที่ไหนต่อที่ไหนเพื่อให้หายคัน อาการคันมันก็ไม่หายอยู่ดี (เพราะมันพกความขี้เรื้อนที่ตัวมันเองไปทุกที่ ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องคันไม่มีทางหาย...ตรงนี้พี่สรุปเอง) พี่จึงเตือนน้อง ..(ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พี่จึงวุ่นวายกับเรื่องของน้องมากไปแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย) ให้ใช้สติพิจารณาเรื่องราวรอบตัวให้รอบคอบ ถ้ามัวแต่หาเรื่อง อยากรู้เรื่อง ..ชีวิตน้องจะได้เรื่องและมีเรื่องแน่นอน พี่ก็หวังว่าความหวังดีของพี่ที่มีต่อน้อง ...คงจะช่วยให้น้องได้คิด ได้พิจารณา และได้ทางที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม (ไม่ใช่ตามยถากรรม) มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งและพี่จะไม่เข้ามาคุยเรื่องของน้องอีกแล้ว ...ขอให้โชคดี ...สาวอุทัย..
     
  20. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ขอบคุณครับพี่สาวอุทัย วันนี้สรุปผมไปแล้วครับ
    ทำพิธีอะไรหมดแล้ว
    พระท่านบอกผมว่า อย่านั่งสมาธินาน
    เพราะว่าเมื่อจิตเปิด ของไม่ดีจะแสรกเข้ามา
    และอีกอย่างผมเคยเพ่งกษิณไง
    ผมก็ไม่กล้านั่งเลยตอนกลางวัน จนตอนนี้ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า
    สิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งดี ถ้าจะตายผมก็ยอมตาย
    ผมมีความสุขกับการนั่งสมาธิ แต่ก่อนผมเป็นคนมองโลกแง่ร้าย
    แต่สมาธิกับคำสอนของหลวงพ่อบางท่าน ทำให้ฟมมีความสุขมากขึ่น
    มีหลวงพี่ท่านหนึ่ง แนะนำผม พูดดี คิดดี ทำดี ผมทำตาม ชีวิตไม่มีเรื่องทุกข์เลยครับ (นอกจากเรื่องโดนของ)
    และอีกหลายคำสอน ของหลวงพ่อต่างๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...