((((ปิดแจกชั่วคราวปู่ไม่อยู่ไปฝั่งลาว))))เเจกตระกุดผงสุดยอดมวลสารโดยปู่อ้วนผีกองกอย

แต่ของผมมีมดมาอยู่นะครับ

 

ปู่ว่าบังเอิญมดมันอิ่มน้ำผึ้งก่อนมั่งครับ มันบอกว่าวันหน้าจะมาลงแก้วนั้นบ้างละ
ของปู่มดมันก็ไม่ลงเหมือนกันเลย
ก็น้ำผึ้งทีใสไว้มันจืดหมดเเล้ว มดเลยเมิน เเถมขมอีกตั้งหาก

 

น่าจะเป็นอย่างที่ปู่ว่าครับ

 

ปู่น้ำผึ้งที่แช่ธาตุกายสิทธิ์ไว้รู้สึกมันขมเพราะอะไรครับ

 

ธาตุกายสิทธิลองเอาน้ำผึ้งใสน้อยๆๆเดียวก็จืดเองใสเยอะเยอะท่านดูดความหวานช้าไม่ใช่จำพวกของปู่แบบเเรงๆๆน้ำผึ้งแปบเดียวคืนเดียวหายเกลื้อง
สังเกตุดูธาตุปลอม ของจริงทีปู่เเจกน้ำหนักดี เนื้อเเน่นกว่า ของปลอมแม่เหล็กก็ดูเอาละกัน
แต่พลังแม่เหล็กอาจจะดูว่าเท่าๆๆกันมีหรือน้อยกว่าดูเอานะ
ปู่ยินดีรับคืนครับ ไม่ว่าไรหลอกครับ สำผัสพลังท่านดูเอา
ยิ่งเเช่น้ำผึ้งนานก็ยิ่งเงาสวย ลองเอาของปลอมมาเเช่ดูมั่งดิจะเป็นอย่างไรดูเอาครับ

 

เรียนท่านปู่ เราสามารถชิมน้ำผึ้งที่ถวายท่านได้ด้วยเหรอคะ
แล้วกี่วันถึงจะต้องเปลี่ยนน้ำผึ้งที่ถวายคะ ทุกวันพระหรือเปล่าคะ

หลานรู้สึกว่าสีของเหล็กไหลเปลี่ยนไปนะคะ แต่ค่อยๆเปลี่ยนค่ะท่านปู่

 

ทุกอย่างอยู่ทีจิตเรา มีความศัทธา ตั้งใจจริง เราก็จะผ่านมันไปได้ การปฏิบัติก็เหมือนกัน
ฝึกฝน อดทน พรากเพียร ขยัน ก็จะสำเร็จดั่งทีใจเราได้ทำ
ธาตุของท่านนั้นถ้าอยู่กับผู้ทีมีจิตสูงท่านจะเปลื่ยนสภาพได้ไว ท่านจะอยู่ตามวาระจิตของเจ้าของทีถืออยู่ ทุกอย่างอยู่ทีตัวเรา ทำไปเถอะลูกหลานๆๆๆ ใครจะว่าเราทนเอา ใครจะบ่นชั่งเขา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ ถ้าคนในชอบเล่นสาย อยู่เร แล้วละก็ มันจะช่วยหนุนธาตุได้ดีจริงเลย สายไนก็สายไนดีเหมือนกันหมดเเละ แต่จะจบยังไงก็แค่นั้น

 

สิ่งทีพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน
เรื่องการทำบุญให้ทานรักษาศีลหรือสมถกรรมฐาน เขาสอนกันอยู่เเล้ว
พระพุทธเจ้าของเราไม่ได้สอนเรื่องนี้ อย่างทีทำสมถกรรฐานจนได้ อรูปฌานสมาบัติ๘
ผู้ทีเคยบวชเรียนเขียนอ่านต้องรู้ ไม่ใช่เป็นการทำบุญให้ทานรักษาศีล แม้เขาทำสมาธิได้อรูปฌานสมาบัติ๘แล้ว นั้น ไม่ใช่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนเรือง ทุกข์ ทุกคนต้องรู้ว่าทุกข์ คำว่าสอนเรื่องทุกข์ หมายถึงอะไร ก็หมายถึงสอนให้ออกจากทุกข์ไงละ เเละไม่มีทุกข์นั่นเอง
คำปรารถของปู่เอง ธรรมชั้นสูงของคนได้ญานชั้นสูงต้องรู้เเละเข้าใจมากๆๆเลยนี้ละสายเเห่งปันญาญาน แห่งการรู้ทุกข์ เหตุของทุกข์เเละการดับทุกข์

 

สมัยนี้น้ำท่วมเพราะอะไร
เพราะมนุษย์เราตันหาราคะมันเยอะมาก เทพเทวานาคราช จึงต้องล้างกันสักครั้งหนึ่ง
โดยให้น้ำมันท่วมนี้เเค่เด็กๆๆเท่านั้นยังจะเจออีกแน่ เรียกว่าสุดๆๆๆไปเลยละ
ใช่บางท่านอาจว่าธรรมชาติ กำลังเรียกบางอย่างคืนจากมนุษย์ ฝนตกลงมามากนางนาคเป่าน้ำให้ออกมา แต่แล้วก็จะมีไฟบันไลยกันขึ้นมาเป่าให้น้ำแห้ง
อันนี้ ใช้ความคิดพิจรณาดูเอานะครับผม ว่าจริงไม แต่ถ้ามาถามปู่นะหรือ เอาจริงแท้แน่นอนหรือไม่จริงดีละ เมือมันถึงเวลาอีกไม่นานหลอก ก็จะรู้เองละครับ อันนี้ได้มาจากเพือนฤษีฝั่งลาว

 

สาธุค่ะท่านปู่ อ่านธรรมะที่ท่านปู่สอนแล้วก็มีกำลังใจในการปฏิบัติมากค่ะ
หลานเป็นผู้รู้น้อย หากมีครูบาอาจารย์คอยแนะ คอยนำ
ก็ทำให้การปฏิบัติไม่หลงทาง
กราบอนุโมทนาและขอบพระคุณท่านปู่มากค่ะ

 

พระอาจารย์ของหลานท่านก็เคยบอกค่ะท่านปู่
ท่านบอกว่าใครมีญาติ มีพี่น้องอยู่ที่.... ให้บอกกลับบ้านให้หมด
และเภทภัยที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่นี้...
ท่านบอกว่า เป็นการ"ท่อนโฮมคน" เหมือนพลิกแผ่นดินค่ะ

 

ทางมิใช่ทาง

((((((((((((((((((((((มาต่ออีกนิด))))))))))))))))))))))))
ด้วยเหตุนี้เราจึงไปทำทานกัน รักษาศีล ทำกรรมฐานนั่งสมาธิ เพื่อให้หมดไปอย่างนี้ แต่มันหมดไม่ได้ นี้เนี้ยเเละ
พวกเราเคยศึกษาธรรมะว่า(((((((ทาง))))))) มิใช่ทาง เมื่อเราทำดูแล้ว มันยังดับไม่ได้ ก็หมายถึงว่า สิ่งนั้นยังไม่เป็นทางดับทุกข์ แม้จะศึกษาพระไตรปิฏกจนจบเล่ม ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ มันก็ยังไม่ถูกอยู่นั้นเอง
บัดนี้เเล้ว ตรงกันข้าม เมื่อเราไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏกก็ตาม หรือไม่ได้ทำอะไรมาเลย เมื่อเราศึกษาทางดับทุกข์ อันนี้เเละทีถูกต้อง

ธรรมะชั้นสูงปันญาญาน บอกสายทางแห่งการหลุดพ้น
อันนี้ปู่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำบุญรักษาศีลหรือทำทานอะไรต่างๆๆหลอกนะ
แต่เป็นคำพูดของปู่เองเฉยๆๆๆ บอกเเนวทางให้กับคนทีกำรังจะหาทางออกจากทุกข์แบบหลุดพ้นไม่ยุ่งทางโลกอีกนะ

 

ปู่อ้วนครับ ถ้าตามวิธีที่ปู่บอกถ้าพอจิตพักแล้วกลับมาภาวนาต่อไปเรื่อยๆมันจะได้แค่กำลังสมาธิหรือฌาน อย่างเดียวผมเข้าใจถูกไหมครับ เพราะตัวผมเวลาพิจารณาแล้วรู้สึกเหมือนไม่ชอบ ต่างกับตอนภาวนาหรือจับภาพพระอะครับรู้สึกว่าเป็นสมาธิมากกว่า ถ้าผมอยากจะก้าวหน้าต่อไปผมควรจะทำยังไงดีครับ

 

=ชอบฌานหรือญานละครับ
ถ้าชอบฌานก็ไม่ต้องทำไรเลยเเค่นั่งภาวนาเฉยๆๆๆๆๆหรือนั่งจับภาพพระต่อไปครับเเล้วจิตของเราก็จะเย็นลงโปร่งไปเรือยๆๆๆๆๆๆๆๆจนยากทีจะออกจากฌานไปเลยเรียกว่าจิตเข้าฌานเเล้วออกไม่ได้ ต่อให้ทำนานเเค่ไนก็เป็นแค่กำลังของจิตวันยังค่ำครับกิเลสเท่าเดิมหรืออาจพอกเอาไปอีกอีกเมือเราหลงฤิทธิ์

เเละก้าวหน้าแบบขยับฌานขึ้นไปจนได้อภินญา หรือฌานสมาบัติ๘ครับ มีอิทธิฤิทธิ์ไงครับ
คนเรานะครับหลงฌานกันจนตายมานักต่อนักแล้วครับ
ส่วนญานนั้น จะเกิดปันญญานครับ มองเห็นสิ่งทีแท้จริง ฆ่ากิเลสให้ดับไป เเละรู้ทุกข์ เเละเหตุของทุกข์ เเละการดับทุกข์ครับ
และก็ผลพรอยได้ฤิทธิ์ด้วย
ส่วนการชอบหรือไม่นั้นต้องถามใจคุณเองครับว่าชอบอะไร ยากหลุดพ้นหรือเเค่เอาฤิทธิ์
ก็คือฌานหรือญานไงครับ
(((((((((((((((((((เเต่อย่าตอบปู่ว่าแค่นั่งเอาบุญหรือเอาความสงบเฉยๆๆๆนะ
ถ้าตอบแบบนี้ปู่ไม่รู้จะพูดไรดีครับ))))))))))))))))))))))))
จิตของคุณมันติดฌานเเล้วจึงไม่อยากพิจรนาไงครับ เรียกว่านั่งแล้วนิ่งหลงไปฌานเลย
กับอีกทีดูจิตดีๆๆๆๆๆนะครับว่าคุณนั่งเเล้วลมหายใจมันหายไปไมครับ
ถ้ามันหายไปแล้ว นั้นละจิตเราได้พัก จึงไม่อยากจะรับรู้ไรทั้งสิ้นนะแม้เเต่พิจรนาเองก็ตามก็เเค่มองดูมันเฉยๆๆๆๆๆๆจนมันถอยออกมาเองครับ
ใช้สติดูมัน
เเต่เราอยากรู้ว่ามันจะถอยมาแบบไนก็เวลาทีคุณรู้สึกว่าตัวเราเองลมหายใจเราหายไปแล้วเอาความรู้สึกมาทีท้องเราว่าพองขึ้นลงไงละ มันจะพักพอเเรงของมันจนมันถอยออกมาโดยเราได้รับรู้ลมหายใจเข้าออกอีกครั้งนะครับ
แต่ถ้าไม่ใช่แบบทีปู่ว่าก็คงเป็นการเข้าฌานเเล้วละเมือหลงฌานหรือความสงบของตัวเองเเล้ว
แบบว่ายิ่งพิจรนามากเท่าไรจริตเราก็ฟุ้งซ่านมากเท่านั้น นั้นละหลงฌานของแท้
แต่ถ้าคุณยังไม่ถึงขั้นทีปู่บอกแสดงว่าจริตของคุณก็ไม่มีไรมากเพียงแค่ชอบภาวนาหรือเพ่งมากกว่าพิจรนาแค่นั้นเองงะครับ การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องพิจรนาอย่างเดียวครับเอาไรก็ได้ทีชอบเเละถูกจริตของตนเอง หรือเรียกแบบว่าทำจนติดนิสัยแล้วเอาแบบอย่างอื่นแล้วไปไม่เป็นไงละ

 

เหล็กไหลของปู่ทีไ่ด้ผมไม่ได้แช่น้ำมัน แต่ตอนเอามาวันแรกโรยดอกมะลิไว้ข้างๆธาตุกายสิทกับรังที่ให้มา ตั้งไว้ที่หิ้งพระไม่รู้เป้นธาตกายสิทหรือเทวดาที่เรากลับไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันแต่กลางวันจะสวดไกลจากหิ้งพระหน่อย บางทีสวดมนต์เหมือนมีกลิ่นมะลิมาใกล้ๆตัว

 

ทางหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริงคนเรารู้แต่ปฎิบัติยากมากกว่า
ไม่ยึดติด ยึดมั่นว่าของนี้เป็นของเรา นี้เป้นเขาหรือใคร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป้นอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงหรือของต่างแต่กะทั้งชีวิต ทุกอย่างมันเป็นแบบนั้น ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นแหละเป็นสิ่งประเสริฐสุดแล้ว
ถามปู่นิดประจำผมก็สวดมนต์ นั่งสมาธิประมาณ30-1 ชม ทุกวัน แต่หลังๆเหมือนมีอะไรตึงที่หน้าผากตลอดเวลา บ่อยมากเดียวนี้ แถวระหว่างคิวหรือตาที่3 แล้วชอบภาวนาในใจประมาณว่า
นะมะพะธะ นโมพุทธายะ สัมปะจิตฉามิ สมเด็จพ่อองค์ปฐม แบบคิดภาวนาเองแบบนี้ในใจประจำ

 

ดวงปันญากำลังจะเปิดสำผัสทีหกครับ

 

แล้วภาวนาแบบนี้ไปเรื่อยถูกแล้วใช่ป่ะปู่หรือมีวิธีอื่นที่จะฝึกให้ดีขึ้นอีกไหมครับปู่
แล้วเดียวนี้เวลาค่ำๆหรือที่มืดๆพอเพ็งๆไรเหมือนเห็นแสงเล็กๆเหมือนมีดวงไฟเล็กๆน้อยบ้าง มากบาง โดยเฉพาะในห้องนอนก่อนนอนมักเห้นเหมือนมีแสเหมือนดาวบนท้องฟ้้าแต่เล็กๆน้อยหรือมากบางครับมันคือไรหรอและบางทีสวดมนต์หรือทำไรรู้สึกเหมือนมีเย็นตามร่างกายเหมือนมีน้ำเย็นเล็กตางร่างกายแล้วแต่ช่วงเวลา

 

แล้วแต่เราจะชอบครับ

มีแค่ว่าตั้งใจทำไปเรื่อยๆๆๆๆครับพอมันถึงทีปู่บอกไว้ทีในกระทู้หน้าเเรกๆๆเราจะรู้ได้เองอัตโนมัตไงครับ รู้ได้ตนเองเลย
หรือถ้าไม่เข้าใจไปอ่านอีกทีจะพอเข้าใจเลย ว่าทำอย่างไรให้ได้สมาธิก้าวหน้า
แบบไวๆๆๆๆ ปู่จะบอกแบบละเอียดอยู่พอสมควรนะ เเต่เราเองก็ไม่ใช่จะได้เร็วเกินไป ต้องมีบุญเก่าหนุนด้วย ทำได้ขนาดนี้ก็เเสดงว่า บุญเก่ามี ความขยันมี อดทนมี ฝึกฝนทุกว้น มี ความเพียรพยายามมี ก็okครับ

 

ครับก็สวดมนต์ทุกวันพยายามสวดบทยาวๆหน่อยได้สมาธิดีเน้น บทแผ่เมตา อุทิศส่วนกุศล ซะมาก ตอนนี้ก็ยังตึึงๆเหมือนมีลูกไรที่แถวหน้าผากแถวตาที่3บ้างครับ พยายามปฎิบิตตามคำสั่งสอนพระพุทธเจ้า ทาน ศีล ภาวนา