กสิณน้ำ แบ่งปัน/แนะนำ/เล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย testykhun, 16 กันยายน 2011.

  1. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    ส่วนตัวเริ่มจาก ลมก่อน ถ้ากำหนดกสินลมได้ น้ำก็ไม่ยาก เพราะลมเป็นธาตุอิสระ ไร้การควบคุมจะมา ก็ มาเอง จะไป ก็ไปเอง เพราะจริต ชอบธาตุเย็น พวกไฟของร้อน ๆ ไปข้างหน้าเลยไม่เอาหรอก น้ำยังมีรูปร่างลักษณะ จึงกำหนดได้ง่ายกว่า แต่ต้องมีครูอาจารย์ควบคุมชี้แนะ ไม่งั้น ธาตุทั้ง 4 ในร่ายกายจะปั่นป่วน เสียสมดุล เป็นบ้าไป ก็ เยอะครับ ธาตุมันแตก
    คุณเรียกมันมาหาคุณได้ ก็ต้องเอามันออกไปได้​
    ฤทธิ์ ชาณ ทั้งหลายเสื่อมได้ แต่ถ้าได้ธรรม ธรรมนั้นไม่เสี่ยม เพราะเป็นโลกุตระ :cool:
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    การกำหนดกสิณน้ำได้ตั้งแต่เด็ก น่าจะความสามารถของชาติที่ผ่านมา ขอทายว่าเป็นพญานาคมาก่อนครับ สำหรับคุณ oatthidet และต้องไม่ใช่พญานาคธรรมดา น่าจะสูงศักดิ์อีกต่างหากครับ การทำได้โดยตอบตนเองไม่ได้นั้นเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับใคร ยากที่จะเชื่อ แต่ผู้ที่สามารถนำความสามารถของอดีตที่ผ่านมา นำมาใช้ประโยชน์ได้ ก็มีผมหล่ะคนหนึ่งนะครับ เรียกว่า ใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ โดยไม่สนว่าใครเขาจะว่าอะไรนะครับ
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมเคยเกิดเป็นพญานาคเมื่อสองชาติก่อนครับ ก่อนที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติที่แล้ว

    และครั้นพอตายจากชาติก่อน ก็มาเกิดเลย เป็นมนุษย์ในชาตินี้

    โดยไม่ได้ไปเกิดในภพภูมิอื่น ห้าชาติก่อน ผมเป็นฤาษีครับ โดยฝึกกสิณน้ำครับ
     
  4. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    ว่าไปเรื่อย

    ขี้ก็ืคือร่างกายเรานี่เอง ร่างกายเรานี่เองตัวผลิตขี้ เป็นขี้กองใหญ่

    ตัดร่า่งกายได้ ไม่หลงในรา่างกายได้ อารมณ์ทงเพศก็หมด

    ก็พระอนาคามี

    อสภะรรมฐาน๑๐ ก็เป็นกรรมฐาน พิจรารณา ร่างกายโดยตรง(ขี้กองใหญ่)
    อสุภกรรมฐาน ๑๐ อย่าง

    1อุทธุมาตกอสุภ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายขึ้นบวมพอง ที่เรียกกันว่า ผีตายขึ้นอืดนั่นเอง
    2วินีลกอสุภ เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว ปะปนคน สีแดงในที่มีเนื้อมาก สีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก สีเขียวที่มีผ้าสีเขียวคลุม ร่างของผู้ตายส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผ้า สีเขียวจึงมากกว่า ดังนั้นจึงเรียกว่า วินีลกะ แปลว่าสีเขียว
    3วิปุพพกอสุภ เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    4วิฉิทททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลาง มีกายขาดออกจากกัน
    5วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกสัตว์ยื้อแย่งกัดกิน
    6วิขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย
    7หตวิกขิตตกอสุภ คือซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    8โลหิตกอสุภ คือซากศพที่มีเลือดไหลอออกเป็นปกติ
    9ปุฬุวกอสุภ คือซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    10อัฏฐกอสุภ คือซากศพที่มีแต่กระดูก
    เป็นข้าศึก ของอารมณ์ทางเพศ

    เช้าฟาดฟักผัด เย็ดฟาดผัดฟัก ก็หมายความว่า ไห้กินผัก หรือมังสะวิรัติ

    ้ข้อดีของมังสะวิรัติ ก็คือ น้องชายไม่ค่อยกวน เป็นเรื่องของสารอาหาร

    ยังตัดไม่ขาด แต่ช่วยบรรเทาได้

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณเคยเห็นกลุ่มคนที่ไม่ปกติทางเพศไหมครับ หากว่าเคยก็จบที่ตรงนั้นครับ

    แต่ถ้าไม่เคย คงต้องออกไปดูความเปลี่ยรแปรไปของประเทศไทยครับ
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    การพิจารณาแบบคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->patchara2<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5125796", true); </SCRIPT> ก็ไม่ผิดหลอกครับ....

    ถูกแล้ว กรรมฐานมีตั้ง ๔๐ กองนะ....

    พิจารณากองอุจจาระ นี่ เป็นได้ทั้ง กายคตาสติ ในกรรมฐาน ๔๐ และ ปฏิกูลบรรพ ในสติปัฏฐานสูตร ครับ.....


    ...............................................................................................................................


    สติปัฏฐานสูตร

    ปฏิกูลบรรพ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายนี้แหละ เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังเป็นที่สุดรอบเต็ม ด้วยของไม่สะอาดมีประการต่าง ๆ ว่า มีอยู่ในกายนี้
    ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อใน กระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
    ไถ้มีปากสองข้าง เต็มด้วยธัญญชาติต่างอย่างคือ
    ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ถั่วเขียว ถั่วเหลือง งา ข้าวสาร
    บุรุษผู้มีนัยน์ตาดี แก้ไถ้นั้นแล้ว พึงเห็นได้ว่านี้ข้าวสาลี นี้ข้าวเปลือก นี้ถั่วเขียว นี้ถั่วเหลือง นี้งา นี้ข้าวสาร ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    ย่อมพิจารณาเห็นกายนี้แหละ เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังเป็นสุดรอบ เต็มด้วยของไม่สะอาดมีประการต่าง ๆ ว่ามีอยู่ในกายนี้ ผม ขน ฯลฯ ไขข้อ มูตร ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง ฯลฯ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ


    สติปัฏฐานสูตร ๑๒/๘๔

    ที่มา พระไตรปิฏก ฉบับปฏิบัติ โดย ธรรมรักษา.

    http://www.larnbuddhism.com/grammathan/tripitakapatibat/sati.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  7. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    ทำไมคนส่วนน้อยยิ่งกว่าน้อยไปสวรรค์ ไปนิพพาน

    ทำไม คนส่วนมาก ยิ่งกว่ามาก ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    ไปเกิดเป็นสัตว์นรก

    เราช่วยใครไม่ได้ กรรมใคร กรรมมัน

    แต่้าเขาหันเข้ามาหาทางธรรม อันนี้ล่ะ เราพอจะชี้แนะได้ พอจะช่วยได้
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ความนึกคิด หรือ การปรุงแต่ง ของมนุษย์ในจำนวนมาก สามารถเปลี่ยนแปรความนึกคิด

    หรือ การปรุงแต่งของสภาพแวดล้อมได้ ในสังคมนั้นมีมนุษย์เป็นจำนวนมาก ที่คอยปรุงแต่ง

    เป็นกระแสแห่งการเวลา ที่มนุษย์โดยทั่วไปมองไม่เห็น และ นี่คือสาเหตุของการคงอยู่ของศาสนา

    การปฎิบัติ ต่อไปในอนาคต จะยิ่งเป็นสิ่งที่ยากยิ่งขึ้น เพราะการปฎิบัติ จะเป็นไปเสมือนยุคก่อนพุทธกาล

    มีอีกหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย โดยที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองเท่านั้น
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ใช่ครับ แต่การปรุงแต่งในจำนวนมาก มีผลกับคนกลุ่มน้อยดวยครับ

    หากเราเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ที่ปฎิบัติ ก็จะพูดคุยเรื่องปฎิบัติ

    หากเราเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ที่ไม่ปฎิบัติ จะพูดคุยในเรื่องใด

    การที่ถูกการปรุงแต่งคอยเติมอยู่เป็นนิตย์ นั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะเพิกเฉยได้

    หากบอกกล่าวเฉพาะบุคคล พระธรรมจะยังคงอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่

    เพราะเมื่อผู้ที่รู้ และ เข้าใจ ในธรรมได้จากไปก่อน มนุษย์ที่เหลือจะเป็นเช่นไร

    หากเป็นเพียงเฉพาะตนเอง ก็ไม่ผิดครับ ที่จะคิดเห็นเช่นนั้น

    แต่เพียงว่าพระธรรมจะอยู่อย่างไร แต่อย่างว่าครับ พระศาสดาได้ประกาศไว้แล้ว
     
  10. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    การละกาม ไม่ใช่ของง่าย เพราะในวัยเจริญพันธุ์ ร่างกายจะแสดงออกมาเอง โดยอัตโนมัติ ยิ่งผู้ไม่ได้เจริญกรรมฐานแล้ว ยิ่งไปใหญ่ครับ ในวัดนั้นนิยมปลูกต้นลีลาวดี ซึ่งเชื่อกันว่า กลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้นั้น สามารถลดความต้องการทางเพศได้ ส่วนตัวก็ดื่มน้ำเข้าไปมากๆเข้าไว้ แล้วร่างกายก็ขับพวกนี้ออกมาเองครับ ส่วนความคิดนั้น ผมอาจจะโชคดีที่เข้าฌานได้นะครับ ก็ทรงฌานเอา ส่วนทรงฌานไม่ได้ก็อาจจะสวดมนต์ในใจเอาไว้เยอะๆครับ ดีเสียอีกจะได้มีฤทธิ์ทางใจได้ครับ
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ละกามได้ขาด เป็นภูมิของพระอนาคามีครับ...

    ออกทะเลเรื่องกสิณมาไกลเลย....
     
  12. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ฮี่ๆๆ งั้นง่ายๆเลย ใครที่ว่าคึกๆ ลองกินน้ำมะตูมดูครับ แล้วก็ตั้งสัจจะ อย่ากินติดต่อกันนานนะครับเดี๋ยวนกเขาไม่ขันยุ่งเลยนะขอรับ:cool:

    น้ำมะตูม และแกงจืดฟัก เพราะน้ำมะตูม มักจะนิยมทำเป็น้ำปาณะ เพื่อให้พระฉัน ซึ่งจะช่วยลดความกำหนัดลง ส่วนฟักก็จะทำให้น้องชายไม่สู้งาน อันนี้เป็นความรู้ที่ได้มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ฝากมาบอกด้วยจ้า เผื่อจะเป็นประโยชน์ทำให้มีลูกได้ง่ายขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  13. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    ตอบต่อ อารมณ์ กสิณ เป็นอารมณ์ สงบ เป็นอารมณ์ของสมาธิ

    ถ้ามีกามกวนใจ จะฝึกไห้ได้กสิณ ยาก ไม่มีทางเลย (ใจไม่สงบ ใจกระเพิ่มตลอดเวลา)

    แต่ถ้าเอากรรมฐาน พิจารณาร่างกายเรา ร่างกายสัตว์ก็ดี มาไช้

    ถ้าแบบนี้ละก็จะช่วยประคับ ประคองใจเราได้

    ช่วยไห้เราฝึกกสิณ เป็นผลสำเร็จ ตามที่เราต้องการได้


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  14. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ใช่ครับ มีแต่พระอนาคามี ที่ละกามได้ แต่คนที่ทรงฌานได้ ก็สามารถกดความรู้สึกตรงนั้นเอาไว้ได้ เปรียบเหมือนเอาก้อนหินนั้นทับหญ้าเอาไว้ครับ การที่จะให้คนธรรมดาอยู่ในสังคมทั่วไปเจริญอสุภกรรมฐานนั้น ผมว่าเป็นไปได้ยากครับ เพราะในชีวิตจริงของเขาอยู่ท่ามกลางสิ่งเย้ายวน กิเลส กามอารมณ์ ไม่เหมือนผู้ปฏิบัติธรรมครับ การฝึกกสิณไฟหรือแสงสว่างนั้น ยิ่งจะทำให้เพิ่มธาตุที่ออกร้อน แล้วก็จะไปกระตุ้นความยากทางอารมณ์เหล่านี้ได้ครับ การฝึกกสิณน้ำดีกว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ เพื่อที่จะดับความเร่าร้อนในตัวครับ
     
  15. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    พี่ครับ แล้วชาติที่แล้วผมเกิดเป็นอะไรหรือครับ ช่วยดูให้หน่อยนะครับ ปรกติผมไม่ยอมให้ใครแสกนเลยนะครับ
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผู้ที่จะเพ่งกสิณ ไม่ว่าจะด้วยกสิณชนิดไหน ย่อมต้องมีความชื่นชอบอยู่ก่อน

    เมื่อจิตใจนั้นชื่นชอบ จะทำให้มีความสนใจในสิ่งนั้น อย่างจริงจังในช่วงแรก

    ปัญหา คือ หลังจากที่ได้เริ่ม ปฎิบัติ ความยากง่าย ที่ได้พบเจอ ในขณะปฎิบัติ

    ควรที่จะตรึกนึกถึงบ่อยๆ ในสิ่งที่เราให้ความสนใจ หรือ สิ่งที่เราเพ่ง

    ดั่งภายในบ้านของเราเอง แม้ว่าเราจะอยู่ที่อื่น ก็สามารถตรึกนึกขึ้นมาได้ ว่าเป็นอย่างไร

    ฉนั้น การตรึกนึกให้เป็นนิมิต ก็เหมือนกัน แต่จะให้ตรึกนึกถึงนิมิตอยู่ได้นานเท่าไหร่

    นี่คือความยากง่าย ของผู้ปฎิบัติ หากเห็นทุกครั้งที่ตรึกนึกขึ้นมา นั้นเป็นสมาธิเริ่มต้น

    หากเห็นนิมิตคงอยู่ได้นานขึ้น จากเดิมที่เห็นทุกครั้งที่ตรึกนึก นั้นเป็นสมาธิในขั้นกลาง

    หากเห็นโดยที่ไม่ต้องตรึกนึก และ เห็นอยู่เป็นนิตย์ นั้นเป็นสมาธิระดับปลาย

    จะสามารถย่อให้เล็ก ขยายให้ใหญ่ ได้ดั่งใจปราถนา และ เมื่อเป็นเช่นที่ได้กล่าวมาแล้ว

    ควรที่จะหยุดความรู้สึกทั้งหมดเข้าไปในดวงนิมิตนั้นๆ จิตจะปฎิบัติเองโดยอัตโนมัติ

    โดยไม่ต้องบังคับ เมื่อทุกสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น นั้นคือ สภาวะแห่งฌาณ

    ดวงนิมิตจะเด่นชัดในที่สุด คำภาวนาจะเด่นชัดในที่สุด

    จนคำภาวนานั้นคลายตัวลงเองโดยไม่ได้บังคับแต่อย่างใด

    จะเหลือแต่เพียงดวงนิมิตที่เราเพ่งในกสิณ ลอยเด่นอยู่เท่านั้น

    จนถึงอีกวาระหนึ่ง ดวงนิมิตนั้นจะแปรเปลี่ยนสภาพไป กลายเป็นดวงจิตมาแทนที่

    เมื่อเห็นดวงจิตชัดเจนแล้ว ก็ควรเดินตามทางแห่งมรรคไปเรื่อยๆ จนเกิดผล

    ดั่งคำที่กล่าวไว้ว่า มรรค๔ ผล๔ นิพพาน๑
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ฝึกอสุภกรรมฐานในชีวิตประจำวันไม่ยากครับ....มีคนทำได้กันเยอะแล้วนะ....

    จุดประสงค์ก็เพื่อให้ไม่หวั่นไหวกับกามกิเลส สิ่งยั่วยวน นั่นหละครับ....ฝึกอยู่แต่ป่ามากระทบโลก แตกกระจาย อย่างนี้ไม่ได้เรื่อง...สู้ฝึกอยู่กับโลก กระทบโลก สุดท้ายไม่หวั่นไหว อยู่กับโลกได้โดยไม่หวั่นไหว หรือ เข้าป่าไปเลย นี่ของจริง....

    ทำได้ครับ....กรรมฐานทุกกองทำได้หมดหละครับ....มีคนทำได้กันหมดแล้ว....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากผมบอกกล่าวไป จะเชื่อกระนั้นหรือครับ

    คนเราจะเชื่อต่อเมื่อเห็นด้วยตนเอง เท่านั้น

    และการเห็นอดีตชาตินั้น เพื่อความเข้าใจในภพภูมิ ว่ามีอยู่จริง

    ผมถูกมีดบาดที่มือ ไม่ทราบว่าคุณเจ็บด้วยไหมครับ

    คำตอบนี้ คงบ่งบอกให้คุณเข้าใจได้นะครับ
     
  19. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ดูให้ผมด้วยครับ:cool:
     
  20. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ศาสนาใดก็ตามก็ไม่ยอมเปลี่ยนแนวปฏิบัติให้เข้ากับยุคกับสมัย ศาสนานั้นมักจะล้มหายตายจากโลกแห่งนี้ไปครับ หรือไม่ก็มีคนนับถือปฏิบัติน้อยลง การที่คุณPhanudet กล่าวเช่นนั้น ลองมองสภาพความเป็นจริงของสังคมดูบ้างนะครับ ว่าคนที่เข้ามาปฏิบัติธรรมกับคนที่หลงในแสง สีเสียง นั้นต่างกันแค่ไหนครับ การที่สอนแนะนำเรื่องยากๆตรงข้ามกับชีวิตประจำวันของเขา และผู้แนะนำบอกแต่ว่าอย่างนี้ดี อย่างนี้แก้ได้ โดยไม่เน้นสภาพความเป็นจริง ผมไม่เห็นด้วยครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...