น้ำถล่ม ก.ท.ม. คนกรุงเทพเตรียมพร้อมรัดเข็มขัดได้เลย

ครับ อยากจะเตือนไว้ในสิ่งที่ได้รับรู้มาครับเผื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน โดยเฉพาะกรุงเทพ ไม่ได้สร้างกระแสหรือทำให้วิตกหวาดกลัวนะครับแต่เพื่อความไม่ประมาทและเพิ่มโอกาสรอดเวลาน้ำมันมาถึง ผมไม่อยากอ้างครูอาจารย์ให้กระทบกระเทือนท่าน ผมได้รับรู้มาก่อนที่มันจะท่วมโคราชปีที่แล้ว ขอเริ่มเลยเอาแบบกระชับนะครับ
ภัยพิบัติทางน้ำก.ท.ม. ให้ระวัง 2 อย่าง 1. พายุ 2.น้ำจากเขื่อนที่ปล่อยไม่ใช่จากไทยแต่มันเป็นจีนครับ เวลาไม่ได้ระบุแต่เป็นเร็วๆนี้
1. ภัยจากพายุยังพอป้องปัดไปได้ขึ้นอยู่กับเราภาวนารวมพลังอธิษฐานให้แผ่นดินสยามปลอดภัยก็สามารถแคล้วคลาดไปได้แต่ต้องอ้างเอาพุทธบารมีนะแต่มหาเทพและทวยเทพทั้งหลายก็รวมพลังช่วยต้านทานอยู่แล้วแต่สิ่งที่มันจะเกิดนั้นเหลือกำลังต้องอ้างพุทธบารมีเพราะบารมีของพุทธองค์นั้นมหาศาลเหนือเทพเหนือพรหมจักแก้ไขได้ทั้งนี้อยู่ที่มนุษย์ทั้งหลายจะช่วยกันเท่านั้นหละครับขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยบารมีในหลวงท่านก็หาทางช่วยไว้เยอะถ้าไม่ได้ท่านจมไปแล้ว
2. น้ำท่วม คงจำคนตายสึนามิได้อันนี้ตายมากกว่าสึนามิครับ คือทางการเตรียมรับมือไว้แล้วทั้งแก้มลิงแก้มค่างต่างๆแต่มันคาดไม่ถึงน้ำทางเราก็เต็มอยู่แล้วจีนก็ปล่อยน้ำมาน้ำมันจะหักแตกออกมาทางเชียงใหม่และนครสวรรค์หนักสุดก็ก.ท.ม. เพราะแม่น้ำทุกสายมันมารวมที่เจ้าพระยามันถึงจะออกทะเลได้ถ้าตอนนั้นให้ขึ้นที่สูงนะครับอย่าห่วงทรัพย์สินมาก สัญญานคือใน ก.ท.ม.ถ้าฝนตกหนาเม็ดแบบไม่หยุดเลย 3 วัน เอาแค่วันที่ 2 ก็พอครับเผื่อไว้เผ่นได้เลยตอนนี้ทางใต้ยังพอปลอดภัยทางเหนือไม่รับประกันครับ ขอให้โชคดีทุกคนนะครับเตรียมชูชีพส่วนตัวกันไว้บ้างก็ดีนะครับ ถ้าใครสามารถตรวจระดับน้ำของเขื่อนเสี่ยววานที่ปล่อยลงแม่โขงได้แล้วนำมาแสดงจะดีมากเลยครับ

 

ขอบคุณที่นำมาเตือนภัยครับ

ถ้าเป็นไปได้ขอช่วงระยะเวลาที่จะเกิดและความแม่นยำเป็น % ว่ามากน้อยแค่ไหนด้วยครับผม(จะได้ช่วยเตือนคนใกล้เคียง)

 

ก่อนน้ำมาถึงกรุงเทพ ก็ต้องมีการแจ้งเตือน เพราะไม่ใช่มาแบบทันที่ มันก็ไหลมาจากทางเหนือ กว่าจะมาถึงทางราชการก็ต้องออกมาเตือนอยุ่แล้ว เพียงแต่คนจะเชื่อมากน้อยแค่ไหนเท่านั่นเอง เพราะตอนนี้น้ำท่วมอยู่ เขาก็ออกมาว่าอีกกี่วัน น้ำจะมาถึงกรุงเทพ ปริมาณเท่าไร อยู่ที่เราแล้วแหละว่าจะเอายังไง จะอยู่หรือหนี

 

ถ้าเป็นพายุ เข้ากรุงเทพฯ คงป้องกันได้ยาก
แต่ถ้าเป็นน้ำ (จากจีน) การป้องกัน การเตรียมตัวรับมือ การอพยพจะง่ายกว่า
แต่ที่แน่ ๆ ภายในเดือนนี้รอรับน้ำเหนือก็หนักสาหัสแล้วครับ

 

หากน้ำจากเขื่อนเสี่ยววานทะลักผ่านเชียงรายเชียงใหม่ลงมา คาดว่าจะมีเวลาเตือนภัยแค่เพียง 6 - 7 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่น้ำจะถึงกรุงเทพ หากเกิดตอนเที่ยงคืนซึ่งคนส่วนใหญ่นอนหลับฝันดีกันอย่างมีความสุขจะรับรู้ข่าวสารการเตือนภัยได้ทันหรือ หากยังคิดว่าทันก็คงสุดแท้แต่ความคิดของแต่ละท่าน อันที่จริงน่าจะมีการเตรียมพร้อมในการอพยพกันบ้างก็ดีนะครับเช่นมีการฟังข่าวผ่านวิทยุหรือทีวีตลอด 24 ชม. เปิดมือถือคอยฟังการโทรติดต่อจากเพื่อนๆเพื่อจะได้เตือนกันต่อต่อไปเป็นทอดๆ หากเกิดจริงก็สามารถคว้ากระเป๋าที่เตรียมไว้ใส่รถพร้อมคนในครอบครัวขับไปยังจุดที่เราคิดว่าปลอดภัย แล้วอย่าลืมปัญหาการจารจรติดขัดด้วยครับ เราจะติดอยู่บนถนนในกรุงเทพไปไหนไม่ได้เพราะรถติดก็ต้องวางแผนตรงจุดนี้ด้วย

 

1. พายุ...เห็นด้วยว่า ควรระมัดระวัง เนื่องจากพายุคือตัวหอบน้ำมาเติมในลำน้ำ

2. น้ำจากจีน...หากเป็นพายุฝนที่ตกในจีนนั้น....จีนโดนก่อนครับ น้ำจะเอ่อล้นลำน้ำ....และท่วมออกไปแถบริมตลิ่ง

ส่วนน้ำจากเขื่อนแตก (เขื่อน 3 ผา)....ไม่ต้องกลัว....เพราะมันอยู่ห่างจากเราเป็นพันๆกิโลเมตร

น้ำจากเขื่อนที่แตก....จะกระจายตัวที่เมืองจีนนั่นแหละครับ....ไม่สามารถข้ามหุบเขาต่างๆมาได้

ธรรมชาติของน้ำจะไหลมาตามซอกเขา....และก็จะลดกำลังลงไปเรื่อยๆ....และไหลออกไปทางฝั่งตะวันออกของประเทศจีนไปเอง.....ครับ

(ดูรูป.....เขื่อน 3 ผาในประเทศจีน และจังหวัดของประเทศไทย)



.

 

เขื่อนจีนแตกถึงกรุงเทพได้พม่าก็ไม่เหลือแล้วครับ น้ำมาคนละทางตั้งกระทู้ให้มีหลักการเหมือนคุณzz ถ้าภาคอีสานตอนบนพอว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพได้ต้องมีน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนครับ

 

พูดถึงเรื่องการเตือนของทางราชการ ถ้าย้อนหลังกลับไปซักเดือน ตอนน้ำท่วมทางเหนือหนักๆที่สุโขทัย พิษณุโลก ไม่เห็นมีส่วนราชการไหนบอกเลยว่าน้ำจะท่วมแบบนี้ มีแต่บอกว่าเอาอยู่ทั้งนั้น ตอนนี้ก็เหมือนกัน แถมไม่เคยบอกว่าควรเตรียมการรับมืออย่างไรด้วย ในกรณีที่เอาไม่อยู่

 

ภาพสีผสมเท็จข้อมูลจากดาวเทียม LANDSAT ต่างช่วงเวลา (R G B: 4 5 1) แสดงพื้นผิวน้ำ (water surface) ของแม่น้ำโขง (หรือจีนเรียกว่า "แม่น้ำหลานซาง") บริเวณเหนือเขื่อนเสี่ยววาน (Xiaowan dam) เขื่อนม่านวาน (Manwan dam) เขื่อนต้าเฉาซาน (Dachaoshan dam) และเขื่อนจิงหง (Jinghong dam) ตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีรายละเอียดดังนี้

- เขื่อนเสี่ยววาน (เริ่มก่อสร้างปี 2544 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2556) เมื่อเปรียบเทียบพื้นผิวน้ำในแต่ละช่วงเวลาในช่วงก่อนการก่อสร้าง (ปี 2532 และ 2538) ช่วงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง (ปี 2548) และสภาพ ณ ปัจจุบัน (ปี 2553) พบว่า พื้นผิวน้ำบริเวณเหนือเขื่อนในปี 2553 สามารถกักเก็บน้ำได้บางส่วนแล้ว ดังจะสังเกตได้จากขนาดของลำน้ำมีความกว้างมากกว่าก่อนการก่อสร้าง นอกจากนี้ ภาพข้อมูลหลายช่วงเวลายังสามารถแสดงสิ่งปกคลุมดิน (Land cover) ของพื้นที่บริเวณโดยรอบเขื่อน และตลอดแนวลำน้ำโขงที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างชัดเจน

- เขื่อนม่านวาน (เริ่มก่อสร้างปี 2529 และสร้างแล้วเสร็จในปี 2539) เมื่อเปรียบเทียบพื้นผิวน้ำในแต่ละช่วงเวลาในช่วงระหว่างสร้าง หลังสร้างแล้วเสร็จ และสภาพ ณ ปัจจุบัน พบว่า พื้นผิวน้ำบริเวณเหนือเขื่อน หลังสร้างแล้วเสร็จมีปริมาณเพิ่มมากกว่าปี 2532 ดังจะสังเกตได้จากขนาดของแม่น้ำโขงบนภาพข้อมูลปี 2548 และ 2553 โดยในระหว่างการสร้างเขื่อนยังสามารถกักเก็บน้ำได้บางส่วนแล้วดังภาพข้อมูลปี 2538

- เขื่อนต้าเฉาซาน (เริ่มก่อสร้างปี 2539 และสร้างแล้วเสร็จในปี 2546) เมื่อเปรียบเทียบพื้นผิวน้ำในแต่ละช่วงเวลาในช่วงก่อนสร้าง หลังสร้างแล้วเสร็จ และสภาพ ณ ปัจจุบัน พบว่า พื้นผิวน้ำบริเวณเหนือเขื่อนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากขนาดของแม่น้ำโขงบนภาพข้อมูลปี 2548 และ 2553 มีความกว้างเพิ่มมากกว่าปี 2534 และ 2538

- เขื่อนจิงหง (เริ่มก่อสร้างปี 2546 และสร้างแล้วเสร็จในปี 2552) เมื่อเปรียบเทียบพื้นผิวน้ำก่อนและหลังการสร้างเขื่อน โดยใช้ข้อมูลในปี 2546 (ก่อนสร้างเขื่อน 5 เดือน) และปี 2553 (สร้างแล้วเสร็จ 1 ปี) พบว่า พื้นผิวน้ำบริเวณเหนือเขื่อนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากขนาดของแม่น้ำโขงบนภาพข้อมูลในปี 2553 มีความกว้างเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมบางพื้นที่จะปรากฎสันทรายในบริเวณแม่น้ำโขงทางตอนบนของเขื่อนเป็นจำนวนมากและยังมีบางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง (บริเวณตอนบนและตอนกลางของภาพ)





ดูข้อมูลที่

http://www.gistda.or.th/gistda_n/index.php/menu-hot-events/439-chinadam-compare-1989-2010





ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงปริมาณน้ำที่กักเก็บ ณ. เขื่อนเสี่ยววาน




.

 

จากแผนที่

เชียงรุ้ง = Jinghong
เชียงแสน = Chaiang Saen
ลำปาง = Lampang

- เขื่อนเสี่ยววาน อยู่เหนือเมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา

- เชียงรุ้ง และเชียงแสน ห่างกันมากกว่า 200 กิโลเมตร (ทางตรง) หากนับความคดเคี้ยวไปตามลำน้ำโขง ก็ได้ระยะทางมากกว่านั้น

- หากเขื่อนเสี่ยววาน และเขื่อนอื่นๆ เหนือประเทศไทย....แตก...สายน้ำจะกระจายไปตามภูมิประเทศ ตลอด 200 กิโลเมตร

- เมื่อน้ำมาถึงเชียงแสน...ก็จะลดความแรงลง...อย่างมากก็แค่เอ่อล้นท่วมเชียงแสนและพื้นที่ลุ่มทางภาคเหนือ

(ดูรูป....พื้นที่ลุ่มสีเหลืองแถบเชียงแสน จนถึง ลำปาง)

- เชียงแสน ถึง ลำปาง ระยะทางมากว่า 200 กิโลเมตร มีพื้นที่กระจายความแรงของน้ำ....มากมาย

ให้ลองคิดว่า...ที่ลุ่ม....สีเหลือง....ระหว่างเชียงแสน ถึง ลำปาง....เหล่านี้คือ...อ่างเก็บน้ำ (พื้นที่รับน้ำ/แก้มลิง) แล้วจินตนาการว่า...น้ำจากจีนมากมายเท่าใดจึงจะกระจายตัวเต็มพื้นที่สีเหลือง....ส่วนแนวที่น้ำจะไหลลงภาคกลางตรงๆนั้น จะถูกเบี่ยงด้วยเทือกเขา...ไม่ไหลลงภาคกลางตรงๆ

- ดังนั้น....โอกาสที่น้ำลงมาถึง กทม. จึงน้อยมาก

แต่....ที่น่าห่วงคือ ประชาชนแถบภาคเหนือ...ที่อยู่ติด....ลำน้ำโขง...ต่างหาก

บรรรพบุรุษไทย....เลือกชัยภูมิเพื่อสร้างเมืองหลวงได้....ดีเยี่ยมจริงๆ

 

น้ำต้องสูงกี่เมตรละครับจะท่วม กทม. แล้วถ้าไม่หนีไปไหน ซื้ออาหารมาตุนและอยู่ตึกชั้น3 จะรอดมั้ย หรือกระแสน้ำแรงจนเซาะพัดตึกทำให้ทรุดหรือพังตึก

 

ถ้าน้ำท่วมถึง กทม. ก็แปลว่า...มันท่วม

เชียงแสน ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์..... มาแล้ว

และถ้าน้ำแรงจนสามารถ....เซาะ....พัด....ตึก (ใน กทม.) พังได้.....ก็คงเหลือประเทศไทยแค่....ภาคอีสาน....ตะวันออก....ใต้

ภาคอีสาน...ก็โดนน้ำแบ่งมาจากภาคเหนือ...ท่วมไปหมด ยกเว้นเทือกเขาต่างๆ

เราก็จะเหลือ....ประเทศไทยแค่ครึ่งประเทศ (ส่วนประเทศทางด้านบนๆของไทย....โดนไปก่อนแล้ว)

แต่....น้ำขนาดนั้น...ต้องมาจาก...ขั้วโลกเหนือ....เท่านั้น....จึงจะมีปริมาณมากพอที่จะท่วมเราได้

(ท่วมมาจาภาคเหนือนะครับ....ไม่เกี่ยวกับน้ำทะเล)

ดังนั้น....ในภาวะปกติ....ที่โลกไม่พลิกคว่ำ....ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย (น้ำไม่มากพอที่จะไหลลงมาท่วมเราได้....ขนาดที่ถล่มตึกได้)



ชาว กทม. ควรกลัวน้ำทะเลมากกว่า....พายุฝนทำให้น้ำในลำน้ำเต็ม....น้ำทะเลหนุน....ทำให้น้ำในลำน้ำไหลลงทะเลไม่ได้

เมื่อน้ำล้นจากเขื่อน (ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) มันก็จะท่วม....ท่วมนานเท่าใดก็ขึ้นกับปริมาณน้ำ....ครับ

สมมติว่า...1 เดือน...น้ำไหลลงทะเลหมด....เราก็มาเก็บขยะ....ตามถนนหนทางกัน (ถ้าไม่อดอาหารตายก่อน)

กรณีน้ำไม่ลดลงเลย....แปลว่า....น้ำไหลมาแล้วลงทะเลไม่ได้

แล้วทำไมไหลลงทะเลไม่ได้....ก็เพราะ

1. กทม. ทรุดตัวมากกว่า 1-2 เมตร (ทำให้น้ำทะเลทะลักเข้ามาใน กทม. ชั้นใน และหนุนน้ำเหนือไว้ถาวร)

2. น้ำทะเลสูงขึ้นถาวร....มากกว่า 1-2 เมตร (หนุนน้ำเหนือไว้ถาวร)

หากเจอ 1 ใน 2 อย่างนี้....กทม. ก็อยู่....ยาก......ครับ





.

 

ใครพอมีข้อมูลบ้างว่า กทม.ทรุดตัวปีละกี่มิลลิเมตร
ขณะนี้พื้นที่ กทม.กับระดับน้ำทะเล มีความสูงต่ำกว่ากันเท่าใด
บริเวณใดของ กทม. ที่เสียงกับน้ำท่วม
และท่อระบายน้ำ กทม.สามารถป้องกันน้ำดันได้มากน้อยเพียงใด
หากมีน้ำทะเลหนุน กทม.ส่วนไหนจะมีความเสี่ยงมาก

 

ผมไปเจออันนี้มา Global Sea Level Rise Map - Global Warming & Climate Change Impact แค่เราใส่ความสูงระดับน้ำทะเล ลองเอาไปใส่ดู
ก็รู้พื้นที่ไหนท่วมบ้าง


ส่วนอันนี้ http://www.kromchol.com/dailyudq/GIS/Warning.html ดูปริมาณน้ำในเขื่อนแบบ Real time เครดิต Lyu Seaturtle

เท่าที่นั่งนับแผนที่แสดงน้ำในเขื่อน
เขื่อนทั่วประเทศมี 30 เขื่อน
- มี 17 เขื่อน ปริมาตรน้ำ > 70-100+ %
- มี 7 เขื่อน ปริมาตรน้ำ > 30-70 %
- มี 6 เขือน ไม่มีข้อมูล
ปล. ณ เวลานี้เท่านั้น ต่อไป อาจมีเพิ่มหรือ ลดก็ไม่รุ้

 

อย่าลืมข้อมูลจาก zeta ที่ว่าแผ่นเปลือกโลกที่ไทยตั้งอยู่กำลังมุดตัวนะครับ ทำให้ความสามารถในการระบายน้ำของกทม.อาจจะทำได้ไม่เต็มที่โอกาสน้ำท่วมขังยาวนานก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรอช่วง 24-26 กันยายนี้ดีกว่า ว่าจะมีอิทธิพลจากการเรียงตัวของ PX หรือเปล่า ที่เกิดขึ้นจริงคงได้ไหวกันทั่วแปซิฟิกละครับ

 

อ่านกระทู้เรื่องเตือนน้ำท่วมแล้วทำให้นึกถึง....

...นึกถึง พระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ตอนต้นปี 54 ที่ผ่านมา ท่านรับสั่งว่า

ท่านฝันว่าน้ำท่วมกรุงเทพ ฯ (จากข่าวหนังสือพิมพ์)

 

ผมกลัวน้ำจากเขื่อน ใน จ.กาญจนบุรีมากกว่า เพราะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลก อย่าว่า 7 ริกเตอร์เลย ผมว่า 3-4 ริกเตอร์ รอยเลื่อนอาจขยับได้