เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

อยุธยา ก็มี เจ้าคุณเสงี่ยม หลวงปู่หวล หลวงพ่อเฉลิม หลวงพ่ออุดม หลวงพ่อสายทอง พระอาจารย์นพวรรณ พระอาจารย์พิจารณ์ หลวงน้าลำใยวัดสะแก และที่ปิดตวัอยู่ใน อ มหาราช และนครหลวงอีก 2-3 องค์

ส่วนอุบลราชธานี หลวงปู่คำบุ นี่ผมขอให้ท่านเสกเดี่ยวหลายรอบแล้ว และต้องปลุกเสกพุทธาภิเษกอีก 2-3 รอบ จริงๆยังมีอีกหลายองค์ครับ

ส่วนเชียงใหม่ ครูบาตั๋น ก็สองรอบแล้วครับ ที่จะเป็นน่าจะเป็น หลวงพ่อประสิทธิ์ แล้วก็หลวงพ่อบัวเกตุ กับที่ปิดตัวที่แม่แตงอีก 1 องค์

ส่วนนครวรรค์เยอะเลยครับ จังหวัดนี้ เริ่มตั้งแต่ หลวงปู่อุย วัดช่องคีรี หลวงปู่ลี วัดป่าหัวตลุก หลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน หลวงพ่อต่อ หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว ฯลฯ ตอนนี้ brain block นิดไม่ค่อยออกครับ

ปราจีนบุรี น่าจะเป็น หลวงปู่บุญมา หลวงปู่โสฬส และหลวงปู่นาคครับ

 

สวัสดีครับ น้องสุรเชษฐ์

เพิ่มเติมพระคณาจารย์จังหวัดนครสวรรค์
1.หลวงพ่อเดช วัดสังฆมงคล บ้านช่อกระถิน อยู่เลยสถานีรถไฟหนองปลิง
2.หลวงพ่อเชื่อม วัดโตเขาทองพุทธาราม อยู่เขาทอง (ท่านเป็นศิษย์ ลพ.ยี วัดดงตาก้อนทอง) ถ้าไปหาลพ.ต่อ ลพ.สะอาด แล้วก็เลยไปหา ลพ.เชื่อม ได้ไม่ไกลกันนัก
3.หลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม
4.หลวงพ่ออ้วน วัดหนองกระโดน จะถึงก่อนไปหา ลป.ลี วัดป่าหัวตลุก

พี่จิรัฏฐ์

 

ขอบคุณครับพี่จิรัฎฐ์

ตอนนี้เห็นพระอาจารย์เดชท่านมีชื่อมากที่สุดในนครสวรรค์แล้วมั้งครับ

 

คุณหมอเก็บไว้ให้ดีนะครับ ต่อไปจะหายาก ประมาณค่ามิได้ครับ

 

ขอบคุณครับ พี่ไชยพันธุ์ อยากรู้ประวัติของแผ่นจารนี้ครับ สวยอลังการมากเลย

 

ขอบคุณพี่ไชยพันธุ์ช่วยเป็นธุระให้ครับ เดี๋ยวท่านจะหลอมเมื่อไหร่ผมจะเตรียมแผ่นทองให้อีก

 

วันนี้ได้นำหลวงปู่หมุน ยันต์ดวงเศรษฐี ไปเลี่ยม เพื่อรอมอบให้แก่ผู้ร่วมบุญทุกท่านแล้วนะครับ พรุ่งนี้ เดิมทีตั้งใจว่าจะนำพระไปเข้าในงานของอ.พิจารณ์ ที่วัดโพธิ์ผักไห่ แต่ประกาศตารางเวรมาแล้วโดนเต็มๆ ไว้โอกาสหน้าจะนำไปเข้าพุทธาภิเษกเพิ่มแล้วกันครับ ให้ทุกท่านเชื่อว่า สมเด็จองค์ปฐม และ ล็อกเกตพระแก้วมีพุทธคุณพอตัวทีเดียว

 

​

ประวัติหลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ จ.กาญจนบุรี พระครูอดุลพิริยานุวัตร หรือ หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ พระเกจิอาจารย์ ผู้สืบทอดสรรพวิชาสายหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากฆราวาสจอมขมังเวทย์ อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว ซึ่งท่านเป็นพระสหาย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ สำนัก วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อชุบ ใด้สืบทอดวิชาการสักยันต์ เมตตา แคล้วคลาด คงกะพัน และ มหาอุตม์ พระคาถาต่างๆและสรรพวิชาการทำตะกรุดและเครื่องรางของขลัง อีกทั้งยังสืบทอดวิชาสาย หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม จากพระมหาสิทธิการทอง วัดเพชรสมุทร จ.สมุทรสงคราม ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อครั้งจำพรรษา อยู่ที่วัดเพชรสมุทร(วัดบ้านแหลม)
ประวัติพระครูอดุลพิริยานุวัตร หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ประวัติหลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ ท่านเกิดวันศุกร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2469 ตรงกับ แรม 8 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล โยมบิดาชื่อนายปลื้ม ถินนาก โยมมารดาชื่อนางช่วง ถินนาก ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 5 คน มีพี่สาวต่างมารดา 1 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 มีพี่สาว 3 คน น้องชาย 1 คน ในวัยเยาว์ท่านมีความสามารถด้านศิลปะวาดเขียน มากกว่าเด็กอื่นๆในวัยเดียวกัน ในช่วงวัยรุ่นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์และได้รับการถ่ายทอดวิชาการสักยันต์และวิชาอาคมต่างๆจาก อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว เมื่อครั้งที่อาจารย์รื่นท่านเปิดสำนักสักยันต์ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม อาจารย์รื่น ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทยและอาจารย์รื่นท่านยังเป็นพระสหายกับ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ท่านอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2491 ณ. วัดคู้สนามจันทร์ ตำบลบ้านปรก อำเถอเมือง จ.สมุทรสงคราม
โดย มีหลวงพ่อกลึง ธมฺมโชติ วัดสวนแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่วัดคู้สนามจันทร์ได้ 4 พรรษา ท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดเพชรสมุทร และยังได้ศึกษาสรรพวิชาเพิ่มเติมจากพระมหาสิทธิการทอง วัดเพชรสมุทรด้วย โดยพระมหาสิทธิการทอง นั้นท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม
หลังจาก หลวงพ่อชุบ ได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมต่างๆจนจบแล้ว หลวงพ่อชุบ ได้เริ่มเดินธุดงค์ไปยังจังหวัดต่างๆเช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี
พ.ศ.2505 ท่านได้เดินธุดงค์มาที่ จ.กาญจนบุรีและได้เดินทางจนมาถึงถ้ำละว้า ได้มีญาติโยมที่อาศัยอยู่ที่วังกระแจะได้นิมนต์ให้ท่านมาพักที่บ้านวังกระแจะและสร้างกุฏิให้อยู่เป็นไม้ไผ่มุงแฝก 1 หลัง หลังจากนั้นได้สร้างกุฏิไม้แบบถาวรให้ 1 หลัง
พ.ศ.2511ได้รับเป็นวัดที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน
พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานเป็นวิสุงคามสีมา
พ.ศ.2533 ได้ทำพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ
หลวงพ่อชุบท่านได้รับตำแหน่งหน้าที่(งานปกครอง)ดังนี้
พ.ศ.2513 เป็นเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พ.ศ.2517 เป็นเจ้าคณะตำบล ท่าทุ่งนาและต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าคณะตำบลวังกระแจะ
พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2522)
พ.ศ.2526 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค
พ.ศ.2549 เมื่ออายุครบ 80 ปีเกษียณจากตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค และได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมหาเถระสมาคม อันมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศฯ ผู้ทำหน้าที่เป็นประธานในตำแหน่งปฏิบัติงานแทน สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นผู้รับรองการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2549
งานด้านการศึกษา หลวงพ่อชุบท่านได้รับตำแหน่งมีดังนี้
พ.ศ.2498 ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม
พ.ศ.2499 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง
พ.ศ.2501 ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนบาลี
พ.ศ.2513 เป็นเจ้าสำนักเรียนประจำสำนักเรียนวัดวังกระแจะ
งานสาธารณูปโภค ที่หลวงพ่อชุบท่านช่วยสงเคาระห์
พ.ศ.2516 – 2518 สร้างพระอุโบสถ
พ.ศ.2519 – 2521 สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอฉัน หอสวดมนต์ ห้องน้ำ
พ.ศ.2534 – 2536 สร้างเมรุ ศาลาฌาปณสถาน และห้องน้ำใหม่
พ.ศ.2547 – 2549 สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่
งานเผยแพร่
พ.ศ.2524 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ(อินเดีย)
สมณศักดิ์ที่หลวงพ่อชุบท่านได้รับ
พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอกในพระราชทินนามว่า “พระครูอดุลพิริยานุวัตร”
ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยคและเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ และทางวัดได้จัดงานฉลองอายุวัฒนมงคล ๘๕ ปี พระครูอดุลพิริยานุวัตร(หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา

องค์นี้ผมเห็นตอนพุทธาภิเษกท่านกระแทกแรงมากๆ หลายทีด้วย ถ้าเป็นคนทั่วไปอายุขนาดนี้แล้ว กระดูกเป็น comminuted fracture เลยทีเดียว

พระอาจารย์อิฏฐ์ท่านว่าองค์นี้เก่ง

 

หลวงพ่ออุดม ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่โต๊ะครับ ประวัติอย่างอื่นเดี๋ยวถามท่านอีกที แต่ข่าววงในเล่าว่ามีบุคคลสำคัญมาเอาตะกรุดท่านไป 20 ดอก
​

 

ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทยเรา มีอาณาเขตกว้างใหญ่ พื้นที่ชายแดนติดกับกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยเฉพาะกัมพูชาหรือเขมรนั้น ขึ้นชื่อเรื่อง “ไสยเวทย์” และ “อาคมขลัง” มาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลนับพัน ๆ ปี พระเกจิหรือบรรดาอาจารย์ต่าง ๆ ที่สืบสานวิชาสายนี้ ถ้าหากเรียนสำเร็จได้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะต้องฝึกฝนพลังจิตจนแกร่งกล้า เชี่ยวชาญพระเวทย์เป็นเอกอุ เป็นที่น่าเกรงขามของบุคคลทั่วไปยิ่งนัก

ประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์รวมแห่งสรรพวิชาอาคมทุกแขนง บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังด้านคาถาอาคมหลายรูปล้วนสืบสานวิชามาจากเขมร ที่รู้จักคุ้นเคยของผู้ศรัทธาทั่วประเทศ ก็มี หลวงปู่สรวง เจ้าของสมญานาม “เทวดาเล่นดิน” และเจ้าของวลี “ออยเตรียสรูล” แปลว่า ให้ทานมีความสุข “บายตึ๊กเจีย” แปลว่า ข้าวน้ำดี หมายถึง ให้อยู่ดีมีสุข อุดมสมบูรณ์ นั่นเอง

นอกจากนี้ยังมี พระครูอรรถธรรมาทร หรือ หลวงพ่อเฮ็น สิริวังโส วัดดอนทอง จ.สระบุรี และ หลวงพ่อมุม อินทปญฺโญ วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ และ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ล้วนมีเชื้อสายและเล่าเรียนวิชาสายเขมรมาทั้งสิ้น ทำให้การเขียนอักขระขอม เลขยันต์ต่าง ๆ ของพระเกจิอาจารย์เหล่านี้ จึงสามารถเขียนได้แคล่วคล่องไม่เป็นรองใคร

ในวันนี้ก็มีพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ชาวบ้านแถว จ.บุรีรัมย์ ให้ความนับถือมาก เนื่องจากเชื่อว่าอุดมไปด้วยพระเวทย์ ไสยเวทย์ อันเข้มขลัง ไม่แตกต่างจากพระเกจิอาจารย์รุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย นั่นคือ หลวงพ่อเมียน กัลยาโณ แห่งวัดบ้านจะเนียง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
อัตตโนประวัติ หลวงพ่อเมียน กัลยาโณ เกิดเมื่อเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ตรงกับปีขาล ที่บ้านกุมกันแห่ง เมืองสวายตรึง ประเทศกัมพูชา วัยเด็กได้ช่วยพ่อ-แม่ทำงานเกษตรกรรม แล้วเข้าเรียนที่โรงเรียนกำพงตราด จนจบการศึกษา แล้วเกิดมีความสนใจทางไสยศาสตร์และคาถาอาคม จึงฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาเวทวิทยาคมกับตาชื่อ “อาจารย์สวาย” ซึ่งเป็นอาจารย์ไสยศาสตร์เรืองเวทย์ชื่อดังแห่งเมืองสวายตรึง จากนั้นไปเรียนวิชาอาคมกับอาจารย์ชื่อดังในเขมรอีกรูปหนึ่งคือ “อาจารย์ตายันตัก” ครั้นอายุได้ ๒๖ ปี บิดา-มารดาจึงให้อุปสมบทที่วัดยอดทอง อ.กำพงตราด จ.กำโปรด ฝึกฝนสมาธิและวิชาเวทมนตร์จนชำนาญกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดยอดทองนั้นเอง ด้วยใจรักในพระพุทธศาสนาและชอบเรียนวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องวิชาอาคมและอาถรรพณ์ลี้ลับ หลวงพ่อเมียน จึงค้นคว้าศึกษาไสยเวทย์สาย “อาถรรพณ์แห่งนครวัด” ตลอดจนตำรับต่าง ๆ จากอาจารย์จนเจนจบและเชี่ยวชาญ

จนกระทั่งใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อเมียน ตัดสินใจออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพรในเขมร วันหนึ่งเดินเข้าไปในบริเวณ “ภูตะแบง” ก็พบสิ่งอัศจรรย์เหนือโลก แต่ท่านก็ไม่หวั่นไหวบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่นาน ก่อนออกธุดงค์ต่อไปจนถึงเมือง “กำปูล” และ “ปรัมเบย” แวะเข้าสู่ “ตำเลบูนมุก” หรือทะเลสี่หน้า จากนั้นจึงวกมาทาง “เจือมสะแร” ผ่านมาทางพนมกิเลนเข้าเขต “กำปงชะนัง” มาทางขุนเขาพนมดงรัก

เมื่อวิชาแก่กล้าแล้ว หลวงพ่อเมียน จึงเดินเท้าเข้ามาประเทศไทยปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าลึกในเขต จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และแวะพักอยู่วัดหนองคัน ๑ พรรษา พำนักวัดบ้านเสาเอ้อีก ๕ พรรษา แล้วไปจำพรรษาต่อที่วัดสำโรงเป็นเวลาพอสมควร ท่านก็ออกธุดงค์ไปจำพรรษาช่วยเหลือชาวบ้านบริเวณป่าช้าบ้านจะเนียงจนชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา จนต่อมาได้รวบรวมปัจจัยสร้างวัดบ้านจะเนียงขึ้นเป็นกุฏิเล็ก ๆ ให้ท่านพำนัก จนเจริญรุ่งเรืองขยายกลายเป็นวัดเต็มรูปแบบ โดยอาศัยชาวบ้านศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันปลูกสร้างจนลุล่วงไปด้วยดี ขณะนี้การก่อสร้างพระอุโบสถเสร็จไปแล้วบางส่วน แต่ทางวัดยังขาดทุนทรัพย์ในการพัฒนาและทำนุบำรุงวัดอีกมาก

หลวงพ่อเมียน นั้นมีความชำนาญในการสร้าง “หุ่นพยนต์อาคม” ตามตำราโบราณในประเทศกัมพูชาด้วย “กระดาษ” และ “ผ้า” ตำรานี้ท่านเล่าว่า คนโบราณสร้างหุ่นพยนต์เอาไว้เฝ้าปราสาทนครวัดให้ปลอดภัยมาจนทุกวันนี้ นับว่าเป็น “วิชาหรือตำราอาถรรพณ์แห่งนครวัด” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านจึงตัดสินใจสร้างหุ่นพยนต์อาคมขึ้นมา เจตนาเพื่อแจกชาวบ้านให้ไปคุ้มครองป้องกันภัย และให้ช่วยทำมาค้าขายดี ทำให้ “หุ่นยนต์อาคม” ของหลวงพ่อเมียน เป็นที่เลื่อมใสและต้องการของชาวบ้าน ทุกคนจะต้องมีไว้ปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายที่มีอาชีพค้าขายก็เอาไปบูชาให้ช่วยให้ซื้อง่ายขายคล่อง นับว่าหลวงพ่อเป็นผู้ที่ช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากให้แก่ชาวบ้านจะเนียงโดยแท้

ตั้งแต่ หลวงพ่อเมียน ท่านมาจำพรรษาและสร้างวัดขึ้นจนทุกวันนี้มีประชาชนทั่วไปที่รู้กิตติศัพท์ของท่าน แวะเวียนเดินทางไปกราบนมัสการอยู่เสมอ ส่วนใหญ่มักไปขอให้ท่านทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ขจัดปัดเป่าทุกข์ภัยหรือขอให้แก้ไขความทุกข์ยากให้อยู่เสมอ เชื่อกันว่าท่านมีอาคมขลัง โดยเฉพาะน้ำมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก หากนำไปอาบหรือดื่มกินจะสมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการทุกประการ อย่างไรก็ตามวัดบ้านจะเนียงในทุกวันนี้ยังขาดแคลนถาวรวัตถุและยังต้องพัฒนาอีกมากมายนัก หลวงพ่อเมียน จึงตัดสินใจสร้างวัตถุมงคลขึ้นให้ญาติโยมและผู้ศรัทธาเช่าบูชา หาปัจจัยและทุนทรัพย์พัฒนาวัดบ้านจะเนียง เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นศูนย์รวมจิตใจ อีกทั้งเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน



ถามหลวงตาว่า เป็นพระอาจารย์อ.ตั๊ว วัดซับลำใยใช่หรือเปล่า ท่านว่าใช่
ท่านเคยนั่งแรกพิธีมหาสมปราถนาร่วมกับ หลวงปู่หมุน และครูบาอาจารย์หลายรูปตั้งแต่ยังไม่ดัง เชื่อว่า เพชรพญาธร แสนเสน่ห์ของวัดซับ น่าจะเป็นฝีมือของท่าน

ท่านตกลงรับนิมนต์พุทธาภิเษกนะครับ

 

หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง

ไม่ได้ตั้งใจให้ท่านปลุกเสกให้ครับ แต่ไปถวายปัจจัยกับท่านเฉยๆ บอกว่าช่วยหลวงปู่เลี้ยงและให้การศึกษาเด็กชาวเขาครับ ถามว่า ตอนนี้วัดรับชาวเขาเท่าไหร่แล้ว หลวงปู่บอกว่า 500 แล้ว ผมบอกหลวงปู่ว่าหลวงปู่รับเยอะจัง ตอนผมไปวัด 300 กว่าๆอยู่เลยท่านก็ยิ้ม

ไปขอบคุณท่านที่เมตตามอบผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ให้ หลวงปู่ท่านเห็นเลยบอกว่า เอามาเสกเหรอ เอามาไว้ที่ตักนี่ ท่านก็เลยทำให้เพิ่มเป็นวาระที่สอง

เสร็จแล้วท่านก็ล้วงย่ามแจกพระให้ผมเหรียญนึง พอคนอื่นเห็นเข้าไปรุมขอท่าน จนท่านแทบหายใจไม่ออกเน่ะ

 

เดี๋ยวว่างๆมาลงอีกครับ

 

เล่าเรื่อง การแอบดูพลังพระเกจิ ในงานพุทธาภิเษก
มีพระหลายรูปท่าน ชอบดูองค์อื่นครับ เหมือนหลวงปู่โต๊ะ เวลาท่านสัมผัสสายสิญจน์ก็จะทราบแล้วว่า พระที่มาร่วมงานมีพลังจิตเป็นเช่นไร

อย่าง พระอาจารย์อิฏฐ์ ท่านเชื่อถือได้ครับ เพราะท่านเข้าร่วมพุทธาภิเษกตั้งแต่ปี 252 กว่า เห็นอะไรมาเยอะ การนิมนต์ของท่านค่อนข้างดี

อีกองค์คือ พระอาจารย์พิจารณ์ ท่านก็แอบดูพลังของพระเถระองค์อื่นเหมือนกัน
ทางเหนือ ก็มี พระอาจารย์ประกอบบุญ ที่หลวงปู่พิศดู เคยกล่าวว่า เป็นโพธิสัตว์ผู้มากบารมี ท่านบอกว่า มีพระปิดตัวอีกองค์หนึ่ง มีพลังจิตทัดเทียมกับหลวงพ่อเกษม เขมโก

ซึ่งผมจะนิมนต์มางานพุทธาภิเษกนะครับ ผลอย่างไรจะมาแจ้ง

 

รายการวัตถุมงคล ทำบุญเพื่อสร้างรูปหล่อไฟเบอร์พระสังฆรานุวงศ์(เอี่ยม) วัดราชสิทธารามและ หารายได้เพื่อจัดงานพุทธาภิเษกสมเด้จองค์ปฐมและล็อกเกตพระแก้วมรกต
มีดังต่อไปนี้

1. รูปหล่อลอยองค์สมเด็จองค์ปฐมรุ่น อมฤตศุภมงคลญาณสังวร อุดมวลสาร 108 และติดพระจีวรพระราชทานสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน

2. รูปหล่อขนาดบูชา ฐาน 5 นิ้ว สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน เนื้อทองแดงรมมันปู

3. สีผึ้งหัวเชื้อ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุนนาค ปี 2518

4. พระผงดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ปี 2542

5. เหรียญยันต์ดวงมงกุฎพระพุทธเจ้า หลวงปู่ครูบาอิน อินโท เนื้อทองระฆัง ปี 2540

6. พระปิดตาคูณลาภ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ปี 2517

7. พระปิดตามหาลาภ ครูบาบุญทาวัดดอนตัน ปี 2518

8. กุมารทองเกล้านางนียุคแรก(ปลุกเสก 30 ปี) หลวงปู่โชติ วัดภูเขาแก้ว

9. เหรียญเม็ดยาเนื้อทองแดง หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน

10. พระนักธรรม หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน

จำนวน 59 กองบุญ

ประกาศให้ร่วมบุญ สัปดาห์หน้า ในกองบุญละ 7777 บาท

*สงวนสิทธิ์การเลือกหมายเลขสมเด็จองค์ปฐม จะจัดสรรโดยการจับสลากในงานพุทธาภิเษก

 

ตอนนี้ยังไม่ต้องลงจองนะครับ เพราะผมต้องคำนวณให้ได้ปัจจัยประมาณชุดละ 2000 บาทเพื่อใช้ในงานพุทธาภิเษก โดยพระที่ให้ร่วมบุญ เป็นของส่วนตัวของกระผมเอง ซึ่งถ้าคำนวณตามราคาตลาด ไม่รวมรายการที่ 1 และ 2 ก็กว่า 5000 บาทแล้วครับ

ยิ่งสมเด็จองค์ปฐม ที่ติดจีวรพระราชทานของสมเด็จฯ สุก อาจารย์กรรมฐานของสมเด็จฯโต และประจุด้วยผงสูงค่ามากมายเกินคณานับ แบบที่ไม่มีใครทำ

และการสร้างนี้ไม่ได้จะจัดทำง่ายๆ
งานพุทธาภิเษก 1 ครั้ง ถ้านิมนต์ครูบาอาจารย์เพียงองค์เดียว ยังเสียค่าใช้จ่ายเกือบ 1 แสนบาท แต่งานนี้นิมนต์หลายรูปครับ

เพราะผมไม่ได้สร้างพระครับ มันผ่านจุดๆนั้นมานานแล้ว
แต่สิ่งที่กำลังจะทำ คือ การสร้างประวัติศาสตร์ครับ

 

สมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก รุ่น "อมฤตศุภมงคลญาณสังวร"

จำนวนการจัดสร้าง 59 องค์ บรรจุด้วยมวลสารมงคลใต้ฐาน 108 ชนิด และอธิษฐานจิตเดี่ยวพร้อมกับล็อกเกตพระแก้วมรกตภูริทัตตเถรานุสรณ์

ผู้สร้าง : ดร.กฤษณนันท์ มะลิทอง (krit_eng99)
ผู้รวบรวมและอุดมวลสาร : สุรเชษฐ์ วันทนียวงศ์ (dekdelta2)

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเป็นพุทธานุสติ และสืบทอดพระพุทธศาสนา
2. เพื่อหารายได้ถวายการจัดสร้างรูปหล่อไฟเบอร์พระสังฆรานุวงศ์(เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม
3. เพื่อหาทุนในการประกอบพิธีกรรมพุทธาภิเษกวัตถุมงคลประกอบด้วย รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ขนาด 5 นิ้ว, ล็อกเกตพระแก้วมรกตภูริทัตตเถรานุสรณ์, สมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก รุ่น "อมฤตศุภมงคลญาณสังวร"
4. เพื่อใช้ประกอบการทำพระกรรมฐานจิตตานุปัสสนาแบบพุทธนิมิต

มวลสารมงคลที่ใช้อุดใต้ฐาน

1. พระจีวร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม
2. พระเกศา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก

ประเภทผงวิเศษ

1. ผงพุทธคุณก้นกรุบางขุนพรหม ครั้งเมื่อเปิดกรุปี 2500 เมื่อบดแล้วกลับพบศิลาธิคุณ ที่เป็นเรื่องเล่าจากตำนานว่าเป็นกายสิทธิ์ของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

2. ผงที่บรรจุในองค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์อำเภอท่าวุ้ง พระพุทธรูปร้างโบราณที่มีจารึกว่า สมเด็จพระพนรัตน์ฯ วัดป่าแก้วเป็นผู้บรรจุ จึงเชื่อว่า เป็นผงรัตนมาลาของสมเด็จฯ

3. ผงปถมังขรัวตาคง วัดแค อาจารย์ของขนแผน ขุดพบในกรุใกล้วัดศรีจันทร์ จ.สุพรรณบุรี

4. ผงรัตนวาโย ของ พระพุทธวิถีนายก(บุญ) วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม

5. ผงอิทธิเจพระอุปฌาย์เฒ่ากลิ่น วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี

6. ผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

7. ผงอิทธิเจ หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม

8. ผงปถมัง อาจารย์ชุม ไชยคีรี

9. ผงนะหน้าทอง หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

10. ผงอิทธิเจ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

11. ผงกูโบ้ท(มงคลมหาลาภ) วัดสัมพันธวงศ์ ปี 2499

12. ผงดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน

13. ผงมหาราช หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม

14. ผงตรีนิสิงเห หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

15. ผงโสฬสมงคล หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง

16. ผงอิทธิเจ หลวงปู่เจียม และหลวงปู่เหมือน วัดกำแพง

17. ผงมหาราช ผงรัตนมาลา และผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

18. ผงมหาจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก




ประเภทดิน

1. ดินขุยปู ที่บรรจุในตะกรุดไม้รวกของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก


ประเภทลูกอม

1. ลูกอมผงวิเศษของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา
2. ลูกอมหลวงพ่อจรัญ วัดพรหมบุรี ปี 2496
3. ลูกอมหัวเชื้อ ครูบาพรหมมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า
4. ลูกอมด้ายสายสิญจน์สายพรหมจารี หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว


ประเภทผงตะไบ

1. ผงตะไบเหรียญพระแก้วมรกตฉลอง 150 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ปี 2475
2. ผงตะไบพระหูยาน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี
3. ผงตะไบพระปิดตาพิมพ์กบ กรุท้ายย่าน จ.ชัยนาท
4. ผงตะไบเสมาพระอุโบสถ
5. ผงตะไบชนวนสำริดโบราณอารยธรรมบ้านเชียง
6. ผงตะไบชนวนพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี 2505
7. ผงตะไบชนวนพระกริ่งสุจริคโต วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จ.เชียงใหม่
8. ผงตะไบเหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ปี 2484

ประเภทผงยา

1. ประคำนเรศวรปราบหงศา หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จำนวน 1 เม็ด
2. เม็ดยาจินดามณี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จำนวน 2 เม็ด
3. เม็ดยาจินดามณี หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว จำนวน 3 เม็ด
4. ยาจินดามณี อาจารย์ประจวบ คงเหลือ

ประเภทผ้า
1. เศษพู่จากรัดประคด หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
2. ชิ้นส่วนจีวร หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงหาร จ.อุดรธานี สหธรรมิกหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ประเภทของมงคลจากธรรมชาติ

1. สิงห์งาแกะที่ชำรุดของหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว
2. เม็ดประคำงาแกะ พระครูนิวาศธรรมขันธ์(เดิม) วัดหนองโพ จำนวน 9 เม็ด
3. หอยปิดปากกรุศรีวิชัย จ.สุราษฏร์ธานี
4. ฟอลซิลงาช้างดำ ธาตุกายสิทธิ์
5. พัดหางนกยูง ของครูบาศรีวิชัย

ประเภทใบลาน
1. ผงใบลาน ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังราชวรวิหาร ได้เป็นสมบัติตกค้างที่วัดโคนอน
2. ผงใบลาน ที่อยู่ในอุโบสถวัดสุวรรณาราม สันนิษฐานว่าเป็นของ หลวงปู่ทับ วัดทอง

ประเภทธาตุกายสิทธิ์

1. ปฐวีธาตุ เจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์
2. ปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย
3. ศิลาน้ำ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
4. ไข่พญากาเผือก หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
5. แร่กายสิทธิ์ หลวงปู่อ่อง วัดสิงหาญ

ประเภทผงว่าน

1. ว่าน 108 ที่พระราชสังวรวิมณฑ์(โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลีเป็นรูปรวบรวม ต่อไปศิษย์ได้นำไปให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม อธิษฐานจิตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2523-2548


ประเภทตัวประสาน

1. น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตั้งแต่กึ่งพุทธกาลปี 2500 เป็นต้นมา นำมาแช่ในปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์

2. สีผึ้งหัวเชื้อหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ จ.อุทัยธานี

3. สีผึ้งหัวเชื้อหลวงปู่สี ฉันทสิริ จ.นครสวรรค์


ประเภทมวลสารจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

1. อิฐพระธาตุพนมองค์เดิมและเหล็กเปียกหุ้มพระธาตุชั้นกลาง
2. อำพันยอดพระปฐมเจดีย์
3. ปูนชิ้นส่วนพระนอนวัดธรรมิการาม จ.อยุธยา อายุประมาณการ 500 ปี
4. ยอดพระเกศ ปูนพอกองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง

ประเภทพระที่ชำรุดแตกหัก

1. พระขุนแผนกรุบ้านกร่าง

2. พระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิง

3. พระขุนแผนกรุวัดป่ามืด

4. พระแผงตัดกรุวัดราชบูรณะ

5. พระแผงตัดกรุนาดูน

6. พระลือหน้ายักษ์ กรุกู่เหล็ก

7. พระเจดีย์ กรุวัดกระชาย

8. พระงบน้ำอ้อย กรุเตาทุเรียง

9. ดอกพระธาตุ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

10. พระยอดขุนพล กรุพะเยา

11. ฝาปิดปากไหบรรจุพระกรุมหาวัน ลำพูน

12. สมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ตลก ฐาน 7 ชั้น

13. พระผงของขวัญรุ่น 1 วัดปากน้ำภาษีเจริญ

14. สมเด็จหลวงปู่ปั้น วัดใหม่ทองเสน

15. ชิ้นส่วนพระกรุฟ้าแดดสงยาง

16. พระปิดตาหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ กรุวัดบางคลาน

17. กระดานชนวน หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ

18. พระมหามัยมุนี กรุเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียรมาร์

19. พระแผงปางปาฏิหารย์ ศิลปะยุคลพบุรี

20. พระชินราชกรุบึงสามพัน

21. พระคงกรุวัดพระคงฤาษี

22. พระขุนแผนกรุวัดใหญ่ชัยมงคล

 

ท่านใดมีมวลสารร่วมบุญ เมตตาส่งให้กระผมด้วยนะครับ ........

ดูตอนใกล้ๆจะอุดครับ จริงๆมีเด็ด ยิ่งกว่านี้อีก

 

อนุโมทนาด้วนะครับ ประเด็นของพี่สมิงขาวผมว่าน่าสนใจนะครับ โดยส่วนตัวคิดว่าหากวัตถุมงคลชุดดังกล่าวเป็นพระขุนแผน เป็นลูกอม การมีส่วนผสมของผงพรายก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่กับล็อกเก็ตหลวงพ่อพระแก้วมรกต อาจต้องหยุดไตร่ตรองสักเล็กน้อยว่าเหมาะสมหรือไม่ อันนี้เป็นอีกหนึ่งความเห็นนะครับ

 

จะจองทันไหมเนี่ย ช่วงนี้งานเข้าซะด้วย

 

งานเข้าก็ดีสิครับ เห็นวันนึงทำ New high ไป 5 รอบ

จะให้ผมล็อคให้มั๊ยครับ

ของพี่ๆท่านอื่นที่ไม่ได้แจ้งความประสงค์มาผมไม่กล้าล็อค เพราะเดิมทีคิดว่าวัตถุมงคลไม่น่าจะเกิน 5000 บาท แต่ลงตัวที่สุดที่ตรงนี้ครับ ถ้ารวมค่าใช้จ่ายของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ล็อกเกตกับสมเด็จองค์ปฐมน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ทะลุ 7 หลักเข้าไปแล้ว