ตามหาคู่แท้ ให้หลวงพ่อท่าน ภาค ๒ ครับ

รับทราบ และขอบคุณครับ

ยินดีด้วยกับคู่แท้ที่ตามกันเจอครับ​

 

ขุนแผน ปลัดทวี​

ปีที่สร้าง ยุคหลัง สร้างประมาณปี ๒๕๑๐

ผู้สร้าง พระครูอาภัสศีลคุณ หรือพระปลัดทวี , หลวงพ่อทวี เจ้าอาวาสวัดบ้านกร่าง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่

เกี่ยวกับการสร้าง พระนี้สร้างเมื่อตอนที่พระปลัดทวียังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกร่าง ท่านได้นำพระบ้านกร่างในก้นกรุเจดีย์ที่แตกหักมาบดผสมรวมกับมวลสาร ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ และมีพระเกจิอาจารย์ปลุกเสกดังนี้
๑.พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
๒.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
๓.หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ จ.สุพรรณบุรี
๔.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
๕.หลวงปู่แขก วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
๖.หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี
๗.หลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล จ.สุพรรณบุรี
๘.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
๙.หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร จ.สุพรรณบุรี
๑๐.หลวงพ่อไสว เจ้าอาวาสวัดบ้านกร่างในขณะนั้น

หลังจากสร้างพระรุ่นนี้และปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว พระปลัดทวีได้นำพระรุ่นนี้ส่วนหนึ่งบรรจุกรุ และอีกส่วนหนึ่งแจกจ่ายออกจำหน่ายให้ชาวบ้าน

หากเป็นยุคแรกสร้างปี พ.ศ.๒๔๙๑-๙๒ครับ จะฝังพลอยไว้ด้วย ซึ่งนิยมมาก

เดี๋ยวมาต่อครับ ไปธุระแป๊บนึง​

 

มาต่อแล้วครับ​

 

พระขุนแผนที่หลวงพ่อมุ่ยเสกครับ​

รุ่นปลัดทวี ปางสมาธิ ๑,๔๐๐.-บาทครับ​

คัดลอกมาเพียงบางส่วนจากหนังสือ "พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ หลวงพ่อมุย วัดดอนไร่"

ฉบับมาตราฐานดังนี้.......

"พอได้เวลาปลุกเสกตามหมายกำหนด พระเถระทั้งหลายก็นั่งประจำอาสนะ

ซึ่งหันหน้ารายล้อมพระขุนแผนเนื้อดินเผาที่กองสุมไว้เบื้องหน้า

หลวงพ่อทั้งหลายต่างเข้าสมาธิ หลับตาบริกรรมคาถาเพ่งกระแสจิตถ่ายทอดวิชาอาคม

ออกมาตามกรรมวิธีของแต่ละรูปครั้นเมื่อเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง

พระคุณเจ้าทั้งหลายต่างก็ถอนจิตออกจากสมาธิกันตามลำดับจนครบ

คงเหลือแต่หลวงพ่อมุ่ย เพียงรูปเดียวที่ยังไม่ยอมถอนจากสมาธิ

คงสำรวมกายอยู่ในฌานอันแน่นิ่งต่อไปอีกเป็นเวลานานโข

ท่ามกลางเสียงพูดคุยระงมของญาติโยมและพระคุณเจ้าผู้ร่วมพิธีที่ต่างสนทนากัน

ไปพลางๆ เพื่อรอหลวงพ่อเพียงรูปเดียว

อีกราวครึ่งชั่วโมงต่อมา หลวงพ่อก็ขยับกายลืมตาส่งสัญญาณว่ากำลังถอนจากสมาธิ

สองมือที่ประสานกันบนหน้าตักทั้งซ้ายและขวาก็คลายออกจากกัน

...............ในทันทีที่มือคลายออกมา หลวงพ่อก็ตบฝ่ามือทั้งสองลงบนเข่าแบบเน้นน้ำหนัก

ฉับพลันทันใด พระเนื้อดินและสรรพส่งวัตถุมงคลต่างๆในท่ามกลางพระอุโบสถวัดบ้านกร่าง

ก็สะท้อนรับแรงพลังขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว กระโดดกระเด็นขึ้นมากระทบกันกราว

แผ่ขยายกระจายออกมาตามแรงแห่งกฤตยาคมอันแก่กล้า

จากจุดศูนญกลางแผ่เป็นรัศมีกระจายขยายออกมา ณ เบื้องหน้าอาสนะของหลวงพ่อ

ครอบคลุมบริเวณกินเนื้อที่เท่าผืนเสื่อ ที่ใกล้ๆ ก็กระโดดกระเด็นสูงสักศอกเศษ

ที่ไกลออกมาก็ผ่อนกำลังโดดเตี้ยลงตามลำดับ ไม่เว้นแม้แต่ส่วนล่างที่ถูกทับสุมกันไว้

ต่างก็ขยับตาม ส่งเสียงกระทบกันเกรียวกราวอย่างน่าอัศจรรย์

และในทันทีที่พระลอยขึ้นมานั้น หแลวงพ่อก็ยื่นมือออกมากลางอากาศโดยเร็วพลัน

คว้าพระได้จำนวนหนึ่ง ยัดลงใส่ย่าม ลุกออกมาในทันที

ทิ้งไว้แต่ความอัศจรรย์แก่ผู้ที่อยู่ในพิธี ไม่เว้นแม้แต่พระเถระผู้เป็นสหธรรมิกร่วมในพิธีทั้ง10รูป

โดยก่อนที่จะออกจากพระอุโบสถ พระคุณเจ้าเหล่านั้นต่างเดินอ้อมกองพระ

มายังหน้าอาสนะของหลวงพ่อมุ่ย นำพระขุนแผนตรงบริเวณดังกล่าวใส่ย่ามไปรูปละ1กำมือ

จนครบทุกรูป ส่วนบรรดาญาติโยมผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้น

ต่างก็หยิบพระขุนแผนเอาจำเพาะเจาะจงตรงหน้าอาสนะของหลวงพ่อกันตามอย่าง

ต่อมาในปี๒๕๑๒ ได้มีการนำพระที่บรรจุในกรุออกมาเพื่อแจกแก่ทหารที่ไปรบเวียดนาม

และประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในยามศึกสงคราม พระรุ่นนี้จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า

พระขุนแผน รุ่น"กองพลเสือดำ"

ในครั้งนั้นก็ได้จัดให้มีการปลุกเสกอีกครั้ง ซึ่งหลวงพ่อมุ่ย ก็มาร่วมในพิธีปลุกเสกเช่นกัน

นอกจากนั้นยังมีพระเกจิดังๆในยุคนั้นมาร่วมอีกหลายรูป อาทิเช่น ลพ.แพ วัดพิกุลทอง ,ลพ.แขก วัดหัวเขา ,อจ.นำ วัดดอนศาลา ฯลฯ

 

พระขุนแผนที่หลวงพ่อมุ่ยเสกครับ

รุ่นปลัดทวี ปางสมาธิ องค์ที่ 2 ๑,๒๐๐.-บาทครับ

องค์นี้หย่อนสวยกว่า นิดหน่อยครับ​

 

วันนี้โอนให้พี่อาทิตย์แล้วนะครับ ที่อยู่ทาง PM ครับ

 

รับทราบครับ ถ้าพรุ่งนี้มีโอกาส จะออกไปส่งให้ครับ
​

 

แวะมาเยี่ยมชม เนื่อง ๆ ครับ

 

สวัสดีครับ ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่ แต่กล้องผมยังไม่กลับมาเลยครับ
​

 

ยังตามหาพระคู่แท้เหมือนกันครับ.....

 

มาตามหาคู่แท้ในใจ เช่นกันครับ

 

ของคุณ เมตตาวิหารี ยังพอรู้ความต้องการ แต่ของคุณ t_somnuek นี่ซิครับ ไม่ทราบอยากนิมนต์หลวงพ่อองค์ไหนครับ??

 

:z3;34​

สวัสดียามเช้าครับ ทุกๆ ท่าน​

 

พระกริ่ง "สวัสดี นะ นะ นะ" หลวงพ่อเกษม เขมโก ​

สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ปี๓๓ เนื้อเงิน​

จองแล้วครับ
๑,๔๙๙.- บาท พร้อมส่งด่วนครับ​

 

หลวงพ่อเกษม เขมโก ​

​

ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2455 บิดาชื่อ เจ้าหนูน้อย มณีอรุณ มารดาชื่อ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ในวัยเด็ก เจ้าเกษม ณ ลำปาง จัดว่าเป็นคนมีสติปัญญาดีเยี่ยมและเป็นเด็กที่ซุกซนมาก เมื่อย่างเข้าสู่วัยเรียน เจ้าเกษม ณ ลำปาง เข้ารับการศึกษาระดับประถมที่ โรงเรียนบุญวงศ์ อนุกูล โรงเรียนประจำ อ.เมือง จ.ลำปาง สมัยนั้นเรียนชั้นสูงสุดแค่ชั้นประถมปีที่ 5 ปี พ.ศ.2466

เจ้าเกษม ณ ลำปาง จบชั้นสูงของโรงเรียนประถมปีที่ 5 ขณะอายุได้ 11 ปี ต่อมาในปี พ.ศ.2470 ครั้นมีอายุ 15 ปี ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบุญยืน จ.ลำปาง เมื่อบรรพชาแล้วก็จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบุญยืน ขยันหมั่นเพียรเรียนทางด้านปริยัติศึกษาธรรมะจนถึงปี พ.ศ.2474 สามเณรเจ้าเกษมก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้

กระทั่งในปี พ.ศ.2475 สามเณรเกษม ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดบุญยืนนั่นเอง โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร เจ้าคณะอำเภอขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุตรวงศ์ธาดา เจ้าอาวาสวัดหมื่นเทศ และเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.ลำปาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดป่าตั๊ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เขมโก” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม

ในปี พ.ศ.2479 พระภิกษุเขมโก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้รวมทั้งสนใจศึกษาเล่าเรียนบาลีควบคู่กันไปด้วย เรียนรู้จนสามารถเขียนและแปลภาษามคธได้เป็นอย่างดี เมื่อเรียนปริยัติพอควรแล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยไม่หลงทาง ท่านจึงหันมาปฏิบัติธรรมจนแตกฉาน โดยเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ และเชี่ยวชาญ ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ ครูบาแก่น สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง โดยได้ติดตามพระอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนาเรื่อยมา ท่านถือปฏิบัติเช่นนี้จนภายหลังได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน เมื่อปี พ.ศ.2492 ก็ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ปลีกวิเวกไปบำเพ็ญเพียรอยู่ตามป่าช้าต่าง ๆ ทั่ว จ.ลำปาง หลายแห่ง เช่น ป่าช้าแม่อาง ป่าช้านาป้อ ก่อนมาปักหลักบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ป่าช้าประตูม้า หรือสุสานไตรลักษณ์ ปัจจุบัน จนละสังขารเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2539 รวมสิริอายุ 84 ปี

หลวงพ่อเกษม เขมโก นับได้ว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมควรได้รับความเคารพศรัทธาจากประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ในช่วงท่านบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง มักมีประชาชนและญาติโยมไปกราบนมัสการมากมายทุกวันมิได้ขาด แม้ท่านละสังขารไปนานพอสมควรแล้ว ก็ยังมีประชาชนแวะเวียนไปกราบไว้สังขารท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์จนทุกวันนี้

 

ศิษย์คนสนิทรำลึกถึงหลวงพ่อ​

ร.ต.ต.สมาน บัวสมบัติ นายตำรวจฝีมือดีในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่เพื่อนเคยแนะนำให้ไปถวายตัวเป็นลูก “หลวงพ่อเกษม เขมโก” แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง เมื่อปี พ.ศ.2534 เมื่อมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดและได้เห็นจริยวัตร ตลอดจนการปฏิบัติธรรมอันบริสุทธิ์ของหลวงพ่อนานเข้า ทุกเดือนนายตำรวจผู้นี้จะต้องขับรถไปรับใช้หลวงพ่อเกษม 2-3 ครั้งเสมอมิได้ขาด

เขาเล่าว่า เมื่อใกล้เทศกาลสงกรานต์ประมาณปี พ.ศ.2535 หลวงพ่อเกษมเอ่ยปากกับ ร.ต.ต.สมาน ขณะนั้นยังเป็น “นายดาบ” เพื่อนๆ มักนิยมเรียกว่า “ดาบหมาน” ว่า “ไม่เคยอาบน้ำมายี่สิบปีแล้ว” “ดาบหมาน” จึงอาสาหลวงพ่อว่า “ผมขออาบน้ำให้หลวงพ่อได้ไหม” หลวงพ่อถามว่าจะอาบอย่างไร ดาบหมานก็อธิบายว่า จะใช้กะละมังมารองน้ำแล้วก็อาบให้หลวงพ่อ หลวงพ่อจึงตกลงให้“ดาบหมาน” อาบน้ำให้ท่านได้ นั่นเป็น ครั้งแรกและคนแรกในยี่สิบปี ที่มีโอกาสได้สัมผัสสังขารพระอริยสงฆ์แห่งเขลางค์นคร “ดาบหมาน” เล่าว่า ร่างกายของท่านไม่มีกลิ่นอะไรเลย เลยสะอาดผุดผ่อง จากนั้นมาทุกครั้งที่ “ดาบหมาน” ขับรถไปกราบนมัสการและรับใช้หลวงพ่อ ท่านก็มักจะให้ “ดาบหมาน” อาบน้ำให้เสมอ และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง “อภิญญา” แห่งพระอริยสงฆ์ของท่าน สามารถ ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า พอดาบหมานจอดรถปั้บ หลวงพ่อก็จะบอกกับผู้ดูแลท่านว่า “เตรียมอาบน้ำได้แล้ว” ทั้งๆ ที่ยังนั่งอยู่ในห้อง มองออกมาไม่เห็นข้างนอกด้วยซ้ำไป

 

แสดงอภินิหาร-ให้โชคลาภร่ำรวย​

วันหนึ่งประมาณเก้าโมงเช้า เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง และเพื่อนเจ้าของโรงงานน้ำปลาโพธาราม ได้เอารถเบนซ์ รุ่น 500 เอสอีแอล ไปรับหลวงพ่อเกษมออกเดินทางจากสุสานไตรลักษณ์เพื่อไปทำบุญที่บ้านเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง เมื่อเสร็จธุระต่าง ๆ แล้ว หลวงพ่อจะกลับสุสานไตรลักษณ์ แต่ท่านไม่ยอมขึ้นรถเจ้าประเวทย์และเพื่อนท่านบอกว่า จะนั่งรถ “ดาบหมาน” กลับ ทุกคนก็แปลกใจเพราะ “ดาบหมาน” ไม่ได้มาด้วย จึงโทรศัพท์ตามหาตัวให้มารับ ดาบหมานจึงขับรถฮอนด้าซีวิค ทะเบียน ฉ.9723 กรุงเทพฯ มารับหลวงพ่อเกษมที่บ้านเจ้าประเวทย์กลับสุสานไตรลักษณ์ทันที

“ดาบหมาน” เล่าว่า เมื่อหลวงพ่อเกษมนั่งบนรถ ท่านหลับตาภาวนาตลอดทางจนถึงสุสานไตรลักษณ์ ก่อนลงรถ ท่านเอามือล้วงถุงขนมปังที่พกติดตัวมา หยิบขนมปังเต็มกำมือ ยกขึ้นภาวนาสักครู่แล้วถาม “ดาบหมาน” ว่า “มีตำรวจ–ทหารมาคอยอยู่กี่คน” ไม่ทันที่ดาบหมานจะตอบ ท่านพูดต่อว่า “เอาขนมปังนี่แจกทหาร 4 อัน แจกชาวบ้าน 3 อัน แจกเด็ก 2 อัน” ดาบหมานก็รับขนมปังจากหลวงพ่อเกษมไปแจกตามที่หลวงพ่อบอก

หลังจากแจกขนมปังเสร็จ พาหลวงพ่อเข้าที่พักแล้ว แม่ค้าขายของเข้ามาถามว่า “หลวงพ่อให้ขนมปังกี่อัน” ดาบหมานตอบว่า ท่านให้ ทหาร 4 อัน ชาวบ้าน 3 อัน เด็ก 2 อัน แม่ค้าบอกดาบหมานว่า หลวงพ่อให้หวย ดาบหมานจึงแทงหวย 3 ตัวบนงวดนั้นเลข “432”ออกมาตรง ๆ ได้เงิน 900,000 บาท จึงนำเงินถวายหลวงพ่อ 100,000 บาท ที่เหลือดาบหมานแจกลูกศิษย์ที่ดูแลท่าน จำนวน 11 คน คนละ 10,000 บ้าง 20,000 บ้าง ทั่วทุกคนเป็นที่ฮือฮากันในสุสานไตรลักษณ์

ดาบหมานเล่าว่า เขาถูกหวยจากเลขหลวงพ่อเกษมหลายครั้ง รวมหลายล้านบาท ก่อนหลวงพ่อเกษมมรณภาพ 15 วัน หลวงพ่อเกษมบอกปริศนาแก่ “ดาบหมาน” เขาแทงเลข “519” ถูกอีก นับล้าน งวดนั้นได้เอาเงินที่ถูกหวยมาแจกลูกศิษย์หลวงพ่อ แถมด้วยแจกแม่ค้า-พ่อค้าบริเวณสุสานไตรลักษณ์แทบทุกคน จนเป็นที่เล่าลือกันมากในยุคนั้น

 

พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ลำภู ปี๐๒​

๑,๘๐๐.- บาท พร้อม ส่งด่วนครับ (ที่อื่น ๒,๕๐๐.- - ๖,๐๐๐.- แล้วครับ)​

หลวงตาพันและ หลวงปู่ลำภู วัดบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) ท่านเป็นพระลูกวัด วัดเดียวกันครับ แต่ทั้งสองท่านต่างก็สร้างพระกันเอง ไม่ได้ร่วมกันทำ โดยใช้เศษพระสมเด็จบางขุนพรหมแตกหัก ที่เก็บมาจาก สมัยเปิดกรุ พ.ศ.2500 ซึ่งผ่านการคัดแยกออกมาแล้วเป็นจำนวนมาก มาเป็นส่วนผสมหลัก พระสมเด็จของ หลวงตาพัน และหลวงปู่ลำภูที่นิยมเล่นหา สะสมกันจะเป็นรุ่นที่ท่านสร้างในราวปี พ.ศ.2502 ซึ่งมีส่วนผสมสมเด็จบางขุนพรหมมากที่สุด (มากกว่าพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมปี ๐๙ ที่โด่งดังเสียด้วยซ้ำ ที่พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมปี ๐๙ มีคนนิยมกว่าก็เพราะทางวัดสร้างอย่างเป็นทางการเท่านั้น)

ถึงแม้ว่าพระของหลวงตาพันและ หลวงปู่ลำภูจะสร้างพร้อมกัน แต่พระของหลวงปู่ลำภูก็ยังน่าบูชากว่า เพราะว่าตัวหลวงปู่ลำภูเองท่านก็เป็นพระเกจิที่ทรงวิทยาคุณเหมือนกัน (ในช่วงปี 2502 หลวงปู่ลำภู คงคปัญโญ ท่านได้มาอยู่ที่วัดใหม่อมตรส (บางขุนพรหม) และได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระที่ชอบนั่งวิปัสนาและศึกษาทางไสยเวทย์ เมื่อมีชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากป่วยเกี่ยวกับเรื่องผี หลวงปู่ท่านรักษาได้ผล) และท่านยังได้นำพระพิมพ์ที่ท่านสร้าง เข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษก ที่ท่านไปร่วมเสกด้วยอีกหลายครั้ง แต่พระของหลวงตาพัน ท่านแค่ถอดพิมพ์พระของวัดบางขุนพรหม และพระที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นบางพิมพ์ แล้วนำผงพระที่เก็บมา บดและกดเป็นพระพิมพ์ขึ้นมาใหม่ แล้วฝากเข้าพิธีพุทธาภิเษก ของวัดเท่านั้น

หลวงปู่ลำภู ท่านเริ่มสร้างพระเครื่องของท่านขึ้นจากเนื้อ สมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหัก มาบดสร้างใหม่ โดยสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2502 ส่วนหนึ่งนำแจกจ่ายแก่ญาติโยม ส่วนที่เก็บไว้ในกุฎิ และที่บรรจุกรุที่กระถางต้นโพธิ์หน้ากุฎิ ซึ่งต่อมานำออกแจกในภายหลังก็มีเช่นกัน

พระองค์นี้ พิมพ์ทรงถูกต้อง แห้งถึงยุค มีคราบกรุกำลังงาม แต่ขอบอก ยิ่งใช้ถูกตัว เนื้อจะยิ่งจัดครับ (ผมก็ห้อยพิมพ์นี้อยู่เหมือนกัน ตอนนี้เนื้อจัดซึ้ง กำลังสวยเลยครับ

 

ขออนุญาติยกข้อความของคุณ หนุ่มเมืองแกลง (ที่บางท่านอาจยังไม่ได้อ่านกัน) มาลงให้อ่านกันครับ

พระเครื่องโดยทั่วไปย่อมดีเด่นด้วยกันบนพื้นฐานของความคงกะพัน แคล้วคลาด เมตตา หรือมหาอุด ซึ่งเป็นอำนาจจิตพื้นฐานของ ผู้ได้ฌานหรือได้อภิญญาระดับต้น พระที่หาได้ยากมากคือพระที่มีพลังอำนาจของการเกื้อหนุนชีวิตให้รุ่งเรืองก้าวหน้า และพระที่อำนวยผลตามการอธิษฐาน

เท่าที่พบและสัมผัสมาแล้วโดยตัวเอง (พระอื่นๆก็มีดีแน่นอน เพียงแต่ผมอาจไม่มี ไม่ได้ทดลองใช้ หรืออาจใช้แล้วไม่ถูกโฉลกกับตัวผมเองก็เป็นได้)

- พระเครื่องหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
- พระเครื่องของแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม
- พระเครื่องหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ชัยนาท
- พระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง
- พระเครื่องหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา
- พระเครื่องหลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
- พระเครื่องหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
- พระเครื่องหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ

เมื่อแขวนบูชาแล้วให้นึกถึงท่านบ่อยๆ พลังใจจะเกิดกับเราจากความศรัทธาและการเชื่อมั่น และตัวเราเองต้องตั้งใจให้มีจิตมุ่งมั่นในปลายทางที่คาดหวัง สำหรับงานหรือกิจที่จะกระทำ หรือเรียกว่าสร้างแรงบันดาลใจ เพราะจิตของเราจะเป็นสื่อนำพาความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธคุณในพระเครื่องที่เราน้อมนำอยู่ไปช่วยในสิ่งที่อธิษฐานขอท่านให้ช่วยอย่างถูกที่ถูกเวลา แต่อย่าสะเปะสะปะขอไปเรื่อยเปื่อยไร้เหตุผลและไร้จุดโฟกัส

 

เท่าที่แขวนพระมาและเห็นว่าดีแน่นอน อยากแนะนำให้ลองพิจารณาดังนี้

1. พระของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แนะนำให้ลองหาพระเนื้อดินหรือพระชัยวัฒน์ แต่อาจมีราคาแพงในปัจจุบันและแยกแท้หรือเก๊ได้ยาก หากมีโอกาสก็ขอแนะนำให้หามาบูชา

2. พระของแม่ชีบุญเรือน แนะนำให้หาพระสมเด็จมงคลมหาลาภ ที่ยังมีราคาถูก เป็นของดีราคาถูกเพื่อคนทำมาหากินจริงๆ อธิษฐานขอได้แทบทุกอย่าง เป็นของดีมากที่อยากให้เก็บไว้สักองค์ อย่าไปมุ่งหาเฉพาะพระพุทธโธน้อย ของท่านที่ปลอมแบบแสบทรวง และขอให้เชื่อว่าหากได้ของแท้ๆแล้วละก้อ พระมงคลมหาลาภเห็นผลชัดเจนกว่ามาก เพราะยังมีพระคุณเจ้าสายกรรมฐานอีกหลายองค์ร่วมอธิษฐานจิตให้อีกด้วยเป็นเวลานาน พระมงคลมหาลาภนี้ เพื่อนผมในต่างประเทศแบ่งเอาไปบูชาค้าขายได้ผลดีมากอีกด้วย ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เพียงแต่เขามีศรัทธามั่นคง ยังหาได้และดูไม่ยาก ราคายังถูก ผมว่าไม่ด้อยกว่าพระวัดระฆัง

3. พระของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หากแท้ๆ รับรองว่าเรื่องแคล้วคลาดจากอันตรายเชื่อถือได้แน่นอน พระกริ่งชินบัญชร(แท้ๆ) ของท่านให้ผลด้านความก้าวหน้าอย่างชัดเจน ลองหาพระของท่านที่ไม่มีเสริม ไม่มีเรื่องพาณิชย์เกี่ยวข้องมาใช้สักรุ่นดูก็ได้เช่น เหรียญผูกพัทธสีมาปี 17 หรือพระผงวัดไร่วารี พระสมเด็จชินบัญชร ทั้งสามแบบที่แนะนำไม่มีมั่ว ไม่มีปั้นเรื่อง ดีแบบพื้นบ้านตามแบบพระสำหรับแขวนบูชาและยังไม่แพงมาก ไอ้ที่แพงๆให้เขาไว้โชว์กันเถอะ เบื้องหลังมีมากมายนัก บอกไปก็วงแตกเปล่าๆ ของบางชิ้นก็ต้องเป็นไปตามทางที่ขีดให้เดิน

4. พระของหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง ขอแนะนำรุ่นเมตตาเลยครับ เห็นผลชัดเจนในเวลาสั้นๆเลย และเป็นพระที่สร้างมาให้ผู้บูชาได้พึ่งพาพลังพุทธคุณได้แน่นอน ขอให้แท้ รับรองว่าดีกว่าพระหลักล้าน ไม่เฉพาะด้านเมตตาที่เด่นดัง แต่ด้านความก้าวหน้าก็เชื่อถือได้ ขอแนะนำเลยครับ

5.พระของหลวงพ่อกวย ชัยนาท อยากแนะนำให้ลองหาเหรียญหลังหนุมานหรือเหรียญจตุรพิธพรชัยของท่าน ของดีราคาถูก ปัญหาน้อย ดูง่าย มีที่มาที่ไป ท่านตังใจปลุกเสกมาก เรื่องป้องกันอันตรายแน่นอนเชื่อถือได้เลยและยังดีทางเมตตาอีกด้วย ท่านเป็นพระที่เด่นมากทางอิทธิฤทธิ์ อำนาจจิตสูง ตั้งใจทำพระให้ลูกศิษย์ด้วยใจที่ห่วงใยแม้นาทีสุดท้ายของสังขารท่าน

6. พระของหลวงปู่ดู่ อยุธยา รุ่นเปิดโลกดีครับ ที่ราคาถูกมีอยู่คือเหรียญหลวงพ่อวัดพนัญเชิงและพระผงพรหม ของท่านหากแท้ๆเราพึ่งพาท่านได้กับแรงอธิษฐานที่ท่านเมตตาต่อศิษย์ เรื่องแคล้วคลาดหนึ่งไม่เป็นสองในแผ่นดิน แต่อาจต้องเหนื่อยใจกับของเสริมของปลอมมากหน่อย นิยายก็มากครับ

7. พระของหลวงพ่อเกษม ลำปาง รุ่นห้ารอบ ชุดมงคลเกษมและเหรียญที่สร้างก่อนปี 18 เป็นที่ยอมรับกันว่าพระของท่านมีบารมีเหลือล้น แม้แต่เซียนรุ่นเก่าๆที่แขวนแต่พระกรุ ยังต้องมีติดตัวไว้สักองค์โดยเฉพาะรุ่นห้ารอบที่ท่านการันตีว่า หากใช้ไม่ดี ให้เอามาคืน ผมแนะนำว่าดีจริงๆ

8. พระของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน แนะนำเหรียญนารายณ์ทรงครุฑ และพระผงดวงเศรษฐี ซึ่งราคาถูกและมีพลังของความศักดิ์สิทธิ์แรงมาก อยากให้ลองหามาบูชาดู สิ่งนอกเหนือเหตุผลเกิดขึ้นได้เสมอ อย่าไปมุ่งแต่ของแพงๆ ยิ่งราคาสูงๆมีของโคลนนิ่งมาก เราดูเป็นจริงหรือไม่