เผยชีวิตยายเยอรมัน ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้โดยไม่ต้องใช้เงิน

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก [ame="http://www.youtube.com/watch?v=djzitB1xyoc&feature=player_embedded"]Youtube.com โพสต์โดย LivingWithoutMoney[/ame]



คุณยายชาวเยอรมันมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน เพียงแค่รู้จัก "การให้" และ "การรับ"

เมื่อ วันที่ 8 กรกฏาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ออเรนจ์นิวส์ ของอังกฤษ ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณยายเยอรมันนามว่า Heidemarie Schwermer อายุ 69 ปี ที่คุณยายดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้โดยไม่ต้องใช้เงิน ซึ่งคุณยายได้เปิดเผยว่า คุณยายตัดสินใจออกจากบ้านที่เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี เพื่อท่องเที่ยวจากเมืองนั้นสู่เมืองนี้ โดยมีเพียงกระเป๋าเดินทาง มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กคู่ใจเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ คุณยายก็มีอาชีพเป็นครู เคยแต่งงานมาแล้ว แต่ก็ต้องหย่าขาดจากสามี คุณยายจึงพาลูก ๆ สองคนย้ายจากเมืองลึนเบิร์ก ไปยังเมืองดอร์ทมุนด์ ที่ซึ่งมีประชากรไร้ที่อยู่อาศัยอยู่มากที่สุด และที่แห่งนี้เองที่คุณยายได้ก่อตั้ง Tauschring สถานที่แลกเปลี่ยนที่ไม่มีการใช้เงิน โดยเธอเรียกมันว่า "การให้" และ "การรับ" โดยคุณยายเชื่อมาโดยตลอดว่า คนยากจนไม่ต้องการเงินอะไรเลย สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการและควรจะกระทำ คือ การทำตนเองให้มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสังคม และแม้ว่าคนจนไม่มีมีทรัพย์สิน หรือสมบัติอะไร แต่พวกเขาก็สามารถที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่ามีคุณค่า

​

​

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่ก่อนตั้งสถานที่ Tauschring กลับไม่ได้รับความร่วมมือเลย โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่ไม่ยอมรับ แต่กลุ่มคนที่ตกงานหรือผู้ที่เกษียณแล้วกลับเป็นผู้มาเข้าร่วมเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนสิ่งของทักษะต่าง ๆ ระหว่างกัน เช่น ช่างทำผมทำการตัดผมให้แก่ช่างไฟฟ้าที่จะช่วยติดตั้งสายไฟที่บ้านของเขา หรือ คุณครูสอนภาษาอังกฤษที่เกษียณแล้วก็ช่วยสอนบทเรียนภาษาเพื่อแลกกับการใช้ บริการสุนัขนำทาง อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนทั้งมวลนี้มีอย่างเดียวคือ ห้ามใช้เงิน โดยตอนนี้ Tauschring กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองดอร์ทมุนด์ และได้รับความสนใจจากหลาย ๆ คน

ทั้งนี้ คุณยาย ยังได้เผยความลับเล็ก ๆ นี้ในหนังสือที่เธอตั้งชื่อมันว่า The Star Money Experiment ว่า คุณยายค้นพบว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย คุณยายสามารถหาสิ่งต่าง ๆ มาได้โดยการแลกเปลี่ยนสิ่งของ หรือได้รับของขวัญจากผู้อื่น และคุณยายก็ปฏิเสธแม้กระทั่งเงินที่ได้รับจากการตีพิมพ์หนังสือของคุณยาย เล่มนี้ โดยบอกแก่ว่าให้ไปมอบให้แก่การกุศลที่ซึ่งจะทำให้ผู้คนมากมายมีความสุขได้ แทนที่จะให้คุณยายเพียงแค่คนเดียว

คุณยาย ยังได้กล่าวปิดท้ายว่า ไม่เคยขาดแคลนอาหาร เสื้อผ้า หรือเพื่อน เพราะมีเพื่อนอยู่เคียงข้างเสมอ ทุกวันนี้คุณยายมีความสุขดีทุกอย่าง ไม่สนว่าจะมีเงิน หรือต้องการสิ่งใดเลย เพราะได้ปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นไปหมดแล้ว และคุณยายก็ไม่ห่วงว่าอนาคตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะแค่นี้ก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากแล้ว


http://hilight.kapook.com/view/60647

 

อ่านแล้ว มีความสุขคะ

 

ชอบมากค่ะ ขอบคุณเเละอนุโมทนาค่ะ ที่นำเเบ่งปันให้อ่าน

 

ขออนุโมทนา สาธุค่ะ^^ เหมือนสมัยก่อนเลย ไม่ต้องใช้เงิน พอเพียง ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้เราเห็นความสำคัญของ"คุณค่า" มากกว่า "ราคา" เรียบง่าย งดงาม ลึกซึ้ง ชอบๆๆๆค่าาา

 

น่านับถือครับ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของคุณยายครับ

 

อยู่ได้โดยไม่ใช้เงินแลกเปลี่ยน แถมอยู่ในสังคมเมืองอีกต่างหาก

ยอดเยี่ยมจริงๆครับ

 

ขอขอบคุณที่ได้ลงเรื่องนี้ให้อ่านค่ะ..ขอบคุณจริงๆ
(คนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้กับคำว่า "พอเพียง" ของพ่อหลวง ก็ยังทำไม่ได้เลย..!)

 

ถ้าทำได้แบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาลดภาวะโลกร้อนได้แน่นอนครับ

 

ดีจัง อยากไปอยู่บ้างจังเนอะ

 

ผู้ให้ ย่อมได้รับ ดั่งกับคำที่ว่า ยิ่งให้ ยิ่งได้ ขออนุโมทนา สาธุครับ

 

สุดยอดครับ
คุณยายเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ โดยเฉพาะสภาวการณ์ในยุคปัจจุบัน...ทุนนิยมเต็มขั้น

 

น่าจะลองทำตามยายดูบ้าง อย่างจริงจัง
น่าจะทำได้ไม่ยากเพราะสังคมไทยคุ้นเคยกับการให้และการเกิ้อกูลกันมานานแล้ว

 

อยากให้ทั้งโลกเป็นแบบนี้ ชีวิตคงจะสุขดี แต่ขึ้นต้นด้วยมนุษย์ความอยากก็คงไม่หมดไป

 

แล้วไฟฟ้าล่ะ? ถ้าจะใช้ก็ต้องไปช่วยทำงานที่โรงงานไฟฟ้า? หรือว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า?

 

อยากให้มีในประเทศไทยบ้างจัง

 

ผมว่าสิ่งดีดีแบบนี้ คนไทยสามารถรับนำมาปฏิบัติได้ เพราะเรามีศาสนาพุทธซึ่งสั่งสอนให้เราเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความกรุณาปราณี รู้จักและเข้าใจกับคำว่า ให้ ซึ่งเราได้เรียนรู้จากการใส่บาตรพระสงฆ์ เรามีพระมหากษัตริย์ที่เราเรียกองค์ท่านว่า พ่อ เพราะพ่อสอนให้เราเข้าใจกับคำว่า พอเพียง เมื่อเราเอาสิ่งดีดีทั้งทางพุทธศาสนาและคำพ่อสอนมาใช้ เราก็จะมีทาง สายกลาง ที่เราสามารถเลือกเดินได้อย่างสบายใจที่สุด ไม่จำเป็นต้องเลือกทางสุดโด่งแบบสาวเยอรมันท่านนี้ เราก็จะไม่ ตึง หรือ หย่อน เกินไปในการดำรงชีวิต และจะต้องก้าวข้าม ความแตกแยก เพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน ที่สำคัญเราจะต้องปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การปลูกฝังดังกล่าว จำเป็นจะต้องให้ความรู้ความเข้าใจตั้งแต่ยังเป็นเด็กอนุบาล และ กฎหมายที่เด็ดขาด สำหรับผู้กระทำความผิดขั้นร้ายแรง เช่นพวกโกงกินชาติคอร์รัปชั่น พวกขายยาเสพติดทำลายชาติ พวกผู้ก่อการร้ายปิดสนามบิน พวกฆ่าประชาชน พวกเผาบ้านเผาเมือง อย่าปล่อยให้เดินลอยนวลสบายสบายทุกวันนี้

 

กราบอนุโมทนาสาธุกับคุณยายอย่างเต็มหัวใจ อ่านแล้วชื่นหัวใจจริงๆ จะเอาเยื่ยงคุณยายและเอาอย่างคุณยายให้จนสุดความสามารถเลยค่ะ สาธุค่ะ

 

มันเป็นตัวอย่างที่น่านำมาขยายผลให้เกิดประโยชน์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความต้องการในการใช้ชีวิตมีมากขึ้น และต้องการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็เคยอยู่กันได้อย่างไม่ต้องใช้เงิน มีวิถีชีวิตที่เอื้อเฟื้อต่อกัน หวังว่าเราคงจะพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่เอื้อเฟื้อต่อกัน แต่อย่าพัฒนาไปในทิศทางที่ด้อยลงๆ ด้วยการให้ประชาชนตกเป็นทาสของเงินแต่เพียงอย่างเดียว

 

สาธุ.....สิ่งดีๆอย่างนี้ ทำไมเราไม่ร่วมกันทำที่ประเทศไทยกันบ้างเน๊อะ คนไทยจะได้รักกันมากขึ้น... ใครสนใจบ้าง...มาเริ่มทำแบบคุณยายกันเถอะ...

 

ไม่ต้องใช้เงิน แต่แบ่งปันแลกเปลี่ยนกัน

ความบริสุทธิ์ของจิตใจ เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ หรือนี่เขาเรียกว่าภารดรภาพ ?