หมดแล้ว ***แจ้งปิดกระทู้กฐินสามัคคีปี54***ตามรอยบาทพระราชพรหมยาน***

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย pom_chaovarit, 21 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      149
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      296.6 KB
      เปิดดู:
      151
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  2. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    บรรยากาศ งานกฐินปีที่แล้วครับ 2553
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5161.JPG
      IMG_5161.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      36
    • IMG_5162.JPG
      IMG_5162.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      37
    • IMG_5165.JPG
      IMG_5165.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      32
    • IMG_5166.JPG
      IMG_5166.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      33
    • IMG_5167.JPG
      IMG_5167.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      34
    • IMG_5169.JPG
      IMG_5169.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      30
  4. chang-suchat

    chang-suchat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +15
    โอนเงินบุญกฐินแล้วครับ โมทนาสาธุ...สาธุ...สาธุ ทุกกระแสจิตแห่งกุศลกรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1346.jpg
      IMG_1346.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      37
  5. somsakasat

    somsakasat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,904
    แจ้งโอนร่วมบุญเรียบร้อยแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tranfer.jpg
      tranfer.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      36
  6. peerasitg

    peerasitg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,557
    ค่าพลัง:
    +3,919
    ผมโอนเงินร่วมบุญกฐิน 2554 วัดท่าซุง ให้แล้วครับ

    อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวล สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      298.5 KB
      เปิดดู:
      122
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      142
  8. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    "อธิบายเรื่องอานิสงส์ของกฐิน"

    [​IMG]

    ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐินอย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ..?"
    หลวงพ่อ : "ความจริง ผ้าป่า กับ กฐินเป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ถ้าว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

    ต้น เหตุแห่งการทอดกฐินนี้ ก็มี นางวิสาขา เป็นคนแรก ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าท่าทรงบัญญัติการจำพรรษา เพื่อป้องกันพระไปเดินเหยียบต้นพืชต้นข้าวที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ใน ฤดูฝนไม่ให้เสียหาย

    ครั้น เมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุชาวปาฐา 30 รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมีผ้าจำกัดเพียง 3 ผืนเท่านั้น เมื่อมาถึงในขณะที่นางวิสาขา เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่พอดี เห็นพระมีผ้าสบงจีวรเปียกโชกด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง จึงได้กราบทูลขอพรแด่พระพุทธเจ้าว่า " หลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวร แก่คณะสงฆ์ด้วยเถิด" พระ พุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่าผู้ ให้ก็ได้อานิสงส์ ผุ้รับก็มีอานิสง์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ"


    ผู้ถาม : "แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ..?"


    หลวงพ่อ : "องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอก นั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน

    ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด

    สำหรับ การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตระท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็น มหาทุคคตะ

    คำว่ามหาทุคคตะนี้ จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก ท่านจึงกลับไปชวนนาย แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ท่านมหาทุคคตะอยากมีส่วนร่วมในทานนี้ด้วย แต่ไม่มีอะไรมีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขอตนที่มีติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย 1 กลุ่ม เข็ม 1 เล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือ ร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง
    จะ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน เพียงใดอานิสงส์จะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองโลก 500 ชาติ เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็น พระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็น มหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็น อนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็น คหบดี 500 ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วม ในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน"


    อานิสงส์กฐินทาน

    ความจริงการทอดกฐินไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่าผ้ากฐินทานจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ หลังจากนั้นจะทอดขนาดไหนก็ตามจะไม่เป็นกฐินฉะนั้นกฐินมีเวลากาลจำกัด ทีนี้ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่าน พูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้นการถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดีจะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่างเป็น อานิสงส์กฐิน ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยที่พระองค์เกิด เป็นมหาทุคคตะ ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ เวลานั้นพระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้นถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป ก็ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ วันหนึ่งมหาทุคคตะไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใดเคยทอดกฐินแล้วในชีวิต หนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินวันนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อยจะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า"โภ ปุริสะ ดูกรท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า๕๐๐ ชาติ" นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือนางฟ้าจุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้า จักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ ชาติแล้ว บุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ

    คำว่ามหาเศรษฐีนี่ มีเงินตั้งแต่ ๘๐ โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า มหาเศรษฐี แต่ว่าตั้งแต่ ๔๐ โกฏิ ขึ้นไป เขาเรียก อนุเศรษฐี

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ
    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่านอกจากจะเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญานก็ย่อมได้ นั่นหมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนา เป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพาน เป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้ ฉะนั้นการทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบถึงอานิสงส์คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่าถ้ายังไม่ถึงพระนิพพาน
    เพียงใด คำว่า ยากจนเข็ญใจจะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ
    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี ๓ อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบันจัดกฐินเป็น๓ อย่างคือ ๑. จุลกฐิน ๒. ปกติกฐิน ๓. มหากฐิน กฐิน ๓ อย่างย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน คำ ว่า จุลกฐิน เวลานี้แปลงไปคงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า จุลกฐิน ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐินจะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน ทีนี้ถ้า ปกติกฐิน ก็มีผ้าไตรครบไตร ถวายผ้าไตรเดียวหรืออย่างน้อย ก็มีผ้าไตร ๓ ไตร คือองค์ครอง ๑ ไตร คู่สวด ๒ ไตร ที นี้ถ้ามีผ้าไตรครบทุกองค์ อย่างที่วัดทำเป็นมหากฐิน อย่างนี้ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากที่สุดเป็นพิเศษ อย่างตระกูล นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีทรัพย์มากเป็นพิเศษ อย่างมหาเศรษฐีเขาบอกว่า ต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือว่า ๑๖๐ โกฏิ แต่ว่าตระกูลของนางวิสาขาจะนับเป็นโกฏิไม่ได้ ต้องนับเป็นโกฏิของเล่มเกวียน ไม่ใช่นับเป็นโกฏิของเหรียญ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมาก ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม
     
  9. izeberry

    izeberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +1,482
    ขอร่วมทำบุญ บุญกฐินวัดท่าซุง ปี 54 จำนวนเงิน 50บาท
    และได้โอนเงินเย็นนี้ 28/6/54 เรียบร้อยแล้ว

    ขอจองหมายเลข 884

    ขอขอบคุณ+โมทนาบุญนี้ คับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2011
  10. หวงจื้อเซวียน

    หวงจื้อเซวียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,296
    ค่าพลัง:
    +8,718
    ขอร่วมบุญกฐินวัดท่าซุง ปี 54 400 ครับ
    จองเลข 876,877,878,879,880,881,882,883 ครับผม
     
  11. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
     
  12. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
     
  13. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      311.3 KB
      เปิดดู:
      131
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      112
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.5 KB
      เปิดดู:
      130
  14. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    การกุศล 100%
    บุญกฐินปี54
    ร่วมบุญครั้งเดียว 50 บาท
    รับสิทธิ์เลือกหมายเลข 1 หมายเลข
    (เลขท้าย 3 ตัวตรง รางวัลที่1)

    1.รับสมเด็จองค์ปฐมรุ่นสามวัดท่าซุง
    2.รับสมเด็จองค์ปฐม วัดป่าพุทธโมกข์
    3.รับสมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
    4.รับเหรียญมหาลาภ วัดท่าซุง
    5.รับเหรียญที่ระลึกผูกพัทธสีมา วัดท่าซุง
    6.รับพระคำข้าว พระบรมสารีริกธาตุ 5พระองค์ เลี่ยมกรอบเงินลงยา
    7.พระคำหมากปิดทอง เลี่ยมกรอบเงินลงยา
    8.
    สมเด็จองค์ปฐม หลวงพี่สมปอง(ท่านจิตโต)
    9.สมเ็ด็จองค์ปฐมปางจักรพรรดิ์ หลวงพี่เล็ก

    ร่วมบุญครั้งเดียว 50 บาท
    ลุ้นรับพระ 9 องค์ ได้รวมทั้งหมด 7 ครั้ง
    (หรือจนกว่าจะมีผู้โชคดี)
    ตัวอย่าง สมมติเช่น
    งวดที่1-ไม่มีผู้ใดถูกรางวัล
    ก็สามารถลุ้นรับรางวัลในงวดที่2ต่อไปได้ครับ
    ตัวอย่าง สมมติเช่น
    งวดที่2 ถึง งวดที่6 - ก็ยังไม่มีผู้ถูกรางวัล
    ก็สามารถลุ้นรับรางวัลในงวดที่7ต่อไปได้ครับ
    (ยกเว้นว่า มีผู้โชคดีเลือกหมายเลขถูก ก็เป็นอันว่า ต้องมาเริ่มกันใหม่นะครับ)
    :VO"ขึ้นอยู่กับ ธรรมะจัดสรรนะครับ พี่น้องร่วมบุญทุกท่าน":VO


    กับอานิสงค์การร่วมบุญเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

    "อยู่ที่พระท่านจะเลือกใคร นะครับ"

    ครั้งที่1. งวดประจำวันที่ 1 ก.ค.54
    ครั้งที่2. งวดประจำวันที่ 16 ก.ค.54
    ครั้งที่3. งวดประจำวันที่ 1 ส.ค.54
    ครั้งที่4. งวดประจำวันที่ 1ุ6 ส.ค.54
    ครั้งที่5. งวดประจำวันที่ 1 ก.ย.54
    ครั้งที่6. งวดประจำวันที่ 16 ก.ย.54
    ครั้งที่7. งวดประจำวันที่ 1 ต.ค.54

    [​IMG]
     
  15. popwinning

    popwinning Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +45
    ผมโอนเงินมาร่วมทำบุญกฐินวัดท่าซุงจำนวน200บาทครับ ขอรับหมายเลข069, 252, 253, 455 ขอบคุณครับ
     
  16. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
     
  17. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.5 KB
      เปิดดู:
      141
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      317.9 KB
      เปิดดู:
      137
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      138
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2011
  18. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    การแจ้งข่าวงานบุญ ณ โอกาสนี้

    ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์หรือส่วนกลาง วัดท่าซุง แม้แต่ประการใด

    เนื่องจากทาง
    วัดฯ ไม่มีประสงค์บอกบุญ ในลักษณะเช่นนี้

    การแจ้งข่าวนี้ เป็นความคิด
    ของกระผมฯ
    และพวกเราในคณะ ต่าง ก็เห็นร่วมกัน ว่า ดี

    อยากให้เกิดเป็นบุญ
    เป็นกุศล อันไพศาลแก่พวกเรา ทุก ๆ คน
    ที่มีความศรัทธาแท้.. เป็นอานิสงส์ปัจจุบันทันที และ อนาคตกาล

    การนำถวาย
    งานกฐิน2554 ศาลา12ไร่
    พวกเรา จะได้ "นัด" ไปสมทบกัน ที่ ในงานกฐิน
    เพื่อนำกราบถวายเข้าวัดโดยตรง ต่อไป

    ขอน้อมโมทนา สาธุการ ยินดี
    กับทุกท่าน อย่างยอดยิ่ง
    [​IMG]
     
  19. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    [​IMG]

    อานิสงส์การถวายผ้าให้พุทธศาสนา
    ของนางวิสาขามหาอุบาสิกา



    ตอนนี้จะพูดกันถึงเรื่อง นางวิสาขา ต่อไป สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เรียกว่า พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจ ทำให้มีเครื่องประดับประดาเครื่องแต่งกายสวยงามเป็นกรณีพิเศษ คือ นางวิสาขามีเครื่องประดับกาย ราคา 16 โกฏิ
    ในสมัยที่นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้รับหน้าที่เป็นพ่อตา คือมีคนมาขอนาง
    ในตอนที่ นางวิสาขาจะแต่งงาน ปรากฏว่า บ้านของนางวิสาขาเป็นเมือง ๆ หนึ่ง ที่เรียกว่า เมืองสาเกต มีคนมาก ท่านบิดา คือ ท่าน ธนัญชัยเศรษฐี จึงได้จัดเครื่องแต่งตัวให้แก่บุตรสาว มีราคาประมาณ 16 โกฏิ (เห็นจะเป็น 16 พันล้าน)
    เครื่องประดับประดานั้น ท่านบอกว่า หาด้ายสักเส้นหนึ่งก็ไม่มี ส่วนใดที่จะเป็นด้าย เขาใช้เงินทำเป็นเส้นด้าย พื้นเป็นทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์ ประดับไปด้วยแก้วมณี (ซึ่งมีค่ามากกว่าเพชร) ถึง 20 ทะนาน และแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล(แก้วอะไรต่ออะไรถึง 7 แก้ว จำไม่ได้ จำได้ก็ขี้เกียจพรรณนา) เป็น เสื้อคลุม คือเป็นเสื้อคลุมลงมาถึงข้อเท้ายาวถึงข้อมือ แล้วก็คลุมศีรษะ ข้างบนศีรษะเป็นนกยูงรำแพน ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาหลากหลาย ราคาถึง 16 โกฏิ นี่เป็นเครื่องทรงที่แต่งเป็นกรณีพิเศษ
    เครื่องทรงนี้มีน้ำหนักมาก เพราะนางวิสาขาเป็นพระโสดาบัน เมื่อนางเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านบอกว่า กำลังของนางกับช้าง 7 เชือก (เอา แรงของช้าง 7 เชือก มารวมกัน เท่ากับแรงของนางวิสาขา) แล้วก็มีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทาสของนางวิสาขา(เป็นเพื่อน ลูกของชาวบ้าน เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน)มีกำลังเท่านางวิสาขา
    เสื้อตัวนี้ของนางวิสาขามีชื่อว่า มหาลดาปสาธน์ มีนางวิสาขา กับหญิงเพื่อนคนเดียวเท่านั้น ที่จะยกขึ้น คนอื่นยกไม่ขึ้น เครื่องประดับประดานี้สวยมากเหลือเกิน ท่านพุทธบริษัท บรรดาท่านหญิงทั้งหลายฟังแล้วอยากได้ บ้างไหม เครื่องประดับแบบนี้ ความจริงพวกเราจะมีสร้อยสักเส้นหนึ่งมีเพชรสักเม็ดหนึ่ง หรือมีเพชรสักพวงหนึ่ง แบบนี้มันก็แสนยาก หามาด้วยความลำบาก เครื่องประดับของนางวิสาขา เฉพาะแก้วมณีเท่านั้นตั้ง 20 ทะนาน แล้วก็มีแก้วประพาฬ มีเพชรนิลจินดามีอะไรอีกมากมายนัก แล้วเสื้อทั้งตัวเป็นทองคำล้วน ที่เป็นด้ายใช้เงินแทน(แหม ถ้าได้มาเวลานี้ เสร็จ ขายเรียบ รวยมหาศาล เฉพาะเสื้อตัวเดียว)
    เมื่อเวลาจะแต่งงาน ก็ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้อัญเชิญ พระเจ้าปเสนทิโกศล ให้พระองค์เสด็จมาเป็นประธาน พระเจ้าปเสนทีโกศล ก็ถามว่า ทหารกองเกียรติยศของเรามาก จะให้ไปส่วนตัว หรือจะให้ ไปเต็มกองเกียรติยศ ถ้ากองเกียรติยศเต็ม ก็เป็น จตุรงคเสนา คือ กองทัพ 4 เหล่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี พ่อของนาววิสาขา ก็บอกว่า ขอให้พระองค์มาเต็มกองเกียรติยศ ข้าพรพุทธเจ้ารับได้หมด
    เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลมาแล้ว ก็ปรากฎว่า เครื่องประดับของนาง
    เมื่อนางวิสาขาแต่งงานแล้ว นอกจากจะมีเครื่องมหาลดาปสาธน์แล้ว ปรากฏว่า ของที่เข้านำให้นางวิสาขาไปใช้ชั่วคราว พ่อให้ไปใช้ที่บ้านพ่อผัว แม่ผัว ก็อยู่กับผัวชั่วคราว เข้าให้เท่าไร ทราบไหม เข้าให้แบบนี้ เข้าให้ เงิน 500 เล่มเกวียน (นี่ชั่วคราวนะ ถ้าไม่พอมาเอาไปใหม่ได้) ทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะเครื่องใช้สอยที่เป็นทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นเงิน 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นทองแดง 500 เล่มเกวียน อย่างนี้ เป็นต้น
    เป็นอันว่า อย่างละ 500 เล่มเกวียน (โอ้โฮ มันเท่าไรกันแน่) ถ้าเราเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างไร ผลที่นางวิสาขาได้อย่างล่ะ 500 เล่มเกวียน (ถ้าไม่พอมาเอาใหม่) คือผลจากการถวายสังฆทาน บรรดาท่านพุทธบริษัท
    หากว่าบรรดาท่านผู้ฟัง ประสงค์จะมีทรัพย์มากอย่างนั้นบ้าง ก็ดูตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วในตอนก่อนว่า นาง วิสาขาร่ำรวย ได้เป็น ลูกมหาเศรษฐีใหญ่ ก็เพราะว่าถวายทานแต่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ ที่เรียกกันว่า ถวายทาน เวลานี้เราก็ถวายได้ แม้องค์สมเด็จพระพิชิตมารนิพพานแล้วก็ตาม เวลา เราถวายสังฆทานก็มีพระพุทธรูปเป็นประมุข จิตใจนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ผู้รับทาน เป็นกำลัง อย่างนี้ก็จัดว่า เป็นสังฆทานแบบนั้นเหมือนกัน
    ถ้า จะให้ดีขึ้นไปอีกนิด ก็พากันสร้างวิหารทาน โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ตามแต่ที่เราจะมีทุน สร้างคนเดียวไม่ไหว ก็ร่วมกันสร้างปลาย ๆ คนก็มีประโยชน์ จะเป็นวิหารทานใหญ่ ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ความจริง กฐิน หรือผ้าป่า ก็อยู่เฉพาะผ้าเท่านั้น ส่วนจตุปัจจัย ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน นำไปถวายพระกล่าวว่า เป็นปัจจัยเพื่อวิหารทาน ถ้าพระท่านใช้อย่างนั้น
    ฉะนั้น การถวายกฐินผ้าป่า เป็นสังฆทานพร้อมไปด้วยวิหารทาน จึงมีอานิสงส์ใหญ่ ดีไม่ดี เราจะรวยกว่านางวิสาขาเสียอีก พูดกันด้วยความจริงใจ
    มา คุยกันถึงว่า ทำอย่างไรหนอ เราจึงจะมีเครื่องประดับสวยสด งดงาม อย่างนางวิสาขาได้บ้าง ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทลองฟังพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงโปรด พระองค์ตรัสไว้อย่างนี้(นี่เราพูดถึงเรื่องของนางวิสาขาเป็นตอน ๆ พูดทั้งหมดไม่ไหว เรื่องของนางยาวมาก)
    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันก็ดี หรือว่าได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ก็ดี ทั้งนี้เพราะว่า นางมีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ เป็นต้นมา อาศัยที่นางวิสาขามีพุทธบูชาเป็นปกติ คือ บูชาพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัย จะทำอะไรก็ตาม นึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ที่เราหัด ฝึกกันภาวนาว่า พุทโธ อย่างนี้เป็นต้น หรือว่า อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง อะไรก็ได้ ในห้องพระพุทธคุณ การนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์แล้ว และก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วด้วย ไม่ใช่ภาวนาว่า พุทโธ อย่างเดียว จะสร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้น
    ความจริง ภาวนาว่า พุทโธ ก็รวยเหมือนกัน เพราะตายแล้วเป็นเทวดา มีทิพยสมบัติมาก กลับมาก็เป็นมหาเศรษฐีแต่ยังไม่ใหญ่เท่า นางวิสาขา นาง
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท เรา มาคุยกันถึงว่า การได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ เครื่องประดับพิเศษ ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ยังดำรงพระชนม์อยู่ สาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูซึ่งเป็นสาวิกา คือผู้หญิง มีเครื่องมหาลดาปสาธน์อยู่สองท่านด้วยกัน คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกาท่านหนึ่ง กับ พระนางมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลท่านหนึ่งมีสองท่านด้วยกัน เพราะว่าหญิงทั้งสองนี้ ทำบุญมาสม่ำเสมอกัน การให้ทานก็สม่ำเสมอกัน ไม่แพ้กัน แต่การให้ทานไม่ได้แข่งขัน ต่างคนต่างมีศรัทธาเหมือนกัน
    เอา ละ ตอนนี้ สำหรับท่านหญิงที่ได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ มีค่าถึง 16 โกฏิ ได้มาจากไหน เราก็ต้องหาเหตุหาผลกัน เพราะว่า ในพระพุทธศาสนา มีเหตุมีผล องค์สมเด็จพระทศพลทรงเทศน์ไว้อย่างนี้ ท่านกล่าวว่า ถ้าสตรีผู้ใด ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าท่านผู้นั้นยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด เกิดเป็นมนุษย์ในชาติต่อไป จะมี เครื่องมหาลดาปสาธน์ เช่นเดียวกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา
    ถ้า หากว่าเป็น ผู้ชาย ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาเมื่อเวลาที่พบองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าแล้ว มีความเลื่อมใสขออุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสว่า เอหิ ภิกขุ ซึ่งแปลว่า เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด เพียงเท่านี้ ก็จะมีผ้าไตรจีวรสำเร็จไปด้วยฤทธิ์ ลอยมาจากอากาศ สวมลงไปในร่างของท่านผู้นั้น(โดยไม่ต้องหาซื้อผ้า เพราะในสมัยนั้นหาซื้อผ้ายากแสนยากเพราะไม่มีพ่อค้าขายผ้าไตรมากมาย เหมือนสมัยนี้)
    นี่ แหล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัท การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับพิเศษ อีกองค์ หนึ่งก็คือ ท่านมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับ ก็เพราะอาศัยได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา
    เวลา นี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยทั่วหน้า ก็เคยทำกันมาเป็นปกติ เช่น การทอดกฐินก็ดี การทอดผ้าผ่าก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ท่านทั้งหลายก็มักจะถวายผ้าไตรจีวร ไว้แก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทั้งนี้ต้องจัดเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานนี้ มีอานิสงส์มากตามที่กล่าวมาแล้ว
    ฉะนั้น หากว่าท่านทั้งหลายมีความเคารพในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ที่เรียกว่า พุทธบูชา คือบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ด้วยการปฏิบัติตาม ถ้าโอกาสจะพึงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทแล้ว ก็ซื้อผ้าไตรจีวรถวายเป็นสังฆทาน ไว้ในพระพุทธศาสนา ความจริง พรุพุทธเจ้าไม่ได้ทรงจำกัดว่า ต้องถวายเป็นสังฆทาน ท่านบอกว่า เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา (คำว่าสังฆทาน เฉพาะผ้าไตรจีวรนี้ อาตมาพูดเอง)
    ทั้งนี้ก็เพราะว่า การ ถวายสังฆทานมีอานิสงส์มาก มากกว่าการถวายเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ถ้าเรามีผ้าผืนเดียว พระสงฆ์ท่าน ก็ให้แก่พระที่มีความจำเป็นต้องใช้ คือ ท่านจัดการกันเอง
    ตัวอย่าง

    ใน สมัย เมื่อองค์สมเด็จพรจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระนางวิสาขาเป็นภรรยา เวลานั้น นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี คลอดบุตรอายุ 16 ปี[​IMG]วิสาขา ทำยังไม่เสร็จ ต้องรออยู่ถึง 3 เดือน เลี้ยงกองทัพ 4 เหล่า 3 เดือน ก็ลองคิดดู เรียกว่า คนจำนวนนับแสนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลนำมาเขาก็ตั้งค่ายให้อยู่ ตั้งพลับพลาเป็นที่ประทับ แล้วคนของบ้านนางวิสาขาก็มากมาย เป็นหมื่น ปรากฎว่าพ่อของนาววิสาขารับหมด แล้วก็ไม่หนักใจเรื่องการเลี้ยง เงินทองไม่ยุบ
    <="" ด้วยอำนาจบุญบารมีทั้งสองประการ="" ตัวนางเองก็เป็นมหาเศรษฐีใหญ่="" จึงช่วยให้เป็นลูกของมหาเศรษฐีใหญ่="" ถวายสังฆทานด้วย="" ด้วย="" พุทโธ<=""><="">เย็บจีวร
    ถวาย พระพุทธเจ้าผืนหนึ่ง เป็นผ้าเนื้อละเอียดมาก กรอด้ายเอง แล้วก็ทอผ้าเอง เย็บเป็นจีวรเอง ประสงค์ถวายเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า เวลาไปถวายจริง ๆ พระพุทธเจ้าทรงเรียกประชมพระสงฆ์ทั้งหมด พระสงฆ์ทั้งหมดก็นั่งเรียงแถวตามลำดับอาวุโส (ไม่ใช่ตามสำดับยศ พระพุทธเจ้าไม่ทรงนิยมยศ ถือว่ายศ เป็นโลกธรรม) ตามลำดับอาวุโสของพระ
    เมื่อ พระนางกีสาโคตมีถวายให้พระองค์ พระองค์ ก็ทรงรับ แล้วพระองค์ก็ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคับลาน์ พระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อ ๆ ไป จนกระทั้งถึงองค์สุดท้าย ได้แก่ พระอชิตภิกขุ เป็นองค์สุดท้าย ไม่รู้จะให้ใคร ก็รับไว้

    พระ นางกีสาโคตมีก็เสียใจว่า ปั่นด้ายเอง ทอผ้าเอง เย็บเอง ปรารถนาจะถวายกับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ากลับรับแล้วส่งให้พระอื่น ร้องไห้เสียใจ องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสกับพระน้านางว่า การถวายแต่พระองค์ มีอานิสงส์มากก็จริงแล แต่ว่าเป็น ปาฏิปุคคลิกทาน ผ้ามันมีอยู่ฝืนเดียว จะให้เป็นสังฆทานโดยเฉพาะ แบ่งคนละผืนหรือคนละครึ่งผืน มันก็ทำไม่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงให้ผ้านั้นเป็นสังฆทานเสีย คือ ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรส่งให้พระโมคคัลลาน์ พระโมคคัลลาน์ส่งต่อ ๆ กันไป ถึงองค์สุดท้าย คือ อชิตภิกขุ อย่างนี้ได้ชื่อว่า พระทุกองค์ได้รับหมด แต่ไม่กำหนดนำมาไว้เพราะตัวมีผ้าใช้พอ และสำหรับองค์สุดท้าย ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านมีผ้าน้อยเกินไป ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมนัก จึงมีโอกาสรับผ้าไว้ได้ อย่างนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบอกว่า เป็นสังฆทาน
    แล้ว องค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงได้กล่าวถึงทาน ตามที่กล่าวมาแล้วว่าการถวายแด่พระพุทธเจ้าเอง 100 ครั้ง ก็มีผลไม่เท่ากับ ถวายสังฆทาน 1 ครั้ง
    นี่ แหล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การนำพระธรรมเทศนาใน พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้า ย่อมมีเดช มีอำนาจมาก แม้วาเราจะปรารถนาเครื่องประดับมาก ๆ อย่างนางวิสาขา ก็ปรารถนาได้
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เรื่องของ นางวิสาขาบูชาพระพุทธเจ้า แล้วได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน หากว่าท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นจงทุกประการ สวัสดี

    ที่มาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หนังสือกฏของกรรม
     
  20. pom_chaovarit

    pom_chaovarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3,805
    ค่าพลัง:
    +9,776
    ถึงลูกรักของพ่อทุกๆคน
    <hr style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" size="1">พ่อสอนลูก
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานที่เคารพรักของเรา สอนเราไว้ว่า
    1) คนดี คือคนมีเมตตาปราณีต่อเพื่อน กับสงสารสงเคราะห์ซึ่งกันและกันด้วย สังคหวัตถุ
    - ให้กันด้วยวัตถุ
    - มีวาจาไพเราะอ่อนหวานเป็นที่รัก
    - ช่วยกิจการงานของเพื่อน
    - ไม่ถือตัว ไปไหนทำตนเสมอกัน
    หลัก 4 ประการนี้ ถ้ามีอยู่ในใจของลูก ลูกปฏิบัติได้พ่อจะมีความสุขมากใจมาก พ่อมีชีวิตอยู่พ่อก็มีความสุข พ่อตายไปแล้วพ่อก็มีความสุขใจ หรือตายอย่างนอนตาหลับ ทั้งนี้เพราะลูกของพ่อเป็นคนดี

    2) ต้องทราบไว้เสมอว่าคนที่เกิดมานี้ มีต้นกรรมไม่เสมอกัน คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ
    2.1 คนฉลาดมาก ที่ทำบุญไว้เต็มที่แล้ว มีบารมีครบถ้วน เพียงแนะนำแต่เพียงหัวข้อย่อ ๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที
    2.2 บางพวกปัญญาบารมีหย่อนนิดหน่อย พออธิบายก็บรรลุมรรคผล
    2.3 บางพวกพอแนะนำให้เข้าใจในกุศลเบื้องต้นได้ แต่เอาบรรลุมรรคผลไม่ได้
    2.4 พวกสุดท้าย เป็นพวกเหลือขอ พูดไม่รู้เรื่อง อวดตัวว่าเป็นผู้วิเศษ หมดทางแนะนำ
    คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 พวกนี้ ลูกจงอย่าคิดว่าเขาจะเหมือนเราเสมอไป การแนะนำเป็นของดี แต่อย่าเอาใจไปผูกพัน ถือว่าบอกปล่อย เขาทำตามก็ดีไม่ทำตามก็ช่าง เอาตัวรอดเป็นการพอแล้ว ปล่อยเขา เขาจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร อย่าสนใจเป็นอันขาด

    3) ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น โลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่เกิดมาในโลกนี้ โลกเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามีความสุข ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้อีกไม่กี่วันมันก็พัง ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ท่านบอกว่ามีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่าท่านมีความสุข เราก็พยายามทำให้สุขเหมือนท่านบ้าง ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดเราดีไว้เสมอ มองดูความบกพร่องของจิต ว่า จิตเราบกพร่องตรงไหนบ้าง พยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ
    บรรดาลูกรักของพ่อทุกคน ปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความชนะในมารนั้น ขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงชนะในมารฉันนั้น ด้วยกำลังใจที่ทรงความดี

    4) ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานทั้งหลายเหล่านั้น ขอลูกรักทั้งหมด จงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือ รักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะงานสาธารณะประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข
    5) ขอลูกรักทั้งหมด จงอย่าสนใจกับคำนินทาและสรรเสริญ ลูกรักของพ่อทุกคนจงจำไว้ว่า ถ้าร่างกายมันยังมีอยู่ จงอย่าปรารภว่าตนเป็นคนดี เพราะว่าสิ่งที่เราเกาะอยู่นี่มันเลว คือ ขันธ์ 5 ได้แก่ ร่างกาย มันทั้งสกปรก มันทั้งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง มีการป่วยไข้ไม่สบาย มีการตายไปในที่สุด ร่างกายมันเป็นส่วนรับทุกขเวทนา ฉะนั้นขอลูกรักทุกคน จงอย่าสนใจกับร่างกายของตนเอง และของบุคคลอื่น คำว่าไม่สนใจ หมายความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็เลี้ยงดูมันไปตามสภาพ มันหิวก็ให้มันกิน มันร้อนก็หาของเย็นให้ มันหนาวก็หาของอุ่นให้ และก็จงบอกกับมันว่า เอ็งตายคราวนี้ ข้าเลิกคบเอ็งละนะ ทั้งนี้เพราะเอ็งไม่ดีเลย เอ็งมันเลวมาก ประคับประคองเท่าไร เอ็งก็ไม่ตามใจข้า ถ้าภาษาไทยชัด ๆ ก็พูดว่า เมื่อมึงไม่ตามใจกู กูก็จะไม่คบมึงอีกต่อไป
    6) ลูกรักของพ่อ ถ้าลูกต้องการหมดความทุกข์ ต้องการมีความสุข ก็จงอย่าคิดว่าโลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดในโลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา ร่างกายบุคคลอื่นเป็นพวกเรา เป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายมันเป็นแต่เพียงธาตุ 4 เข้ามาประชุมกัน เห็นร่างกายภายใน คือร่างกายของเรา ก็ทำความรู้สึกแต่เพียงสักแต่ว่าเห็น คือ ไม่สนใจ ไม่ยึดถือว่ามันกับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดกาลตลอดสมัย ตัดความโลภเสียด้วยการให้ทาน ตัดความโกรธเสียด้วยการเห็นใจซึ่งกันและกัน ตัดความหลงคือ ยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ลูกชายและลูกหญิงของพ่อถ้ามีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด ก็ปรากฏว่าทุกคนจะมีกำลังใจเป็นสุข ทุกคนจะหาความทุกข์ไม่ได้ เพราะมีใจสบาย อารมณ์ใจของลูกจะสบายได้ เมื่อลูกยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง

    7) ลูกรักทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตาย จงคิดว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการตายต่อไป นั่นคือ พระนิพพาน พ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่าพระนิพพานสมบัติจะไม่ขาดไปจากกำลังจิต ของลูก และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องได้แน่นอน นี่เป็นความหวังของพ่อ แต่ทว่าถ้าลูกรักของพ่อลืมความดีนี้เสียเมื่อไร จิตใจพัวพันอยู่ในราคะก็ดี พัวพันอยู่ในโลภะ ความหลงก็ดี พัวพันอยู่ในความโกรธพยาบาทก็ดี เป็นอันว่าลูกกับพ่อนี้ต้องแยกทางเดินกัน ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่เวลาตายจริง ๆ เราตามกันไม่ไหว หวังว่าลูกรักทุกคนคงจะจำได้ คงจะละสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ คือ พยายามละทีละน้อย ปลดเปลื้องมันไป ไม่ช้ามันก็หมด
    คนเราเกิดมาในโลกที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี ถ้าเราจะชดใช้บาป มันก็ชดใช้กันไม่ไหว มี ทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือ หนีบาป การภาวนาให้จิตทรงตัว การคิดถึงคุณพระรัตนตรัย พยายามรวบรวมบารมี 10 ประการไว้ให้ครบถ้วน พยายามตัดสังโยชน์ 10 ประการ ให้หมด จรณะ 15 ปฏิบัติให้ครบถ้วน มีพรหมวิหาร 4 ให้ครบถ้วน ทรงศีลให้บริสุทธิ์ มีอิทธิบาท 4 ทรงตัว เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ ลูกรักของพ่อจะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป

    9) ยามปกติเอาจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ นึกถึงพระพุทธเจ้าได้ ตั้งใจตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน
    เครื่องมือที่ลูกจะมีไว้นั่นคือ บารมี 10 ทำให้ครบถ้วน สังโยชน์ 10 ตัดให้ขาดให้หมด มี จรณะ 15 มีอิทธิบาท 4 มีพรหมวิหาร 4 มีศีล ปกติ มีทาน ปกติ ทั้งหมดนี้ต้องมีประจำใจ จับพระนิพพาน เป็นอารมณ์ ถ้าจิตจับ พระนิพพาน ได้แล้ว ลูกแก้วของพ่อไม่ต้องวิตกกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเราหมด

    10) พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราจะพึงศึกษาและปฏิบัติให้ละกันได้จริง ๆ นั่นก็คือ สังโยชน์ 10 ประการ ขอลูกรักทุกคน ลูกมีกำลังใจเป็นมหากุศลยากที่จะหาคนอื่นเสมอเหมือนได้ แต่คำชมของพ่อขอลูกอย่าเหลิง ถ้ามีความทะนงตนเมื่อไร ลูกก็เลวเมื่อนั้น จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่มีความดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิทอย่าให้มันเกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือ ความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำได้
    11) ฉันมั่นใจ ลูกหลานของฉันทุกคนเวลาตายอย่างต่ำก็ต้องไปสวรรค์ชั้นกามาวจร อย่างกลางต้องไปพรหมโลก อย่างดีที่สุดมีอยู่แล้วก็คือพระนิพพาน แต่ใครจะหมุนกลับลงมามนุษย์โลก ฉันแน่ใจว่าลูกหลานของฉันไม่จน คนที่รวยอยู่แล้วจะรวยมากกว่านี้ คนที่ไม่เคยร่ำรวยจะพบกับความร่ำรวยอย่างคาดไม่ถึง นี่สิ่งเหล่านี้ฉันมีความมุ่งหวังมานาน ตั้งแต่บวชปีแรกฉันทำอย่างนี้ และฉันก็ทำตลอดมา ทำในสมัยที่ฉันมีกำลังร่างกายดี แต่เวลานี้ฉันไม่มีแรงแล้ว หาเงินไม่ไหว เทศน์ก็ไม่ไหว สวดมนต์ก็ไม่ไหว ร่างกายมันไม่อำนวย เงินทองที่จะใช้จะกินเข้าไป นอกจากลูกหลานทุกคนสงเคราะห์ฉันอย่างคาดไม่ถึง ผลความดีอันนี้แหละ ในฐานะที่ฉันเป็นหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ และก็เป็นพระแก่เจ้ากี้เจ้าการ ถือพระรัตนตรัยเป็นสำคัญ คือ มีพระพุทธเจ้าเป็นประทาน ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพรหม เทวดาทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการ แก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูกเวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคนมีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว
    12) ที่พ่อมีความรื่นเริง มีกำลังกายกำลังใจ ทำได้ทุกอย่างก็เพราะลูกทุกคนเป็นคนดี อยู่ในโอวาทขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น ลูกทุกคนจึงเป็นที่รักของพ่อ ใครเขาจะเกลียด ใครเขาจะชังลูก เป็นเรื่องของเขา แต่ว่าพ่อรักลูกทุกคนเสมอกัน ต้องการอย่างเดียวคือ จะนำทางให้ลูกพ้นทุกข์ เข้าไปหาแดนความสุขที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่มีความหนักใจแม้แต่นิดเดียว นั่นคือ พระนิพพาน
    13) ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ขอลูกจงถือว่านั่นคือ ตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ ปฏิปทาใดที่เป็นที่พอใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำ และจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณะประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่า พ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่า พ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ
    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...