คุยกันฉันท์เพื่อน - ( ๔๑) ^_^

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ชนินทร, 17 กันยายน 2009.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    โมทนาบุญกับพี่ธรและคณะฯด้วยครับ ไว้สิ้นเดือนเดี๋ยวจะร่วมบุญด้วย ^^
     
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2011
  3. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สาธุจ้ะ... โมทนาด้วยจ้ะ
     
  5. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    [​IMG]


    พระที่จำไปหล่อ เอารูปมาให้ชมกันครับ


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1PN.JPG
      1PN.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      308
    • IMG_0049.JPG
      IMG_0049.JPG
      ขนาดไฟล์:
      935.1 KB
      เปิดดู:
      65
    • IMG_0050.JPG
      IMG_0050.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      64
  6. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ภาพคราวที่แล้ว ที่ไปหล่อ กันมาครับ

    ชาวบ้าน พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันหิ้วถังปูน ส่งต่อไปยังองค์พระ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • H02.JPG
      H02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      58
    • H03.JPG
      H03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86 KB
      เปิดดู:
      57
    • P4300028.jpg
      P4300028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      268.7 KB
      เปิดดู:
      62
    • P4300064.jpg
      P4300064.jpg
      ขนาดไฟล์:
      213.4 KB
      เปิดดู:
      59
    • P4300083.jpg
      P4300083.jpg
      ขนาดไฟล์:
      255.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • P4300089.jpg
      P4300089.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240.4 KB
      เปิดดู:
      58
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สาธุ...

    ไม่ทราบ 2 - 3 วันที่ผ่านมานี้ทำไมธรเข้าเว็บพลังจิตไม่ได้เลย... สงสัยคนเข้ามามากเพราะภัยที่แผ่นดินไหวรึเปล่าน๊า...

    ขอแสดงความเสียใจกับทุกดวงจิตที่เกิดการสูญเสียในครั้งนี้ และครั้งที่ผ่านๆ มาด้วยนะคะ...

    อ้อ... ตอนนี้ธรเขียนบทความลงหน้าธรรมะของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์... หน้าที่ 22 ทุกวันพุธ... เพื่อนๆ อ่านแล้ว มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ้างนะคะ... ^___^

    ขอบคุณค่ะ...
     
  8. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สำหรับลงวันที่ 09 มีค 54
    เรื่อง : ธรรมะ - ไม่ยากอย่างที่คิด


    เมื่อพูดถึง “ธรรมะ” คนส่วนใหญ่จะส่ายหน้าไม่อยากพูดถึงกัน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของคนที่เข้าวัด ไม่ก็เป็นเรื่องของพระของชี พ่อแก่แม่เฒ่า “โอ๊ย! ธรรมะนะเหรอ... เข้าใจยากจะตาย น่าเบื่อ ล้าสมัย คนที่ปฏิบัติธรรมมีแต่พวกหมดความอยากหมดความทะเยอทะยาน ชอบทำตัวขวางโลก ไม่มีชีวิตชีวา...” สารพัดที่จะได้ยิน

    แต่จากมุมมองของคนที่ศึกษาธรรมะ... (เพราะธรรมะ คือ ธรรมชาติ ความเป็นจริงที่มีอยู่จริง ความธรรมดาของสรรพสิ่ง... เกิดกี่ล้านชาติก็เรียนรู้กันไม่มีวันจบ... เรียนจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง... เบื่อเมื่อไหร่ก็เข้าใจคำว่า “ความหมุนเวียนในวัฏสงสาร” เมื่อนั้น จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ ก็นั่นแหละ... ชาติสุดท้ายที่จะมาเกิด) จริงๆ แล้ว การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย... ก็เหมือนกับที่เราต้องกินข้าว ต้องหายใจ ต้องเข้าห้องน้ำ ฯลฯ จะว่าไปแล้วง่ายกว่าการดิ้นรนเอาตัวรอดจากสภาวการณ์สภาพสังคมในปัจจุบันนี้ซะอีก... และเชื่อไหมว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในศาสนาไหนคุณก็มีความสุขกับการปฏิบัติธรรมได้

    ไม่ต้องอะไรมากเลย... ตอนเช้า พอรู้สึกตัวลืมตาปุ๊บ อย่าเพิ่งรีบลุก ให้เวลากับตัวเองสักนาทีสองนาที... ตามดูลมหายใจของตัวเองว่ามันกำลังเข้าหรือออก ยาวหรือสั้น ดูเฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ทำสักพักใจจะเริ่มเบาสบาย ทีนี้ระลึกนึกถึงพระพุทธรูปที่เราชื่นชอบที่สุดหรือพระอริยสงฆ์ที่เราเคารพศรัทธาและเชื่อถือมากที่สุด (ท่านจะนึกถึงองค์ศาสดา หรือพระเจ้าที่ท่านนับถือก็ได้) นึกถึงรูปร่างลักษณะหรือจะปฏิปทาของแต่ละท่านก็ได้ ประคองใจให้อยู่กับการระลึกถึงตรงนั้นให้ได้สักครึ่งนาที (แต่ถ้านานกว่านั้นได้ก็ลุยเลย)... เมื่อทำได้แบบนั้นใจของเราจะยิ่งโปร่งโล่งสบาย... ทีนี้นึกถึงแต่ความรู้สึกสดชื่น ความสุขความสบายใจ นึกถึงแต่สิ่งดีๆ ที่เราเคยได้รับ ความรักความปรารถนาดีที่คนที่รักเรามีให้เรา และ...ที่เรามีให้กับคนที่เรารัก... อ้า! ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้... ใจของเราจะชุ่มเย็นสดชื่นจนบอกไม่ถูก... (การแผ่เมตตาและความปรารถนาดีให้ดวงจิตอื่นนี้เราสามารถทำได้ตลอดเวลาที่อยากทำ ยิ่งทำบ่อยทำมากเท่าไหร่ความสุขทั้งในจิตของเราเองและคนรอบข้างก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปเท่านั้น)

    ที่นี้ตั้งความปรารถนาดีว่า เราอยากให้คนอื่นๆ มีความสุขแบบนี้บ้าง... นึกแผ่ความรู้สึกดีๆ พวกนั้น (ถ้านึกให้เห็นเป็นแสงสีเหลืองทองหรือสีขาวได้จะยิ่งดีเยี่ยม... แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) นึกให้เห็นรัศมีแสงสีทองนั้นแผ่จากดวงจิตของเราออกไปเป็นวงกลมโดยมีตัวเราเป็นจุดศูนย์กลาง... นึกให้แสงแห่งความสุขนั้นคลุมทุกคนในครอบครัวของเรา บ้านของเรา ขยายออกไปทั้งอาณาบริเวณโดยรอบ ให้ความสุขนั้นครอบคลุมไปทั้งจังหวัดที่เราอยู่ ทั้งประเทศไทยของเรา คลุมไปทั่วโลก ทั่วทั้งจักรวาลไม่มีที่สุดไม่มีขอบเขตใดๆ ทั้งสิ้น... นึกขอให้ทุกดวงจิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย พรหมเทพเทวาทุกทิศทุกสถาน เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยไปล่วงเกินไว้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม หรือทุกดวงจิตที่เคยล่วงเกินเรา... ให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเบาสบายกายสบายใจ เหมือนกับที่เรากำลังรู้สึกด้วยเถิด ขอทุกดวงจิตอย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ให้อโหสิกรรม ให้อภัยแก่กัน... มีความรัก ความปรารถนาดี ความจริงใจให้แก่กัน... ประคองสติและอารมณ์ให้อยู่กับตรงนั้นให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้... จิตเราจะมีแต่ความสุขความชุ่มเย็น... เมื่อทำจนพอใจแล้ว... ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ... ยิ้มให้กับความสุขของตัวเอง และความสุขที่มอบให้ผู้อื่น...

    เข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ถ่ายหนักถ่ายเบา.. แล้วลองคิดสิว่า... ถ้าเราถ่ายไม่ออก มันจะทุกข์จะทรมานขนาดไหน.. ร่างกายเรามันสกปรกไหม... ถ้าไม่อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน คงมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า มีแต่คนรังเกียจหาใครคบด้วยไม่ได้... ร่างกายเรามันก็ถังส้วมดีๆ นี่เอง... จะไปยึดไปติดอะไรกับมันนักหนา พอทานอาหาร... ก็นึกสิว่า อาหารเหล่านี้มันก็ซากศพ ถ้าปล่อยทิ้งไว้มันก็ต้องบูดต้องเน่า... แต่เราก็ต้องทานเพื่อให้ร่างกายมันอยู่ได้เป็นปกติ เพราะเรายังมีหน้าที่ที่ต้องเลี้ยงดูตัวเอง ครอบครัวและช่วยเหลือผู้อื่นบ้างเท่าที่จะทำได้ (การช่วยเหลือ ต้องไม่ช่วยเหลือจนตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อนไปด้วย... เพราะนั่นคือการเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นเช่นกัน)

    ไปทำงานไปเรียนหนังสือ... โดนคนอื่นกระแทกบ้างเจอปัญหาต่างๆ สารพัดบ้าง... ชีวิตมันสุขหรือมันทุกข์ ไอ้ที่ว่าสุขนะ สุขจริงหรือแค่ความพอใจที่สมหวังชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น พอไม่ได้อะไรดั่งใจมันจะสุขไหม... เมื่อโดนคนอื่นทำอะไรไม่ดีด้วย ไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจ... ให้นึกซะว่า ถ้า... เราเคยทำไม่ดีกับเขา ชาตินี้เราจะไม่โต้ตอบ เราอโหสิกรรมให้ ให้วงเวียนของความอาฆาตแค้นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกมันจบในชาตินี้... แต่ถ้าเราไม่เคยทำอะไรเขา ก็คิดซะว่า... เราอภัยให้... เพราะเราไม่อยากที่จะต้องอยู่บนกองไฟถูกเผาไหม้ไปด้วยเช่นเดียวกับผู้นั้น

    ทำกิจวัตรประจำวันไปตามปกติที่เคยทำ... แค่มุมมอง การวางกำลังใจ และสติ เท่านั้นที่เปลี่ยนไป... ก่อนจะนอน... นึกถึงความสุข ความรู้สึกดีๆ แบบที่ทำในตอนเช้าอีกสักรอบ... ทำจนไม่มีความขุ่นข้องหมองใจใดๆ เหลือติดค้างในดวงจิตของเราอีก... พอใจชุ่มเย็น เบาสบายแล้ว... ก็นอนดูลมหายใจของตัวเอง เข้า – ออก เข้า – ออก ไปเรื่อยๆ จนหลับ...

    อย่าแค่อ่านผ่านๆ ขอให้ลงมือทำแล้วท่านจะเข้าใจว่า จะสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ใกล้แค่นี้เอง... แค่จิตของเราเท่านั้นเอง


    ชนินทร
    Email : chdhorn@gmail.com
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สักนิดนะคะ...

    เพื่อนๆ ที่อยู่ในเว็บพลังจิต โดยเฉพาะห้องภัยพิบัตินี้... ส่วนใหญ่มีพื้นในเรื่องการปฏิบัติธรรมกันมาแล้ว... หลายๆ คนปฏิบัติได้ดีมากๆด้วย... กราบโมทนาด้วยค่ะ...

    แต่สำหรับที่ลงหนังสือพิมพ์นี่... คนส่วนใหญ่ที่ได้อ่าน... อาจยังไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติธรรมสักเท่าไหร่... บางคนอาจยังไม่เข้าใจพื้นฐานจริงๆ... แต่ก็คงมีไม่น้อยที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และเข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้ง...

    ธรแค่หวังว่า... บทความเหล่านี้จะช่วยสะกิดเตือนให้คนหันมาสนใจธรรมะ สนใจปฏิบัติธรรม สนใจกับการหาทางออกจากวงเวียนแห่งความทุกข์ เพื่อเข้าสู่ดินแดนพระนิพพาน... หวังอยากให้ทุกดวงจิตมีความสุข มีแต่ความปรารถนาดีอย่างจริงใจให้แก่กัน...

    พระรักษาทุกท่านค่ะ...
     
  10. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    ปกติไม่ค่อยอ่าน นสพ. เพิ่งเห็นในเดลินิวส์ วันก่อน เลยทราบว่าเป็นบทความจาก
    ชาวพลังจิต อ้า...เป็นท่านนั่นเอง

    เขียนได้ดีมากครับ ขออนุโมทนา
     
  11. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณค่ะ ทั้ง ๒ คนเลย...

    วันนี้ขอนำคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชมาให้ได้อ่านกันค่ะ...

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงสอนว่า...


    บารมี คือ กรรมดี
    อาสวะ คือ กรรมชั่ว

    ทุกอย่างที่ทำ แล้วดี
    คือ กรรมดี

    การทำความดีทุกอย่าง คือ การสร้างบารมี

    ทุกความดีที่เราทำ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนมันจะสะสมกลายเป็นบารมีทั้งหมด

    แต่คนส่วนใหญ่ขาดปัญญาพื้นฐานในตัวเอง
    หรือถึงจะไม่ขาด... ก็พร้อมจะยอมแพ้ให้กับกิเลส

    ก็กลายเป็นการยิ่งสะสมอาสวะกิเลสมากขึ้นๆ

    การจะทำความดี คือ การมีสติคอยระมัดระวังกายใจให้อยู่ในศีล
    ในธรรม
     
  12. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สำหรับลงวันที่ 16 มีค 54


    เรื่อง : ภัยพิบัติ


    เมื่อวันพุธที่แล้วได้พูดถึงวิธีการปฏิบัติธรรมแบบง่ายๆ ในชีวิตประจำวันไปบ้างแล้ว... แต่รู้สึกว่าจะง่ายเฉพาะสำหรับคนที่พอจะมีพื้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรมมาบ้างแล้วเท่านั้น... จริงๆ ช่วงแรกนี้ตั้งใจจะคุยเรื่องเกี่ยวกับการสร้างบารมีในแบบต่างๆ รวมถึงการปฏิบัติธรรมตั้งแต่ระดับพื้นฐานที่ควรทราบก่อน... แต่คงต้องเอาไว้ก่อนเพราะมีเหตุการณ์ที่ก่อให้ประชาชนทั่วทุกมุมโลกเกิดความตระหนกตกใจ เสียขวัญ และนำมาซึ่งความเศร้าสลดเสียใจ...


    ขอแสดงความเสียใจกับทุกๆ ท่านที่เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของบุคคลที่ท่านรัก ทรัพย์สินที่ท่านหวงแหน และอื่นๆ อีกมากมายในเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วทุกมุมโลกที่ผ่านมาทั้งหมด... เสียใจด้วยจริงๆ ค่ะ


    จริงๆ แล้วผู้เขียนก็เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มคนมากมายที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม... และหนทางที่จะเดินเข้าสู่พระนิพพานนั้นก็ยังอยู่อีกยาวไกลนัก... โชคดีที่ชาตินี้ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา อีกทั้งได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินถิ่นประเทศที่มีองค์พระประมุขสูงสุดเป็นพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพระบารมี... บารมีทั้งทางโลกและทางธรรม... หากแม้นว่าหลักการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านได้รับการยอมรับและนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกแล้ว... ผู้เขียนเชื่อแน่ว่าภัยธรรมชาติและภัยพิบัติที่รุนแรงทั้งหลายในโลกนี้คงไม่เกิดขึ้นเร็วเช่นนี้แน่... แต่นั่นก็คือ “กรรม”


    “กรรม” คือ การกระทำ ถ้าทำดี ก็คือกุศลกรรม ถ้าทำไม่ดี ก็คืออกุศลกรรม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักชอบที่จะรับแต่ผลของกุศลกรรมที่ทำ แต่ผลจากอกุศลกรรมที่เกิดขึ้น...มีน้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ก่อขึ้น...
    รัก โลภ โกรธ หลง... เป็นกิเลสที่ชักนำให้คนสร้างกรรม... สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม มันก็มีอยู่ในดวงจิตทุกดวงของทุกชีวิตที่เกิดมา... มันคือ ธรรมชาติ คือความธรรมดาที่มีอยู่ เป็นอยู่ในตัวตนของพวกเราทุกคน ตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้... เพียงแต่ว่าจะมีมากหรือน้อยเท่านั้นเอง... แต่ละคนจะมีความยับยั้งชั่งใจมากน้อยแค่ไหน... ถ้ามีพอดีๆ ก็คงไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง ครอบครัว สังคม และโลกที่เราอยู่กันมากนัก... แต่ถ้ามีมาก หรือน้อยเกินไป... เมื่อนั้นความเดือดร้อนแสนสาหัสมาเยือนแน่...


    ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ วิถีชีวิตที่มีแต่การแข่งขัน คนที่เกิดและอยู่รอดมีมากกว่าคนตาย ทรัพยากรทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่เกิดขึ้นจากการคิดค้นประดิษฐ์สร้างสรรค์ของมนุษย์มีจำนวนจำกัด... พอเพียงสำหรับแค่คนบางกลุ่มเท่านั้น... พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ที่เหมาะแก่การดำรงชีพ มีอยู่อย่างจำกัด และอื่นๆ อีกมากมาย... สาเหตุต่างๆ เหล่านี้รวมกับกิเลสของมนุษย์ที่มีอยู่มากมายจนไม่รู้จักว่า “พอ” และ ”อยู่แบบพอเพียง” นั้นเป็นอย่างไร


    ผลที่ตามมา คือ จิตใจของมนุษย์ส่วนใหญ่ เร่าร้อนมากขึ้น ในขณะที่บรรยากาศของโลกเองก็ร้อนระอุจนแทบจะระเบิด... ความร้อนทั้งทางโลกและทางธรรมที่ส่งผลกระทบกลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่องและกระจายลุกลามสืบต่อกันไปอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ก่อความวิบัติใหญ่หลวงให้เกิดขึ้นกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้... ที่สำคัญ...กว่าที่คนส่วนใหญ่จะยอมรับในผลที่ตนเองกระทำ หรือแค่เริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน... ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่า จะยอมเปลี่ยนความคิดและการกระทำของตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่าหรือไม่... ทุกอย่างก็มักจะสาย หรือเกือบๆ จะสายเกินแก้เสียแล้ว... ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ภัยที่เกิดขึ้นจึงมีทั้งภัยที่เกิดจากธรรมชาติ และภัยที่เกิดจากมนุษย์


    เชื่อเหลือเกินว่าผู้อ่านเกือบจะทุกท่านเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับคำทำนาย คำพยากรณ์ คำเตือนในเรื่องภัยพิบัติทั้งหลายมาบ้างแล้วไม่ว่าจะจากนักพยากรณ์ชื่อดังอย่าง นอสตราดามูส ปฏิทินชาวมายา นักวิทยาศาสตร์-นักวิชาการทั้งหลาย หรือแม้แต่คำพยากรณ์ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือคำสอนของหลากหลายศาสนา และเชื้อชาติ...


    เมื่อปลายปีที่แล้ว... ผู้เขียนโชคดีได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้จัดงานสัมมนาเรื่อง “เจาะลึกภัยพิบัติ... พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 4 องค์กรหลักในการจัดงาน คือ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม และมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ... ในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิให้เกียรติรับเชิญมาเป็นวิทยากร อาทิเช่น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช, ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยูธยา, ดร.ก้องภพ อยู่เย็น และอีกมากมายหลายท่าน...


    ทุกท่านแนะนำและชี้ให้ผู้เข้าร่วมฟังการอภิปรายนับพันคนได้ตระหนักว่า “ภัย” โดยเฉพาะภัยธรรมชาติที่มนุษย์เรากำลังประสบกันอยู่นี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือแค่นำมากล่าวกันลอยๆ อีกต่อไปแล้ว... ทุกคนควรช่วยกันเฝ้าระวัง เตรียมความพร้อมสำหรับตัวเองและครอบครัวเท่าที่จะเป็นไปได้... เพราะภัยธรรมชาติ ณ ขณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา...


    คงมีหลายคนสงสัยว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง... พวกเราซึ่งเป็นคนธรรมดาๆนี่จะช่วยไม่ให้ภัยมันเกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ.. คำตอบนั้นคงไม่มีใครกล้าที่จะยืนยันได้... แต่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่า ผลเกิดจากเหตุ... เหตุอยู่ตรงไหน แก้ที่ตรงนั้น... และสาเหตุของภัยต่างๆ เหล่านี้ก็อยู่ที่ดวงจิตของพวกเราทุกคนนั่นแหละ... ถึงแม้พวกเราจะไม่สามารถไประงับยับยั้งไม่ให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นได้... แต่อย่างน้อยก็น่าจะชะลอหรือผ่อนความรุนแรงของภัยที่เกิดจากมนุษย์โดยตรงได้...


    หยุดการทะเลาะเบาะแว้ง หยุดการโกงกินคอรัปชั่น หยุดกระทำการรุนแรงต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ หยุดความคิดที่จะต้องดีกว่า เก่งกว่า เด่นกว่าคนอื่น... รู้จักขอโทษ-ขอขมากรรมเวลาที่เราทำผิด รู้จักให้อภัย ให้อโหสิกรรมไม่เอาแต่เคียดแค้นชิงชัง-อาฆาตพยาบาทเวลาที่ผู้อื่นทำไม่ดี พูดไม่ดีกับเรา รู้จักขอบคุณและสำนึกในคุณงามความดีที่ผู้อื่นช่วยเหลือเรา รู้จักที่จะช่วยเหลือหรือเป็นผู้ให้บ้างเมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อน รู้จักที่จะกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีผู้ให้กำเนิดเรา-ครูบาอาจารย์ที่สอนสั่งให้เราเป็นคนดี รู้จักที่จะแผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีให้ทุกชีวิตรอบข้างของเราบ้าง..


    ถ้าร่วมแรงร่วมใจกันทำแต่สิ่งดีๆ... ส่งแต่ความรู้สึกดีๆ ให้กัน... คลื่นความดีเหล่านั้นจะรวมตัวกันเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่... ซึ่งสามารถที่จะบรรเทาความรุ่มร้อนที่ห่อหุ้มโลกใบนี้ของเราให้เบาบางลงได้... มาช่วยกันนะคะ


    ชนินทร Email :chdhorn@gmail.com
     
  13. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    อนุโมทนา สาธุค่ะ กับบทความดี ๆ

    ธร เขียนเก่งเนอะ
     
  14. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบพระคุณค่ะพี่ลี... ธรทำได้เท่านี้เองค่ะ...
     
  15. yukmai

    yukmai สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    ระบายล่ะกันครับ ตอนนี้อายุ 15 เอง:'( จะได้เจอภัยพิบัติรึป่าวหน่ออ เป็นเด็กกรุงเทพด้วยทักษะการเอาชีวิตรอดยังน้อยอยู่เลย
    ไม่รู้จะไปไหนได้ คงสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมล่ะนะ แต่ตอนนี้ผมก็ปฏิบัติธรรมอยู่น่ะครับ แต่สมาธิวอกแวกง่ายมากเลยครับ

    มีวิธีทำให้จิตมั่นคงไหมครับพี่
     
  16. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สาธุ โมทนาด้วยจ้ะ ยุคใหม่...

    เห็นภัยธรรมชาติที่ผ่านมาไหมจ้ะ... มันเร็วมาก ขนาดคนญี่ปุ่นที่ว่าเขาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่าง ยังขนาดนี้...

    สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ คือ การฝึกจิต ปฏิบัติธรรมที่แหละจ้ะดีที่สุดแล้ว...

    พี่ขอน้อมนำคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) มาให้ยุคใหม่ และทุกๆ ท่านได้ศึกษาพิจารณากันนะคะ...

    ถ้าทำตามจริง... จิตจะมั่นคงได้จริงสมดังที่ปรารถนาจ้ะ...


    ............................................................................................


    ให้ลูกหลานทั้งหลายจงจดจำคิดว่า "โลกนี้เป็นอนิจจังทุกอย่างไม่มีอะไรเที่ยงมันไม่มีการทรงตัวโลกนี้ ถ้าเราเอาจิตเข้าไป ยึดถือมันก็เป็นทุกข์" ให้ทุกคนทำกำลังใจแข็งไว้ว่า เราจะไม่ยอมแพ้ความชั่ว จะไม่ยอมให้ความชั่วเข้ามาเป็นเจ้านายหัวใจ เราจะทรงกำลังใจ ไว้แต่เพียงความดี เมื่อจิตใจมันเข้มแข็งอย่างนี้ ความชั่วมันเป็นเจ้านายไม่ได้

    สิ่งใดที่เคยทำผิดพลาดไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า ให้ลืมเสียทุกอย่าง ไม่ตามนึกถึงมัน มุ่งหน้าเฉพาะความดีที่ให้ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้ให้นึกถึงความดีอย่างเดียว ไอ้ความที่ไม่ดี อาจแลบเข้ามาบ้างเป็นของธรรมดา เราก็นึกถึงความดีให้มาก ไม่ตามนึกถึงมัน มันก็ไม่เกาะใจเรา ใจเราเกาะเฉพาะบุญใช่ไหม เกาะเฉพาะบุญ เวลาตาย บุญก็นำเราไปก่อน ไปสวรรค์ก่อนอย่างน้อย

    การปฏิบัติพระกรรมฐานนี้ มีความสำคัญมากเพราะว่า เราทุกคน ถ้าก่อนจะตาย ถ้าจิตจับอารมณ์ที่เป็นบาป อย่างใดอย่างหนึ่ง ในขณะนั้นแล้วก็ตาย อย่างนี้ตายไปอบายภูมิแน่ ถึงแม้จะทำบุญไว้มากสักเพียงไรก็ตาม ต้องไปนรกก่อน เราจะไปสวรรค์ก่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีชีวิตอยู่ ถ้ามีความฉลาด ถึงแม้ว่าเราจะบาปมากจะมีบุญน้อย ก็ควบคุมอารมณ์ ที่เป็นบุญไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าทุกคนตั้งใจ ไว้เฉพาะพระนิพพาน ถึงแม้เราจะมีบุญน้อย เราก็สามารถไป พระนิพพานได้

    พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่า ท่านทั้งหลายจงอย่านึกถึงความชั่ว ที่ทำมาแล้ว ความชั่วก็คือ บาป บาปก็คือ ความชั่วเราไม่ยอมนึกถึงมัน นึกถึงความดีอย่างเดียว ควบคุมจิตให้เป็นฌาน ให้ได้ทุกวัน ฌานก็ได้แก่ อารมณ์ชิน คิดไว้เสมอว่า เราจะเจริญสมาธิภาวนาได้ทุกอย่างเป็นพุทโธ วันหนึ่งเราสามารถทำได้สัก10 นาที 20 นาทีก็ตาม แม้จะมีเวลาน้อย และถ้าทำได้ ให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ แล้วภาวนาอย่างนี้ทุกวันจนชิน อย่างนี้เรียกว่า เป็นฌาน

    ถ้าทำได้แบบนี้ทุกวัน ถึงแม้จะบาป มากขนาดไหนก็ตาม ก่อนตายแทนที่จะเห็นภาพ ที่เราเคยทำบาป บาปจะเข้ามาไม่ได้ มันมีแต่ภาพของบุญอย่างนี้ไปสวรรค์แน่ เป็นอย่างต่ำ การเจริญพระกรรมฐานอันดับแรก ให้ทุกคนกำหนดรู้ลมหายใจเข้า ออก เวลาหายใจเข้ารู้อยู่หายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่หายใจออก การภาวนาไม่จำกัดใคร จะภาวนาว่า อย่างไรก็ไม่เป็นไรตามถนัดแต่ว่าก่อนภาวนา ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนถือเป็นพุทธานุสสติ เวลาภาวนาจะใช้เวลาไหนบ้างก็ตามชอบ ใจถ้าเวลาอื่นไม่มี ก็นอนอย่าลืม ถ้าศรีษะถึงหมอน ภาวนาพุทโธทันที นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เราชอบคิดว่าองค์นี้คือ พระพุทธเจ้า แล้วก็ภาวนา อาจจะภาวนา "พุทโธ" หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" สัก 2-3 ครั้งก็ ได้ตามความพอใจมากก็ได้น้อยก็ได้แล้วก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอีกแล้วก็ภาวนาว่า "พุทโธ" อีก ทำอย่างนี้ทุกวัน จนกระทั่งวันไหน ถ้าเราไม่มีโอกาสจะทำ วันนั้นรำคาญ ต้องทำเป็นอารมณ์ชิน อย่างนี้ ถือว่า ทรง ฌานในพุทธานุสสติกรรมฐานแล้ว แม้ศีลมันจะขาดมันจะบกพร่องบ้าง ถึงยังไงก็ตาม ตายแล้วต้องไปสวรรค์แน่นอน

    ญาติโยมพุทธบริษัทบางท่าน ที่ไม่สามารถจะรักษาศีล 5 ได้ครบถ้วนก็ให้จับอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งพุทธานุสสติกรรมฐานอย่าทิ้งพระพุทธเจ้า และประการที่สองให้จับอารมณ์สังฆทาน มีภาพแบบไหน มีอะไรบ้างว่าเรา เคยถวายสังฆทานแล้วในชีวิตนี้ จับอารมณ์ให้ทรงตัวส่วนนี้ เป็นส่วนหนึ่ง ที่พาท่านไปนิพพานได้โดยง่ายเหมือนกัน และจงอย่าลืมคิดตามความเป็นจริง ตามอริยสัจว่า การเกิดมันเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ถ้าเราจะเกิดอย่างนี้ อีกกี่ชาติ ก็จะมีทุกข์อย่างนี้ เมื่อเวลาใกล้จะตาย จิตอย่าลืมนิพพาน ต้องยึดไว้ทุกวัน นิพพานนี้ นึกให้เป็นอารมณ์ไปจนชินตัว นึกว่าถ้าตายจาก โลกนี้เมื่อไหร่ขอไปนิพพานเมื่อนั้นให้จิตเป็นฌานที่เรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน อย่างนี้ทุกคนจะไม่พลาดนิพพาน

    ที่นี้การฝึกอารมณ์บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทส่วนใหญ่ มักจะไปบ่นว่าอารมณ์ไม่ทรงตัวบ้าง อารมณ์ไม่สงัดบ้างอย่างนี้เป็นความคิดมากเกินไป คนที่มีอารมณ์สงัดจริงๆ นะมีเฉพาะพระอรหันต์ ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าต่ำกว่าพระอรหันต์จะถือว่า อารมณ์สนิททรงตัวสนิท ไม่คิดอะไรอีก ไม่มีอรหัตมรรค ยังมีอารมณ์ฟุ้งซ่าน คนที่มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน คือ พระอรหัตผล ในเมื่อเรายังไม่เป็นพระอรหันต์จิตก็ต้องฟุ้งซ่านเป็นของธรรมดาที่มี การที่จะทรงตัวให้อารมณ์อยู่เป็นปกติ ก็ต้องใช้เวลาน้อยๆ วันหนึ่งถ้าเราสามารถ ทรงสมาธิได้จริงๆ สัก 5 นาทีหรือ 10 นาที ก็ควรจะพอใจเพราะว่า เวลาที่จิตทรงสมาธิ เวลานั้นพระพุทธเจ้าถือว่า จิตว่างจากกิเลส ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระสารีบุตรว่า "สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจาก กิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ตถาคตถือว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน"

    สมเด็จพระจอมไตรองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า ถ้าเราต้องการหมดความทุกข์ ต้องการมีความสุขก็จงอย่าคิดว่าโลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น เป็นเราของเรา จงคิดว่าร่างกายมันเป็นพียงธาตุ 4 มันเข้ามาประชุมกัน เห็นร่างกายภายใน คือ ร่างกายของเรา ก็ทำความรู้สึกเพียงสักแต่ว่าเห็น คือ ไม่สนใจ ไม่ยึดถือว่ามันกับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดกาลตลอดสมัย

    ตัดความโลภเสียด้วยการให้ทาน ตัดความโกรธเสียด้วยการเห็นใจซึ่งกันและกัน ตัดความหลงคือยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง


    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  17. yukmai

    yukmai สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบพระคุณมากนะครับพี่ ธร
    ___________________
    ข้าพระเจ้าขอนิพพานในชาตินี้.. สาธุ
     
  18. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ยินดีจ้ะ... ^__^


    ธรมีข่าวงานบุญจากหลวงพี่ติงลี่มาฝากทุกคนค่ะ...

    โรงเรียนวัดบางนมโค ที่อยูธยา (วัดที่หลวงปู่ปานของพวกเราเคยจำพรรษากันไงคะ) จะมีการปูกระเบื้องห้องเรียน ให้เสร็จภายในไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้... เพราะเด็กนักเรียนจะเปิดเทอมกันในเดือนนั้นค่ะ... ตอนนี้พื้นในห้องเรียนเป็นการเทปูนแบบหยาบ ดังนั้นเวลาที่นักเรียนเดินกันในห้อง ความคมของแง่งปูนมักจะทำให้เด็กๆ ต้องเจ็บขา และยังเกี่ยวถุงเท้าของนักเรียน (ซึ่งปกติฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยจะดีกันอยู่แล้ว) ขาดเป็นประจำ...

    หลวงพี่จึงอยากชักชวนพวกเราทุกคนขอให้ช่วยกันสละทรัพย์คนละเล็กละน้อย เพื่อปูพื้นกระเบื้องห้องเรียน... ค่าปูห้องละ 30,000 บาท หรือ ถ้าจะร่วมเป็นตารางเมตร ตกอยู่ตารางเมตรละ 300 บาท ทั้งหมดมีด้วยกัน 12 ห้อง

    ถ้าเงินเหลือจากปูกระเบื้อง หลวงพี่ติงลี่ท่านจะนำเงินไปถมดิน และเทพื้นปูนต่อจากห้องเรียนออกมา เพราะ ตอนนี้ ฐานของพระพุทธรูปปางประทับยืน และ พระรูปของล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 ยังจมอยู่ในโคลน เนื่องจากโดนน้ำท่วมไป

    นอกจากนั้น ทางโรงเรียนก็ยังขาดเสาธง และยังต้องซ่อมแซมสิ่งต่างๆ อีกพอสมควรทีเดียวค่ะ...

    ท่านใดสนใจร่วมกันซ่อมแซม โรงเรียนวัดบางนมโค...

    สามารถร่วมทำบุญได้ที่...

    รายละเอียดบัญชี
    ธนาคารกรุงไทย สาขาอุทัยธานี
    ประเภทออมทรัพย์
    เลขที่ 619-1-44339-0
    ชื่อบัญชี พระสมมาศ คุณาธิโก

    กราบโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ...

    ทอดผ้าป่าวันอาทิตย์ ที่ 15 พฤษภาคม นี้
     
  19. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    saipote สมาชิก PREMIUM

    [​IMG]


    สวัสดีค่ะ วันนี้มาบอกบุญกันค่ะ ขณะนี้ทางโรงเรียนวัดบางนมโค ปานอุทิศ ได้ขาดงบในการตกแต่งซ่อมแซม พื้นอาคารโรงเรียน

    ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นปูนคอนกรีตปาดเรียบธรรมดาๆ ทำให้เด็กนักเรียนถุงเท้าขาดทะลุกันเป็นประจำ
    ทางหลวงพี่ติงลี่ จึงได้วานไซให้มาบอกเพื่อนๆในเวปนี้ เผื่อมีใครต้องการจะทำบุญกับทางโรงเรียนและทางวัดบางนมโค

    โดยสิ่งที่ยังต้องการซ่อมบำรุงต่อเติมคือ
    1.ปูพื้นกระเบื้องให้กับอาคารเรียนของโรงเรียนวัดบางนมโค ทั้ง 4 ชั้น
    (รับบริจาคทำบุญด้วยกระเบื้องก็ได้นะคะ)
    2.ถมพื้นสนามหญ้าข้างโรงเรียนให้มีระดับสูงพ้นน้ำท่วม
    3.ทาสีองค์พระที่หลุดลอกล่อนออกให้สวยงามดังเดิม

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปได้ในกระทู้นี้นะครับ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84.284330/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  20. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ..แต่ชวนคนมาปฎิบัติธรรมยากที่สุดแล้ว...
     

แชร์หน้านี้

Loading...