พระเจ้าและซาตาน ก็คนเดียวกันนั่นแหละ

พระเจ้า มีนิยามส่วนใหญ่ ที่คนกล่าวไว้ ในด้านดี

ซาตาน มีนิยามที่คนพากันเกรงกลัว ในเรื่องของความชั่วร้าย

หากแต่ใครจะทราบมั้ยว่า พระเจ้าและซาตาน ก็คือ คนเดียวกัน

จิตของพระเจ้า เร็วกว่าแสงมากมายหลายเท่า ด้านมืดของพระเจ้า คือ สิ่งที่เราเรียกกันว่า ซาตาน

เคยเห็น คนที่เคร่งธรรมะ แล้วพอไปถึงจุดๆ หนึ่ง กลายเป็น คนบ้ากาม ติดเซ็กซ์หรือไม่

หากจะให้อธิบายด้วยวิธีการสมัยใหม่ เรื่องความเข้าใจในนิยามว่า พระเจ้า-ซาตาน จะขออธิบายด้วยรูป ปิรามิด

ดังจะกล่าวต่อไป

 

​

จากภาพแสดง แผนภาพ ของ นิยาม จิตเทพ-จิตมาร​

โดยอาศัย เส้นจำนวน ที่ฐาน ของปิรามิด​

ไปทางซ้าย เลขติดลบ เป็น สมมติว่า ความชั่วร้าย-จิตมาร ไปทางซ้ายของเส้นจำนวน Infinity ทางซ้าย ไม่มีที่สิ้นสุด​

ไปทางขวาของเส้นฐานปิรามิด เป็น สมมติว่า ความดีงาม-จิตเทพ เพิ่มไปถึง Infinity ไม่มีที่สิ้นสุด​

สมดุล ระหว่าง จิตเทพ-จิตมาร คือ สมมติที่ ยอดของปิรามิด ​

อันหมายถึง ความสามารถในการ บาลานซ์ Take balancing ระหว่าง จิตเทพ-จิตมาร​

นี้คือ สมมติแสดงให้เห็นถึง สภาวะเหนือสมมติขึ้นไปอีก เหนือการรับรู้ทั่วไปของมนุษย์ คือ ความสมดุลของพลังงาน​

ณ จุดยอดปิรามิดนี้ ไม่มีคำว่า เทพ-มาร ไม่มีคำว่า ความดี-ความชั่ว มีเพียงความสมดุลเท่านั้นเอง​

 

ตัวอย่าง สภาพจิตมาร----ความไม่สมดุลของพลังงาน +/-

​

จากภาพ จะเห็นได้ว่า ปิรามิด เกิดการ เบี่ยงเบน หรือเรียกว่า อยู่ในสภาวะ เบี่ยงเบนไปทางซ้าย ของเส้นจำนวนฐานของปิรามิด

สภาวะเช่นนี้ ยกตัวอย่างเช่น คนที่ไม่สามารถคุมระดับพลังงานให้สมดุลได้ ไม่สามารถ ควบคุม สภาวะ จิตเทพ-จิตมารได้ แล้วเกิดโน้มเอียงไปทางซ้าย

โปรดสังเกตว่า ภาพปิรามิดจะไม่สมดุล แต่เอนไปทางซ้ายของเส้นจำนวน หรือ ฐานของปิรามิด

สภาวะนี้ เกิดขึ้นได้กับคนทุกระดับ ทุกสภาวะธรรม

หากแต่ ใครจะ ล่วงรู้ได้เท่าทัน

นี่แหละ คือ คำถาม​

 

หากจิตมารเพิ่มมากขึ้น-----พลังงานสูงกว่า สภาวะปิรามิดที่สมดุล ได้ยังไง

มาดูรูปกราฟนะคะ

​

รูปสามเหลี่ยมปิรามิดที่เอนไปทางซ้ายมากที่สุด กลับมีความ สูงของปิรามิด มากที่สุด

นี่คือ ตัวอย่างของ พญามาร ที่มี พลังงานเยอะ

โปรดสังเกตระดับความสูงระหว่าง พญามาร กับ สภาวะสมดุล ของเทพ-มาร นะคะ

ระดับยอดของปิรามิด ต่างกันเท่ากับ Delta H2 (height2)

รูปนี้ สามารถตอบคำถามว่า ทำไม พวกพญามาร ถึงมีอิทธิฤทธิ์ มากมาย

​

 

หากจิตเทพเพิ่มมากขึ้น-----พลังงานสูงกว่า สภาวะปิรามิดที่สมดุล ได้เช่นกัน

กรุณาดูภาพประกอบ

​

รูปปิรามิดสามเหลี่ยมทั้ง 3 ภาพนี้ มีระดับ ความสูงของยอดปิรามิด ที่ความสูง Delta H1 (Height1)และ Delta H2 (Height2)สูงเพิ่มขึ้นในระดับใด

นี่คือ การยกตัวอย่างว่า เมื่อจิตเทพสูงกว่าระดับจิตมาร เพราะ ฐานของปิรามิด โย้/เบี่ยงเบนไปทางขวา ของเส้นจำนวน ทำให้ รูปปิรามิดโย้/เอน ไปทางขวา

อันจะส่งผลให้ ยอดของปิรามิด เพิ่มความสูงมากขึ้นได้เช่นกันกับสภาวะจิตมาร

นี่คือ ตัวอย่างพลังงาน ของเทพบนสวรรค์ ที่มีอิทธิฤทธิ์ มากๆ

 

สภาวะของ พระเจ้า-------ที่ทุกคนตั้งนิยามเรียกกัน

นิยามของพระเจ้า คือ สภาวะสมดุล เมื่อ จิตเทพ-มาร เพิ่มขึ้นสูงสุด แต่ยังคงรักษา สภาวะ สมดุลอยู่ได้

กรุณาดูภาพ สามเหลี่ยม ทั้ง 3 ภาพ ประกอบการพิจารณา

​

รูปทั้งสามนี้ มี ฐาน ของปิรามิด เท่ากัน

 

สมาชิกใหม่ครับ

สมาชิกใหม่ครับขอเข้ามาชมด้วยคนครับ

 

สภาวะ พระเจ้า ที่สูงที่สุด

ยิ่งฐานของปิรามิด หรือ เส้นจำนวน กว้าง หมายถึง มีความแตกต่างระหว่าง พลังงานความดี และพลังงานความชั่วมาก

ความสูงของยอดปิรามิดจะต่ำ

หากฐานของปิรามิด ตามเส้นจำนวน ซ้าย-ขวา มีความแคบ หมายถึง ความแตกต่างระหว่าง ความดี-ความชั่ว มีน้อย จะส่งผลให้ ยอดของ ปิรามิดสูงที่สุด

ดังภาพต่อไป

​

 

สภาวะ นิพพาน คือ อะไร

คือสภาวะที่มี ฐานของปิรามิด แคบที่สุด เพราะ ฐานของจิตเทพ-จิตมาร มีน้อยที่สุด ใกล้เคียงค่า 0 ศูนย์

แต่ในโลกใบนี้ ไม่มีค่า ศูนย์สนิท มีแต่ค่าเข้าใกล้ศูนย์ ทั้งทางซ้าย-ทางขวา เช่น

+ 0.00000000000000000000000000000001

หรือ - 0.00000000000000000000000000000001

ฉะนั้น ปิรามิด ก็ยังคงมีฐานความกว้างอยู่เสมอ

จากภาพ แสดง สภาวะ นิพพาน

ที่มีระดับพลังงานสมดุล และยอดปิรามิด สูงที่สุด นั่นเอง

​

พื้นที่ใต้กราฟ ที่ น้อยที่สุด แสดงถึง แบบจำลองของ สภาวะ นิพพาน

 

ยินดีต้อนรับค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยียน

 

สภาวะ คนธรรมดา เทียบกับ สภาวะ นิพพาน

คนธรรมดา คือ คนที่มี ความแตกต่าง ของระดับ ความดี-ความชั่ว มากมาย

อันจะส่งผลให้ ฐานของปิรามิด กว้าง


ส่วน สภาวะนิพพาน ดังที่กล่าวแล้ว มีฐานของ ปิรามิดแคบ เพราะ ความแตกต่างของระดับ ความดี-ความชั่ว ใกล้เคียง ศูนย์ ทั้งทางซ้ายและขวา (limit +/-0)

ดังภาพ

​

เลือกเอาว่า อยากเป็น คนปกติธรรมดา ที่มี ฐานปิรามิดกว้าง

หรือ อยากจะเป็น คนที่มี ฐานปิรามิด แคบ

ขอจบการวิเคราะห์ สภาพจิตเทพ-มาร ไว้เพียงเท่านี้

และกรุณา คอมเมนท์ หลังอ่าน จักขอขอบคุณมา ณ โอกาส นี้
วิเคราะห์โดย
ลีโอธีราดา บำรุงผล
วศ.บ. จุฬา
M.Eng.AIT
7 Mar 2011
0830-0920
GMT +0
Thailand

 

ขอเป็นจุดเดียว ไม่มีฐานมียอด

 

สภาพนี้ เกิดได้ เฉพาะ พระพุทธองค์ ทั้งหลาย จร้า

แต่อย่าลืมนะคะ ไม่มีสภาวะ ศูนย์สนิท ในจักรวาลนี้

เพราะ ทุกสิ่ง คือ พลังงาน ซึ่ง พลังงาน ไม่มีวันตาย

และพลังงาน มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลานั่นเอง

เอาเพลงนี้ไปฟังนะคะ

Energies Never Die​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=0cKnTLrDbcw"]YouTube - Black Eyed Peas ))) Boom Boom Pow [Clean] | Lyrics Included |[/ame]​

ขอขอบคุณ สำหรับ คอมเม้นท์ค่ะ​

 

สูตร ทางวิทยาศาสตร์ของ สภาวะ นิพพาน โดย ท่านหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

​

ท่านหลวงปู่ บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
สวนทิพย์
นนทบุรี​

ภาพด้านล่าง ได้ สแกน มาจาก หนังสือ ธรรมะ ที่ท่านหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต ท่านได้ เขียนไว้ ในปี พ.ศ. 2525


ใครที่เรียน Calculus และ Quantum Physics ลองเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ

​

​

 

ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น ตีความ ให้นิยาม และรับเข้ามาเป็นตัวตน จึงแบ่งแยกออกเป็นพระเจ้า กับซาตาน

 

คนที่นิพพาน บุญบารมีมากมายเหลือคณานับ ผมคิดว่าความดีกับความชั่วต้องไม่ไกล้เคียงกันอยู่แล้ว

จากที่ผมเข้าใจมา คนที่ความดีกับความชั่วใกล้เคียงกันจะเป็นยมทูต ซะมากกว่านะจ่ะ

 

ลีโอ วิเคราะห์ สูตร นิพพาน ของ ท่านหลวงปู่ ฯ

สูตรดังกล่าว เป็นการอธิบายทฤษฎีทางควอนตัม โดยอาศัยแคลคูลัส (limitทางซ้ายและ limit ทางขวา)

โดยการนำตัวเศษ คือ ค่าพลังงานควอนตัมซึ่งอยู่ในรูปแบบที่มีการเคลื่อนที่ เพื่ออธิบายอัตตา ซึ่งจะมีค่าเริ่มตั้งแต่ 0 ถึง อนันต์
เทียบกับสภาวะนิพพาน อันเป็นสภาวะที่ไม่มีเงื่อนไขทางเสถียรภาพ ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ ความถึงพร้อมหรือครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งมีค่าอยู่ที่อนันต์
<O
สูตรที่ 1
กล่าวถึงขันธ์ 5 ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอวิชชา เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง สภาวะการเกิดของปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ซึ่งมีค่าเริ่มต้นจาก ค่าคงที่ค่าหนึ่งถึงการเกิดของด้านบวกอนันต์ (เทียบกับเส้นจำนวน คือไปทางขวาของเส้นจำนวน) แล้วเอาไปเทียบกับ สภาวะการดับของปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ซึ่งมีค่าเริ่มต้นจาก ค่าคงที่ค่าหนึ่งถึงการดับคือลบอนันต์ (เทียบกับเส้นจำนวนคือไปทางซ้ายของเส้นจำนวน) หากไปทางซ้ายเรื่อยๆ ก็จะถึงสภาวะสูญญตา
<O
สูตรที่ 2
กล่าวถึงสภาวะที่มีการพิจารณาอวิชชาแล้ว โดยนำ เศษ คือ สภาวะชั่วคราว หรือการมีอยู่ของขันธ์ 5 โดยปราศจาคอวิชชา ซึ่งมีค่าเริ่มต้นจาก ค่าคงที่ค่าหนึ่งถึงการเกิดของด้านลบอนันต์ (เทียบกับเส้นจำนวน คือไปทางซ้ายของเส้นจำนวน) แล้วเอาไปเทียบกับ สภาวะความครบถ้วนของการหยั่งรู้สภาวะธรรมชาติต่างๆ ซึ่งมีค่าเริ่มต้นจาก ค่าคงที่ค่าหนึ่งถึงถึงการเกิดของด้านบวกอนันต์ (เทียบกับเส้นจำนวนคือไปทางขวาของเส้นจำนวน)
<O
จะเห็นได้ว่า สูตรที่1 และ 2 เป็นการอธิบายในทางกลับกัน
<O
หากเพื่อนๆ ที่เก่งฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ สามารถช่วยเพิ่มเติมการอธิบายสูตรนี้ ช่วยหน่อยนะคะ เพราะยังแกะสูตรต่อไปไม่ออก ว่าจะไปถามหลวงปู่ค่ะ แต่ท่านชราภาพมากแล้ว จึงไม่กล้ารบกวน
ท่านอาพาธอยู่บนเตียง แต่ยังคงสอนกรรมฐานพวกเราทุกวัน ที่สวนทิพย์

 

พระเจ้า และ ซาตาน
กล้วย และ ส้ม
ความดี และความชั่ว

คือ ชื่อ ที่เราตั้งขึ้นมา เพื่อ อธิบาย สิ่ง/วัตถุ/นามธรรม เหล่านั้น

เหนือ สมมติ แดนนิพพาน ไม่มีการ แบ่งแยก หรือ ตั้งชื่อ สมมติต่างๆ

เพราะ พ้นจากสมมติต่างๆ แล้วทั้งปวง

นั่นคือ ความเข้าใจที่ผิด

คนที่ความดี = ความชั่ว ให้สังเกตจาก พื้นที่ใต้กราฟ

ฉะนั้น บุคคลดังกล่าว มีหลาย ระดับ

แต่ความสูงต่ำทางแกนตั้ง หรือ แกน y จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า อยู่ในภพภูมิใด

มิใช่ ยมทูต ดังที่เข้าใจ

 

ใครตอบได้ มีรางวัลให้

ภาพต่อไป คือ ลักษณะที่ กราฟ คว่ำลง ทางแกน y หรือแกนตั้ง มีความสูงตั้งแต่ 0 ถึง - อนันต์ ...........0 to (-) infinity


ว่าแต่ เป็น กราฟ สภาวะธรรมของ ใครหนอ ???

ใครตอบได้ มีรางวัลให้จร้า

​

 

นี่แค่ 2 มิติ แกน X-Y เท่านั้น นะคะ

หากเพิ่มเป็น 3 มิติ มีแกน Z เพิ่มขึ้นมา

เป็น แกน x-y-z

จะเป็น ยังไงเอ่ย ???

ท่านผู้อ่านทั้งหลาย​