หลีกเลี่ยง การสวดมนต์

หลีกเลี่ยงการสวดมนต์ ถ้าหยุดสวด ไปเลย ยิ่งดี เพราะจะได้ ไม่ทํา ความเดือด ร้อน ให้เเก่ ภูตผี ปีศาจ อีกต่อไป
ข้อความทาง ด้าน บน อ่าน เจอ ใน หนังสือ --คําสอนการอุทิศ บุญที่ได้ ผล ของ พระอาจารย์ เกษม อาจิณณสีโล
อ่าน เเล้ว อ่านอีก ---------------ก็ ยัง ทเเม่ง ทเเม่ง อยู่ดี ไม่เข้าใจ ค่ะ หรือ ว่า เป็น อีก นิกาย นึง ค่ะ -----รบกวน ผู้ รู้ ช้วย ชี้เเจง ทเเหลง ไข เป็น ธรรมทาน ที ค่ะ
อีกข้อ นึง ที่ สงสัย ----ในหนัง สือ ท่าน เน้น ยํ้า เรื่อง เบิก บุญ ---------------อยาก ทราบ ว่า เราสามารถ เบิก บุญ ออกมาใช้ ได้ จริง จริง หรือ ค่ะ
อ่าน เเล้ว งง งง (tm-love)(tm-love)(tm-love)เเต่ก็ อยากรู้ เเต่ พออ่าน จบ เเล้ว ยิ่ง งง ไปกว่าเดิมอีกกกกกกกกกกก

 

สวดมนต์ เป็นการนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยน่ะ ภูตผี ปีศาจ อยู่ในภูมิที่เป็นทุกข์ พวกเค้าน่าจะอนุโมทนาแล้วสบายขึ้นมากกว่า

 

เก็บข่าวเก่ามาให้อ่าน แต่ก็นั่นแหละนะ แนวไหนจะสอนแบบไหน ญาติโยมก็เลือกศึกษากันไปตามใจชอบ บางทีมุมมองรึวิธีสอนต่างกัน แต่จุดหมายปลายทาง คือให้คนละกิเลสเหมือนกัน ก็ว่ากันไป

วัดห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป
anakinnet.spaces.live.com/blog/cns!A4750E35EDA27A86!


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ภายหลัง นสพ.ไทยรัฐ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไปทำบุญที่วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า ทางวัดห้ามชาวบ้านกราบไหว้ พระพุทธรูปแถมยังติดป้ายข้อความไว้หน้าองค์พระอย่างไม่เหมาะสมกลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งในและพื้นที่ใกล้เคียง จ.เพชรบูรณ์






ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบเป็นวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 150 กม. ทางเข้าวัดเป็นลูกรังขรุขระ ระยะทางกว่า 13 กม. ด้านหน้าวัดมีป้ายขนาดใหญ่เขียนแจ้งให้ผู้ที่เข้ามาภายในเขตวัดอ่านและปฏิบัติตามกฎของวัดอย่างเคร่งครัดหลายสิบข้อ ก่อนเข้าวัดมีเหล็กกั้นขวางทางเข้า-ออก ลักษณะเป็นเหล็กแป๊บยาวที่ใช้กั้นทางเข้าเขตหวงห้ามทั่วไป

ภายในวัดมีโรงธารขนาดใหญ่ ศาลาการเปรียญสองชั้น 1 หลัง ในศาลามีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้จับภาพผู้ที่เข้ามาภายในวัด บริเวณด้านหลังวัดมีกุฏิพระหลังเล็กๆอยู่ล้อมรอบหลายหลัง แต่ไม่มีโบสถ์วิหารเหมือนวัดทั่วไป รวมทั้งห้ามถ่ายภาพนิ่งภายในเขตวัดและบริเวณสงฆ์

ส่วนหน้าศาลาการเปรียญมีป้ายข้อความเขียนอย่างเด่นชัดว่า

“ตามที่ข้าฯสอนคำพุทธองค์ยังพึ่งมนต์ การปลุกเสกเครื่องรางฯ รูปเคารพ ถ้าอยากฟัง สิ่งที่ข้าฯพูดให้ได้ประโยชน์ ควรนำสิ่งเหล่านั้นออกให้พ้นจากความคิด แล้วมาฟังถามปัญหากับข้าฯ ใครทำไม่ได้อย่ามา เสียเวลาเหนื่อยเปล่าๆ ทั้งคนพูดและคนฟัง ขอยืนยันคำพุทธแท้ท่านไม่ให้พึ่งสิ่งเหล่านั้น ใครพึ่งถือว่าเป็นชาวพุทธสกปรก”

ลงชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล อีกป้ายมีข้อความว่า “เมื่อข้าฯเทศน์ให้ผู้พึ่งมนต์ เครื่องรางของขลังฟัง ข้าฯเหนื่อย หงุดหงิด ไม่สบายใจ รู้สึกไม่ดี เมื่อไม่พึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง ไม่ต้องมาฟังข้าฯเทศน์ ข้าฯเหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผู้มีเครื่องรางของขลัง ของอย่างนี้ฟังไม่เข้าใจ” นอกจากนี้ ในศาลาการเปรียญยังมีข้อความคำสอนที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎกติดไว้ตามเสาศาลาการเปรียญจำนวนมาก และพบพระพุทธรูปทองเหลืองคล้ายพระพุทธชินราช สูงประมาณ 150 ซม. หน้าตักกว้าง 90 ซม.ตั้งอยู่บนแท่นมีป้ายข้อความ 2 แผ่นวางไว้หน้าองค์พระ ป้ายแรกวางระบุว่า “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางไว้บริเวณนี้” ส่วนอีกป้ายวางไว้ตรงฐานพระเขียนว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน”


สอบถามทราบว่า เจ้าอาวาสวัดนี้ชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล อายุ 48 ปี ถึงเหตุผลที่ต้องปิดป้ายห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ชาวพุทธ ได้รับการชี้แจงว่า หากใครไม่ยินดีที่จะรับฟังคำสอน ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมา เพราะวัดนี้ได้ยึดตามแนวพระไตรปิฎกทั้งสิ้น โดยไม่ยึดถือตำราใดๆ

และการมีวัตถุมงคลนั้น ถือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา หากผู้ใดไม่นำสิ่งของวัตถุมงคลทั้งพระพุทธรูป ตะกรุด พระห้อยคอต่างๆ ออกจากตัวและบ้านพักเคหสถาน แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาที่วัดแห่งนี้

เพราะที่วัดสอนอย่างมีหลักการและเหตุผลสำหรับคนที่เปิดประตูรับเท่านั้น และจะต้องไม่ติดยึดกับวัตถุมงคลเพราะเป็นพุทธพาณิชย์


พระเกษมยังกล่าวอีกด้วยว่า การสอนธรรมะก็เช่นกัน ในพระไตรปิฎกได้บัญญัติไว้ว่าให้สอนธรรมะด้วยภาษาท้องถิ่น การสวดเป็นภาษาบาลีให้คนไทยฟังโดยไม่มีความเข้าใจในความหมายนั้นจะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านั้นผู้ที่มีความรู้หรือการศึกษาระดับสูงเคยเข้ามาที่วัดครั้งแรกก็ไม่เข้าใจในแนวทางนี้

แต่เมื่อได้รับหนังสือของวัดไปศึกษาก็บังเกิดความเข้าใจและกลับไปนำพระพุทธรูปออกจากบ้าน นำพระเครื่องออกจากคอและหันกลับมาศึกษาในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง “อาตมาไม่ได้มุ่งหวังจะให้ทุกคนต้องเข้ามาตามแนวทางนี้ หากมา 10 คนสามารถเข้าถึง 1 คน หรือหากมา 100 เข้าถึง 5 คน ก็ไม่เป็นไร ได้เท่าไรก็เท่านั้นเพราะขึ้นอยู่กับการเปิดรับของแต่ละบุคคล แม้มีเพียง 5 คนที่เข้าใจก็จะสอนให้ เท่านั้น” พระเกษมกล่าว


จากการสอบถามลูกศิษย์คนหนึ่งของพระเกษม กล่าวว่า คำสอนของพระเกษมไม่ให้ติดยึดกับเครื่องรางของขลัง ก่อนหน้านั้นที่บ้านของตนมีพระพุทธรูปและพระเครื่องที่ได้มาจากบรรพบุรุษ แต่พอได้ฟังธรรมจากพระเกษมที่สอนว่าในพระไตรปิฎก ไม่ได้กล่าวถึงการสร้างวัตถุมงคล หรือพระพุทธรูป ถือเป็นสิ่งงมงายกับวัตถุที่อุปโลกน์กันขึ้นมา แถมยังทำให้จิตใจผูกติดอยู่กับสิ่งนั้น ไม่เข้าใจถึงแก่นของพระธรรม คำสอนของพุทธเจ้าได้ พระอาจารย์สอนว่า ที่ผ่านมาเราเชื่อและกราบไหว้พระพุทธรูป ก่อนตายให้นึกถึงคุณพระเอาไว้ ทำให้จิตของคนที่กำลังจะตายติดอยู่ในพระพุทธรูปองค์แล้วเราก็นำมา กราบไหว้โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังไหว้วิญญาณของคนที่ตายไป ที่ถูกควรระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่มายึดถือกราบไหว้พระพุทธรูป


ลูกศิษย์พระเกษมกล่าวอีกว่า วัดสามแยกเคยได้รับบริจาคพระพุทธรูป วัตถุมงคลจำนวนมาก หลังรับมาแล้ว พระอาจารย์จะขุดหลุมนำพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆวางในหลุมแล้วราดด้วยน้ำกรดผสมเกลือเพื่อให้ผุพังและฝังกลบทิ้งทันที เหลือแต่พระพุทธรูปทองเหลืองเพียงองค์เดียวที่ทางวัดเก็บไว้ให้เป็นการเตือนสติ ไม่ให้ยึดถือโดยเขียนป้ายห้ามกราบไหว้ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งคำสอนไม่ให้ติดยึดกับวัตถุมงคลอาจจะแตกต่างจากวิถีชีวิตของพุทธศาสนิกชนทั่วไป แต่ที่จริงแล้วก็เหมือนกัน เพราะดำเนินการไปตามแนวทางของพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด


ด้านนายอินทภร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาหลายเดือน ได้ส่งเรื่องถึงพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุตไปแล้ว เพื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงที่พักสงฆ์ไม่ใช่วัด ส่วนการห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นอาจไม่เหมาะสม


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุตถึงเรื่องเดียวกันได้รับการเปิดเผยว่า เรื่องร้องเรียนพระเกษมที่ได้รับมาครั้งแรกเป็นเรื่องห้ามชาวบ้านแขวนพระเครื่อง และได้ให้เจ้าคณะอำเภอไปว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ส่วนเรื่องห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป หรือทำลายพระพุทธรูปนั้นยังไม่ทราบเรื่อง ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

“พระเกษมเป็นคนที่เถรตรงเกินไป เรื่องบางเรื่องไม่เหมาะสมก็ทำ อย่างเรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรคก็ไม่เคยมีในศาสนาพุทธ แต่กลับทำกัน เรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบก่อน” เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าว

thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=98311

 

ก็จริงครับ ต่างคนต่างฐานบารมี ต่างจริตในการปฎิบัติ ต้องยอมรับข้อนี้

 

อ้าวววววววววววววว

เเล้ว ผี เขา จะกลัว เราสวด มนต์ จริงไหม ค่ะ เเล้ว ถ้า เเบบนี้ ที่ บ้าน มีกุมาร เลี้ยง นู้น เลี้ย งนี้ ไว้ เเล้ว เเบบ นี้ เขา ไม่ กะเจิง หาย ไป หมด หรือ ค่ะ:'''(

 

การสวดมนต์เป็นการสร้างคลื่นความถี่อย่างหนึ่ง....
เหมือนเพลงคะ่ เดธร็อค กับ เพลงฟังสบายๆ... ระดับการสั่นสะเทือนมันต่างกัน
หากภูติผีเค้าไวต่อการเปลี่ยนแปลงคลื่น ไม่ว่าจะ สวยงาม หรือไม่สวย

มันมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ

ฤทธิ์ของบทสวดเกิดขึ้นได้ เพราะเจตนาจากการสวด..
และถ้ารู้ความหมายในสิ่งที่สวดออกไปด้วยแล้ว...อานุภาพยิ่งปกันใหญ่
หากคุณสวดเพื่อไล่สิ่งต่างๆ...ย้ำว่าไล่..(ด้วยความกลัวหรือไม่ชอบสิ่งใดๆก็ตาม)
พลังงานเป็นลบ ผีไม่ชอบ เท่ากับไปซ้ำเติมเค้า
และบทสวดเดียวกัน แต่สวดด้วยอารมณ์เมตตากรุณา.. คลื่นต่างกันทันที

พวกเค้าเป็นกระจุกพลังงาน เมื่อได้รับการสัั่นสะเทือนที่ต่อเนื่อง(สวดด้วยเจตนาดี) เสียงสวดพวกนี้จะไปปรับความยุ่งเหยิงในตัวเค้า

สวดมนต์เป็นแค่เสียงจากลมปาก... ผีกลัว ผีกระเจิง มาจากอย่างอื่นค่ะ

 

สวดมนต์เป็นแค่เสียงจากลมปาก... ผีกลัว ผีกระเจิง มาจากอย่างอื่นค่ะ

ช้วย ขยาย ความ ทีค่ะ-- รบกวน สงเคราะ คนโง้ ให้ หายโง้ที ---- เคย ดู ใน ทีวี คุณลุง สัปเหร่ มี คาถา สกด วิญญาณ ด้วยละค่ะ เเล้ว คาถา ที่คุณ ลุง สัปหล่อ เเก ใช้ นี่ -----ไม่เหมือน ที่ เรา สวด สวด กัน อยู่ ทุก คืน ทุกคืน หรอ ค่ะ---ต่าง กัน ตรงไหน ไม่ใช้ ภาษา บาลี หรอ ค่ะ-- เเล้ว ทําไม ผี ถึง เชื่อ ฟัง คุณลุง สัปเหร่ อยาก ทราบ มานาน เเล้ว -------------------ขอบคุณ ค่ะ:z16

 

สัปเหร่อเค้ามองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องกินข้าวกินน้ำ คือเค้าทำมาหากินกับผี ชินกับผี
เหมือนเวลาเราคุยกับเพื่อนไงคะ ถ้าพูดดีๆกับเพื่อน เพื่อนก็ชอบ เพื่อนก็ฟังค่ะ
ถ้าเราปากร้ายใส่ ก็ไม่มีใครชอบหรอกค่ะ

การใช้ภาษาใดๆก็ตาม ไม่มีผลเลย... เราเองสามารถทำได้ด้วยเหมือนกันค่ะ
ของให้ตั้งจิตดีๆ แล้วคุยกับพวกเค้า ด้วยความรู้สึกที่ปราศจากความเกลียดกลัว
คิดซะว่าเค้าก็คือเพื่อนค่ะ จะคุยภาษาไหน สุดท้ายมันสื่อออกมาเป็นภาษาจากหัวใจได้หมดค่ะ

มีใครบ้างที่ดูละครมิสเตอร์บีน แล้วไม่รู้เรื่อง...? เราแปลสิ่งเหล่านี้ได้เพราะจิตมีเครื่องมืออยู่แล้วค่ะ

 

พระปริตรหรือที่เรารู้จักว่า7ตำนาน หรือ12ตำนาน เป็นของที่พระสัมมาสัมพุทธ

เจ้าประทานให้หมู่เหล่าพุทธบริสัท ปริตรเเปลใด้ว่า คุ้มครอง คงไม่สร้างความ

เดือดร้อนให้ใครใด้ครับ

การเบิกบุญตามแนวพุทธ อยู่ในคติที่ว่า

หากใจนี้สงบเบิกบาน กุศลกรรมที่ทำใว้ ก็มีช่องให้ผลใด้

หากขณะจิตบัจจุบันวุยวายไม่สงบ อกุศลกรรม ที่ทำใว้แต่อตีดก็สบโอกาศครับ

ผมก็ไม่ใช่ผู้รู้ที่ใหนนะครับ ออกจะสู่รู้เสียด้วยซ้ำไป อ่านผ่านๆ อย่าถือสาเด้อ

 

หัวข้อของคุณนราสภา ทำให้คิดว่า เป็นพุทธต้องสวดมนต์ด้วยหรือ เพราะปรกติตัวเองก็แค่ไหว้พระบนหิ้งเฉยๆ ไม่เคยสวดมนต์ ก่อนนอนก็แค่ไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าบ้านเจ้าเรือน ให้คุ้มครองคนในครอบครัวเฉยๆ ไม่ได้สวดมนต์ เท่าที่สังเกตคนในเว็ปนี้ ส่วนใหญ่จะธรรมะธรรมโม มีการสวดมนต์เป็นกิจวัตร อยากรู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องสวดมนต์ แล้วถ้าคนที่เคยสวดมนต์ หยุดสวดมนต์ จะเป็นยังไง ที่ถามอย่างนี้เพราะตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้สวดมนต์ (แต่เป็นคนดีของสังคม คิดดีทำดีเสมอ ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน) ก็เลยอยากรู้ว่า การสวดมนต์นอกจากการทำจิตใจให้สงบ ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยแล้ว มีอย่างอื่นอีกมั้ยที่จะเป็นต้องสวดมนต์ เพราะคนที่คิดดีทำดี ย่อมมีพระรัตนตรัยอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว

ต้องขอโทษทุกท่านด้วย ไม่ได้ป่วน แต่อยากรู้เหมือนกัน

ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำตอบร่วมกับคุณนราสภา ('_/l\_')

 

ขอ เเสดง ความ คิดเห็น ค่ะ

ส่วน ตัว ที่ ได้ พบ เจอ มา-- เเล้วกําลัง พยายาม ทํา ความ เข้า ใจ อยู่ ----------ด้าน อื่น น้อง ไม่รู้ ค่ะ มอง ไม่เห็น สัมผัส ได้ บ้างไม่ได้ บ้าง -- ก็ ไม่รู้ ว่า จิต เรา คิด ไปเอง ไหม ----อย่าง เช่น สวด บาง บท บาง คาถา เเล้ว ขน ลุก ทั้ง ตัว พอ วาง จิต ให้ นิ่ง นิ่ง บาง ครั้ง ก็ หาย ไป บ้าง ครั้ง ก็ ลุก เพิ่ม ขึ้น ไปอีก ---ยิ่ง ถ้า อยู่ คนเดียว เงียบ เงียบ ยิ่งไป กัน ใหญ่ ไม่รู้ ว่า --ท่าน จะสื่อ อะไร มอง ไม่ออก ------เเต่ อย่างนึง ที่ ได้ ใน บท สวด ทุก ทุก บท ---สําหลับ น้อง คือ ได้ เรื่อง สมาธิ นิ่ง ขึ้น เบา ขึ้น วอก เเวก น้อย ลง --ขอบคุณ ที่ เข้า มาเสีย เวลา อ่าน กระทู้ ของ น้อง ค่ะ เเบบนี้ ไม่เรียก ว่า ป่วน ค่ะ เเบบนี้ เรียก ว่า เข้ามา ศึกษา หาความรู้ ร่วม กัน ค่ะ

 

สวดมนต์ไปตามเดิมนะครับดีแล้ว สวดมนต์บ่อยๆจะคล่องในอุปจารฌาณ ถ้าเกิดตายเดี๋ยวนั้น
เลวสุดก็ไปสวรรค์ครับ ส่วนที่บอกว่าสวดมนต์แล้วผีกลัว อันนี้ก็สำหรับผีที่คิดไม่ดี ส่วนผีที่คิดดี
นับถือพุทธศาสนาเค้าไม่กลัวแถมยังมานั่งสวดเป็นเพื่อนและให้การคุ้มครองบุคคลที่สวดมนต์
อีกด้วยนะครับ (อย่ามาถามนะว่ารู้ได้อย่างไร ขี้เกียจพิมพ์อีก)

 

--ไม่ชอบสวดมนต์ครับ--
แต่ชอบเกาะขาเมีย เวลาเค้าสวดมนต์ อิอิ

* เรื่องจริงงงงงง*

 

ไม่พัฒนาเลย จริงๆเลยนะ

 

บทสวดมนต์
คำกล่าวนอบน้อมนับถือพระรัตนตรัย
เป็นการ ยอมรับนับถือ สิ่งที่ประเสริฐเป็นเลิศ
และบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
เป็นการสรรญเสริญคุณของพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นการแสดงความกตัญญู และท่องเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

การสวดบทนี้จึงเป็นมงคลแก่ผู้สวดค่ะ



ส่วนบทสวดมนต์ บทอื่นเช่น ธัมจักร
ถ้าเราอ่านคำแปล แล้วพิจารณาตามไปด้วย


เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นความจริง
ที่เรียกว่าสัจธรรมที่นำพาสัตว์ออกจากทุกข์ได้

และความจริง หรือสัจจธรรมนั้นเอง เป็นของศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่เราท่องสวดมนต์อยู่นั้น จึงเป็นการแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่
แม้เราเอง ไม่เข้าใจ แต่ก็น้อมนำใจเราให้สงบ ลงได้
ส่วนอมนุษย์อื่นๆใดนั้น
นอกเหนือ ปัญญา และญาณทัศนะของข้าน้อยจะรู้เห็นได้ ๕๕

 

สวดไปเถอะครับแบบที่ คุณเจ้าหญิงแพรว่านะดีแล้วครับ สำหรับพุทธมนต์แล้วเรื่องพุทธาณุภาพนั้นมากมายมหาศาลเหลือจะประมาณ อยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน ไม่ว่าโลกมนุษย์หรือโลกวิญญาน โดยเฉพาะบทสรรเสิญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ อย่าลืมสุดท้ายต้องมีบทแผ่เมตตาด้วยทุกครั้ง
นี่สำหรับฆราวาสเราๆ แต่ถ้าใครมีเวลามากพอก็ใส่7ตำนาน หรือจะเป็น12ตำนานก็ไม่ผิดแผกหรือเสียหายแต่อย่างใด หรือจะสวดบทพระอภิธรรม7ซึ่งเป็นธรรมชั้นสูงแบบย่อก็ได้ครับ
อย่าไปคิดแทนจิตเลยครับเรื่องที่จะไปรบกวนหรือโดนภูตผีปีศาจ มันขึ้นอยู่กับเจตนาที่เราสวดครับ
ผมอยากให้หลายๆท่านทราบอย่างหนึ่ง ว่าถ้าใครยังไม่รู้เกี่ยวกับการสวดมนต์ ให้ไปศึกษาหนังสือที่เรียกว่าคิหิปฏิบัติแล้วจะเข้าใจเอง ส่วนผู้ที่บวชมาแล้วเกินกว่า7วันน่าจะร้องอ๋อ
มีคาถาอยู่บทนึงที่สวดแล้วมีความอัศจรรย์จริง ทั้งป้องกัน ทั้งรักษา ทั้งขับไล่ ทั้งเพิ่มบารมี และอีกหลายอย่างแล้วแต่จะใข้ แต่ที่สำคัญจะได้ผลเต็มที่จิตจะต้องแน่วแน่และมีสมาธิ คาถาที่ว่าคือพระคาถาชินณบัญชร ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธาจารย์โต ท่านครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่จะสวดพระคาถาบทนี้จะต้องมีจิตใจที่เมตตาต่อสัพพสัตว์ทั้งหลายทั้งรวมอมนุษย์ทั้งหลายด้วย เพราะไม่อย่างนั้นท่านจะสร้างบาปกรรมมากขึ้นให้กับตัวท่านเอง
พระคาถาบทนี้ผมกล้ารับประกันด้วยชีวิตผมเลยว่าได้ผล เพราะผมทำสำเหร็จมาแล้ว แต่ต้องมีหลักอย่างที่ผมว่านะครับ เอาแค่สมาธิเฉียดๆก็สุดจะบรรยายแล้วครับ อันนี้แนะนำและเล่าสู่กันฟังครับ

 

ปล่อยวาง