โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ตรงแสงสว่างนี้เองเป็นจุดเปลี่ยนของพระพุทธองค์ว่าใช้ปัญญาอีกนิดก็พ้น
    ทุกข์ ตรงนี้ใช้วิปัสสนาญาณในการคิดหาทางหลุดพ้น(นับจากเจโตปริญญาณ
    ขึ้นมา) ไม่เหมือนตอนแรกเริ่มที่ใช้ปัญญาคิดทำให้เกิดความสะอาดของ
    ดวงจิต(นับจากมูลกิเลสขึ้นมา)เป็นต้น[/QUOTE]


    ขยายความตรงนี้นิดนึงเดี๋ยวงงกันหมด

    ตรงเจโตปริญญาณนี้ไม่ใช้วิปัสสนาแต่เป็นหัวข้อในการวิปัสสนาเหมือนๆกับ
    มูลกิเลสทั้งสามไม่ใช่วิปัสสนาแต่เป็นหัวข้อของวิปัสสนา

    ตรงแสงสว่างจะเกิดนิมิต เกิดหยั่งรู้ภพชาติ ไม่ว่าจะอดีตชาติ กรรมเก่าหรือ
    กรรมใหม่ ตลอดจนเกิดฤทธิที่ท่านเรียกว่าอภิญญา นั้นเป็นหัวข้อในการคิด
    พิจารณาเพื่อการปล่อยวางในภพชาติอย่างที่เห็นเองในนิมิตนั้นๆ ละวางตรง
    นั้นได้นั่นจึงหลุดพ้น
    ตรงมูลกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ นี้เราพิจารณาแล้วจะเกิดความสะอาดของ
    ดวงจิต พิจารณากิเลสเท่านั้นเองละวางกิเลสได้จึงเข้าไปตรงแสงสว่างได้
    และการละวางกิเลสแบบพื้นฐานนี้โยคี พระฤาษี ต่างๆก็ทำได้ด้วยการกด
    อาการทางกายโดยทุกข์กิริยาบ้าง ด้วยการเพ่งกสิณแบบต่างๆบ้าง
     
  2. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอบคุณพี่ ainteerati ครับ ทำให้มีโอกาสยกมือไหว้ท่านหลวงปู่ผ่านหน้าเว็บครับ
    ขอบคุณพี่ จิโปและทุกท่านครับความรู้เยอะจัง ถึงว่าเวลาเพ่งจะเจ็บหน้าอกเหมือนโรคหัวใจสงสัยเครียดไป ไปไม่ถึงตามที่หวังเสียที อยากให้พี่จิโปยอมเปิดรับศิษย์ครับคงช่วยได้หลายคนเลย ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  3. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ผมเห็นที่ข้อมือซ้ายของพี่ ainteerati จะมีสร้อยข้อมืออยู่เป็นอัญมณีเครื่องประดับหรือของศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่าครับ เคยเห็นในภาพช่วงหน้าแรกๆกับในภาพที่เดินทางไปวัดครับ เมืองไทยโชคดีมีแร่ มีหิน มีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์มากมายจัง ต่างจากต่างประเทศไม่ค่อยเห็นมีบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  4. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960

    ขยายความตรงนี้นิดนึงเดี๋ยวงงกันหมด

    ตรงเจโตปริญญาณนี้ไม่ใช้วิปัสสนาแต่เป็นหัวข้อในการวิปัสสนาเหมือนๆกับ
    มูลกิเลสทั้งสามไม่ใช่วิปัสสนาแต่เป็นหัวข้อของวิปัสสนา

    ตรงแสงสว่างจะเกิดนิมิต เกิดหยั่งรู้ภพชาติ ไม่ว่าจะอดีตชาติ กรรมเก่าหรือ
    กรรมใหม่ ตลอดจนเกิดฤทธิที่ท่านเรียกว่าอภิญญา นั้นเป็นหัวข้อในการคิด
    พิจารณาเพื่อการปล่อยวางในภพชาติอย่างที่เห็นเองในนิมิตนั้นๆ ละวางตรง
    นั้นได้นั่นจึงหลุดพ้น
    ตรงมูลกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ นี้เราพิจารณาแล้วจะเกิดความสะอาดของ
    ดวงจิต พิจารณากิเลสเท่านั้นเองละวางกิเลสได้จึงเข้าไปตรงแสงสว่างได้
    และการละวางกิเลสแบบพื้นฐานนี้โยคี พระฤาษี ต่างๆก็ทำได้ด้วยการกด
    อาการทางกายโดยทุกข์กิริยาบ้าง ด้วยการเพ่งกสิณแบบต่างๆบ้าง[/QUOTE]

    ขอบคุณมากๆเลยครับพี่
     
  5. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    หมายเหตุสำหรับผู้ใดที่สามารถบริจาคให้ได้: การบริจาคโลหิตโดยระบุให้ชื่อท่านผู้ใดไม่จำเป็นต้องเป็นกรุ๊ปนั้นๆที่เขาต้องการ สามารถบริจาคหมู่โลหิตอื่นได้ด้วยครับโดยระบุว่าจะบริจาคให้แก่ท่านใด สถานที่เขารับบริจาคจะนำไปชดเชยคืนกับหมู่โลหิตของผู้อื่นที่นำไปให้ผู้รับบริจาค หรือ อาจช่วยในค่าใช้จ่ายได้ด้วยครับ นับเป็นมหากุศลสำหรับผู้บริจาคได้

    ปล. ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวนะครับ เพียงแต่มาขยายความให้จาก post ก่อนหน้า
     
  6. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    อนุโมทนา สาธุ สาธุ

    และ กราบขอบพระคุนท่าน chaiyawat ด้วยนะคะ ดิฉันก้อไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับท่านเจ้าของเรื่อง เพียงแต่เห็นว่ามันก้อไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร พอจะช่วยได้ก้อช่วยน่ะค่ะ
     
  7. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ดีครับช่วยๆกันไปตามฐานะตามสมควร มีการปฏิบัติสายหนึ่งไม่ขอเอ่ยนาม เขาว่า
    การให้เลือดคนอื่นเท่ากับลดทอนอายุขัยของตัวเอง และเท่ากับเอาบารมีของเราไปให้
    คนอื่น อันนี้ขอให้เข้าใจใหม่ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ประเดี๋ยวก็สูญสลายไปตามกาลเวลา
    ชั่วขณะที่เรามีชีวิตอยู่ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ทั้งใช้ร่างกายนี้ปฏิบัติธรรม
    และใช้กายนี้ส่วนหนึ่งคือเลือดที่ผลิตใหม่ได้นี้ไปช่วยคนอื่นๆครับ
     
  8. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    เรื่องการบริจาคเลือดนี้ ผมยังจำได้เลยและยังเสียดายที่ช่วยไม่ทัน เรื่องเกิดมาได้ประมาณ 1 ปี
    ที่ทำงานเก่าผม เค้ามี FWD Mail ภายในบริษัท วันนั้นผมอยู่ที่โกดัง พอผมเห็นผมก็ได้ติดต่อ
    ไปยังแม่ของน้องเค้า ทางน้องเค้าต้องการเลือดกรุ๊ป B ซึ่งผมก็ B หรือ stem cell
    สอบถามได้ความว่า น้องเค้าเป็นเลือด ต้องการเลือดจำนวนมาก ผมก็เลยบอกไปว่า วันพุธ
    จะไป สำนักงานใหญ่ แล้วจะเลยไปบริจาคให้ (วันที่ติดต่อไปคือวันจันทร์)ที่ศิริราช ขับรถ
    กลับบ้านก็บอกแฟนว่า วันพุธจะไปบริจาคเลือดให้น้องเค้า แฟนก็บอกว่าไว้ไป เสาร์อาทิตย์
    ก็ได้ เนื่องจากที่ทำ งานอยู่เพลินจิต ถ้าไปคงจะดึก ผมก็เลยเชื่อว่าจะไปวันเสาร์อาทิตย์
    พอวันเสาร์โทรไปติดต่อแม่ของเด็กปรากฏว่า น้องเค้าได้เสียไปแล้ว ผมเลยมาคิดว่าทำไม
    เราไม่ไปตั้งแต่วันพุธ ทำไมต้องมารอด้วย ถ้าผมตัดสินใจไปวันนั้นก็อาจจะช่วยน้องเค้าได้
    ไม่มากก็น้อย
     
  9. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ขออนุญาตเพิ่มเติมรายละเอียดเรื่องการบริจาคที่โรงพยาบาลศิริราชนะคะ
    หากจะบริจาคให้ไปติดต่อได้ที่ธนาคารเลือด ตึก 72 ปี ชั้น 3 โรงพยาบาลศิริราช แล้วแจ้งความประสงค์ว่าต้องการบริจาคเลือดให้แก่......................(แจ้งชื่อผู้ป่วย) แล้วเลือดถุงนั้นจะส่งให้แก่ผู้ป่วยโดยตรงค่ะ หากไปติดต่อที่ตึกที่ผู้ป่วยพักอยู่ ทางพยาบาลก็จะต้องแนะนำให้ไปที่ธนาคารเลือดอีกครั้ง

    รายละเอียดเล็กน้อยของผู้ประสงค์จะบริจาคเลือด เพื่อไม่ให้ต้องเดินทางเก้อนะคะ

    1. สุขภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะบริจาคเลือด อายุระหว่าง 17-60 ปี

    2. นอนหลับเพียงพอไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

    3. มีอาการท้องเสีย ท้องร่วงภายใน 7 วันก่อนบริจาคเลือดหรือไม่ เพราะผู้บริจาคจะอ่อนแอรับประทานไป ส่วนผู้รับเลือดอาจได้รับเชื้อที่มากับเลือดได้ด้วย
    4. ใน 3 เดือนที่ผ่านมา มีอาการน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากโรคเบาหวาน ธัยรอยด์เป็นพิษ เครียด วิตกกังวล ก็ไม่ควรบริจาคเลือด

    5. ภายใน 3 วันก่อนบริจาคเลือด คุณรับประทานยาแอสไพริน ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวดข้อหรือไม่ เพราะอาจทำให้มีเกล็ดเลือดผิดปกติได้ เลือดแข็งตัวช้า บวมช้ำง่าย เลือดที่บริจาคไปก็จะไม่มีคุณภาพ

    6. รับประทานยากแก้อักเสบภายใน 14 วัน หรือยาอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งต้องระบุ ให้ทราบ เพราะผู้บริจาคเลือดที่ได้รับยาแก้อักเสบแสดงว่ามีการติดเชื้ออยู่ ซึ่งอาจแพร่เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดของผู้รับเลือดและอาจทำให้แพ้ยาได้

    7. คุณเป็นโรคหอบหืด ลมชัก โรคผิวหนังเรื้อรัง ไอเรื้อรัง วัณโรค โรคภูมิแพ้ หรือไม่เพราะการบริจาคเลือดทำให้ต้องสูญเสียเลือดอย่างรวดเร็ว อาจจะกระตุ้นให้มีการกำเริบได้ จึงไม่ควรบริจาคเลือด โรคผิวหนังบางชนิด โรคติดต่ออย่างวัณโรค ไอเรื้อรังก็ไม่ควรบริจาคเลือด

    8. เคยเป็นหรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคตับอักเสบ ผู้ที่เคยเป็นโรคตับอักเสบแล้วไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชนิดใด หรือไม่แน่ใจว่าหายขาดไม่มีเชื้อแล้วหรือไม่ ก็ควรเลื่อนการบริจาคเลือดออกไปจนกว่าจะทราบว่าเลือดของคุณปลอดเชื้อแล้ว

    9. เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ไต ธัยรอยด์ มะเร็ง โรคโลหิตออกง่ายหยุดยาก เป็นต้น เพราะโรคเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งต้องใช้ยารักษาควบคุมรักษาอย่างต่อเนื่อง และถ้าไม่ดูแลตนเองให้ดี อาจมีผลข้างเคียงของยาหรือมีโรคแทรกซ้อนที่ทำให้มีปัญหาสุขภาพได้ ควรพิจารณาดังนี้

    - โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานอนุโลมให้บริจาคเลือดได้ ถ้าใช้ยาควบคุมได้ดีอย่างอย่างต่อเนื่องและต้องเป็นเพียงโรคใดโรคหนึ่งเท่านั้น
    - โรคหัวใจทุกชนิดต้องงดบริจาคเลือด
    - โรคไตชนิดเรื้อรังต้องงดบริจาคเลือด ถ้าเป็นชนิดอักเสบเฉียบพลัน และรักษาหายขาดภายใน 1 ปี สามารถบริจาคเลือดได้
    - โรคธัยรอยด์ชนิดไม่เป็นพิษต้องรักษาหายแล้ว ถ้าเป็นชนิดเป็นพิษแม้รักษาหาย และหยุดยาแล้วก็ไม่ควรบริจาคเลือด
    - โรคมะเร็งทุกชนิดไม่ควรบริจาคเลือด รักษาหายแล้วก็ตาม เพราะไม่สามารถทราบสาเหตุและตำแหน่งการกระจานหรือแฝงตัวของโรค
    - โรคโลหิตออกง่าย-หยุดยาก เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ ควรงดบริจาคเลือด เพราะมีโอกาสเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากและเลือดหยุดยาก
    - โรคเรื้อรังอื่นๆ ควรงดบริจาคเลือด

    10. ถอนฟันภายใน 3 วันที่ผ่านมา เหงือกอาจจะอักเสบและมีบาดแผลในช่องปาก เป็นทางนำเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดได้

    11. คุณหรือคู่ของคุณมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศกับผู้อื่น ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูง โรคบางชนิดมีระยะฟักตัวนาน อาจตรวจไม่พบเชื้อ เช่น HIV

    12. ได้รับการผ่าตัดใหญ่ภายใน 6 เดือนหรือผ่าตัดเล็กภายใน 1 เดือน เนื่องจากการผ่าตัดใหญ่ทำให้มีการเสียเลือดมาก ร่างกายต้องใช้เวลาและสารอาหารในการซ่อมแซม ควรงดบริจาคชั่วคราว ส่วนผ่าตัดเล็กที่เสียเลือดไม่มาก ควรรอให้แผลหายก่อนค่อยบริจาคเลือด

    13. เจาะหู สัก ลบรอยสัก ฝังเข็ม ในระยะ 1 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคติดเชื้อที่มีการส่งต่อทางเลือดและน้ำเหลือง ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือดอาจติดไปด้วย

    14. เคยมีประวัติยาเสพติดหรือพ้นโทษในระยะ 3 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคที่มีการส่งต่อทางเลือดและน้ำเหลือง

    15. เคยเจ็บป่วยและได้รับเลือดจากผู้อื่นในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ผู้ที่ได้รับเลือดคนอื่นจะมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาในระบบโลหิต ถึงแม้จะมีการตรวจหากลุ่มเลือดหลักที่เข้ากันได้ แต่กลุ่มย่อยที่ไม่สามารถหาได้ตรงกันหมด ก็ยังคงเป็นปัญหาของผู้ได้รับเลือด

    16. เคยฉีดวัคซีนในระยะ 14 วัน หรือฉีดเซรุ่มในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา การฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันโรคในช่วง 14 วัน จึงควรให้ร่างกายได้ทำงานเต็มที่ การฉีดเซรุ่มต้องติดตามดูโรคนั้นๆ 1 ปี

    17. เคยเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อมาเลเรียชุกชุมในระยะ 1 ปี หรือป่วยเป็นมาเลเรียในระยะ 3 ปี ถ้าไม่ได้รักษาให้หายขาด เชื้อสามารถแอบแฝงอยู่ในร่างกายโดยไม่ได้แสดงอาการรุนแรง

    18. คุณผู้หญิงที่อยู่ในระหว่างรอบเดือน ไม่ควรให้ร่างกายมีการเสียเลือดซ้ำซ้อน ควรรอให้หมดประจำเดือนก่อน

    19. คนที่คลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา จะมีการเสียเลือดมาก ร่างกายต้องการเวลาในการปรับตัวและสร้างเลือดขึ้นมาใหม่ ควรงดบริจาค 6 เดือน

    20. อยู่ในระหว่างให้นมบุตรหรือตั้งครรภ์ น้ำนมผลิตขึ้นมาจากเลือด การเสียเลือดในการบริจาคจะทำให้น้ำนมลดน้อยลงหรือหมดไป
     
  10. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ตอนนี้ฉีดวัคซีนต้องรออีกหนึ่งปีถึงบริจาคโลหิตได้ตามปกติครับ ขออภัยด้วย
     
  11. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    พี่จิ-โป คะฟังเสียงหัวใจเต้นเมื่อได้ยินเสียงหัวใจชัดขึ้น ภาพหัวใจที่เต้นมันจะมาเองใช่มั้ยคะ หรือต้องกำหนดดูหัวใจเต้นก่อน พอดีเมื่อคืนนี้น่ะค่ะ นั่งฟังเสียงหัวใจเต้นแล้วทีนี้ มันก็เห็นเป็นภาพหัวใจเต้นสูบฉีดเลือด แล้วทีนี้ก็ออกจากสมาธิแล้วก็ล้มตัวลงนอน (พอดีมันดึกแล้ว) แต่พอนอนแล้วปกติจะไม่เคยเป็น เสียงหัวใจและจังหวะการเต้นของหัวใจมันมาเต้นตุบ ๆ อยู่ตรงเส้นท้ายทอยน่ะค่ะ ตึบ ๆ แบบนั้นอยู่จนต้องพลิกตัวน่ะค่ะ
    แล้วทีนี้เมื่อเช้าหนูมาพิจารณาดูเมื่อหัวใจเรามองเห็นแล้วว่าเป็นสีขาว มันก็เหมือนกับการกำหนดกสิณแสงสว่างถูกมั้ยคะ แต่มันเพียงปรากฎอยู่ที่ใจเท่านั้นเอง

    คือว่าพี่จิ-โป คะ เมื่อเช้านี้ความรู้สึกมันบอกว่า ใจมันเบื่อการกำหนดแสงสว่างแบบเก่า หนูก็ไม่รู้ว่าใจมันรู้สึกแบบนั้นจริงหรือเปล่า หนูเลยกำหนดแสงสว่างไม่กี่วันก็ไม่กำหนดแล้ว หรือเป็นที่ตัวหนูเองไม่อยากทำเอง หนูรู้สึกว่าการนั่งฟังเสียงหัวใจเต้นมันรู้สึกว่าจิตใจสงบดีน่ะค่ะ

    ทีนี้ถามต่ออีก แบบนี้เราแนะนำให้คนใกล้ตัวทำได้มั้ยคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  12. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]


    ยามเย็นย่ำค่ำลงตรงริมโขง
    ตะวันโค้งแลลับลงดับหาย
    จันทร์สาดส่องแสงนวลเย้ายวนใจ
    ดาวสดใสล้อมฟ้ากลางราตีร
    ม่านน้ำต้องแสงจัทร์สวรรค์สร้าง
    ใสสว่างระยิบยับสลับสี
    มวลแมกไม้ส่ายสบัดลมพัดวี
    สุขฤดีเกินทีใดในโลกา
    แดนอตีดติดตรึงคะนึงมั่น
    แดนที่ฝันคิดใฝ่จะไปหา
    ได้มาเยือนเหมือนคืนถิ่นดินมารดา
    มิตรมากหน้าทิพย์มนุษย์สุดบรรยาย


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1771.JPG
      IMG_1771.JPG
      ขนาดไฟล์:
      241.3 KB
      เปิดดู:
      320
  13. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เมื่อเราหลับตาลงรูปทั้งหลายก็ปรากฏที่ใจนั่นล่ะครับ มองเห็นด้วยใจแต่ชัด
    เจนเท่ามองด้วยตา การนิ่งฟังเสียงเต้นของหัวใจนี้ไม่ใช่การกำหนดให้มันขาว
    ไม่ใช่กำหนดแสงให้หัวใจ ไม่ใช่กสิณแสงสว่าง แต่มันจะเป็นไปในลักษณะ
    ที่เรียกว่า ปัจจะเวกขะณะวิธี เมื่อเราได้ยินชัด ภาพของหัวใจก็ปรากฏ แล้ว
    เส้นใยในหัวใจก็ปรากฏ น้ำเลือด ท่อเลี้ยงต่างๆก็ปรากฏ มันเป็นการพิจารณา
    ภายในกายเราถึงสังขารเลือดเนื้อ สภาพของจิตที่เกาะเกี่ยวจะไม่ออกพ้นกาย
    ไปเป็นแสงสว่างใดๆ แต่จะไหลต่อเนื่องไปตามชีพจรเพราะเสียงเต้นตึกๆมัน
    ไม่ได้มีเฉพาะที่หัวใจนะ ตรงข้อมือ ตรงเท้าตรงต้นคอก็ดังเหมือนกัน

    ทีนี้พอจิตมันไปจับส่วนต่างๆของกายเราจะเกิดอาการที่เรียกว่าละวาง
    ร่างกายเห็นว่าร่างกายเราประกอบไปด้วยเลือดเนื้อส่วนต่างๆ มันจะเห็นไปหมด
    ทุกส่วนเหมือนพิจารณาอสุภะแต่ไม่น่ากลัวเท่าอสุภะเพราะเป็นตัวเราเอง
    ใครจะส่องกระจกกลัวตัวเองจริงใหม เห็นทีโอส่องกระจกทีไรว่าตัวเองสวย
    เริดตลอดเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่นั่นล่ะ แต่เมื่อพิจารณาแบบที่ว่านี้แล้ว ต่อไป
    เวลามองหน้าจะปรากฏเห็นกล้ามเนื้อที่ซ้อนอยู่ภายในเห็นกระดูกขาวโพลน
    อยู่ภายใน เมื่อนั้นก็จะปลงในร่างกายก็จะไปตามลำดับที่ท่านกล่าวใว้

    การเห็นนี้ไม่ใช่เห็นแบบกสิณแสงสว่างที่เราต้องกำหนดแสงไปคลุมใว้
    ก่อนค่อยเห็นแต่มันจะเป็นเหมือนเราใช้แว่นขยายแบบเอ็กซ์เลดูมันจะไม่ออก
    นอกร่างกาย และการเห็นเลือดในหัวใจมันจะเห็นจริงๆ เลือดเป็นสีขาวจริงๆ
    ไม่ใช่เห็นโดยกำหนดครับ

    เวลาเราท่องไปในโลกทิพย์ใช้กสิณแสงสว่างทีโอก็อยากไปดูมั่งก็ฝึกกสิณ
    เวลาแนะนำเขาเรื่องเสียงที่ได้ยินในใจถึงวิธีฝึกแบบหลวงปู่ฝั้น ทีโอก็อยากทำ
    แบบนี้ขึ้นมาอีก ระวังใว้เถอะประเดี๋ยวตายไปก่อนไม่สำเร็จซักอย่าง คนเรานั้น
    เอาแบบที่ตัวเองเห็นว่าเหมาะสมกับจริต ทำแล้วได้ผลก็ทำอย่างนั้นจนสำเร็จ
    วิชาทั้งหลายที่เทวดาและพระมาสอนนั้น ท่านก็บอกใว้แล้วว่าสำหรับจริตที่
    ถามไปเท่านั้น บางคนเอาไปฝึกก็ไม่เกิดผลเพราะไม่ถูกจริต
    บางคนฟังเสียงหัวใจเต้นเพียงเพื่อใช้รักษาร่างกายจิตใจเท่านั้นไม่ได้หวังผล
    ในการเจริญของจิต เพียงเป็นทางผ่านเท่านั้นเอง
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ..

    นั่นงัย ว่าแล้ว จะต้องโดนแบบนี้อีก เมื่อวานทีโอ ถาม คือทีโอ ฝึกกสิณแสงสว่างอยู่ มันรู้สึกว่าเบื่อ ๆ มันก็หยุด แต่ที่รู้คือแสงสว่างจะเหมาะกับทีโอมากกว่าใช่มั้ย เพราะเคยฝึกแบบนี้มาก่อน อันนี้อย่าเพิ่งบอกนะว่าแล้วแต่ เมื่อวานทีโอถาม เพราะกลัวจะโดนว่าแบบนี้อีก ฝึกใหม่ ก็เหมือนเริ่มใหม่ โครงสร้างบ้าน ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ลำบากเทวดาอีก สรุป ไม่ต้องบอกว่า แล้วแต่

    เอาเป็นอย่าง ๆ ไป ให้ทีโอฝึกแสงต่อดีกว่า เพราะทีโอเคยฝึกแบบนี้มา

    ถามว่าประโยชน์การฝึกแสง กับการฟังเสียงหัวใจ แบบไหน ได้ประโยชน์กับทีโอในการละวางได้มากกว่ากันคะ ถามเลยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    อีกนิดนึง ตอนที่กำหนดแสงสว่างให้เข้มที่ทีโอ บอกว่า มันเย็น ๆ ที่กลางศีรษะตอนกำหนดแสงให้เข้ม ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ให้ทีโอ จับความรู้สึกตรงนั้นด้วยหรือเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  15. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ตอนนี้ทีโอ นึกถึงพระพุทธเจ้า ตอนที่มีช้างตกมัน วิ่งเข้าชน แล้วพระพุทธองค์ ก็เทศนา จนช้างตกมันนั้นยอมสยบแด่พระพุทธองค์ ทีโอ นึกถึงแล้วน้ำตาร่วงทุกที รู้สึกถึงความเมตตาของพระพุทธองค์ มาก แม้ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน พระพุทธองค์ก็ยังทรงเทศนา ให้เชื่องได้ แล้วจิตใจคนหล่ะ เหตุใดจะไม่เชื่องด้วยคำสอนของพระพุทธองค์

    เมื่อคืนทีโอ เห็นตัวเอง มีแมลงสีดำ ๆ มันเกาะอยู่ตรงหว่างขาทีโอ แล้วก็เอามือสางมันออก ถ้าอย่างนั้น เป็นคำตอบที่ว่า การฟังเสียงหัวใจเต้น อาจจะเป็นเพียงแค่รักษาอาการทางกายบางอย่างให้หายเท่านั้นเอง หรือเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  16. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เอ.ไอ้เรามันก็ชอบเอานิสัยมักง่ายของมนุษย์มาใช้กับผมอยู่เรื่อย ฝึกจนคุยกับพระ
    กับเทพได้ช่วงหนึ่งแล้วยังจะมาถามผมทำไม ก็นั่งสมาธิเข้าไปแล้วถามท่านเอง
    ครับ ถามท่านกับถามผมมันก็ต้องใช้ปัญญาเหมือนๆกัน ว่าใช่ใหมถูกใหมเป็นไปเพื่อ
    ลดละกิเลสใหม มาถามผมบ่อยซะจนฌาณสัมผัสทีโอเสียไปหมด ต่อไปผมตายแล้ว
    จะถามใครล่ะ ไม่มีแล้วนะ แต่พระท่านทางทิพย์ตายแล้วเกิดกี่ภพชาติท่านก็มาสอน
    เหมือนเดิมทุกภพชาตินั่นล่ะ เฮ้ออ ไปนั่งใหม่ ถามท่านเถอะนะ จำทางไปไม่ได้ก็ไป
    เปิดตำราว่าผมเคยแนะนำใว้ว่ายังไงถึงเข้าได้ นี่มาหาแต่คำเฉลยจากผมอยู่เรื่อย
    ประเดี๋ยวปัญญาไม่ได้ใช้ก็ไม่แหลมคมหรอก
     
  17. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ชะช่า นี่ล่ะหนาเขาว่าต้องตีดาบเมื่อร้อน ตอนนั้นคุยกับหญิงใส่สาหรีแดง
    เขาพาเข้าไปเห็นนั่นเห็นนี่ คุยธรรมให้ฟังก็บ่อย นั่นล่ะคือจิตทีโอเริ่มนิ่ง
    ก็ทำจากตรงนั้นต่อไปจนมันบริสุทธิ์แค่นั้นเอง จำไม่ได้ก็นึกถึงดอกใม้ทิพย์ทั้ง
    สีของมัน กลิ่นของมันบรรยากาศที่ดอกใม้นั้นอยู่ ของเก่ามันก็มาเองแล้ว
    ทำต่อ แค่นั้นเองทำเป็นลืม แก่แล้วรึ?
     
  18. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ร้อนก็รู้อีกนะ เฮ้อ! ถึงว่าจับปีติตัวเองไม่ได้ซักทีไม่รู้อยู่ตรงไหน นึกตอนเป็นพราหมณ์ ก็ไม่มา อยู่ตรงนี้เอง พอนึกถึงปีติก็มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  19. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    ถามพี่จิ-โป ครับ อยากทราบว่าทำไมถึงผีบางชนิดถึงเป็นกระหัง แล้วทำไมต้องมีกระด่งใส่แขนเวลาจะเหาะ หรือบินด้วยอ่ะครับ
     
  20. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ทีโอเบื่อมากก็ไปกินข้าวริมโขงเหมือนคุณ ainteeratiสินั่งมองเห็นดวงๆลอยไปลอยมา
    ดูแล้วสบายตาสบายอารมณ์ แม้วิญญาณทั้งหลายที่เราว่าเขามีทุกข์ เขาก็สุขในอัตภาพ
    ของเขา ล่องลอย วับวาวตามความสุขของจิตเขาแม้เพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ไม่เห็นเขาบ่นอะไร
    จิตดวงๆเหล่านั้นก็เหมือนคนเราล่ะ ละความอยากลงได้ตัวเดียวก็เจอสุขได้ อยากมากก็
    ทุกข์มาก อยากสำเร็จก็กิเลสไม่สำเร็จก็เบื่อจิตก็ไหลลงต่ำ

    "ดวงจิตเอยลอยล่อยท้องนภา
    รื่นรมย์ตาเห็นเจ้าเฝ้าฉงน
    ทุข์ใดใดฤาเจ้าไม่ทุกข์ทน
    ช่างหยอกเย้าเคล้าเล่นเช่นเทวี"

    "ทีโอเอ๋ยใยเจ้าเฝ้าครวญคร่ำ
    สาวิตรีล้ำหน้าเจ้าฤาไฉน
    เห็นเจ้าเฝ้าทอดถอนให้อาลัย
    ใช่เกรียงไกรเช่นเจ้าเคล้าสงคราม"
     

แชร์หน้านี้

Loading...