หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

<TABLE width=550 align=center><TBODY><TR><TD align=middle>ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี



</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="FONT-SIZE: 10pt" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center><TBODY><TR height=15><TD width=420></TD><TD width=10></TD><TD width=120></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>

พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นามเดิม บัว โลหิตดี เป็นบุตรของ นายทองดี และ นางแพง โลหิตดี เกิด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 ที่ บ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ได้เข้ารับการอุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี บิดามารดาได้ขอร้องให้ท่านบวชเรียนเพื่อทดแทนบุญคุณตามประเพณี ในที่สุดท่านก็ตัดสินใจบวช เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวที เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ญาณสมฺปนฺโน

ครั้งบวชแล้วท่านได้ศึกษาพุทธประวัติและประวัติพระอรหันสาวกจนเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ท่านตั้งใจจะศึกษาพระปริยัติธรรมเสียก่อน เพราะถ้าไม่ศึกษาแล้วจะไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติ ท่านใช้เวลาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมเป็นเวลา 7 ปี ก็สำเร็จเปรียญธรรม 3 ประโยค พร้อมกับสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก จากนั้นจิตใจของท่านก็มุ่งออกปฏิบัติด้านเดียว จึงเดินทางมุ่งหน้าไปหา พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี แต่ก็ไม่ได้พบท่านพระอาจารย์มั่น ท่านจึงไปพักอาศัยอยู่ที่วัดทุ่งสว่าง จังหวัดหนองคาย เป็นเวลา 3 เดือนกว่า พอถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2485 ท่านก็ออกเดินทางไปจังหวัดสกลนคร และได้พบท่าน พระอาจารย์มั่น ที่ บ้านโคก ตำบลตองโขบ อำเภอศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ขณะกำลังเดินจงกรมในเวลาใกล้ค่ำ ภายหลังฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์มั่นซึ่งกล่าวยืนยันว่า มรรค ผล นิพพาน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ และให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติได้จริง นับแต่นั้นมาท่านได้มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานกับท่านพระอาจารย์มั่นอย่างเด็ดเดี่ยว จิดมุ่งอยู่กับสมาธิภาวนาเท่านั้น รวมเวลาที่ท่านอยู่กับพระอาจารย์มั่นทั้งหมด 8 ปี จวบจนท่านพระอาจารย์มั่น ถึงแก่มรณภาพ ในปี พ.ศ.2492

ครั้นเสร็จงานพระราชทานเพลิงศพท่านพระอาจารย์มั่นแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือ 1 พรรษา และจำพรรษาอยู่ วัดบ้านทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อีก 4 พรรษา และจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี 1 พรรษา ต่อมาในปี พ.ศ.2498 ท่านได้ทราบข่าวว่าโยมมารดาของท่านป่วย ท่านจึงได้เดินทางกลับมาตุภูมิที่ บ้านตาด เพื่อดูแลโยมมารดา ชาวบ้านได้นิมนต์ท่านให้อยู่เป็นหลักที่นั่น เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน โดยได้บริจาคที่ดินประมาณ 163 ไร่ เพื่อสร้างวัด ท่านได้พิจารณาเห็นว่าโยมมารดาของท่านแก่ชรามากแล้ว สมควรที่จะอยู่ช่วยดูแลเป็นการตอบแทนบุญคุณของมารดาด้วย ท่านจึงตกลงใจรับนิมนต์ และเริ่มสร้างวัดนี้ เมื่อ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2498 โดยตั้งชื่อว่า วัดป่าบ้านตาด จนถึงปัจจุบัน

ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะ ชั้นธรรม ที่ พระธรรมวิสุทธิมงคล เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2542 ปัจจุบันท่านได้พำนัก ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

http://www.inform.collection9.net/index.php?doc=doc_detail&id=0094

หลวงตามหาบัวละสังขาร

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อเวลา 03.10 น.วันที่ 30 มกราคม ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จออกที่ประทับในตัวเมืองอุดรธานีถึงวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เพื่อทรงเยี่ยมอาการอาพาธของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด และทรงเฝ้าดูแลหลวงตามหาบัวฯ อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนถึงเวลา 03.53 น. คณะสงฆ์ ประชาชน ศิษยานุศิษย์ที่อยู่ในวัดที่มารอดูอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว ฯ ก็ต้องพากันเศร้าโศกเสียใจเมื่อทราบแน่ชัดแล้ว หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ละสังขาร แล้ว ท่ามกลางการดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะแพทย์


ต่อมาในเวลา 07.00 น.นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี นำแถลงการณ์ของคณะแพทย์ที่รักษาหลวงตามาอ่านต่อหน้าคณะสงฆ์ให้ทราบดังนี้

"คำชี้แจงของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาองค์หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี วันที่ 30 มกราคม 2554 เมื่อเวลา 2 นาฬิกา 49 นาที องค์หลวงตามีอาการทรุดลงอยู่ในภาวะวิกฤติ ระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลง ตรวจพบสมองหยุดทำงาน เวลา 3 นาฬิกา 25 นาที ตรวจพบม่านตาขยายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า เวลา 3 นาฬิกา 40 นาที ชีพจร 54 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/19 มิลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่าศูนย์ เวลา 3 นาฬิกา 50 นาที ชีพจร 49 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/16 มิลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่า = 0 เวลา 3 นาฬิกา 53 นาที ความดันโลหิตมีค่า = 0 หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจในเวลา 3 นาฬิกา 53 นาที"
ต่อมาพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ศิษย์ของหลวงตามหาบัว ได้มาประกาศให้ทราบว่า สำหรับศพของหลวงตาฯ นั้นจะไม่มีการฉีดน้ำยาฟอร์มาลีน ในขณะนี้ ก็ได้นำศพของหลวงตาฯ ออกจากห้องปลอดเชื้อมาที่ห้องพักที่หลวงตาเคยพักอยู่เดิมซึ่งอยู่ในกุฏิเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่จะปรับปรุงเพิ่มห้องปลอดเชื้อ แล้วอนุญาตให้ญาติพี่น้องของหลวงตาเท่านั้น เข้าไปกราบสักการะศพ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธาน ในพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพหลวงตามหลวงตามหาบัว และทรงวางพวงมาลา ในเวลา 18.00 น. วันนี้

http://khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qTTJOell4TUE9PQ==&sectionid=
</TD></TR></TBODY></TABLE>
กราบลาหลวงตาครับ

 

น้อมส่งหลวงตาครับ.................

 

กราบลาหลวงตาด้วยครับ ผมเสียใจมากที่ผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดินได้จากไปอีกท่านหนึ่งแล้ว ขอกราบส่งหลวงตาสู่พระนิพพานครับ

 

นึกว่าจะไม่มีใคร เขียนถึงท่านซะแล้ว
เยี่ยมมากครับคุณ narmja

พร้อมก้มกราบลาหลวงตา ผู้ที่ทำคุณไว้กับแ่แผ่นดินนี้มากครับ

 

ขอบคุณครับพี่ ถึงท่านจะไม่มีวัตถุมงคลเป็นที่นิยมแต่หลวงตาก็เป็นพระที่ปฏิบัติดีครับ

 

สังฆัง น มา มิ กราบลาหลวงตาครับ

 

พระผู้ใหญ่บอกให้ผมไปกราบพระอริยสงฆ์ที่วัดก่อนท่านจะละสังขารเมื่อปีที่แล้วครับ........

และกราบหลวงตาอีกครั้งครับ...

 

กราบลาหลวงตา...ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง...ขอรับ..

 

กราบหลวงตาครับ

 

กราบหลวงตามหาบัวครับ

 

............................กราบลาหลวงตาครับ...............................

 

กราบลา หลวงตา ด้วยความเคารพนับถือครับผม

 

ขอร่วม "กราบลาหลวงตา" ด้วยคนครับ

 

กราบ....หลวงตามหาบัว...ญาณสัมปันโน...

 

กราบลาหลวงตาครับ ด้วยดวงจิตที่เมตตาธรรม ครับ

 

กราบลาหลวงตาครับ หมดอรหันต์ ไปอีกองค์แล้ว TT-TT

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
​

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
(ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ....
ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ )
​

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ
พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้
ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จ-
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ**********

จากหนังสือสวดมนต์แปล
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

 

ขอกราบเเทบเท้าหลวงตามหาบัวและขอเทิดทูลบุญคุณอันใหญ่หลวงที่ท่านได้สร้างให้กับพุทธศาสนาและประเทศชาติของเรา

ประเทศนี้ติดค้างบุญคุณท่าน คนไทยทุกคนติดค้างบุญคุณท่าน

ขอนมัสการท่านจากใจอันบริสุทธิ์ของกระผม และครอบครับ

 

กราบหลวงตาครับ หลวงตามีเมตตามากมายสำหรับประเทศเรามาก
และนึกถึงภาพรอยยิ้มของหลวงตาครับ

 

อาลัยเป็นอย่างยิ่งครับผม