เปิดจักระขั้นพื้นฐานผ่านหน้าเว๊บ

เชิญพลังมา เราไม่เก่งเราจึงไม่ดึง เราแค่เชิญพลังมา เหมือนกับการที่เราย้ายแม่น้ำไม่ได้ แต่เราขุดคลองได้ การทำจิตเป็นสมาธิคือการสร้างคลองส่งน้ำ
แม่น้ำจะไหลมาสู่คลองเอง เราไม่ได้ใช้กำลังไปย้ายแม่น้ำมา มันเกินกำลังเลยปวดหัว
อย่าไปอยากรู้ อยากไปอยากเห็น อย่าไปรอว่าเมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา หายใจลึกๆ ยาวๆ ผ่อนคลายไปเรื่อยๆ เอาความรู้สึกมาจับที่จักระลิ้นปี่หรือหัวใจก็ได้ มีสติดูเหมือนเราดูหนัง แต่ไม่อินไปกับหนัง อะไรจะเกิดหรือไม่เกิดเราก็มีสติรู้อยู่ รู้แต่อย่าเพิ่งคิด อย่าเพิ่งสงสัย ปล่อยให้จิตแสดงออกมา
จิตหยุดแสดง ถอนออกจากสมาธิที่ลึกๆแล้วค่อยคิด พิจารณา
ลองดูนะครับ

 

ขอถามอ.อัคนีวาด...อัญมณีหรือหินสีที่เป็นธรรมชาติที่ใช้ประกอบการรักษาที่ใช้พลัง จักระทั้ง7 ไม่รู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของธรรมชาติจริงๆ และราคาไม่สูง ช่วยแนะนำด้วยครับ

 

วิธีดู “อัญมณี” ของแท้หรือของเทียม
ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์
โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น


วิธีดู “อัญมณี” ของแท้หรือของเทียม

อนันต์ ชาลวาลา ผู้จัดการบริษัทไทยแลนด์พิคคารี่เอ็กซ์พอร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูเพชร พลอยของไทย ได้เป็นแขกรับเชิญของสโมสร โรตารี่ กรุงเทพฯ ให้ไปพูดเรื่อง “วิธีดูเพชร ทับทิม และมรกต อย่างง่าย ๆ ว่าเป็นของแท้หรือเทียม โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ” ณ โรงแรมไฮแอทรามา กรุงเทพฯ

วิธีดูเพชร เพชรจะมีความแข็งเป็น 10 ใช้ทดสอบกับกระดาษทรายน้ำ ซึ่งทำด้วยผง คาร์โบแรมเดียม
ซึ่งมีความแข็งเป็น 9 โดยเอามาถูกัน ถ้าเพชรมีรอยแสดงว่าเพชรเทียม ถ้าไม่มีรอยแสดงว่าเพชรแท้

วิธีดูทับทิมไทย ทับทิมไทยมีความแข็งเป็น 9แต่ทับทิมเทียมมีความแข็งเป็น 7 ครึ่ง ทับทิมเทียมมีดังนี้

1. อัลมันเดียม การ์เน็ท มีบ่อเกิดที่ชลบุรี
2. โรโคไลท์ อยู่ในตระกูล การ์เน็ท แต่มีบ่อเกิดในอัฟริกา ทับทิมเทียมทั้งสองอย่างนี้มีความสวยงาม
เหมือนทับทิมแท้ แต่มีความแข็งเป็น 2 ครึ่ง ถ้าเจียระไนและปะปนกับทับทิมแท้จะดูด้วยตาลำบาก

วิธีดู ใช้คีมคีบพลอย หันหน้าไปทางแสงธรรมชาติ (ไม่ใช่เอาแดดส่อง) โดยให้สีที่เห็นอยู่เทียบเท่า 100% ไว้ก่อน ให้หันพลอยนั้นไปยังแสงธรรมชาติ ดูด้านหลัง ถ้าเป็นทับทิมแท้ จะเห็นสีลดไป 10-15% เท่านั้น เหลือสีอีก 90-85% ถ้าเป็นทับทิมเทียมจะเห็นสีลดไป 50-60% เหลือสีอีก 50-40%

มรกต มรกตแท้ถ้าตาไม่บอดสีจะเห็นว่ามีสีเขียวอยู่ 95% และสีเหลือง 5%
มรกตเทียม (อเมริกัน ทำเป็นชาติแรก) จะมีสีเขียว 95% และสีน้ำเงิน 5% ถ้าอ่านด้วยสีตาเปล่าแล้วทายแทบจะไม่ถูก

วิธีทำ
1. ใช้กระจกขยาย ซึ่งจะขยายขึ้น 11 เท่า เพื่อศึกษาลายผักชี มรตกแท้จะมีลายผักชีสด (มีกิ่งก้านสาขาตั้ง) ถ้าเป็นของเทียม ผักชีในเนื้อมรกตจะเหี่ยวเหมือนกับผักชีที่ถูกแดด (กิ่ง ก้าน จะโค้งลง)
2. ผ่าตัด มรตกธรรมชาติจะมีความอ่อนกว่ามรกตเทียม

มรกตธรรมชาติ (แบล็คไมก้า) ปะปนอยู่บ้างแต่ก็มีน้อย ถ้าผ่านมรกตไปยังจุดดำ ถ้ามีผงสีขาว ๆ
เป็นแป้งอยู่แสดงว่าเป็นของเทียม ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่างทำขึ้นมา

 

ลองศึกษาจากlinkข้างล่างนี้ครับ
จริงๆถ้าจะใช้หินแค่ผลึกคริสตัลแท่งเดียวก็พอครับ
StoneLover.com

 

ลองแวะไปที่บ้าน ม.ล อัคนี ดูสิคะ มีหินเยอะเลย บางชิ้นก็เป็นของหายาก ...หยั่งเช่นเพรชเฮอคิวเมอร์ .... น้ำสวยมาก.กกก ... โทรไป แล้วลองถามทางไปก่อนก็ได้คะ เบอร์นี่ 025803559 โทรได้ตั้งแต่ 9.00 น ถึง 17.00 ราคาญาติมิตรมากๆเลยคะ เจ้าของบ้านท่านใจดีและมีเมตตามากๆ

 

เรียน อ.อัคนีวาต ดิฉันเป็นคนนึงที่ติดตามอ่านเรื่องการเปิดจักระ และได้ลองฝึกดูบ้าง ก็เกิดอาการตึงที่หน้าผากมาก และพอเลิกฝึก หูก็จะได้ยินเสียงเหมือนเสียงลมพัดอื้อๆอยู่ตลอดเวลาจนบางทีก็นึกรำคาญมาก พอลองหายใจลึกๆ 2-3 ทีเสียงนี้ก็หายไป พอสักแป๊ปก็มีเสียงอีกช่วยกรุณาแนะนำด้วย แล้วเวลาที่ดิฉันหลับตาทำสมาธิ มักจะเห็นดวงตาใครไม่ทราบจ้องมองดิฉันตาแป๋วเลย บางทีก็เห็นเป็นดวงแก้วสีเหลืองสว่างมากๆ ก็ทำให้ตกใจกลัวน่ะค่ะก็เลยได้แต่สวดมนต์ไม่กล้านั่งทำสมาธิค่ะและก็ไม่ทราบว่าจะไปปรึกษาใครกลัวว่าเค้าจะหาว่าเราเสียสติน่ะค่ะ ดิฉันขอคำแนะนำด้วยนะคะ และต้องขอบคุณมากๆที่ได้มีบทความดีๆอย่างนี้มาให้ดิฉันอ่านและศึกษา ขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยได้คุ้มครองคุณและครอบครัวคุณนะคะ
​

 

ก่อนที่จะเริ่มฝึกทุกๆครั้งควรชำระล้างร่างกายให้สะอาด หามุมสงบที่ไม่มีใครมารบกวน ปิดมือถือและการติดต่อสื่อสารทั้งหมด ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชนก็ควรสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย กราบ9ครั้ง และแผ่เมตตาไปทุกโลกธาตุแสนโกฏิจักรวาล
เป็นการนอบน้อมต่อจักรวาลและพระจอมไตรที่เหนือจักรวาล กาลเวลาและอวกาศคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ถ้านับถือศาสนาอื่นก็ให้สวดมนต์ ภาวนา และน้อมใจให้รำลึกถึงองค์คุณแห่งศาสดาที่ตนเคารพนับถือ
เมื่อทำเช่นนี้แล้วจะไม่มีภัยยันตรายใดๆมากล้ำกรายได้แม้แต่น้อย เพราะผู้ฝึกได้กลายเป็นอนูเพียง1อนูในจักรวาลที่กว้างใหญ่เท่านั้น
ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่าอาการของจิตเมื่อขณะทำสมาธินั้นย่อมดิ้นรนซัดส่ายไปในลีลาต่างๆ รวมถึงความรับรู้ทางอยานตนะทั้ง6คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะกายวิเวก จิตวิเวก
อาจได้ยิน ได้เห็นนิมิต ได้กลิ่น ที่แปลก น่าชื่นชม สวยงาม หรือน่าสะพรึงกลัวตามลีลาและสัญญาแห่งจิตที่มี
เมื่อตระหนักรู้เช่นนี้ขอให้วางใจในพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้จากทุกสิ่งหากผู้ฝึกมีกำลังศรัทธาที่แน่วแน่
กล่าวคือเมื่อใดเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงในจิตให้นึกถึงอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและเทพยดาทั้งหลายว่าเป็นที่พึ่งที่เคารพ
สำหรับผู้ที่เจริญปัญญามีดวงตาเห็นพระไตรลักษณ์แล้วพึงภาวนาไว้ในจิตว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สติจะทำงานทันทีภาพที่เห็นเพราะจิตของตนแสดงอาการหลอกหลอนตัวเองก็จะหายไป
พึงระลึกว่าการเห็นนิมิตนั้น เห็นจริงตามอาการแห่งมายาของจิต
แต่สิ่งที่จิตเห็นหรือรู้สึกได้นั้นไม่จริง เพราะจิตนี้คือนักมายากลผู้ช่ำชองที่มักหลอกตัวเองอยู่เป็นนิจ

 

การฝึกสมถะสมาธิไม่ว่าจะวิชาใดวิธีการและวัตถุประสงค์ก็คือเข้าสู่ฌาณ
จิตจะใช้เครื่องมือตะล่อมจิตด้วย วิตก วิจาร
เมื่อจิตถูกตะล่อมด้วยวิตก วิจาร จิตจะดิ้นรนด้วยอาการต่างๆ เหมือนสัตว์ป่าที่ถูกล่ามหรือยิงด้วยลูกดอกอาบยาสลบ มันจะอาละวาดไปตามลีลาเพราะมันจะไม่ยอมถูกพันธนาการ
อาการของจิตที่ดิ้นรนนี้ หลายๆคนติดอยู่กับมันเพราะมันคือปิติ
และหลายๆคนก็ติดอยู่ในสุข
และอีกหลายๆคนก็ติดอยู่ในเอกัตคตา
นี่คือจุดอ่อนของสมถะสมาธิที่มิได้ประกอบด้วยวิปัสสนา
ติดฤทธิ์ ติดความamazing ติดอยู่กับโลก เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏไม่มีที่สิ้นสุด
นี้ไม่ใช่จุดประสงค์ของสมาธิในพุทธศาสนาแต่อย่างใด

 

ถืง อ.อัคนีวาด ไม่ทราบว่า อ.อัคนีวาด กับ อ.หม๋าม๊า มีการสอนเปิดจักระ ที่ไหนบ้างนอกจากทางโทรศัพท์ อยากเจอครู-อาจารย์ทั้งสองท่าน เพราะดูแล้วเป็นผู้แต่ให้จริงๆๆๆๆๆ สาธๆๆๆๆๆสาธุๆๆๆๆๆสาธุๆๆๆๆๆ

 

อ.หม่าม๊าและผมกับเพื่อนๆ และพี่น้องอีกหลายคนกำลังเตรียมที่จะจัดสัมมนาเรื่องพลังจักรวาลภายในธ.คไม่เกินม.คนี้ครับ
เป็นสัมมนาฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ความคืบหน้าติดตามได้จากหน้าเวปครับ

 

ต้องขอขอบพระคุณ อ.อัคนีวาต และอ.หม๋าม๊า ที่จะจัดสัมนาเรื่องพลังจักรวาล ขึ้นมา
ผมจะคอยติดตามข่าวอยู่ ว่าอาจารย์ทั้งสองท่านจะเปิดเมื่อไรครับ......

 

สวัสดีครับทุกคน :d:d
ผมมือใหม่หัดขับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

 

ผมยังยืนยันในเจตนารมณ์เดิมเรื่องการให้ความรู้ในเรื่องจักระและพลังเท่าที่สติปัญญาของผมมีแก่กัลยาณมิตรทั้งหลายที่มาเยี่ยมเยียนกระทู้นี้ด้วยไมตรีจิตครับ
เพราะอาจารย์ของผมได้ถ่ายทอดวิชาให้โดยไม่ได้หวังอามิสใดๆ
จึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะถ่ายทอดวิชานี้ต่อไปเหมือนกับอาจารย์
ขอให้คิดว่าเราทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนทุกข์เหมือนกันจึงมิใช่ศิษย์อาจารย์แต่อย่างใด
ถ้ามีสิ่งใดที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กันก็ขอให้อย่าลังเลใจเลยครับ
ขอเชิญถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ท่านมีเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับเพื่อนๆที่มาที่หลังต่อไป
เพราะเวลาของเราอาจจะเหลือไม่มากแล้ว
การฝึกวิชาพลังจักรวาลและลมปราณอาจเป็นเครื่องมือที่จะพาให้ชีวิตของท่านและบุคคลอันเป็นที่รักรอดเมื่อเกิดภัยพิบัติก็ได้
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจพูด ณที่นี้ได้
หากแต่เมื่อท่านได้ฝึกฝนด้วยตัวเองจะเข้าใจ
ขณะนี้พลังงานจากใต้โลกกำลังปั่นป่วน
ทำให้จักระที่1และ2ทำงานหนัก
แต่จักระที่7กลับอ่อนกำลังลง
อุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นจากความประมาทขาดสติจึงเป็นเรื่องควรสังวรระวัง
การตัดสินใจต่างๆจะผิดพลาดมากขึ้น เหตุการณ์รุนแรงต่างๆก็จะมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ง่าย
มากไปกว่านั้น อย่างที่เคยเล่าว่าผมฝันเห็นspeed boatวิ่งบนถนนในกทม
ดินฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไหวจนอ่อนตัวได้เหมือนก้อนเจลลี่
ได้แต่ภาวนาว่าขอให้เป็นแค่ความฝัน

 

ผมเคยลองถามตัวเองว่าถ้าเกิดภัยพิบัติจะเลือกทางไหน
1 ยอมตายเพื่อรักษาธรรม
หรือ 2 กลับไปใช้สัญชาติญานของสัตว์ป่าเพื่อเอาตนเองและครอบครัวให้รอด
คิดว่าหากยังไม่ถึงเวลานั้นจริงๆ
คำตอบที่ตอบณเวลานี้และคำตอบในเวลานั้น อาจจะต่างกันก็ได้

 

การที่ได้เกิดในยุคนี้ช่างเป็นแบบฝึกหัดที่ทำได้ยากเหลือเกินแต่ก็ดีใจเพราะถ้าหากผ่านไปได้ จะเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่อันจะเป็นบาทฐานและปัจจัยเพื่อการบรรลุธรรมในอนาคตอย่างแน่นอน
ก่อนจะถึงเวลานั้น ผมขอส่งความปรารถนาดีให้เพื่อนๆทุกคนครับ

 

สวัสดีครับ คุณอัคนีวาต และทุกๆคน ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยครับ
1.ผมลองทำสมาธิแล้วก็เอาความรู้สึกไปจับที่กลางคิ้ว รู้สึกว่ามันหมุนๆ แต่หมุนช้าแล้วก็ไม่สม่ำเสมอด้วยครับ
2.เวลาจับความรู้สึกที่กลางคิ้ว ง่ายกว่าบนหัว เวลาจะจับความรู้สึกบนหัวก็ต้องหยิกก่อน แล้วค่อยทำ ไม่ทราบว่าจะผิดวิธีไหม
3.ไม่แน่ใจว่าที่บอกมาทั้งหมดจะคิดไปเองไหม เพราะฝึกเอง ลองเอง งงเอง แหะๆ
แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่บอกว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดถูกต้องแล้ว?

รบกวนช่วยชี้แนะผมหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

การฝึกหมุนจักระก็เป็นอุบายหนึ่งให้จิตอยู่นิ่งกับที่คือวิตกและวิจารนั่นเอง
อาการของวิตกคือการวางจิต ณจักระใดจักระหนึ่งใน7จักระ
วิจารก็คือการที่จักระหมุน
อันที่จริงจักระของคนที่ยังมีชีวิตนี้ก็หมุนตลอดเวลาเป็นธรรมชาติอยู่แล้วเหมือนหัวใจเราก็เต้นอยู่ตลอดเวลาหากแต่เราไม่ได้สังเกตต่อเมื่อเอามือแนบหน้าอกจึงรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจฉันใดก็ฉันนั้น
ดังนั้นเราจะไม่พยายามไปบังคับจักระให้หมุนเร็วหรือช้า
เราจะแค่เอาความรู้สึกไปวางที่จักระเพื่อรับทราบถึงการหมุนเท่านั้น
จักระจะหมุนเร็วหรือช้าจะหมุนหรือไม่หมุนไม่ใช่สาระ สาระคือฝึกให้เกิดความไวในการรับรู้
เพื่อเกิดกำลังสติต่อไป
ที่แนะนำมานี้คือการใช้จักระทำสมาธิเพื่อฝึกความไวของสติ
ส่วนจักระสายพลังเพื่อการต่อสู้ต้องบังคับจักระได้
หมุนได้อย่างใจ
เหมือนการฝึกกสิน ที่ต้องมีการฝึกย่อ ขยายนิมิต
ยิ่งฝึกก็ยิ่งอัตตาสูง
หากไม่มีการพิจารณาธรรมกำกับจิตใจ

 

วิตก คือเอาใจไปไว้ที่จักระ
วิจารคือ นึกให้จักระที่เอาใจไปไว้ให้หมุน
ปิติคือจักระหมุนได้อย่างใจ
สุข เกิดเพราะอุปจารสมาธิเฉียดฌาน
เอกัตคตาคือจิตรวมเป็นหนึ่ง เหมือนร่างกายหายไปเหลือแต่จิตนิ่งอยู่ไม่ส่ายซัดไปไหน
จิตเข้าสู่ฌาน1

 

ขอบคุณครับ

 

มาเยี่ยมชมกระทู้......
และขอคำชี้แนะด้วยค่ะ....จากการที่เราเคยนั่งสมาธิด้วยกันมาแล้ว....ตอนนี้ข้างในมีหลายบท หลายแบบ...ตอนนี้เป็นผู้รับงานที่น่าจะใหญ่เกินตัว เพราะด้วยเงื่อนของเวลา และยังหาผู้ช่วยที่เหมาะจริง ๆ ยาก แต่ก็ได้พวกพี่ ๆ ให้กำลังใจตลอด

ต้องการทราบว่า สติปัฐาน 4 ที่ฝึกมา+จักระที่เพิ่มเริ่มฝึก ทั้งที่หม่าม๊าแนะนำมาให้ และที่พี่สอนให้ +การได้รับรู้สภาวะต่าง ๆ จากคนใกล้ชิด นั้น เราต้องมีหลักอะไรมาพิจารณาว่า การดึงมาใช้งาน และการข้ามไปที่ละสเต็ป จากพื้นฐานไปสู่แอดวานส์ นั้น จะมีแบบแผนอย่างไร...เอาในสไตล์ของคุณอัศนีวาตค่ะ(เก็บข้อมูลเพื่อทำการรวบรวม โดยใช้พื้นฐานของเราเองเป็นตัวที่พอทำให้เข้าใจค่ะ)