ทริปมโนมยิทธิเต็มกำลัง 10-12 ธค. 2553

ผมได้ไปบวชธุดงค์พราหมณ์ชายที่ป่าใหม่เป็นเวลา 2 วัน โดยถือธุดงค์วัตร 7 ข้อจากจำนวน 13 ข้อ

5.) ถือการฉันในอาสนะเดียวเป็นวัตร คือ ในแต่ละวันจะบริโภคอาหารเพียงครั้งเดียว เมื่อนั่งแล้วก็ฉันจนเสร็จ หลังจากนั้นก็จะไม่บริโภคอาหารอะไรอีกเลย นอกจากน้ำดื่ม
6.) ถือการฉันในบาตร(ภาชนะเดียว)เป็นวัตร คือจะนำอาหารทุกชนิดที่จะบริโภคในมื้อนั้น มารวมกันในบาตร(ภาชนะเดียว) แล้วจึงฉันอาหารนั้น เพื่อไม่ให้ติดในรสชาดของอาหาร
7.) ถือการห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร คือเมื่อรับอาหารมามากพอแล้ว (ตักอาหารครั้งเดียว)ตัดสินใจว่าจะไม่รับอะไรเพิ่มอีกแล้ว หลังจากนั้นถึงแม้มีใครนำอะไรมาถวายเพิ่มอีก ก็จะไม่รับอะไรเพิ่มอีกเลย ถึงแม้อาหารนั้นจะถูกใจเพียงใดก็ตาม
8.) ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร คือจะอยู่อาศัยเฉพาะในป่าเท่านั้น จะไม่อยู่ในหมู่บ้านเลย เพื่อไม่ให้ความพลุกพล่านวุ่นวายของเมืองรบกวนการปฏิบัติ หรือเพื่อป้องกันการพอกพูนของกิเลส
9.) ถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตร คือจะพักอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้เท่านั้น งดเว้นจากการอยู่ในที่มีหลังคาที่สร้างขึ้นมามุงบัง
11.) ถือการอยู่ในป่าช้าเป็นวัตร คือจะงดเว้นจากที่พักอันสุขสบายทั้งหลาย แล้วไปอาศัยอยู่ในป่าช้า เพื่อจะได้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ไม่ประมาท
12.) ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดไว้ให้เป็นวัตร คือเมื่อใครชี้ให้ไปพักที่ไหน หรือจัดที่พักอย่างใดไว้ให้ ก็พักอาศัยในที่นั้นๆ โดยไม่เลือกว่าสะดวกสบาย หรือถูกใจหรือไม่ และเมื่อมีใครขอให้สละที่พักที่กำลังพักอาศัยอยู่นั้น ก็พร้อมจะสละได้ทันที

ขอทุกท่านและหมู่คณะจงมีส่วนร่วมในบุญกุศลของข้าพเจ้า ที่ทำไว้ดีแล้ว ณ โอกาสนี้ด้วยเทอญ

 

ขออนุโมทนากับคุณเมืองด้วยครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณซิตี้ด้วยทุกประการนะคะ

พี่สาวไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังที่วัดท่าซุงมาสองวัน

ร่วมถวายสังฆทานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 6 องค์ ชุดสังฆทานเงิน ชุดสังฆทานทอง

ร่วมอนุโมทนาด้วยกันค่ะ​

​

 

สาธุครับ ได้ทำแต่สิ่งดีๆกันทุกๆคนเลย ขอให้ทุกคนได้รับแต่สิ่งดีๆเช่นกันครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคุ้มครองเสมอครับ

 

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ผมตั้งใจจะไปเหมือนกัน แต่เกิดอุบัติหกล้มหัวเข่าถลอก หนังกำพร้าเปิดเป็นแผลกว้าง อักเสบ จนไม่สามารถจะเดินได้คล่องและขับรถไปได้

 

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่ได้ทำสิ่งดีๆ ค่ะ
ปีหน้าคงได้เจอ คุณ marine24 นะคะ

 

"จงอย่าหลอกตัวเองด้วยการเห็นนั้นเห็นนี่กันเลย
จงมาเห็นความจริงตามความเป็นจริงเถิด
พระพุทธเจ้าท่านรู้นะว่าท่านเห็นจริงหรือไม่"

...จงอย่าไปเที่ยวหาของวิเศษภายนอกเลย แต่จงมาหาตนเองให้เจอดีกว่า...

 

...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยกล่าวไว้ในหนังสือ การฝึกมโนมยิทธิ ว่า ...ท่านผู้ใดสามารถกระทำจิตไปสู่ภพต่างๆ ได้...จะได้ญาน 8 ตามมาด้วย มีทิพจักขุญาณเป็นต้น...และได้ชื่อว่าถึงแก่นของพระศาสนา...สามารถจะเป็นพระอรหันต์ได้ ตามแบบการบรรลุธรรม แบบหนึ่ง ใน สี่แบบได้...อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างช้า 7 ปี ตามระดับบารมี...

 

ศึกษารายละเอียด ขั้นตอนการปฏิบัติของมโนมยิทธิให้ดีก่อนนะครับถึงค่อยพูดและแนะนำครับ

 

ใจเย็นๆกันหน้อ เรื่องแบบนี้

1. ถ้าจะตอบเป็บปฏิบัติ เป็นปัตจัตตัง(สะกดถูกหรือป่าวไม่แน่ใจ) รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น

2. ถ้าจะตอบแบบปริยัติ ตามพระไตรปิฎก

ต้องขอให้ไปดูในหมวด Designation of Human Type - Pali Text Soceity, Printed by Oxford (หมายเหตุ เป็นพระไตรปิฎก ฉบับที่ Pali Text Soceity จัดทำ ซึ่งแปลมาจากภาษาบาลี)


The dharma from Tripitaka in Abhidharma Pitaka
1.1 Four types of people according to the Tripitaka (Pali Text Society) <O></O>
1. Sukkhavipassaka-khinasavas (dry-visioned saints): Arahants who do not practice Jn<DEL dateTime=2009-07-13T21:36 cite="mailto:TopFeeBlue">a</DEL><INS dateTime=2009-07-13T21:36 cite="mailto:TopFeeBlue">ā</INS>nacommentary. <O></O>

2 Tevijjo[1]<O></O>
1.1 Knowledge of previous birth (Pubbenivāsañāṇaṁ)<O></O>
1.2 Knowledge of deva-sight (Dibbacakkhuñāṇaṁ)<O></O>
1.3 Knowledge of Arahantship (Arahantaphalañāṇaṁ)<O></O>

3 Chaḷabhiñño, A person possessing six supernormal faculties, or super-knowledges<O></O>
2.1 Various sorts of magical power (iddhividhā)<O></O>
2.2 Deva-ear (dibbasota) <O></O>
2.3 Power of knowing another’s thought (paracetoñāṇaṁ)<O></O>
2.4 Power of remembering previous births (pubbenivāsañāṇaṁ)<O></O>
2.5 Clairvoyance (dibbacakkhu)<O></O>
2.6 Knowledge of the destruction of sinful tendencies (Āsavakkhayañāṇa)<O></O>


<HR align=left SIZE=1 width="33%">[1] Dessignation of Human Types (puggala-pannatti), Bimala Charan Law, Pali Text Society, <ST1lace w:st="on"><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comOxford</st1:City></ST1lace>, 1992




ดังนั้น บุคคลได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ (จำมาไม่แน่ใจเรื่องตัวสะกด)

1. สุขขวิปัสสโก
2. เตวิชโช
3. ฉฬภิญโญ
4. ปฏิสัมธิปัตโต

ซึ่งบุคคลทั้ง 4 ประเภทตามที่พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ จะมีเพียงแค่ สุขขวิปัสสโก เท่านั้น ที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ แต่เป็น dry-visioned saints

ดังนั้น 1 ท่านได้กล่าวถึง สุขขวิปัสโส อีกหนึ่งท่านได้กล่าวถึง เตวิชโช หรือ ฉฬภิญโญ ด้วยเหตุนี้จึงพูดคนละประเด็นกัน ความขัดแย้งจึงเกิด แต่ถูกทั้งหมด จ้า

 

แต่ละบุคคลมีวิสัยแห่งการปฏิบัติและบรรลุธรรมแตกต่างกัน แต่ที่สุดก็ย่อมถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันทั้งสิ้น จะเร็วจะช้า ต่างกันตามบารมีความดีที่สะสม

ขอจงทำความดีสร้างกุศลกันให้มากๆครับ

 

เห็นด้วยค่ะ กราบอนุโมทนากับคุณคณานันท์ค่ะ

 

รูปมาแล้วจ้า ขอโทษทีส่งช้าไปนิด (แฮ่ะ ๆ งานเยอะ)

 

รูปช่วงวันแรกของทริปค่ะ ช่วงเช้าวันเสาร์ ตักบาตรพระ

 

เช้าวันอาทิตย์ค่ะ ตักบาตรวันที่สอง (คนเยอะมากๆๆ)

 

สาธุกับกุศลของคุณโน๊ตด้วยครับ เริ่มได้ดีมากครับ ขอให้เป็นผู้มีกำลังใจในการสร้างความดี นำความดีให้เกิดขึ้นในจิตในใจท่านอื่นต่อไปและ ตลอดไปตราบถึงซึ่งพระนิพพานครับ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ....
สาธุ สาธุ สาธุ _/|\_ (^_^)
ได้เจอน้องโน๊ตด้วย ...

http://palungjit.org/posts/4163071