ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 25 พฤศจิกายน 2010.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป
    แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
    โดย พิษณุ นิลกลัด

    สัปดาห์ สุดท้ายของปี 2548
    ผมไป งานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขา มา
    ยาว นาน 30 ปี ไม่ใช่ญาติ แต่ สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ

    ก่อน เสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า
    สวด 3 วันแล้วเผา
    ไม่ ต้องบอกใครให้วุ่นวาย
    อย่า เศร้า
    อย่า ร้องไห้
    ทุกคน ต้องมีวันนี้
    เพียง แต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน
    แล้ว ลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง
    สวด 3 วันเผา
    งาน สวด 3 คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คน
    คือเมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก

    เป็น งานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด

    วันเผามีเพิ่มเป็น 17 คน
    สามคน ที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น
    คน หนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย
    เลย เอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง
    และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น
    ทั้ง สามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผา
    เคราะห์ ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
    เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

    หลังฌาปนกิจพระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระ อภิธรรมแล้วหรือยัง
    พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก

    จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์
    ทำงาน ธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่ง หัวหน้าหน่วย
    แต่ ด้วยความที่รักและศรัทธา อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์

    อดีต ผู้ว่าการแบงค์ชาติ [​IMG]
    จึง ดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน - แม้กระทั่งวันตาย

    ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม
    ที่ เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้
    เมื่อ ตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็น นักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา
    การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด 30 ปี
    ทำให้ได้แง่คิดดีๆมา ใช้ในการดำรงชีวิต

    วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท
    เขาปลอบใจผมว่า ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา
    แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา
    คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์

    เขามี วิธีคิด ' เท่ๆ '
    แบบผม คิดไม่ได้มากมาย
    เป็น ต้นว่า
    สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา
    อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร
    คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข
    ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา
    เบา หวาน หัวใจ ความดัน เกาต์
    และไต ทำงานเพียง 5 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่น
    แถม ยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวัน หยุดสุดสัปดาห์
    โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุง ปัสสาวะ ไป ด้วยตลอดเวลา
    เนื่อง จากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้
    6 เดือน สุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไป
    เวลา ลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้ง ผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
    เขามี แรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที
    แต่ 10 นาที ที่พูด มีแต่เรื่องสนุกสนาน
    เรียก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไป เยี่ยม ไข้
    ทุกคน พูดตรงกันว่า
    ' คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย
    ตลกเหมือนเดิม '
    พอ แขกกลับ ลูก หลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า

    ' ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย
    วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก '

    เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่
    บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว
    แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุย
    ไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์ !

    4 เดือน สุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัย เป็นแพทย์อินเทิร์น
    จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อย กลับบ้าน

    แต่ อยู่ได้ 4 วันเขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน
    หมอ ซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม
    เขา พูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า
    ' ขอให้ผมกลับบ้าน เถอะ
    ผมอยากฟังเสียงนกร้อง'
    คุณ หมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร
    เพราะ พอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน '
    หมอ ได้ฟังแล้วหมดทางสู้
    ยอม ให้คนไข้กลับบ้าน
    แต่ กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง

    1 เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
    เขา สูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด
    เคลื่อน ไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา
    แต่ แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก
    เวลา ลูก เมียพูดคุยด้วยต้องบอกว่า
    ' ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที '
    เขา กะพริบตาสองทีทุกครั้ง !
    เห็น แล้วทั้งดีใจและใจหาย

    เขา ยังรับรู้
    แต่ พูดไม่ได้
    นี่ กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง

    สิบ วันก่อนพลัดพราก
    ภรรยา กระซิบข้างหูว่า
    ' พ่อสู้นะ '
    เขา ไม่กะพริบตาซะแล้ว
    ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า ' สู้ '

    เขา สู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค
    สู้ ชนิดที่หมอออกปากว่า
    ' คุณลุงแกสู้จริงๆ '

    ตอน ที่วางดอกไม้จันทน์
    ผมนึก ถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า

    ' โรค ภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว
    อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย '
    ' แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป '
    สอน ให้เรารู้ว่า...

    เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์
    และมันสมองมหัศจรรย์
    ที่จะสามารถเรียนรู้
    แยกแยะเรื่องดีๆและสิ่งร้ายๆในชีวิต
    จงใช้โอกาสดีๆที่ร่างกายและจิตใจของเรา
    ยังทำอะไรๆได้อย่างที่สมองสั่ง

    จงเรียนรู้
    และสร้างประโยชน์สุข
    ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง
    และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ!

    หากทุกๆครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม
    เราพลาดอาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที
    แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ ต่อไป
    ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า

    การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป
    เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม<O:p</O:p
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    ผมได้ตรวจสอบบทความนี้ กับข้อมูลของทางวิกิพีเดีย เกี่ยวกับข้อมูลประวัติของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แล้ว พบว่า มีความผิดเพี๊ยนในเรื่องของข้อมูลบางประการ เช่นปีที่ท่านเสียชีวิต

    วิกิพีเดีย:
    วันที่ 28 กรกฎาคมพ.ศ. 2542 อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้ถึงแก่กรรมที่บ้าน ณ กรุงลอนดอน แคว้นอังกฤษ สหราชอาณาจักร เนื่องจากเส้นโลหิตใหญ่ในช่องท้องโป่งแตก (aortic aneurysm) อายุได้ 83 ปี "ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน และอย่าทำพิธีรีตองในงานศพให้วุ่นวายไป" จากข้อเขียน "คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2542 ทางครอบครัวได้ทำการเผาศพ และบรรจุอัฐินำกลับมาเมืองไทย วันที่ 16 สิงหาคม และ วันที่ 28 สิงหาคม บริเวณท่าเรือสัตหีบ เรือหลวงกระบุรี แห่งราชนาวีไทย ได้นำครอบครัวอึ้งภากรณ์ และแขกประมาณ 200 คน มุ่งหน้าสู่เกาะครามนำอังคารของอาจารย์ป๋วยไปลอยทะเล

    ไม่ใช่ ปี 2548 แต่เป็นปี 2542
    และอายุ 83 ปีไม่ใช่ 81 ปี
    แขกที่มาวันเผา 14-17 คน ในวิกิพีเดีย ไม่ได้ระบุข้อมูลงานศพที่วัดไว้
    ข้อมูลที่ post ไม่ได้ระบุพิธีการเรื่องการลอยอังคาร

    อย่างไรก็ตามก็คงไม่ใช่สาระสำคัญของบทความที่ต้องการสื่อความนี้ของคุณพิษณุ
     
  3. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ขอให้คุณตาป๋วยไปสู่สุขคติ....
    คุณตาคงได้ไปพบคุณตาเจือที่ล่วงหน้า....
    ไปก่อนคุณตาหลายสิบปีแล้ว....
    ขอให้คุณตาทั้งสองได้พบกันในสรวงสวรรค์ค่ะ....
    หลานคุณตาเจือค่ะ
     
  4. imaginnall

    imaginnall สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอบคุณครับ
     
  5. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    ขอบคุณมากๆ นะคะที่นำข้อคิดดีๆ มากมายอย่างนี้มาแบ่งปันกันไม่ให้หายไปพร้อมกับร่างที่จากไป

    บางครั้งเรามัวแต่มองความสำเร็จของคนอื่นจากวัตถุ แต่ไม่เคยคิดจะเรียนรู้ความคิดและมุมมองที่ดีๆ จากคนที่มีความสุขทางใจอย่างนี้เลย...
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  6. oriental_beauty

    oriental_beauty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอบคุณที่แบ่งปัน สิ่งที่ดีค่ะ:cool:
     
  7. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เกิดเป็นคนควรทำแต่สิ่งดีๆ จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ขออนุโมทนาสำหรับเรื่องราวดีๆ
     
  8. Khun_Nu

    Khun_Nu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +24
    น่าทึ่งมาก ยังกะพระอรหันต์เลย
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    *** เปลวเทียนละลายแท่ง เพื่อเปล่งแสงอันอำไพ....
    ชีวิตมลายไป เพื่ออะไรทิ้งใว้ทดแทน ***
     

แชร์หน้านี้

Loading...